นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

งูสวัดผื่นร้าย อันตรายไม่ใช่เล่น




ถ้าหากเรามีอาการปวดแปลกๆ มีอาการคันและแสบร้อน คล้ายถูกไฟไหม้ มีตุ่มใสขึ้นเรียงเป็นแนว เราอาจจะกำลังเป็นโรคงูสวัดอยู่ก็เป็นได้นะครับ


อันที่จริงแล้วโรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัสตัวเดียวกับเชื้ออีสุกอีใสที่เราเคยได้รับมาตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากที่เป็นผื่นอีสุกอีใสแล้วเชื้อไวรัสนี้จะไปหลบซ่อนตามปมประสาทของร่างกาย โดยไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติใดๆ เมื่อเราอายุมากขึ้นหรือเมื่อร่างกายอ่อนแอผื่นก็จะกำเริบขึ้นมาตามเส้นประสาทที่เชื้อนั้นแฝงตัวอยู่นั่นเองครับ

อาการเริ่มแรกจะรู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือเจ็บแสบร้อนบริเวณผิวหนัง จากนั้นจะเริ่มมีผื่นแดงเป็นทางยาวตามแนวเส้นประสาทของร่างกาย เช่น ลำตัว แขน ขา แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณลำตัว หลังเกิดผื่นหนึ่งวันจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและตกสะเก็ด ประมาณ 1-2 สัปดาห์และหายไปเองได้ แต่อาการปวดตามแนวเส้นประสาทอาจจะยังอยู่เป็นสัปดาห์หรือหลายเดือนเลยก็ได้ และอาการจะรุนแรงขึ้นในผู้ที่มีอายุมากขึ้นอีกด้วยครับ

โรคงูสวัดเป็นโรคที่สามารถรักษาหายภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ในบางคนที่เริ่มการรักษาช้า อาจมีอาการปวดเส้นประสาทเรื้อรังได้นานเป็นปี และในบางภาวะโรคงูสวัดสามารถกลายเป็นโรคที่มีความรุนแรงจนเกิดอันตรายถึงขั้นพิการ หรือเสียชีวิตได้เลยนะครับ หากเกิดการติดเชื้อที่อวัยวะสำคัญอย่างเช่นดวงตา หรือเยื่อหุ้มสมอง

หากมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่าจะเป็นงูสวัด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ส่วนการป้องกันโรคงูสวัดนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งควรได้รับการฉีดในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนในผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ภูมิต้านทานไม่แข็งแรง อาจจำเป็นต้องได้รับการฉีดก่อนอายุ 60 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหรือลดความรุนแรงของอาการลงได้ครับ

รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ เท่านี้ร่างกายของเราก็จะมีภูมิต้านทานและห่างไกลจากโรคงูสวัดแล้วครับ 




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2561   
Last Update : 1 ตุลาคม 2561 9:43:08 น.   
Counter : 1086 Pageviews.  


ผื่นลมพิษ อาการใกล้ตัว




ใครที่มีอาการคันตามผิวหนัง เป็นผื่นบวม แดง อาจจะกำลังโดนลมพิษเล่นงานอยู่ก็ได้นะครับ ซึ่งเราพบว่าร้อยละ10-15 ของประชากร ต้องเคยเป็นผื่นลมพิษอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต

ลมพิษ คือกลุ่มอาการของปฏิกิริยาตอบสนองต่างๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้จะสร้างสารที่เรียกว่า “ฮิสตามีน” (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวและมีน้ำเลือดซึมออกมา ทำให้เกิดการบวมของชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง มองเห็นเป็นลักษณะผื่นบวมนูนแดงเป็นวงๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง และคันมาก หรือบางครั้งอาจมีอาการบวมของหนังตา ปาก แก้ม ใบหู หนังศีรษะร่วมด้วยครับ

ลมพิษสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งอาการต่างๆ จะเกิดขึ้นและหายไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง หรือติดต่อกันไม่เกิน 6 สัปดาห์ ส่วนชนิดเรื้อรัง จะมีอาการเป็นๆ หายๆ ต่อเนื่องกันเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไปนั่นเองครับ

ซึ่งสาเหตุการเกิดลมพิษนั้นมีได้หลากหลายเลยครับ อาจเกิดจากแสงแดด ฝุ่น หรือสารพิษต่างๆ รวมไปถึงพฤติกรรมการทานยาแก้ปวด การทานอาหารบางชนิด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด นอกจากนี้ สาเหตุของลมพิษชนิดเฉียบพลันก็มักจะเกิดจากอาการแพ้ต่างๆ ของร่างกายระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำลายตัวเองหรืออาการแพ้ภูมิตัวเอง ก็มีได้ครับ

วิธีรักษาอาการลมพิษที่ดีที่สุดคือ การหาสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงในการเกิดลมพิษ ร่วมกับการทานยาแก้แพ้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยพิจารณาให้ยารักษาตามอาการของแต่ละคนครับ นอกจากนี้เราควรหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วยนะครับ




 

Create Date : 28 กันยายน 2561   
Last Update : 28 กันยายน 2561 9:51:54 น.   
Counter : 1144 Pageviews.  


แพ้เหงื่อตัวเองเช็คเลย เราเป็นไหม?




