ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ประชาสัมพันธ์ งานประเพณีตักบาตรท้องน้ำในวันลอยกระทง วันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕



ประชาสัมพันธ์ งานประเพณีตักบาตรท้องน้ำในวันลอยกระทง วันพุธที่๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. บริเวณหน้าวัดสุวรรณาราม หมู่ที่ ๑ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

เครดิต ภาพและเนื้อหา คุณพี่ Praneet Khiewvichit

Copy//ประเพณีตักบาตรท้องน้ำในวันลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมาแต่ดั้งเดิมมากกว่า ๕๐ ปีมาแล้ว

โดยเริ่มจัดครั้งแรกในสมัยพระครูวิชัย วุฒิคุณ (หลวงพ่อดีสุวัณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม

โดยการริเริ่มของนายถาวร เทียมปฐม คหบดีตำบลศาลายา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการทำบุญเพื่อขอขมา

พระแม่คงคาและอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่จมน้ำเสียชีวิตในคลองมหาสวัสดิ์ทั้งยังเป็นการเชิญชวนให้ชาวบ้าน

ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณริมคลองรักษาบ้านเรือนและคลองให้สะอาดอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นการเตือนและป้องกัน พร้อมทั้งระมัดระวังบุตรหลานไม่ให้ตกน้ำเสียชีวิตอีกด้วย

ลักษณะเด่นของประเพณีนี้คือ..จะเริ่มด้วยชาวบ้านจะพายเรือที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาจอดเรียงรายสองฝั่งคลองเมื่อถึงเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. พระภิกษุจะลงเรือเพื่อรับบิณฑบาตสำหรับผู้ร่วมงานก็จะนั่งเรียงรายริมฝั่งเพื่อรอใส่บาตร

หลังจากร่วมกิจกรรมแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือเที่ยวชมคลองมหาสวัสดิ์ดูวิถีชีวิตเกษตรกรสองฝั่งคลองพร้อมรับฟังความรู้เรื่องการทำนาบัว การทำสวนผลไม้ การทำนาสนุกกับการนั่งรถอีแต๋นสไตล์ลูกทุ่งและสนุกอิ่มอร่อยกับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร สอบถามได้ที่ อบต.ศาลายาอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โทร 034 - 297-052



แผนที่

วิธีเดินทาง

สำหรับการเดินทางไปบริเวณสถานที่จัดงานใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี ถึงแยกพุทธมณฑลสายสี่ เลี้ยวขวาเข้าศาลายาผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา สุดเขตรั้วมหาวิทยาลัยจะเห็นหอนาฬิกาเลี้ยวซ้ายจะผ่านที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑล วิ่งตรงไปอีกประมาณ ๔ ก.ม.จะเห็นป้ายทางเข้าวัดสุวรรณาราม เลี้ยวขวาผ่านทางรถไฟแล้วเลี้ยวขวาอีกครั้งจะเห็นวัด ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2555    
Last Update : 16 ตุลาคม 2555 11:16:17 น.
Counter : 2131 Pageviews.  

เกาหลี..รื้อ “ทางด่วน” เพื่อฟื้นฟู คลองประวัติศาสตร์ กลายเป็น Landmark ที่นักท่องเที่ยวต้องไปชม



เกาหลี..รื้อ “ทางด่วน” เพื่อฟื้นฟูคลองประวัติศาสตร์ กลายเป็น Landmark ที่นักท่องเที่ยวต้องไปชม


ของเค้า "ทำจริง" อะไรก็เป็นไปได้สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมหาศาล...บ้านเรา มีหลายคลอง เหมือนกัน ...อยากให้ทำจริงเหมือนเค้าบ้างครับ...หลายๆ คลอง ในหลายๆ ท้องถิ่น ก็อาจฟื้นฟู ได้เช่นกันลองดูชุมชนท่าน ถ้าสามารถฟื้นฟูกันได้ ชุมชน จะน่าอยู่ น่าท่องเที่ยว ขึ้นอีกมากเลยครับ....

