นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

ใช้วิธีบอลลูน.....รักษาไซนัสอักเสบเรื้อรัง

ใช้วิธีบอลลูน.....รักษาไซนัสอักเสบเรื้อรัง

*** ช่วยให้ผู้ป่วยพ้นจากอาการที่เคยเป็นมาก่อน และใช้ชีวิตอย่างสบายๆ เหมือนคนทั่วไปหลังจากตัดสินใจเลือกวิธีรักษาที่เป็นผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้รักษาโรคอักเสบเรื้อรังในโพรงจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด และพักฟื้นวันเดียวก็กลับบ้านได้แล้ว
*** อดีตผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังรายหนึ่งซึ่งได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล โดยต้องเผชิญสภาพหวัดเรื้อรังมาโดยตลอด ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ ซึ่งนอกจากจะเป็นหวัดประจำแล้วยังมีอาการปวดโพรงจมูก เรื่อยไปจนถึงหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก จึงตัดสินใจเข้ารับรักษาหลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้ใกล้ชิด
*** อดีตผู้ป่วยยังได้เล่าถึงอาการที่ต้องเผชิญมาตลอดก่อนเข้ารับการรักษาโดยระบุว่า “เป็นหวัดบ่อยๆ แล้วเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วด้วย จะทำให้ปวดบริเวณโพรงจมูก ปวดตรงหน้าผาก ก็ไปรักษาทั่วๆไปมันก็ไม่ดีขึ้น มันแย่ตรงที่ว่าพอได้กลิ่นอะไรมันก็จะปวด จะไปไหนทำอะไรก็ไม่สะดวกแต่ก็จำต้องทนจนมีเพื่อนแนะนำให้มาที่โรงพยาบาล เพราะว่ามีหมอเฉพาะทางก็เลยสนใจ ซึ่งหลังจากคุณหมอให้เอกซเรย์แล้วพบว่ามีหนองอุดตันอยู่ข้างใน ก็แนะนำว่ามี 2 วิธีที่จะบอลลูนหรือจะผ่าตัด แต่ฟังคำแนะนำของคุณหมอแล้วก็สนใจและเชื่อมั่นที่จะทำบอลลูน
*** นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงอาการของคนไข้หลังจากได้รับการรักษาด้วยบอลลูนผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่า “หลังจากเข้ารับการรักษาไซนัสอักเสบด้วยบอลลูนโดยไม่ต้องผ่าตัดนั้น คนไข้รู้สึกสบายๆ เหมือนใช้ชีวิตปกติที่อยู่กับบ้าน เหมือนคนไม่ได้ป่วยเลย”
*** ส่วนคนไข้เอง ได้เปิดเผยความรู้สึกในการรักษาไซนัสอักเสบเรื้อรังด้วยบอลลูนจากที่โรงพยาบาลรามว่า ตอนนี้รู้สึกดีมาก หายใจได้สะดวก ไม่เจ็บ ระยะพักฟื้นก็สั้นมาก หลังจากกลับบ้านได้ 1-2 วันก็สามารถออกไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
*** ทางด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ของทางโรงพยาบาล ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคไซนัสอักเสบ ซึ่งโดยส่วนมากหากเป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันก็คือ อาการหวัดที่นานเกิน 10 วัน แต่หากเป็นในกลุ่มเรื้อรังจะมีอาการหวัดเกิน 3 เดือน โดยผู้ป่วยจะมีอาการหวัด มีน้ำมูกสีเขียวเหลืองลงคอ คัดแน่นจมูก ปวดแน่นบริเวณหน้าผาก แก้มสองข้างหรือแม้แต่ท้ายทอย มีกลิ่นปากหรือว่าไอเรื้อรัง อ่อนเพลีย ซึ่งอาจมีหรือ ไม่มีอาการไข้ร่วมด้วยก็ได้ สำหรับการรักษาโดยทั่วไปจะใช้ยาปฏิชีวนะหรือการพ่นยาร่วมกับการดูดน้ำมูก แต่ปัจจุบันมีวิธีการรักษาไซนัสอักเสบเรื้อรังที่กำลังได้รับความนิยม โดยการใช้เทคนิคบอลลูน ขยายรูเปิดโพรงไซนัส คล้ายกับการขยายหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งได้ผลดีเพราะผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัวจากการตัดเนื้อเยื่อ ทั้งช่วยลดภาวะแทรกซ้อนและการพักฟื้นได้เป็นอย่างดี
*** “คนไข้กลุ่มที่ว่ามีหนองค้างในไซนัสที่เราคิดว่าจะสามารถขยายรูเปิดได้อย่างเช่นบริเวณหน้าผาก แก้มและฐานกระโหลก เราสามารถใช้เทคนิคใหม่ที่เป็นบอลลูนขยายรูเปิดของไซนัสเพื่อให้หนองไหลออกมาได้ โดยประสิทธิภาพของบอลลูนสามารถขยายรูเปิดของไซนัสได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งข้อดีของบอลลูนประการแรกคือปลอดภัย สองก็คือคนไข้เสียเลือดน้อยเพราะว่าการทำบอลลูนไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อต่างๆ โอกาสเสียเลือดจึงมีน้อยมาก ประการที่สามคือวิธีนี้ถือเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็กหรือ Minimal Invasive ประการที่สี่คือกลับบ้านได้เร็ว วันรุ่งขึ้นก็มักจะกลับบ้านได้ และสุดท้ายสามารถนำมาใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของการรักษาคนไข้เอง”
*** ในตอนท้ายแพทย์ที่ทำการรักษากล่าวว่า การรักษาไซนัสอักเสบเรื้อรังด้วยบอลลูนนี้ ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้กับผู้ป่วยทุกราย ซึ่งถึงอย่างไรก็ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยละเอียดเสียก่อน และทางที่ดีแล้วหากใครมีอาการหวัดเรื้อรังติดต่อกันเป็นเวลานานก็อย่านิ่งนอนใจ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด


ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลรามคำแหง
//www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2552   
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 10:41:35 น.   
Counter : 2327 Pageviews.  


ยื้อชีวิต...ช็อกไฟฟ้าหัวใจ กว่า 100 ครั้ง

ยื้อชีวิต...ช็อกไฟฟ้าหัวใจ กว่า 100 ครั้ง
ก่อนส่งตัวไปเปลี่ยนหัวใจรอดหวุดหวิด

*****อาการโคม่าระหว่างรอบายพาส และหัวใจเต้นผิดปกติอย่างหนัก ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องระดมฝ่าวิกฤติจนเป็นผลสำเร็จ แถมโชคช่วยให้ได้รับหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยนหลังเกิดเหตุภายในไม่กี่ชั่วโมงจนรอดตายกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติโดยไม่ต้องพึ่งหัวใจดวงเก่าอีกต่อไป
*****รายละเอียดของกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ อดีตผู้ป่วยโรคหัวใจซึ่งเคยผ่านความทุกข์ทรมานจากอาการหลอดเลือดหัวใจตีบส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกายทำให้หัวใจมีขนาดโตขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้เหนื่อยง่ายแม้จะออกแรงเดินไปไหนในระยะใกล้ๆ หรือแม้จะนั่งอยู่เฉยๆ และในที่สุดได้เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจติดขัด มาเป็นระยะเวลานานแม้จะทานยาเพื่อควบคุมอาการมาอย่างต่อเนื่องแต่อาการได้เริ่มรุนแรงขึ้นจึงตัดสินใจไปเข้ารับการรักษาที่ศูนย์หัวใจของโรงพยาบาล
*****อดีตผู้ป่วยรายนี้เผยต่อไปอีกว่า หลังจากตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดและพบต้นตอแล้ว แพทย์ได้แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดบายพาสโดยด่วน แต่ด้วยความรุนแรงของโรคทำให้หัวใจเต้นผิดปกติอย่างหนักระหว่างรอการผ่าตัด และทีมแพทย์ได้ตัดสินใจใช้วิธีช็อกไฟฟ้าหัวใจกว่า 100 ครั้ง เพื่อช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ แต่ในที่สุดคณะแพทย์ได้ลงความเห็นว่าทางรอดเหลืออยู่ที่การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีกวิธีเดียว ซึ่งตนเองมิได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้แต่ก็เหมือนมีปาฏิหาริย์ที่มาช่วยให้ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจนมีชีวิตรอดมาถึงปัจจุบัน
*****สำหรับอายุรแพทย์ด้านโรคหัวใจของโรงพยาบาล ได้อธิบายถึงลักษณะอาการของโรคหัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เพียงพอ โดยสาเหตุอาจเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ ขาดการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและการรับประทานอาหารรสเค็มเกินไป เป็นต้น
*****ทั้งนี้ กรณีของอดีตผู้ป่วยมีปัญหาของหลอดเลือดหัวใจตีบเรื้อรัง แล้วก็มีหัวใจโตขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม อีกทั้งเป็นผู้ป่วยวิกฤต