ปวดหู หูอักเสบ ระวังสูญเสียการได้ยินถาวร   อาการปวดหูส่วนใหญ่เกิดจากการอักเสบของหูชั้นนอก หรือหูชั้นกลาง เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้สูญเสียการได้ยินถาวร โดยการอักเสบของหูชั้นนอกคือใบหูและรูหู มักเกิดจากการแคะหูจนเป็นแผล แล้วเกิดการอักเสบตามมา ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหู โดยเฉพาะเมื่อจับหรือดึงใบหู รูหูบวม มีน้ำไหลจากหู การได้ยินลดลง ส่วนหูชั้นกลางอักเสบพบมากในเด็กเล็ก วัยเรียน และมักจะมีอาการปวดหู ร่วมกับการเป็นไข้หวัด กินอาหารได้น้อย ซึม การได้ยินลดลง และอาจมีน้ำหนองไหลออกจากหูได้ หากสงสัยว่าหูมีการอักเสบ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง หากปล่อยไว้อาจเกิดการติดเชื้อลามเข้าสู่หูชั้นใน อาจทำให้สูญเสียการได้ยินและเยื่อแก้วหูทะลุถาวรได้เลยนะครับ ที่สำคัญไม่ควรใช้ไม้แคะหู และระวังไม่ให้น้ำหรือสารๆ ใดเข้าหู ก็จะช่วยป้องกันการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้   Create Date : 07 ตุลาคม 2562     0 comment Last Update : 7 ตุลาคม 2562 10:04:14 น.     Counter : 1713 Pageviews.   Share Tweet

ภาวะน้ำตาเอ่อ ใครที่มีอาการน้ำตาไหลบ่อย มีขี้ตาคล้ายๆ เมือกเหนียวสีขาวขุ่นหรือสีเหลือง ตาอักเสบบวมแดง มีหนอง ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ เพราะอาจเกิดจาก “ภาวะน้ำตาเอ่อ” อยู่ก็เป็นได้ โดยธรรมชาติของดวงตาแล้ว ต่อมน้ำตาจะมีการสร้างน้ำตาเพื่อมาหล่อเลี้ยงและทำให้กระจกตาชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรากระพริบตาน้ำตาจะถูกหลั่งออกมาเคลือบพื้นผิวของดวงตา และระบายออกลงไปที่ท่อน้ำตาบริเวณหัวตา ซึ่งมีปลายเปิดในจมูก โดยมีบางส่วนระเหยไปในอากาศ #ภาวะน้ำตาเอ่อ จึงเกิดจากการอุดตันที่ปลายท่อน้ำตา ทำให้น้ำตาไหลลงไม่ได้ เกิดอาการน้ำตาคลอเบ้า ตาแฉะ น้ำตาไหลบ่อย มีขี้ตามาก เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ท่อน้ำตาอุดตัน จากเยื่อบางๆ ปิดที่ปลายท่อน้ำตา การฉีกขาดของหนังตาจากอุบัติเหตุ การติดเชื้อ ตาแห้ง หรือหลังจากการผ่าตัด โรคนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในเด็กแรกเกิดจนถึงผู้ใหญ่ คนสูงอายุ และผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ หากเกิดการอักเสบอาจทำให้ตาบวมแดง มีหนองแตกออกมาจากหนังตาล่างไปทางหัวตา หากไม่รีบรักษาอาจเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนและยากต่อการรักษาได้ วิธีรักษาทำได้โดยการแยงท่อน้ำตาเพื่อเปิดทางระบายน้ำตา แต่ไม่ใช่ใครก็แยงท่อน้ำตาได้นะ อันตราย ต้องให้จักษุแพทย์ทำให้ นอกจากนี้ก็มีการให้ยา หากมีภาวะน้ำตาเอ่อจากการที่ตาแห้ง ถ้ามีการอักเสบติดเชื้อในตาจากภาวะหนังตาม้วนเข้าหรือม้วนออกในผู้สูงอายุ อาจต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไข วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือ เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตาให้มาพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันการลุกลามของโรค สุขภาพดวงตาก็เหมือนสุขภาพร่างกายทั่วไปที่ควรเข้ารับการตรวจเป็นประจำทุกปีเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน   Create Date : 03 ตุลาคม 2562     0 comment Last Update : 3 ตุลาคม 2562 10:20:48 น.     Counter : 1732 Pageviews.   Share Tweet