เครดิต Pasuk PhraNoi

อ้างอิง ลิ้งก์ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4516554470348&set=a.1464092000694.2064594.1185316518&type=3&theater

copy//การรื้อทางด่วนกลางกรุงโซลของเกาหลีใต้ทิ้งรื้อฟื้นคลองให้คืนกลับ

เป็นการนำเอาจิตวิญญานของประวัติศาสตร์ชาติความเป็นตัวตนของชนชาติเกาหลีกลับมา

เพื่อการก้าวเดินไปสู่อนาคตที่มองเห็นความรุ่งเรืองข้างหน้า

คลองที่กลับมานั้น มีคุณค่าทางจิตใจต่อคนเกาหลีทั้งประเทศเหนือกว่าทุกสิ่งของความเจริญ

ความเป็นชาติผู้นำ มีชนชาติเกาหลีในอดีตมีวัฒนธรรมเกาหลีในวันนี้

อนาคตก็ยังคงมีชนชาติเขาอย่างแน่นอน

ส่วนเรานั้น อดีตช่างเลือนราง

ปัจจุบันมีความสับสนในชาตินิยม อนาคตจึงยังมองไม่เห็น

เราจะยืนอยู่ในพื้นที่โลกสากลได้อย่างไรหรือไม่จำเป็นต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นชาติ

เป็นเพียงผู้ตาม นิยมใครก็เลียนแบบตาม

ที่สุด เราจะถูกกลืนหายไปกลางกระแสโลกาภิวัฒน์และจะไม่มีใครยอมรับเราอีกต่อไป

- Passage HS

PIC : //2.bp.blogspot.com/-HLZsWaKom-0/TzuWrHnfKmI/AAAAAAAABMc/AAiAYDHhN_o/s1600/seoul+canal.JPG

ขอขอบคุณ Pasuk PhraNoi (ชื่อบน Facebook)

ชมวีดีโอ อ.กบ Kris Kiattisak Longlivetheking (ชื่อบน Facebook) ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ ครับ...






 

Create Date : 20 กันยายน 2555    
Last Update : 20 กันยายน 2555 22:37:43 น.
Counter : 1912 Pageviews.  

เยี่ยมชม “พระราชวังเดิม” ชมโบราณสถาน พระเจ้ากรุงธน แสนเพลินตา จริงๆ น่ะ จะบอกให้

บทความนี้พร้อมภาพมากมาย เป็นบทความของคุณ DragonarySriboonchaichoosakul (ชื่อบน FACEBOOK) ทั้งหมด พอดีผมได้รับการ tag ภาพ และเนื้อหามาเห็นว่าน่าสนใจมากเลยครับ ความจริงบทความและเนื้อหาจะมากมายกว่าบล็อกที่ผมจะเขียนลงในนี้มากพอสมควร จึงเห็นควรแยกเป็นตอนๆ ซึ่งในตอนแรกนี้ จะเป็นทริปสัญจรของเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคม กทม. ที่เยี่ยมชม พระราชวังเดิม (ในกองบัญชาการกองทัพเรือ)

เข้าเนื้อหาทั้งหมดเลยครับซึ่งผมจะcopy ออกมาทั้งหมดจากเจ้าของเนื้อหาแบบตรงๆเลยครับ เพื่อความรวดเร็วในการเผยแพร่...ขอขอบคุณเจ้าของเนื้อหา และภาพ มา ณที่นี้ครับ...


พระราชวังเดิม ในกองบัญชาการกองทัพเรือ


กระผม (DragonarySriboonchaichoosakul) ได้มีโอกาสอีกครั้ง โดยได้รับเชิญจาก คุณต่อ กองการท่องเที่ยว สังกัด กทม. ไปล่องเรือในกิจกรรมเที่ยวชมวิถีถิ่นครั้งที่ 8 ซึ่งคราวนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะด้วยว่าสถานที่ที่จะไปเยือนนี้ ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปกันได้ง่ายๆ ต้องทำหนังสือเป็นเรื่องราว และครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ

กองทัพเรือ

เครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาคม

และ สนง.วัฒนธรรม กีฬาการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร



คุณต่อ (Rapee Tor ) ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำ นาวาเอกเริงชัย นายทหารเรือผู้ได้อำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง ในการท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ครั้งนี้

