นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

ขับรถทางไกลควรเตรียมพร้อมอะไรบ้าง?





ช่วงเทศกาลหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงนี้ หลายคนคงเตรียมตัวท่องเที่ยวกันไว้บ้างแล้วแต่ก่อนที่จะเดินทางออกไปท่องเที่ยวสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยหากจำเป็นต้องขับรถยนต์เป็นระยะทางไกลๆ นั้นก็คือการวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่อนร่วมเดินทาง

วันนี้เรามีคำแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะขับรถทางไกลมาฝาก ลองนำไปปฎิบัติตามกันดูนะครับ

üเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกเดินทางควรนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที

üศึกษาข้อมูลเส้นทางตรวจสอบสภาพรถ เครื่องยนต์ ระบบไฟระบบเบรคและยางรถยนต์ให้พร้อมก่อนออกเดินทางหากต้องบรรทุกน้ำหนักมากควรเพิ่มแรงดันมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์

üเตรียมพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ควรมีติดรถเช่น ยางและล้อสำรอง,แม่แรง,ไฟฉายและเครื่องมือประจำรถ

üศึกษาขั้นตอนปฎิบัติยามเกิดเหตุฉุกเฉินเช่น เมื่อเบรคใช้งานไม่ได้ควรทำอย่างไร, ยางระเบิดควรทำอย่างไร,เมื่อกระจกแตกควรทำอย่างไร

üคาดเข็มขัดนิรภัยปรับเบาะนั่งและที่วางศีรษะให้เหมาะสมจะช่วยลดความเมื่อยล้า

üหยุดพักเพื่อยืดเส้นยืดสาย ควรทำทุก 2 ชั่วโมง และในรายที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกไม่ควรขับรถติดต่อกันนานเกิน 1ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

üควรจิบน้ำเปล่าบ่อยๆในระหว่างการเดินทาง

üขับรถด้วยความระมัดระวังไม่ประมาทขับด้วยความเร็วไม่เกิน 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 


สำหรับบางคนอาจมองว่าการเดินทางไกลเป็นเรื่องที่ง่าย เพราะการขับรถก็ไม่ได้ยากอะไรแต่จริงๆแล้วการเดิทางไกลต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อม ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเราได้อย่างมากในการเดินทางหากเกิดกรณีฉุกเฉินนั่นเองเที่ยวให้สนุกและเดินทางโดยสวัสดิภาพกันทุกคนนะครับ




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2561   
Last Update : 24 ธันวาคม 2561 9:31:12 น.   
Counter : 557 Pageviews.  


4 อาหารคลายหนาว เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย




ช่วงอากาศเริ่มหนาวเย็นลงแบบนี้ วิธีที่จะช่วยคลายหนาวได้ดีแถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายก็คงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มร้อนๆ เพราะช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายได้ดีที่สุด แต่รู้หรือไม่? ครับว่ายังมีอาหารอีกหลายประเภทที่ทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นได้ แถมยังได้คุณค่าทางอาหารอีกเพียบ สำหรับอาหารคลายหนาวที่อยากแนะนำนี้รับประกันเลยครับว่าดีต่อสุขภาพแน่นอน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1. อาหารรสเผ็ดร้อนจากพริกและเครื่องเทศ เช่น หอม กระเทียม พริกไทย ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย ใบกะเพรา หรือแม้แต่สมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยลดอาการคัดจมูก อย่างเช่น ใบโหระพา อบเชย กานพลู นำมาประกอบอาหารจำพวกแกงร้อนๆ จะช่วยให้หายใจโล่งขึ้นปรับสมดุลในร่างกายให้เป็นปกติได้

2. โยเกิร์ต ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและเสริมสร้างสารแอนติบอดีบางชนิด โดยเลือกรับประทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติชนิดไขมันต่ำ น้ำตาลน้อยและมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตจะทำให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ครับ

3. ถั่วลิสงและอัลมอนด์ นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนชนิดดีแล้ว ถั่วลิสงและอัลมอนด์ยังมีไขมันที่ดีต่อร่างกาย ช่วยสร้างความอบอุ่นแถมยังกินได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วน อีกทั้งวิตามินบี3 ที่มีมากในถั่งลิสง ยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคลอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย เหมาะเป็นของกินเล่นในช่วงอากาศเย็นๆ แบบนี้มากๆ เลยครับ

4. นมถั่วเหลือง เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานกับร่างกายได้ไม่น้อย แถมดื่มแล้วไม่อ้วนเพราะในนมถั่วเหลืองมีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพอีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและบำรุงผิวพรรณได้แล้วถ้ายิ่งดื่มนมถั่วเหลืองร้อนๆ ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายอบอุ่นมากขึ้นไปอีก ดีแบบนี้รีบไปหามาดื่มกันเลยครับ

นอกจากนี้การดูแลสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากภายนอก รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอก็จะเป็นเกราะป้องกันที่ดีจากโรคภัยต่างๆ และทำให้พร้อมรับมือกับความหนาวเย็นที่จะมาเยือนได้ครับ




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2561   
Last Update : 19 ธันวาคม 2561 9:50:11 น.   
Counter : 679 Pageviews.  


ดื่มกาแฟถูกวิธี ดีต่อใจได้สุขภาพ




“กาแฟ”เครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั้งโลก โดยเฉพาะในวัยทำงานที่มีอัตราการดื่มกาแฟสูง ถึงแม้กาแฟจะมีคาเฟอีนที่อาจทำให้ใครหลายคน นอนไม่หลับ ใจสั่น มือสั่น หรือมีผลทำให้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีอาการมากขึ้นได้อีกด้วย

เข้าใจดีครับว่าสำหรับคนที่ติดกาแฟ การจะให้เลิกดื่มนั้นเป็นอะไรที่ทำได้ยากมากๆ ฉะนั้นใครที่มีกาแฟเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน มาดูกันครับว่าการดื่มกาแฟที่ถูกวิธีและดีต่อสุขภาพนั้นต้องทำอย่างไร?...

1. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการดื่มกาแฟคือช่วงเวลา 09.30-11.30 น. เพราะคาเฟอีนจะออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เป็นช่วงเวลาที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนชื่อว่าคอร์ติซอล ที่ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว

2. ปริมาณคาเฟอีนที่ดื่มในแต่ละวันไม่ควรเกิน 300 มิลลิกรัม เช่น กาแฟสด 2 แก้วต่อวันหรือกาแฟสำเร็จรูปประมาณ 3 แก้วต่อวัน จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

3. ดื่มกาแฟเย็นให้น้อยลง เพราะกาแฟเย็นนิยมปรับเพิ่มรสชาติด้วยการเติมนมข้นหวาน น้ำตาล หรือครีมเทียม ที่ทำให้เกิดอันตรายและโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคอ้วน หันมาดื่มกาแฟร้อนให้มากขึ้น

4. ไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง เพราะสารคาเฟอีนจะไปเร่งให้มีการสร้างกรดออกมามาก อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ หลังดื่มกาแฟควรดื่มน้ำเปล่าตามไปด้วย
คนที่ดื่มกาแฟจะมีภาวะเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนควรกินอาหารเสริมแคลเซียมจากแหล่งอื่นร่วมด้วย

5. ไม่ดื่มกาแฟก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนหลับยากส่งผลให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อน

6. ถ้าแต่ละวันดื่มกาแฟในปริมาณมากแล้ว ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทอื่นที่มีสารคาเฟอีนอีก

ใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟลองเอาไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ จะได้ดื่มกาแฟที่ตัวเองชื่นชอบแบบไม่เสียสุขภาพ




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2561   
Last Update : 17 ธันวาคม 2561 9:27:11 น.   
Counter : 801 Pageviews.  


ก่อนเป็นโรคไต ใครบ้าง? ที่ควรตรวจ




ไตเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีหน้าที่กำจัดของเสีย รักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย รักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างและเกลือแร่ หากเกิดความผิดปกติขึ้นกับไตย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างแน่นอนครับ

ซึ่งอาการสำคัญที่พบได้ คือ ปัสสาวะเป็นฟอง เป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือขุ่น มีอาการบวมทั่วตัว ที่สังเกตได้ง่ายคือบริเวณเปลือกตา ขา และเท้า มีอาการปวดหลังบริเวณใต้ชายโครงข้างกระดูกสันหลัง หรือมีความดันโลหิตสูงเพราะโรคไตจะมีอาการแย่ลงทีละน้อย ซึ่งหลายคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นโรคไตอยู่ จนอาการแย่มากแล้ว

การตรวจพบและได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ อาจทำให้โรคไตเรื้อรังคงตัวและหายได้ ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคไต คือ ผู้ที่อายมุากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีประวัติโรคไตเรื้อรังในครอบครัว ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเกาต์ หรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน ผู้ที่ได้รับยาแก้ปวดหรือสารพิษที่ทำลายไตเป็นประจำ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้นควรได้รับการตรวจคัดกรองโรคไต

รวมถึงการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเอง ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ และไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลโรคไตได้แล้วครับ

ทั้งนี้การรักษาโรคไตเรื้อรังสามารถทำได้ด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การฟอกเลือดทางช่องท้อง การผ่าตัดปลูกถ่ายไต ส่วนจะใช้วิธีใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ครับ




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2561   
Last Update : 14 ธันวาคม 2561 9:31:28 น.   
Counter : 722 Pageviews.  


ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน คุณป้องกันได้





ถุงน้ำดีมีหน้าที่หลักในการเก็บสำรองน้ำดีที่ผลิตจากตับ น้ำดีช่วยในการย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกไขมัน หากเกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี จะส่งผลให้ถุงน้ำดีบวมหรืออักเสบได้ครับ

นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) หรือคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในน้ำดี ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกผลึกของสารเหล่านี้เชื่อว่าเกี่ยวกับการติดเชื้อของทางเดินน้ำดีและความไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว หรือก้อนเล็กๆ หลายๆ ก้อนก็ได้

ถุงน้ำดีอักเสบส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการมีก้อนนิ่วไปอุดตันท่อทางเดินน้ำดี ทำให้มีอาการผิดปกติของระบบการย่อยอาหาร ซึ่งเมื่อกินอาหารเข้าไปแล้วจะรู้สึกจุกแน่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย อาจมีอาการเฉียบพลันเลย หรืออาจเป็นลักษณะเรื่อยๆ ทำให้บางทีเข้าใจผิดว่าเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากมีอาการคล้ายๆ กัน

หรือในบางคนอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการที่ถุงน้ำดีอักเสบได้ โดยอาจมีอาการตัวเหลือง ปวดท้อง ร่วมกับมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งหากเกิดนานหลายชั่วโมง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะโรคถุงน้ำดีอักเสบควรได้รับการตรวจ วินิจฉัยโรคและรักษาอย่างเร่งด่วนครับ

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันจากนิ่ว ระเบิดเวลาที่ป้องกันได้ด้วยการตรวจ
อัลตร้าซาวด์ ซึ่งหากตรวจพบตะกอนในถุงน้ำดี หรือนิ่วขนาดเล็ก อาจจะรักษาด้วยการคุมอาหาร ทานยา หรือใช้กล้องส่องทางเดินอาหารเพื่อคีบนิ่วออกโดยไม่ต้องผ่าตัดได้ครับ




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2561   
Last Update : 12 ธันวาคม 2561 9:48:50 น.   
Counter : 750 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com