ใจสั่น น้ำหนักตัวลดลง แม้ไม่ได้คุมอาหาร ต้องระวังอาการไทรอยด์เป็นพิษ ใจสั่น น้ำหนักตัวลดลง แม้ไม่ได้คุมอาหาร ต้องระวังอาการไทรอยด์เป็นพิษ   “ไทรอยด์เป็นพิษ” เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้นหรือเกิดจากร่างกายสร้างสารแอนติบอดี้ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้างฮอร์โมนมากขึ้น หรือต่อมไทรอยด์อักเสบ ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากกว่าปกติ ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยควบคุมกระบวนการเผาผลาญ และการใช้พลังงานต่างๆ ภายในร่างกาย ถ้าร่างกายมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงขึ้น จะทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญมากขึ้น เหมือนร่างกายทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้น้ำหนักตัวลดลง แม้จะทานอาหารเท่าเดิมหรือมากขึ้น น้ำหนักตัวก็จะไม่เพิ่มขึ้น เมื่อไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้เกิดอาการใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว หงุดหงิดง่าย เหนื่อยง่าย ตาโปน ผมร่วง ขี้ร้อน เหงื่อออกมากถ่ายอุจจาระบ่อย บางครั้งอาจเกิดภาวะประจำเดือนผิดปกติ บางคนอาจสังเกตเห็นต่อมไทรอยด์ที่อยู่บริเวณลำคอด้านหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น... วิธีตรวจต่อมไทรอยด์ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ส่องกระจก ยืดลำคอขึ้น หันทางซ้ายและขวาช้าๆ เพื่อหาความผิดปกติบริเวณลำคอ ใช้นิ้วชี้นิ้วกลางของมือทั้งสองข้างคลำลำคอพร้อมๆ กันในแต่ละด้าน จากด้านหลังไปด้านหน้าและจากบนลงล่าง ถ้าสัมผัสแล้วติดขัดเหมือนมีก้อนให้ลองคลึงดูหากพบก้อนผิดปกติให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการอาจกำเริบรุนแรงส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวนอย่างมาก เช่น อาการหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอและอาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้  นอกจากนี้ยังอาจพบอาการทางระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน การควบคุมอุณหภูมิร่างกายผิดปกติ ทำให้มีไข้สูง บางรายอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ การรักษาไทรอยด์ที่มีสาเหตุมาจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากโดยทั่วไปทำได้โดย 1. การใช้ยาชนิดรับประทานเพื่อควบคุมการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ให้ปกติ 2. การกลืนแร่รังสีไอโอดีน 3. การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ ไทรอยด์เป็นพิษเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอดังนั้นการเป็นคนช่างสังเกตและใส่ใจสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญและเมื่อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ก็จะทำให้โรคไม่ลุกลามรุนแรงและหายขาดได้   Create Date : 02 ตุลาคม 2562     0 comment Last Update : 2 ตุลาคม 2562 10:01:43 น.     Counter : 1658 Pageviews.   Share Tweet