โรคแพ้เหงื่อหลายคนคงสงสัย และเพิ่งเคยจะได้ยิน และอีกหลายคนคิดว่าตัวเองเป็นแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจ ใช่มั้ยหล่ะครับ

ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้อาจต้องลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังอีกที เพราะนี่มันอาการผิดปกติชัดๆ

1. มักมีอาการคันมากเมื่อเหงื่อออกโดยเฉพาะจุดที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เช่น ลำคอ ใบหน้า ขาหนีบ แขน ขา ข้อพับ
2. เหงื่อออกทีไรมักจะตามมาด้วยผื่นแดงหรือตุ่มใสเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดแค่ไหนก็ตาม
3. ตุ่มคันหรือผื่นแพ้ที่เกิดบนผิวหนังจะอยู่เพียงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถหายไปเองได้ แต่หากเหงื่อออกอีกครั้งอาการคันก็จะกลับมา

ดังนั้นหากพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับผิวหนังโดยเฉพาะเวลาที่เหงื่อออก ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างละเอียดดีกว่าครับ ว่าเราแค่แพ้เหงื่อธรรมดาหรือมีรอยโรคผิวหนังอื่นๆ แอบซ่อนอยู่ด้วยกันแน่! 




 

Create Date : 27 กันยายน 2561   
Last Update : 27 กันยายน 2561 9:17:01 น.   
Counter : 848 Pageviews.  


เรื่องสิว เรื่องเล็ก ไม่เอาอย่าเครียด





ก่อนอื่นเราต้องรู้ทันกลไกการเกิดสิวเสียก่อน ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักๆ อยู่ 3 ประการด้วยกันครับ คือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง และเกิดจากการใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยด์ผสมนะครับ

ส่วนการรักษาสิวนั้นแพทย์จะรักษาจากสาเหตุการเกิดสิว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ ดังนี้ครับ
1. การทายาเฉพาะที่ โดยยาที่ใช้จะเป็นยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหนังให้ดีขึ้น
2. การรับประทานยา โดยยาที่ให้รับประทานมีตั้งแต่ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดในกลุ่มไอโซเตรทติโนอิน 
3. ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งจะพิจารณาเลือกใช้เมื่อผู้ป่วยมีอาการดื้อต่อยาทาหรือยารับประทาน มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า มีหลุมสิวเกิดขึ้น หรือผู้ที่ต้องการจะให้สิวยุบตัวเร็วที่สุด 

ปัจจุบันการรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยนะครับ ซึ่งเทคโนโลยีเลเซอร์นี้จะอาศัยหลักการความร้อนทำให้แบคทีเรียตาย ช่วยให้การหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังดีขึ้น ทั้งยังช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดความคับคั่งของไขมันให้น้อยลงและส่งผลให้เกิดการอุดตันของไขมันน้อยลงตามลงไปด้วยนะครับ

ส่วนในแง่การรักษาแผลเป็นหลังจากการเกิดสิว การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้แผลเป็นหรือหลุ่มสิวตื้นขึ้น โดยที่การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลา 15-20 นาที และทิ้งระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ จึงจะทำการรักษาอีกครั้ง โดยจะเห็นผลการรักษาในครั้งที่ 4 เป็นต้นไปครับ

การรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์นั้น ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการวินิจฉัยชนิดสิวและการปรับใช้เลเซอร์ตามระดับความลึกของสิวต้องใช้ความชำนาญและความถูกต้อง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้เทคโนโลยีเลเซอร์แบบใดจัดการสิวที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ




 

Create Date : 26 กันยายน 2561   
Last Update : 26 กันยายน 2561 9:30:55 น.   
Counter : 625 Pageviews.  


ปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจของสาวๆ




การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เวลาที่สาวๆ หัวเราะ ไอ หรือจามแรงๆ อาจทำให้มีปัสสาวะเล็ดลอดออกมาเปื้อนกางเกงชั้นในได้บ้างบางครั้ง

นั่นก็เพราะว่ากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่คอยพยุงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะของคุณผู้หญิงเริ่มหย่อนยานไม่แข็งแรง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การคลอดบุตร อายุมากขึ้น อ้วน ไอเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ท่อปัสสาวะเปิด เมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก จึงทำให้มีปัสสาวะเล็ดออกมาได้นั่นเองครับ

ถึงแม้ว่าอาการปัสสาวะเล็ดจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแต่ก็รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อย เพราะสร้างความเครียดและทำให้รู้สึกรำคาญใจ ซึ่งคุณสาวๆ ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่สบายตัว ขาดความมั่นใจ รู้สึกกลัวหรือกังวลว่าเวลาปวดปัสสาวะจะเข้าห้องน้ำไม่ทันและมีปัสสาวะเล็ดออกมา

การปฎิบัติตัวเพื่อป้องกันอาการปัสสาวะเล็ดทำได้ง่ายๆ โดยการขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นเวลา ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรง โดยการขมิบหูรูดเป็นประจำเพื่อเพิ่มความกระชับ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป หลีกเลี่ยงอาการไอเรื้อรังโดยการไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่เครียด และไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปก็ช่วยได้เช่นกันครับ...

แต่ถ้าหากเริ่มรู้สึกว่าอาการปัสสาวะเล็ดเป็นบ่อยมากขึ้น หรือลองปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมจะดีกว่านะครับ




 

Create Date : 25 กันยายน 2561   
Last Update : 25 กันยายน 2561 9:37:51 น.   
Counter : 620 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com