ดังนั้นการผ่าตัดบายพาสจะสามารถแก้ไขได้ แต่ในระหว่างที่รอการผ่าตัดอยู่นั้น ผู้ป่วยก็เกิดหัวใจเต้นไม่ปกติติดต่อกันหลายครั้ง แม้แต่ให้ยาแก้หัวใจเต้นไม่ปกติหลายขนานก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการช็อกไฟฟ้าหัวใจเป็น 100 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 8 ชั่วโมง ก็ทำให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง “ขณะเดียวกันเราก็ได้แจ้งให้ญาติของผู้ป่วยทราบว่าทางเลือกสุดท้ายก็คือการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ”
*****หลังจากรับทราบจากแพทย์แล้ว ญาติของผู้ป่วยได้ติดต่อขอจองหัวใจดวงใหม่ที่มีผู้บริจาคให้กับศูนย์ปลูกถ่ายหัวใจที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับหัวใจดวงใหม่อย่างรวดเร็วเพียง 7 ชั่วโมง ซึ่งคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์หัวใจของโรงพยาบาลได้ติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อส่งตัวผู้ป่วยไปเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจนเป็นที่เรียบร้อยและช่วยให้ผู้ป่วยรายนี้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
**** “ตอนนี้ใช้หัวใจใหม่มาได้ 5-6 เดือนแล้ว และมีอาการปกติเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลย ทำงานได้เหมือนคนปกติดีใจมาก และต้องขอขอบคุณคุณหมอจากโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ที่ช่วยชีวิตให้” อดีตผู้ป่วย เล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
*****ในตอนท้ายอายุรแพทย์ด้านโรคหัวใจของโรงพยาบาล ได้แนะนำวิธีการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรคได้แก่ โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ แต่หากอยู่ในระยะของโรคหัวใจล้มเหลวแล้ว ควรเน้นควบคุมเรื่องการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอและควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ เพื่อตรวจเช็คร่างกายเป็นประจำ ก็จะทำให้สภาพโดยทั่วไปดีขึ้น


//www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 10:57:15 น.   
Counter : 1395 Pageviews.  


ผู้ป่วยโรคหัวใจพึงระวัง...อาจตายเฉียบพลัน

ผู้ป่วยโรคหัวใจพึงระวัง !!!! เสี่ยงตายเฉียบพลันจากหัวใจล้มเหลว

*****อัตราเสี่ยงของผู้ป่วยโรคหัวใจแทบทุกชนิดที่อาจนำมาซึ่งภาวะหัวใจล้มเหลวและมีโอกาสเสียชีวิตเฉียบพลันได้อย่างไม่คาดคิด พร้อมกับเตือนผู้ป่วยให้หมั่นสังเกตตนเองก่อนสายเกินแก้ โดยแนะเทคนิคในการรักษาที่ช่วยลดระดับความรุนแรงของภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างได้ผล
******แพทย์ที่ปรึกษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อธิบายว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายได้ ซึ่งระดับความรุนแรงจะสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ คือ