หลุม รอยดำ จากอีสุกอีใส ทำอย่างไร?   เมื่อพูดถึง “อีสุกอีใส” หากเป็นโรคนี้ในวัยผู้ใหญ่อาจรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ไม่ใช่เพราะอาการป่วยที่หนักหนา แต่เพราะรอยดำ รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นและทิ้งร่องรอยไว้กับเราอย่างยาวนานนั่นเอง รู้หรือไม่? ว่ามีผู้ใหญ่ประมาณ 5% ที่ไม่มีภูมิและมีโอกาสที่จะติดเชื้ออีสุกอีใสได้ และเมื่อเป็นแล้วจะมีโอกาสเสียชีวิตหรือเกิดผลแทรกซ้อนจากโรคอีสุกอีใสมากกว่าเด็กๆ ได้อีกด้วย อีสุกอีใสเป็นเชื้อที่แพร่ได้ง่ายตั้งแต่ 1-2 วันก่อนตุ่มขึ้นไปจนถึงระยะตกสะเก็ด จากการหายใจ ไอ จาม การสัมผัสผู้ป่วยหรือใช้ของร่วมกันที่ควรระวังในผู้ใหญ่คือกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง หรือผู้ที่มีมีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น ผู้ป่วย HIV ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดผลแทรกซ้อนสูง นอกจากนี้สตรีมีครรภ์โดยเฉพาะอายุครรภ์ต่ำกว่า 20 สัปดาห์ หากเกิดการติดเชื้ออีสุกอีใส จะมีโอกาสที่เด็กจะออกมามีความผิดปกติรุนแรงได้ประมาณ 1% หากไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยเป็นอีสุกอีใส การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันได้ถึง 70-90% และป้องกันการเกิดโรครุนแรงได้ถึง 95% เลยทีเดียว หากใครมีอาการคล้ายหวัด มีตุ่มหรือผื่นขึ้นตามตัว อย่าปล่อยไว้นานให้รีบมาพบแพทย์รับยาฆ่าเชื้อไวรัสและรักษาตามอาการ จะช่วยลดความรุนแรงและป้องกันการเกิดแผลเป็นได้ เป็นอีสุกอีใสแล้วรักษาอย่างไร? แพทย์ผิวหนังอาจจะให้ยาทาป้องกันการติดเชื้อ ยาลดอาการคันและให้คำแนะนำการดูแลแผลที่ถูกต้องและละเอียดครอบคลุมเรื่องการรักษาหลุมที่เกิดจากอีสุกอีใส รอยดำ รอยแผลเป็นหลังจากที่โรคอีสุกอีใสหายแล้ว เช่น การทายา การทำเลเซอร์ต้องทำขณะเป็นแผลเป็นใหม่ๆ ซึ่งจะได้ผลดีและช่วยให้หายเร็วขึ้นได้   Create Date : 01 ตุลาคม 2562     0 comment Last Update : 1 ตุลาคม 2562 9:54:54 น.     Counter : 1815 Pageviews.   Share Tweet

ดูแลผิวหน้าหลังทำเลเซอร์ให้ถูกวิธี ป้องกันการอักเสบติดเชื้อ การทำเลเซอร์เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองจึงเป็นที่นิยมในทุกกลุ่มวัย นอกจากความสวยงามที่ได้รับแล้ว ผลของการทำเลเซอร์อาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น เกิดรอยดำจากการถูกแสงแดดได้ง่าย และอาจเกิดปัญหาผิวหนังอื่นๆ เช่น ติดเชื้อ อักเสบระคายเคือง ดังนั้นหลังการทำเลเซอร์ จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ระวังไม่ให้ผิวสัมผัสกับสารที่ทำให้ระคายเคืองนำไปสู่การอักเสบ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ กรดผลไม้ หรือเครื่องสำอางที่มีความเป็นกรด ซึ่งในช่วงแรกควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว งดใช้เครื่องสำอางที่ใช้อยู่เป็นประจำ ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปที่มีค่า PA++ จึงจะสามารถป้องกันรังสี UVA UVB ได้ดี และยังสามารถลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วยครับ   Create Date : 23 กันยายน 2562     0 comment Last Update : 23 กันยายน 2562 11:22:32 น.     Counter : 1578 Pageviews.   Share Tweet