Group Blog
 
All blogs
 

หลวงพ่อโสธร (Luang Po So thon)

ตำแหน่งที่ตั้ง: 13.67375 101.067315

หลวงพ่อโสธร (Luang Po So thon)

วัดโสธรวรารามวรวิหาร อยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมแม่น้ำบางปะกง เดิมชื่อว่า “วัดหงส์” สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพุทธโสธร” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวเมืองเคารพนับถือ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ หายเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง
ตามประวัติเล่าว่า เป็นพระพุทธรูปปาฏิหาริย์ลอยทวนน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. 2313 สมัยต้นกรุงธนบุรี แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงว่าจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะดังที่เห็นในปัจจุบัน ทุกวันนี้จะมีผู้คนต่างมานมัสการปิดทองหลวงพ่อโสธรกันเป็นจำนวนมาก พระอุโบสถหลังใหม่ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 โดยมีสำนักงานโยธาจังหวัดเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ลักษณะพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโสธรองค์จริง เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-16.00 น.
วิหารจำลอง ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง เนื่องจากทางคณะกรรมการวัดมีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่าซึ่งมีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ แล้วสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ โดยได้อัญเชิญพระพุทธโสธรองค์จำลองไปประดิษฐานไว้เพื่อเปิดให้ประชาชนได้นมัสการตามปกติ เปิดให้นมัสการวันธรรมดาระหว่างเวลา 07.00- 16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ระหว่างเวลา 07.00 - 17.00 น.
ฝั่งตรงข้ามบริเวณวัดโสธรฯ มีร้านค้าจำหน่ายอาหารและสินค้าของที่ระลึกจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมวัดโสธรฯ โทร. 0 3851 1048, 0 3851 1666 นอกจากนั้นบริเวณท่าน้ำของวัดมีเรือบริการท่องเที่ยวลำน้ำบางปะกงไปขึ้นที่ตลาดบ้านใหม่

ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

รูปภาพ





























ปี 2011








 

Create Date : 23 สิงหาคม 2554    
Last Update : 23 สิงหาคม 2554 0:45:02 น.
Counter : 803 Pageviews.  

ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkhla Floating Market)

ตลาดน้ำบางคล้า อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 30 กิโลเมตร ตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า เป็นตลาดริมแม่น้ำบางปะกง มีทั้งตลาดนัดบนบกและร้านค้าบนแพยาวคลุมหลังคาริมฝั่งแม่น้ำ มีเรือพ่อค้าแม่ค้าพายมาจอดเทียบขายสินค้าการเกษตรพื้นบ้านหลายชนิดตามฤดูกาล เหมาะสำหรับเดินเลือกซื้อและรับประทานอาหารหลากหลายทั้งคาวหวาน อาทิ ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ไอศกรีม เฉาก๊วย สินค้าที่ระลึกและสินค้าโอท็อปของจังหวัด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริการเรือท่องเที่ยวล่องไปตามลำน้ำบางปะกงเพื่อชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำ ค่าบริการประมาณคนละ 60 บาท เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างเวลา 8.00-18.00 น.

ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ตำแหน่งสถานที่: 13.7288906058 101.207809998

รูปภาพ













สุดท้ายนี้ขอจบด้วย ภาพของหลวงพ่อโสธรครับ




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2554    
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 6:14:16 น.
Counter : 792 Pageviews.  

วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร)

