เยี่ยมชม พระราชวังเดิม ชมโบราณสถาน พระเจ้ากรุงธน แสนเพลินตา จริงๆ น่ะ จะบอกให้
บทความนี้พร้อมภาพมากมาย เป็นบทความของคุณ DragonarySriboonchaichoosakul (ชื่อบน FACEBOOK) ทั้งหมด พอดีผมได้รับการ tag ภาพ และเนื้อหามาเห็นว่าน่าสนใจมากเลยครับ ความจริงบทความและเนื้อหาจะมากมายกว่าบล็อกที่ผมจะเขียนลงในนี้มากพอสมควร จึงเห็นควรแยกเป็นตอนๆ ซึ่งในตอนแรกนี้ จะเป็นทริปสัญจรของเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคม กทม. ที่เยี่ยมชม พระราชวังเดิม (ในกองบัญชาการกองทัพเรือ) เข้าเนื้อหาทั้งหมดเลยครับซึ่งผมจะcopy ออกมาทั้งหมดจากเจ้าของเนื้อหาแบบตรงๆเลยครับ เพื่อความรวดเร็วในการเผยแพร่...ขอขอบคุณเจ้าของเนื้อหา และภาพ มา ณที่นี้ครับ...
พระราชวังเดิม ในกองบัญชาการกองทัพเรือ
กระผม (DragonarySriboonchaichoosakul) ได้มีโอกาสอีกครั้ง โดยได้รับเชิญจาก คุณต่อ กองการท่องเที่ยว สังกัด กทม. ไปล่องเรือในกิจกรรมเที่ยวชมวิถีถิ่นครั้งที่ 8 ซึ่งคราวนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะด้วยว่าสถานที่ที่จะไปเยือนนี้ ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปกันได้ง่ายๆ ต้องทำหนังสือเป็นเรื่องราว และครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ กองทัพเรือ เครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาคม และ สนง.วัฒนธรรม กีฬาการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร
คุณต่อ (Rapee Tor ) ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำ นาวาเอกเริงชัย นายทหารเรือผู้ได้อำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง ในการท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เช้าๆ ของวันเสาร์ วันแรกของเดือนกันยายน กระผมได้ไปยังจุดรวมพล ท่าราชวรดิฐ แถววัดพระแก้ว ตรงถนนท่าขุนนางแห่งนี้ เป็นที่รวมพลกัน ของบรรดา อาจารย์ นักวิชาการผู้นำชุมชนท้องถิ่น และนักเที่ยวท่องอย่างผม โดยที่ คุณต่อ ( Rapee Tor ) ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำ นาวาเอกเริงชัย นายทหารเรือผู้ได้อำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง ในการท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ กว่าห้าสิบชีวิตก็ได้ขึ้นเรือที่ท่าเรือของทางราชการแห่งนี้ เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม จุดแรกที่ว่ากัน คือพระราชวังเดิม (พระราชวังกรุงธนบุรี) พูดกันภาษาชาวบ้าน ก็บ้านของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ครับ ที่ตั้งของพระราชวังเดิม ก็คือกองบัญชาการกองทัพเรือ ในปัจจุบัน
พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังแห่งเดียวที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินในปี พ.ศ. 2311 ติดกับป้อมรบสมัยกรุงศรีอยุธยา พื้นที่ของป้อมวิไชยเยนทร์เดิม เมื่อครั้ง รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ย้ายราชธานี ไปฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ และสร้างพระราชวังใหม่ ที่นี่จึงได้ชื่อว่า"พระราชวังเดิม" ฟังดูหากเป็นภาษาจีน เรียกว่า กู้กง 故宫ก็ได้เหมือนกัน
ในยุคตอนต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระราชวังเดิมนี้ก็ตกเป็นที่ประทับของเจ้านายหลายพระองค์ตลอดมา จนกระทั่ง มาถึง รัชกาลที่ 5 สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน พระราชวังเดิมแห่งนี้ ให้แก่กองทัพเรือ เพื่อให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ โดยทรงขอให้รักษาซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่มีมาแต่เดิม ได้แก่ ท้องพระโรงพระตำหนักของสมเด็จพระปิ่นเกล้า รวมทั้ง ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและศาลศีรษะปลาวาฬ
ในภาพนี้เป็นศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินที่ได้รับการบูรณะใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2541
ภายในศาลศีรษะปลาวาฬ เป็นศาลที่จัดแสดงหัวปลาวาฬโบราณ ที่ถูกขุดค้นพบใต้ถุนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน (อยู่ติดกัน) อาคารนี้สร้างใหม่ครับ เมื่อสิบปีที่แล้ว คือปี 2542 แทนศาลเดิมที่ทรุดโทรม
ภายในศาลศีรษะปลาวาฬ
บริเวณท้องพระโรงชั้นนอก
ภายในท้องพระโรงแห่งนี้ มีระฆังจีนใบเขื่องแขวนห้อยอยู่ เป็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวกระผม เร่งฝีเท้าเข้าไปชม เพราะทราบว่า จะได้ของดี
เอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ของคนจีน คือการจดบันทึกเรื่องราวไม่ว่าเราจะไปที่วัดวาอาราม ศาลเจ้า เรื่องหนึ่งที่เป็นความวิเศษของคนจีน คือการจารึก บันทึกประวัติศาสตร์หนหลังลงบนวัตถุที่มีความทนทาน เช่นระฆัง ศิลา เป็นต้น ที่บนพื้นผิวระฆังใบนี้ก็เช่นกันครับ ระบุว่า วัดซำป้อ ณ ตำบลห่อเซียน 河仙镇三宝佛寺 พระภิกษุอนัมนิกายชื่อว่า อิ้งเฉิง 印澄和尚 ร่วมกับบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธา ได้สร้างระฆังใบนี้ เพื่อเป็นกุศลบรรเทาเคราะห์กรรมที่มีทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้ได้ไปเกิดในดินแดนพุทธเกษตร โดยระบุปีการสร้างสร้างในรัชศกปี เจียหลง อันเป็นปีแห่งกษัตริ์ยราชวงศ์เวียดนาม คือ 阮福映 ตรงกับรัชศกเจียชิ่ง ของประเทศจีน เท่ากับปีพุทธศักราช 2359 จวบจน ปี 2467 ระฆังใบนี้ ซึ่งเดิมอยู่ที่วัดหงษ์รัตนาราม เจ้าอาวาส ก็ปุเลงๆนำระฆังจีน มาให้แก่ผู้สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือในสมัยนั้น เจ้ากระทรวงเห็นเป็นระฆังจีนๆก็นิมนต์ระฆัง มาไว้ที่พระราชวังเดิม แห่งนี้ มาว่ากันต่อถึงศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขอเล่าท้าวความว่าทั้งตัวพิพิธภัณฑ์พระราชวังเดิม (ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูป) และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน เดิมชำรุดทรุดโทรมมาก ตราบจนในต้นปี 2540 ท่านคุณหญิงซึ่งเป็นภริยา ผบ.ทร. ในสมัยนั้น (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) ได้ดำริว่าต้องมาปรับปรุงให้สวยงามสง่าสมกับเป็นหน้าตาของกองทัพเรือ ก็ได้แรงจาก ชาวจีน ที่ถือได้ว่าเป็นลูกหลานเชื้อสาย สมเด็จพระเจ้าตากสิน คือแซ่แต้ โดยการนำของเจ้าสัวอุเทนเตชะไพบูลย์
เมื่อปี พ ศ 2541 เจ้าสัวอุเทน เตชะไพบูลย์ 郑午楼博士 ในวัย 85 ปี พร้อมกับคณะกรรมการสมาคมเตชะสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นลูกหลาน แซ่แต้ ขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้ประกอบพิธีเปิดศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินณ พระราชวังวังเดิม ที่นี้ หลังจากได้ลงขันกันจำนวนเงินกว่าสิบล้านบาทปรับปรุง พิพิธภัณฑ์วังเดิม แห่งนี้ เจ้าสัวอุเทน ได้บรรเลงอักษรพู่กันจีนเป็นคำกลอนคู่ couplet ภาษาจีนเรียกว่า ตุ้ยเลี้ยง เป็นความว่า 牧野鹰阳 三尺青霜开帝业 鼎湖龙去 千秋俎豆纪丰功 ความหมายในที่นี้ หมายถึง พระองค์ทรงถือพระแสง แชซึง ยาวสามเชียะ ปราบอริราชศัตรู กอบกู้บ้านเมือง สู่เอกราช แถวล่าง คือ แม้นว่ามหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ได้สวรรคตไปแล้ว แต่พระเกียรติยศคุณความดีท่าน ยังคงเป็นที่ เชิดชู ให้ชนรุ่นหลังได้ถวายสักการะชั่วนิรันดร์ คำตุ้ยเลี้ยงนี้ ได้แกะสลักเสลา ลงบนไม้สัก ติดแผ่นทองที่อักษร ประดับไว้ในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินแห่งนี้ ผมเชื่อว่าน้อยคนจะได้รู้ เรื่องราวตรงนี้ เพราะผมไปถอดความมาจากบทความของจีนมา หากภัณฑารักษ์ ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังเดิม ต้องการข้อมูล ทั้งเรื่องราวบนอักษรจีนและเรื่องของระฆัง กระผมยินดีสาธยายให้ลึกซึ้งกว่านี้
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่ง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเปิด เมื่อต้นปี 2541
ความสง่างามภายในพระราชวังเดิม
หลังจากชมภายในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเปี่ยมด้วยความรู้ด้านประวัติศาสตร์ งานศิลปะ คุณต่อ การท่องเที่ยว กทม ก็ได้พาเดินถัดไป มาชมเรื่องราวของ ป้อมบางกอก หรือป้อมวิไชยประสิทธิ์ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมชื่อป้อมบางกอก หรือ ป้อมวิไชยเยนทร์ ตั้งตามชื่อของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาวกรีกที่เป็นผู้กราบบังคมทูลให้สร้างป้อมแห่งนี้เพื่อป้องกันเรือรบของฮอลันดา ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ได้ทรงสร้างพระราชวังขึ้นบริเวณป้อมนี้ พร้อมกับปรับปรุงป้อมพระราชทานนามว่า "ป้อมวิไชยประสิทธ์"
ภาพนี้ปีนขึ้นบนป้อม ถ่ายวิวเล่นๆ
จบภาคแรกของทริปเยี่ยมชมพระราชวังเดิม กับเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคมกรุงเทพมหานคร เนื้อหาเพิ่มเติมในภาคต่อสามารถเข้าไปดูในกระทู้ตามลิ้งก์นี้เลยครับจะมีภาพสวยๆ อีกมากมายเลยครับ... //www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M12605450/M12605450.html จากผู้เผยแพร่ข้อมูล(เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์) ขอขอบคุณเนื้อหาทั้งหมด และภาพประกอบอีกครั้ง จากคุณ DragonarySriboonchaichoosakul (ชื่อบน FACEBOOK) ที่ได้อนุเคราะห์มาทำให้เกิดบทความบนบล็อก ที่มีคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง
Create Date : 05 กันยายน 2555 | | |
Last Update : 5 กันยายน 2555 7:59:59 น. |
Counter : 3166 Pageviews. |
| |
|
|
|