เช้าๆ ของวันเสาร์ วันแรกของเดือนกันยายน กระผมได้ไปยังจุดรวมพล ท่าราชวรดิฐ แถววัดพระแก้ว

ตรงถนนท่าขุนนางแห่งนี้ เป็นที่รวมพลกัน ของบรรดา อาจารย์ นักวิชาการผู้นำชุมชนท้องถิ่น และนักเที่ยวท่องอย่างผม โดยที่ คุณต่อ ( Rapee Tor ) ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำ นาวาเอกเริงชัย นายทหารเรือผู้ได้อำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง ในการท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ กว่าห้าสิบชีวิตก็ได้ขึ้นเรือที่ท่าเรือของทางราชการแห่งนี้ เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม จุดแรกที่ว่ากัน คือพระราชวังเดิม (พระราชวังกรุงธนบุรี) พูดกันภาษาชาวบ้าน ก็บ้านของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ครับ


ที่ตั้งของพระราชวังเดิม ก็คือกองบัญชาการกองทัพเรือ ในปัจจุบัน


พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังแห่งเดียวที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินในปี พ.ศ. 2311 ติดกับป้อมรบสมัยกรุงศรีอยุธยา พื้นที่ของป้อมวิไชยเยนทร์เดิม

เมื่อครั้ง รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ย้ายราชธานี ไปฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ และสร้างพระราชวังใหม่ ที่นี่จึงได้ชื่อว่า"พระราชวังเดิม" ฟังดูหากเป็นภาษาจีน เรียกว่า กู้กง ก็ได้เหมือนกัน



ในยุคตอนต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระราชวังเดิมนี้ก็ตกเป็นที่ประทับของเจ้านายหลายพระองค์ตลอดมา

จนกระทั่ง มาถึง รัชกาลที่ 5 สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน พระราชวังเดิมแห่งนี้ ให้แก่กองทัพเรือ เพื่อให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ โดยทรงขอให้รักษาซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่มีมาแต่เดิม ได้แก่

ท้องพระโรงพระตำหนักของสมเด็จพระปิ่นเกล้า รวมทั้ง ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและศาลศีรษะปลาวาฬ



ในภาพนี้เป็นศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินที่ได้รับการบูรณะใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2541


ภายในศาลศีรษะปลาวาฬ เป็นศาลที่จัดแสดงหัวปลาวาฬโบราณ ที่ถูกขุดค้นพบใต้ถุนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน (อยู่ติดกัน) อาคารนี้สร้างใหม่ครับ เมื่อสิบปีที่แล้ว คือปี 2542 แทนศาลเดิมที่ทรุดโทรม



ภายในศาลศีรษะปลาวาฬ


บริเวณท้องพระโรงชั้นนอก


ภายในท้องพระโรงแห่งนี้ มีระฆังจีนใบเขื่องแขวนห้อยอยู่ เป็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวกระผม เร่งฝีเท้าเข้าไปชม เพราะทราบว่า จะได้ของดี



เอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ของคนจีน คือการจดบันทึกเรื่องราวไม่ว่าเราจะไปที่วัดวาอาราม ศาลเจ้า

เรื่องหนึ่งที่เป็นความวิเศษของคนจีน คือการจารึก บันทึกประวัติศาสตร์หนหลังลงบนวัตถุที่มีความทนทาน

เช่นระฆัง ศิลา เป็นต้น

ที่บนพื้นผิวระฆังใบนี้ก็เช่นกันครับ ระบุว่า วัดซำป้อ ณ ตำบลห่อเซียน 河仙镇三宝佛寺

พระภิกษุอนัมนิกายชื่อว่า อิ้งเฉิง 印澄和尚 ร่วมกับบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธา ได้สร้างระฆังใบนี้ เพื่อเป็นกุศลบรรเทาเคราะห์กรรมที่มีทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้ได้ไปเกิดในดินแดนพุทธเกษตร