สถานที่: 13.705491 101.13636

ประวัติ พระพิฆเนศวร
ในคราวที่พระศิวะเทพทรงไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานานอยู่นั้น พระแม่ปารวตีเนื่องจากอยู่องค์เดียวเลยเกิดความเหงาและประสงค์ที่จะมีผู้มาคอยดูแลพพระองค์และป้องกันคนภายนอกที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายในพระตำหนักในจึงทรงเสกเด็กขึ้นมาเพื่อเป็นพระโอรสที่จะเป็นเพื่อนในยามที่องค์ศิวเทพเสด็จออกไปตามพระกิจต่างๆมีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อพระนางทรงเข้าไปสรงในพระตำหนักด้านในนั้นองค์ศิวเทพได้กลับมาและเมื่อจะเข้าไปด้านในก็ถูกเด็กหนุ่มห้ามไม่ให้เข้า เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นใครและในลักษณะเดียวกันศิวเทพก็ไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นพระโอรสที่่พระแม่ปารวตีได้เสกขึ้นมา เมื่อพระองค์ถูกขัดใจก็ทรงพิโรธและตวาดให้เด็กหนุ่มนั้นหลีกทางให้พลางถามว่ารู้ไหมว่า กำลังห้ามใครอยู่ ฝ่ายเด็กนั้นก็ตอบกลับว่าไม่จำเป็นที่จะต้องว่าเป็นใครเพราะตนกำลังทำตามบัญชาของพระแม่ปารวตี และทั้งสองก็ได้ทำการต่อสุ้กันอย่างรุนแรง จนเทพทั่วทั้งสวรรค์เกิดความวิตกในความหายนะที่จะตามมา และในที่เด็กหนุ่มนั้นก็ถูกตรีศูลของมหาเทพจนสิ้นใจและศีรษะก็ถูกตัดหายไป ในขณะนั้นเองพระแม่ปารวตีเมื่อได้ยินเสียงตังกึกก้องไปทั่วจักรวาลก็เสด็จออกมาด้านนอกและถึงกับสิ้นสติเมื่อเห็นร่างพระโอรสที่ปราศจากศีรษะ และเมื่อได้สติก็ทรงมีความโศกาอาดูรและตัดพ้อพระสวามีที่มีใจโหดเหี้ยมทำร้ายเด็กได้ลงคอ โดยเฉพาะเมื่อเด็กนั้นเป็นพระโอรสของพระนางเองเมื่อได้ยินพระนางตัดพ้อต่อว่าเช่นนั้นองค์มหาเทพก็ทรงตรัสว่าจะทำให้เด็กนั้นกลับพื้นขึ้นมาใหม่แต่ก็เกิดปัญหาเนื่องจากหาศีรษะที่หายไปไม่ได้ และยิ่งใกล้เวลาเช้าแล้วต่างก็ยิ่งกระวนกระวายใจเนื่องจากหากดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็จะไม่สามารถชุบชีวิตให้เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาได้เมื่อเห็นเช่นนั้นพระศิวะเลยบัญช่าให้เทพที่มาช่วยให้เอาศีรษะสิ่งที่มีชีวิตแรกที่พบมาและปรากฎว่าเหล่าเทพได้นำเอาศีรษะช้างมาซึ่งพระศิวะทรงนำศีรษะมาต่อให้และชุบชีวิตให้ใหม่พร้อมยกย่อง ให้เป็นเทพที่สูงที่สุดและขนานนามว่า พระพิฆเนศแปลว่า เทพผู้ขจัดปัดเป่าอุปสรรคและยังทรงให้พรว่าในการประกอบพิธีการต่างๆต้องทำพิธีบูชาพระพิฆเนศก่อนเพื่อความสำเร็จของพิธีนั้น

ความสำคัญแต่ละส่วนของพระวรกาย
เนื่องจากพระพิฆเนศวรมีพระวรกายที่ไม่เหมือนเทพอื่นๆนั้น จึงมีอธิบายไว้ดังนี้
1. พระเศียรของท่านหมายถึงวิญญาณซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการมีชีวิต
2.พระวรกายแสดงถึงการที่เป็นมนุษย์ที่อยู่บนพื้นปฐพี
3.ศรีษะช้างแสดงถึงความเฉลียวฉลาด
4.เสียงดังที่เปล่งออกมาจากงวงหมายถึงคำว่า โอม ซึ่งเป็นเสียงแสดงถึงความเป็นสัจจะของสุริยจักรวาล
5.พระหัตถ์บนด้านขวาทรงเชือกบ่วงบาศน์ที่ทรงใช้ในการนำพามนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะและหลุดพ้นพร้อมทรงขจัดอุปสรรคในระหว่างทาง
6.พระหัตถ์บนซ้ายทรงเชือกขอสับที่ใช้ในการป้องกันและพันฝ่าความยากลำบาก
7.มือขวาล่างทรงงาที่หักครึ่งซึ่งพระองค์ทรงใช้เป็นปากกาในการเขียนมหากาพย์มหาภารตะให้มหาฤษีเวทวยาสมุนีและเป็นสัญญลักษณ์แห่งความเสียสละ
8.อีกมือทรงลูกประคำที่แสดงว่าการแสวงหาความรู้จะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
9.ขนมโมณฑกะหรือขนมหวานลัดดูในงวงเป็นการชี้นำว่ามนุษย์จะต้องแสวงหาความหวานชื่นในจิตวิญญาณของตนเองเพื่อที่จะได้มีจิตเอื้อเพื้อเผื่อแผ่ให้กับคนอื่นๆ
10.หูที่กว้างใหญ่เหมือนใบพัดหมายความว่าท่านพร้อมที่รับฟังสิ่งที่เราร้องเรียนและเรียกหา
11.งูที่พันอยู่รอบท้องท่านแสดงถึงพลังที่มีอยู่โดยรอบ
12.หนูที่ทรงใช้เป็นพาหนะแสดงถึงความไม่ถือองค์และพร้อมที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เล็กและเป็นที่รังเกียจของมนุษย์ส่วนมาก