--- ระดับที่ 1 ผู้ป่วยจะมีภาวะหัวใจล้มเหลวอยู่แล้วแต่จะไม่แสดงอาการ
--- ระดับที่ 2 ถือว่าเป็นขั้นต้นของอาการหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยเวลาออกแรง
--- ระดับที่ 3 เป็นระยะปานกลางผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยแม้จะทำกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ
--- ระดับที่ 4 เป็นขั้นรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา แม้ในขณะนั่ง ยืน เดินหรือนอนก็มีอาการเหนื่อยส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างเห็นได้ชัด

******สำหรับสาเหตุส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความผิดปกติของหัวใจเป็นอันดับแรก ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด รองลงมาคือโรคของกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนกำลัง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ กลุ่มของลิ้นหัวใจผิดปกติและโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด สิ่งเหล่านี้หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดีพอจะนำมาซึ่งหัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด
***** “ผู้ป่วยโรคหัวใจทุกคนมีสิทธิเป็นโรคหัวใจล้มเหลวได้ทั้งนั้น หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เราพบว่าภาวะของหัวใจล้มเหลวเป็นภาวะสำคัญระดับต้นๆ 1 ใน 5 ของการเข้านอนโรงพยาบาล อย่างในสหรัฐอเมริกาจะพบว่าผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวมีสูงถึง 5-6 ล้านคน และก็มีผู้ป่วยรายใหม่ที่เกิดขึ้นมากถึง 4 แสนรายต่อปี แล้วที่น่ากลัวกว่านั้นคือคนไข้หัวใจล้มเหลวมีโอกาสตายสูงมาก นอกจากนี้ภาวะหัวใจล้มเหลวยังเป็นตัวบั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้แย่ลง ไม่ตายแต่ก็ไม่มีความสุข เพราะว่าไปไหนก็ไม่ได้ จำกัดไปหมดเลย แพทย์กล่าว”
*****ส่วนวิธีการรักษาอาการหัวใจล้มเหลวของผู้ป่วยนั้นขึ้นอยู่กับระยะความรุนแรงของโรค ซึ่งหากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะส่งผลดีต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น แพทย์จะเริ่มต้นการรักษาด้วยการรับประทานยาภายหลังจากการตรวจวินิจฉัยด้วยการอัลตราซาวดน์หัวใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ป่วยจะต้องทานยาอย่างน้อย 6 ชนิดไปตลอดชีวิตเพื่อรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ให้รุนแรงมากขึ้น แต่ปัจจุบันนี้วิวัฒนาการทางด้านการแพทย์โรคหัวใจได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้มีการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า “เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดพิเศษ” (CARDIAC RESYNCHRONIZATION THERAPY: CRT) เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวได้เป็นอย่างดี
*****แพทย์ที่ปรึกษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล่าวว่า “เครื่อง CRT ไม่สามารถใช้ได้กับคนไข้หัวใจล้มเหลวทุกราย เฉพาะคนไข้หัวใจล้มเหลวที่มีหลักฐานว่าหัวใจห้องขวาล่างกับซ้ายล่างทำงานไม่สัมพันธ์กัน และอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 โดยมีกำลังหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งดูได้จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และคนไข้กลุ่มนี้จะมีโอกาสใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจทันที
******โดยทั่วไปแล้วอาการของคนไข้ก็จะดีขึ้นเป็นขั้นๆ หมายความว่าเคยอยู่ในระยะขั้นรุนแรง เมื่อใส่เครื่องเข้าไปแล้วจะขยับขึ้นเป็นขั้นปานกลางหรือระยะขั้นต้นก็มี ซึ่งก็ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสภาพหัวใจที่ดีขึ้น มีอัตราการเข้าออกจากโรงพยาบาลลดลงและที่สำคัญคืออัตราการตายก็ลดลงด้วยครับ”
******อย่างไรก็ตาม การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวด้วยการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดพิเศษหรือ CRT นี้ ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่ ผู้ป่วยจึงควรต้องทำการรักษาโรคหัวใจซึ่งเป็นต้นเหตุเสียก่อน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาหัวใจล้มเหลวอย่างได้ผลและควรหมั่นตรวจสุขภาพหัวใจของตนเองอย่างสม่ำเสมอเป็นดีที่สุด