โดยระบุปีการสร้างสร้างในรัชศกปี เจียหลง อันเป็นปีแห่งกษัตริ์ยราชวงศ์เวียดนาม คือ 阮福映 ตรงกับรัชศกเจียชิ่ง ของประเทศจีน เท่ากับปีพุทธศักราช 2359 จวบจน ปี 2467 ระฆังใบนี้ ซึ่งเดิมอยู่ที่วัดหงษ์รัตนาราม

เจ้าอาวาส ก็ปุเลงๆนำระฆังจีน มาให้แก่ผู้สำเร็จราชการกระทรวงทหารเรือในสมัยนั้น เจ้ากระทรวงเห็นเป็นระฆังจีนๆก็นิมนต์ระฆัง มาไว้ที่พระราชวังเดิม แห่งนี้

มาว่ากันต่อถึงศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขอเล่าท้าวความว่าทั้งตัวพิพิธภัณฑ์พระราชวังเดิม

(ซึ่งภายในห้ามถ่ายรูป) และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน เดิมชำรุดทรุดโทรมมาก ตราบจนในต้นปี 2540 ท่านคุณหญิงซึ่งเป็นภริยา ผบ.ทร. ในสมัยนั้น (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) ได้ดำริว่าต้องมาปรับปรุงให้สวยงามสง่าสมกับเป็นหน้าตาของกองทัพเรือ ก็ได้แรงจาก ชาวจีน ที่ถือได้ว่าเป็นลูกหลานเชื้อสาย สมเด็จพระเจ้าตากสิน คือแซ่แต้ โดยการนำของเจ้าสัวอุเทนเตชะไพบูลย์



เมื่อปี พ ศ 2541 เจ้าสัวอุเทน เตชะไพบูลย์ 郑午楼博士 ในวัย 85 ปี พร้อมกับคณะกรรมการสมาคมเตชะสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นลูกหลาน แซ่แต้ ขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้ประกอบพิธีเปิดศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินณ พระราชวังวังเดิม ที่นี้ หลังจากได้ลงขันกันจำนวนเงินกว่าสิบล้านบาทปรับปรุง พิพิธภัณฑ์วังเดิม แห่งนี้ เจ้าสัวอุเทน ได้บรรเลงอักษรพู่กันจีนเป็นคำกลอนคู่ couplet ภาษาจีนเรียกว่า ตุ้ยเลี้ยง เป็นความว่า 牧野鹰阳 三尺青霜开帝

鼎湖龙去 千秋俎豆纪丰功

ความหมายในที่นี้ หมายถึง

พระองค์ทรงถือพระแสง แชซึง ยาวสามเชียะ

ปราบอริราชศัตรู กอบกู้บ้านเมือง สู่เอกราช

แถวล่าง คือ

แม้นว่ามหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ได้สวรรคตไปแล้ว

แต่พระเกียรติยศคุณความดีท่าน ยังคงเป็นที่

เชิดชู ให้ชนรุ่นหลังได้ถวายสักการะชั่วนิรันดร์

คำตุ้ยเลี้ยงนี้ ได้แกะสลักเสลา ลงบนไม้สัก ติดแผ่นทองที่อักษร ประดับไว้ในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินแห่งนี้ ผมเชื่อว่าน้อยคนจะได้รู้ เรื่องราวตรงนี้ เพราะผมไปถอดความมาจากบทความของจีนมา

หากภัณฑารักษ์ ของพิพิธภัณฑ์พระราชวังเดิม ต้องการข้อมูล ทั้งเรื่องราวบนอักษรจีนและเรื่องของระฆัง กระผมยินดีสาธยายให้ลึกซึ้งกว่านี้



พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่ง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเปิด เมื่อต้นปี 2541


ความสง่างามภายในพระราชวังเดิม




หลังจากชมภายในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเปี่ยมด้วยความรู้ด้านประวัติศาสตร์ งานศิลปะ คุณต่อ การท่องเที่ยว กทม

ก็ได้พาเดินถัดไป มาชมเรื่องราวของ ป้อมบางกอก หรือป้อมวิไชยประสิทธิ์

ป้อมวิไชยประสิทธิ์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมชื่อป้อมบางกอก หรือ ป้อมวิไชยเยนทร์