ตำนานงาหัก
ในตำนานที่กล่าวถึงว่าเหตุใดองค์พระคเณศจึงมีงาข้างเดียว ก็เนื่องมาจากความกตัญญูของท่านนั่นเองพระคเณศท่านทรงมีความกตัญญูต่อพระบิดาของท่านคือองค์พระศิวะ วันหนึ่งพระศิวะต้องการจะบรรทมจึงสั่งให้ พระคเณศเป็นทวารบาลรักษาประตู มิให้ผู้ใดมารบกวนพระองค์ขณะทรงบรรทม เวลานั้นปรสุรามซึ่งเป็นปางหนึ่งขององค์พระนารายณ์อวตารลงมา จะขอเข้าเฝ้าองค์พระศิวะ แต่พระคเณศมืให้เข้าเฝ้าทั้งสองจึงโต้เถียงกัน เกิดการพิโรธ และสู้รบกัน ฝ่ายปรสุราม จึงดึงขวานออกมา พระคเณศจำได้ว่าขวาน
นี้เป็นของพระบิดาคือพระศิวะ ที่ประทานให้กับปรสุราม จึงไม่ต่อสู้ด้วย และได้แต่หลบไปเลี่ยงมาจังหวะหนึ่งหลบไม่พ้นขวานจึงฟันมาโดนงาท่านหัก เมื่องาหักแล้วพระศิวะจึงเสด็จออกมาท่านทราบอยู่แล้วว่าเหตุนี้ต้องเกิดขึ้น แต่พระองค์ท่านประสงค์ให้เป็นเช่นนี้และจึงได้ประทานพระนามใหม่ให้อีกพระนามว่า "เอกทันตะ" คือผู้มีงาเดียว นั่นเอง มีหนูเป็นพาหนะ ส่วน หนู นั้นน่าจะเกิดจากการที่สมัยก่อน คนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ หนูชอบทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหารจึงเป็นอุปสรรคต่ออาชีพและเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ดังนั้นการนำหนูมาเป็นพาหนะของเทพเจ้าที่ตนนับถือจึงเป็นการแสดงความมีอำนาจเหนือกว่าและมีนัยของการขจัดอุปสรรคไปในตัว

รูปภาพ
พระพิฆเนศวร





นอกจากนี้ยังมีห้องสำหรับแสดงพระพิฆเนศวรรูปต่างอีก













หลวงพ่อโต องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด เป็นพระประธานในอุโบสถปางมารวิชัย อายุกว่า 120 ปี







พระประธานหน้าวัดตั้งประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำบางประกงหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพระองค์ใหญ่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำบางประกง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก ทรงถวายพระนามว่า พระพุทธมหากรุณาคุณประสิทธิ์ (พระพุทธเจ้าโปรดประทานความสำเร็จด้วยทรงมีพระกรุณาคุณ) และทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์บรรจุบนเกตุพระ



ปู่บรมครูฤาษี



วิวริมแม่น้ำบางประกง




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2554    
Last Update : 7 สิงหาคม 2554 13:33:00 น.
Counter : 999 Pageviews.  

อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด)

อำเภอบางคล้า เป็นสถานที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าล้อมเมืองไว้ก่อนที่จะเสียกรุงครั้งที่ 2 ชาวบ้านเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพระยาวชิรปราการ ได้ตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาก่อนกรุงแตกในปี พ.ศ. 2310 เพื่อไปรวบรวมไพร่พลกอบกู้เอกราช ณ เมืองจันทบุรี จึงได้สร้างพระสถูปเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะของพระองค์ในบริเวณนี้ ซี่งเป็น 1 ใน 3 แห่งของอำเภอบางคล้าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่พระองค์ยาตราทัพผ่าน ส่วนอนุสรณ์สถานอีก 2 แห่งคือ วิหารวัดแจ้งและวิหารวัดโพธิ์
พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวว่า หลังจากที่พระยาวชิรปราการตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาทางตะวันออก ในวันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ได้เดินทัพเข้าในป่าและหยุดประทับที่หนองน้ำหุงอาหาร แม่ทัพพม่าได้ทราบข่าวว่ากองทัพซึ่งยกทัพตามกองทัพของพระยาวชิรปราการพ่ายแพ้หลายครั้ง จึงเกณฑ์ทัพเรือให้ยกหนุนมาเพิ่มเติม และให้กองทัพบกยกลงมา ตั้ง ณ ปากน้ำ โจ้โล้ เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อรวมกำลังกับกองทัพเรือ และในวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำเดือนยี่ กองทัพพม่า ได้ยกจากปากน้ำโจ้โล้ติดตามกองทัพของไทย พระยาวชิรปราการรู้ตัวว่ากองทัพพม่ายกติดตามมา จึงนำพลทหารร้อยหนึ่งให้ขุดสนามเพลาะเป็นกำบัง คอยซุ่มยิงกองกำลังทหารพม่าที่ยกตามมาล้มตายเป็นจำนวนมาก พม่าก็แตกพ่ายกระจัดกระจายกันออกไป
ส่วนคำบอกเล่าของชาวบ้านมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่าได้สำเร็จ และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (พระเจ้ากรุงธนบุร๊) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นบริเวณปากน้ำโจ้โล้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ แต่พระสถูปองค์เดิมที่สร้างขึ้นได้ถูกกระแสน้ำไหลกัดเซาะพังทลายลงแม่น้ำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491
ต่อมาได้รับงบประมาณจากกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทยและกองสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี อนุญาตให้ใช้ที่ดินสร้าง จำนวน 2 ไร่ 2 งาน 38.4 ตารางวา สร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นมาใหม่บริเวณเดิม ตามรูปแบบของกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากรลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง มีซุ้มทั้ง 4 ด้าน โดยเริ่มก่อสร้าง เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2538 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 เป็นเงินทั้งสิ้น 36,562,338 บาท
นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางมาสักการะพระสถูปเจดีย์ หรือนั่งพักผ่อนชมภูมิทัศน์ริมแม่น้ำบางปะกงซึ่งสามารถมองเห็นเกาะลัดอยู่ฝั่งตรงข้าม

ตำแหน่ง: 13.740045 101.210558491

รูปภาพ











วิวบริเวณริมแม่น้ำบางปะกง







บริเวณทางเข้าไปยังอนุสรณ์สถานฯ



ระหว่างทางเข้าไปยังอนุสรณ์สถาน




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2554    
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 1:03:25 น.
Counter : 936 Pageviews.  

ตลาดบ้านใหม่ (BanMai Market)

ตลาดริมน้ำร้อยปี ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ (ทางไปอำเภอบางน้ำเปรี้ยว) เป็นตลาดโบราณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงอายุกว่า 100 ปีที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตผู้คนกับชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำมาเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 และเพื่อเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบนี้เอาไว้และสร้างอาชีพให้ชาวชุมชน จึงเกิด “ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่” ในตลาดจะมีสินค้าต่างๆ จำหน่ายทั้งอาหาร ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด กาแฟโบราณ เครื่องดื่มโบราณ สมุนไพร ขนมทั้งไทย จีน ของเล่นโบราณ ของฝากของที่ระลึกต่างๆ วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา ระหว่างเวลา 09.00–1700 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่โทร. 0 3881 7336, 08 6148 4513, 08 9881 7161, 08 9666 4266

ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

รูปภาพ



ร้านกาแฟเฮียคุณ ร้านนี้ติดแม่น้ำบางปะกง (เหมือนอีกหลายๆร้าน) ชอบทานเส้นเล็กแห้ง เพราะทางร้านปรุงรสเปรี้ยวมาให้เลย



แม่น้ำบางปะกง



สะพานที่เห็นข้างหน้าคือ ทางรถไฟ



ภาพด้านล่างนี้เป็นบรรยากาศทั่วๆไปบางส่วนของตลาด












 

Create Date : 13 กันยายน 2553    
Last Update : 13 กันยายน 2553 0:27:56 น.
Counter : 555 Pageviews.  


rangsitk4
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add rangsitk4's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.