//www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 10:49:23 น.   
Counter : 1343 Pageviews.  


ดูแลหัวใจ.. ด้วยใจ

ดูแลหัวใจ.. ด้วยใจ
Pocket Book ฉบับกระเป๋า 4 สีสวยงามทุกหน้า ที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระเกี่ยวกับโรคหัวใจล้วนๆ

เนื้อหาโดยสังเขป:
เจาะลึกเรื่องราวประเด็นของโรคหัวใจ โรคที่ใครๆ ไม่นึกอยากจะเป็น และน้อยคนนักที่จะรู้ว่าตนเองกำลังเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจเต้นผิดปกติ ภาวะหัวใจล้มเหลว เนื้อหาในเล่ม ช่วยให้คุณรู้ทันและรับมือกับโรคหัวใจได้อย่างถูกต้อง ทั้งผู้ที่เป็นโรคหัวใจและผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจ พร้อมเรียนรู้วิธีการสังเกตสัญญาณอันตรายจากโรคหัวใจ และเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพหลังการขยายหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งคำถามและคำตอบเกี่ยวกับโรคหัวใจที่ควรรู้จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ ตลอดจนการดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข
เริ่มวางแผงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊คทุกสาขาทั่วประเทศ ราคา 190 บาท

//www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 4 พฤษภาคม 2552 14:39:31 น.   
Counter : 1326 Pageviews.  


คำถามที่พบบ่อยๆ ในอาการปวดหลัง (2)

คำถามที่พบบ่อยๆ ในอาการปวดหลัง (2)
เวลานั่งนานๆ จะปวดเอว คอ อยู่นิ่งนานๆ ไม่ได้บางครั้งปวดไปตลอดแนวสันหลัง แขน ขา ปวดจนรู้สึกทนไม่ไหว ?
ตอบ การปวดที่บริเวณ ลำตัว ตั้งฉากกับพื้นโลก เป็นจากการใช้กล้ามเนื้อ-ข้อ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาต่อไป



ปวดกล้ามเนื้อสะบักด้านขวาเรื้อรังประมาณ 2 ปี ทำอย่างไรจึงจะหายขาด
ตอบ การปวดกล้ามเนื้อสบัก มักมีสาเหตุจากการใข้งานยาวนานหรือไม่ถูกลักษณะ, ความเครียด, กระดูกต้นคอ หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม, การอักเสบ หรือการรับประทานผงชูรส ลองหาสาเหตุแล้วแก้ไขที่ต้นเหตุ การออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อต้นคอและใหล่จะช่วยได้บ้าง


เป็นโรคกระดูกสันหลังคดและปวดช่วงเอวมานาน 1ปี จะมีอาการปวดทุกวันบางครั้งปวดถึงท้องด้านหน้าด้วยจะมีการดูแลรักษาอย่างไร
ตอบ พบแพทย์ตรวจดูก่อนดีกว่า


มีความรู้สึกร้อนๆ ที่บริเวณหลังส่วนเอวเวลากดแรงๆ จะเจ็บมีความรู้สึกเช่นนี้ตลอดเวลาหลายเดือนมานี้ ทั้งๆ ที่ออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลัง เวลาเช้าเป็นประจำ (เคยเป็นหมอนรองกระดูกปลิ้น ทำกายภาพแล้วอาการดีขึ้น)
ตอบ พบแพทย์ใกล้บ้านตรวจดูครับ ว่าเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังทรุดตัวหรือไม่


ถ้าหากเคยผ่าตัดใส่ลวดที่เข่า (สะบ้าร้าว) มาเป็นเวลา 10 ปี แล้วมีอาการปวดหลังจะมีผลต่อเข่าที่เคยผ่าตัดหรือไม่
ตอบ ไม่เกี่ยวข้องครับ
จากกรณีดังกล่าว จำเป็นไหมที่ต้องผ่าเอาลวดออก ถ้าเอาไว้ต่อไปจะมีผลต่อร่างกายไหม
ตอบ ทางการแพทย์ลวดก็เป็นสิ่งแปลกปลอม จะแนะนำให้เอาออกหลังผ่าตัดแล้ว 18 เดือนครับ หรือเอาไว้ถ้าไม่ระคายเคืองก็ไม่เป็นไรครับ


การทานยาแคลเซียมที่ถูกต้องควรทานอย่างไร ?
-บางท่านว่าทานปริมาณมากไปก็เกิดหินปูน -ช่วงใดบ้าง เช้า – บ่าย อายุเท่าใดเริ่มทานได้
ตอบ ร่างกายควรได้รับแคลเซียม 600 – 800 มก. ต่อวัน เริ่มได้ตั้งแต่เด็กเลยครับ เมื่อรับประทานแล้วออกกำลังกายจะช่วยการดูดซึม ถ้ารับประทานแล้วนอนก็ไม่ค่อยดูดซึมครับ


มีอาการปวดสะโพกด้านซ้ายปวดตึงถึงเท้าด้านซ้ายพบหมอหลายครั้ง แล้วหมอให้ยาแก้ปวด , แก้อักเสบ, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยานวดคลายกล้ามเนื้อ กินยานานๆ จะมีผลข้างเคียงไหม ?
ตอบ อาการเช่นนี้น่าจะมีอาการระคายเคืองเส้นประสาทที่ออกจากหลังไปเลี้ยงเท้า ถ้ารับประทานยา บริหารกล้ามเนื้อท้อง-หลัง ไม่หาย ควรพบแพทย์ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะทราบอาการว่าควรรักษาอย่างไร


เคยผ่าตัดหมอนรองฯ เมื่อปีที่แล้ว กลับมาปวดอีกควรรักษาต่ออย่างไร?
ตอบ ควรพบแพทย์ตรวจซ้ำครับ อาจมีหมอนรองฯ แตกอีก หรือหมอนยุบค้างก็ได้


กระดูกหลังคดทำให้หลังตรงเอวและเข่าข้างซ้ายปวดอยู่เสมอ ต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ พบแพทย์หาสาเหตุหลังคด แก้เหตุที่หลังคดอาการก็ดีขึ้นได้ หลังคดอาจจะเกิดจากข้อหลัง หมอนรองกระดูกสันหลังมีปัญหาส่วนหลังคดไม่ทราบสาเหตุ ถ้าไม่คดมากเกิน 30 องศา ก็มักจะไม่มีปัญหา แต่ปวดหลังง่าย ถ้าเกิน 30 องศาต้องผ่าตัดครับ


เป็นหมอนรองกระดูกแตกหมอบอกยังไม่ต้องผ่าตัดเพราะบางครั้งอาจมีช่องโหว่ให้เส้นประสาทผ่านได้จึงไม่กดทับ ถ้าไม่ปวดและอาการดีขึ้นแค่กินยาอย่างเดียวเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลังหรือไม่ ?
ตอบ หมอนรองฯ ฉีก ขาด แตก อาจไม่กดทับเส้นประสาท แต่อนาคตจะยุบทรุดตัวได้ครับ ต้องออกกำลังกายควบคุมน้ำหนักร่วมด้วยครับ


//www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 20 เมษายน 2552   
Last Update : 20 เมษายน 2552 15:19:59 น.   
Counter : 1377 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com