ตั้งตามชื่อของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาวกรีกที่เป็นผู้กราบบังคมทูลให้สร้างป้อมแห่งนี้เพื่อป้องกันเรือรบของฮอลันดา

ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ได้ทรงสร้างพระราชวังขึ้นบริเวณป้อมนี้ พร้อมกับปรับปรุงป้อมพระราชทานนามว่า "ป้อมวิไชยประสิทธ์"


ภาพนี้ปีนขึ้นบนป้อม ถ่ายวิวเล่นๆ


จบภาคแรกของทริปเยี่ยมชมพระราชวังเดิม กับเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคมกรุงเทพมหานคร

เนื้อหาเพิ่มเติมในภาคต่อสามารถเข้าไปดูในกระทู้ตามลิ้งก์นี้เลยครับจะมีภาพสวยๆ อีกมากมายเลยครับ...

//www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M12605450/M12605450.html

จากผู้เผยแพร่ข้อมูล(เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์) ขอขอบคุณเนื้อหาทั้งหมด และภาพประกอบอีกครั้ง จากคุณ DragonarySriboonchaichoosakul (ชื่อบน FACEBOOK) ที่ได้อนุเคราะห์มาทำให้เกิดบทความบนบล็อก ที่มีคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง


 ท่านใดสนใจกิจกรรมของเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคมกรุงเทพมหานคร เข้าไปกด LIKE กันได้ที่ Facebook ตามลิ้งก์นี้ครับhttps://www.facebook.com/thaitourismsociety







 

Create Date : 05 กันยายน 2555    
Last Update : 5 กันยายน 2555 7:59:59 น.
Counter : 3166 Pageviews.  

หนึ่งในบุคคลในประวัติศาสตร์ “รถรางไทย” ไม่มีท่านผู้นี้ (ในอดีต) ล้อรถราง ไม่เคลื่อนที่ แน่นอน น่ะ!!จะบอกให้


ลุงชอบวาดเขียน...บุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์รถรางไทย...มีใครรู้จักท่านผู้นี้กันบ้างครับ....ปัจจุบันท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานนี้...ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ครับ


ในทริปสัญจรหลายทริป ที่เข้าไปชมรถราง ที่การไฟฟ้า แถวถนนตกทั้งที่ผมก็เคยร่วมเดินทางไปด้วยครั้งหนึ่ง เมื่อปีที่แล้วและที่่ผมดูภาพตามอินเตอร์เน็ต จะเห็นลุงชอบ (ซึ่งชราแล้ว)ก็จะมาให้เกียรติร่วมเสวนาด้วยเป็นประจำครับ...

อ้างอิงบทความ ย้อนอดีต...วันวาน...ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ

copy//"คนขับรถรางคนสุดท้าย" หรือคุณลุงชอบ วาดเขียนหนุ่ม(เหลือ)น้อย อายุ 80 ปีอดีตคนขับรถรางสายบางคอแหลมจนกระทั่งกิจการรถรางถูกเลิกไปลุงชอบเล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการขับรถรางที่เคยเป็นอาชีพเมื่อสมัยยังหนุ่มแน่นว่าเมื่อก่อนนี้รถรางมีมากถึง 50 คันสำหรับสายบางคอแหลมนั้นเป็นรถพ่วงสองคัน วิ่งตั้งแต่ศาลหลักเมืองข้ามสะพานช้างโรงสีไปเสาชิงช้า เข้าถนนเจริญกรุง ผ่านวัดเล่งเน่ยยี่ สี่พระยาไปรษณีย์กลางบางรัก สุสานวัดดอน ไปจนถึงท่าน้ำถนนตกเป็นอันสุดสายหากไม่ติดรถหรือคนก็จะใช้เวลาวิ่งประมาณ 20 นาที

รถรางนี้ยังแบ่งเป็นรถรางชั้น 1 และชั้น 2 อีกด้วย รถรางชั้น 2 นั่งแล้วอาจเมื่อยก้นเพราะไม่มีเบาะรองมีเพียงม้านั่งแข็งๆ แต่ค่ารถเพียงสลึงเดียวแต่หากอยากนั่งสบายมีเบาะนุ่มๆรองก้นก็ต้องเลือกนั่งรถรางชั้น 1 และต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวคือ 50 สตางค์ส่วนลุงชอบก็จะยืนขับอยู่ด้านหัวรถรางคอยเหยียบกระดิ่งเตือนรถและคนเดินถนนให้ระวังรถรางปัญหาต่างๆในการขับรถรางก็ไม่ค่อยมียกเว้นแต่เวลาที่ไฟดับรถรางก็ต้องจอดนิ่งสนิทตามไปด้วย


แผนที่เดินรถรางเก่าในกรุงเทพเมื่อปี 2511 อันเป็นปีสุดท้ายที่มีการยกเลิกการเดินรถรางในวันสุดท้ายของการเดินรถรางวันที่11 กันยายน 2511

ชมวีดีโอ






 

Create Date : 25 สิงหาคม 2555    
Last Update : 25 สิงหาคม 2555 9:11:00 น.
Counter : 2963 Pageviews.  

รถรางไทย “หายไปแล้ว” แต่ “Streetcar” รถรางเบาเมืองนอก ตามเมืองใหญ่ กลับเป็นที่นิยม...เพราะอะไร



รถราง หายไปแล้ว...ถ้า รื้อฟื้น กันจริง ก็น่าจะทำได้น่ะ!!เพราะ ปัญหามีไว้แก้...ปัญหา ไม่ได้มีให้ "แก้ตัว"

....สามล้อไทย ยังอยู่...แต่

รถราง คลาสสิค (ในอดีต)...วิ่งในเมืองเก่า...วันนี้"ไม่มีแล้ว"...

ในเมืองใหญ่ๆ หรือเมืองที่มีสภาวะที่เหมาะสม ทั่วโลก นอกจาก เค้ามีแต่ รื้อฟื้น เรื่องการประหยัดในระบบขนส่งมวลชน ...หลายประเทศ เค้าบอกเรื่อง "รื้อฟื้น สิ่งดีๆคลาสสิคๆ" แบบนี้ เป็นเรื่องไม่ยาก...แต่เมื่อมองมาที่บ้านเรา วิสัยทัศน์ของคนรับผิดชอบ แต่ละท่าน มีแต่ "ปัด" สิ่งสร้างสรรค์...ไม่มีการริเริ่ม หรือกล้าพอที่คิดจะทำกันเลย...งานผู้รับผิดชอบ จริงๆ แล้วไม่ใช่ งานรูทีน ทำไปวันๆ ...แต่ต้อง กล้าหาญ สร้างรูปธรรมเหมือนกับที่อีกหลายประเทศ ทำไมเค้าทำกันได้....

จากภาพด้านบน สะท้อนเนื้อหาบทความเดิม ของ อ. ฐาปนาบุณยประวิตร นักวิชาการผังเมือง เขียนเกี่ยวกับเรื่องการวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด(Smart Growth ) https://www.facebook.com/SmartGrowthThailand หนึ่งในบทความ Smart Growth คือบทความเรื่อง “นักผังเมืองทั่วโลก” ยกให้รถไฟฟ้า Streetcar (Light Rail) เป็นระบบการขนส่งที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้” ตามลิ้งก์เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2555 ชมภาพและเนื้อหามากมายครับ //www.oknation.net/blog/smartgrowth/2012/03/20/entry-1



ของเราเลิกกิจการ...แต่รัฐบาลทั่วโลกเค้าสนับสนุน...มันแปลกดีจริงๆกับประเทศไทย ที่ไม่เน้นขนส่งมวลชนที่ไม่สิ้นเปลือง เช่น Streetcar (รถรางเบา) แต่กลับไปส่งเสริมการใช้รถยนต์ซึ่งสิ้นเปลืองน้ำมันมหาศาล

ชมวีดีโอ...รถรางเบา(Streetcar) เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก....




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2555    
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 9:06:35 น.
Counter : 3014 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.