นานาสาระสุขภาพที่น่ารู้.. เล่าสู่กันฟัง
 
 

สิ่งที่พึงหลีกเลี่ยงถ้าลูกของคุณเป็นภูมิแพ้/หอบหืด




สิ่งที่พึงหลีกเลี่ยงถ้าลูกของคุณเป็นภูมิแพ้/หอบหืด

ฝุ่นจากที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม

ฝุ่นจากม่าน พรม เครื่องเรือน

ฝุ่นขณะปัดกวาด

แป้งฝุ่น

สเปรย์ผม น้ำหอม

สเปรย์กำจัดแมลง

อุณหภูมิที่เย็นจัดเกินไป

ตุ๊กตามีขน

ตัวไรฝุ่น

แมลงสาบ

สัตว์มีขน

เชื้อรา

เกสรดอกไม้

ใกล้คนเป็นหวัด

อารมณ์ฉุนเฉียว

ควันบุหรี่ เตาไฟ

ควันท่อไอเสียรถยนต์

ฝุ่นจากโรงงาน

ข้อควรทราบ

- ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดหากสามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้ มักจะมีอาการดีขึ้นทุกราย บางรายหายขาดได้

- สิ่งที่คนไทยแพ้ ได้แก่ตัวไรฝุ่น แมลงสาบ ขนแมวขนสุนัข และเชื้อรา

ควรลดปริมาณฝุ่นในบ้านโดย

- ใช้เครื่องเรือนผิวเรียบ จำนวนน้อยชิ้นทำความสะอาดง่าย

- ไม่สะสมหนังสือ ตุ๊กตามีขน ของต่างๆ ในห้องนอน

- ไม่ใช้แป้งฝุ่น

- ไม่ใช้พรมปูพื้น

- ไม่ใช้หมอนหรือที่นอนที่ทำจากนุ่น

- ใช้หมอนใยสังเคราะห์ ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มในน้ำเดือนหรือน้ำร้อนที่อุณหภูมิ สูงกว่า 55 C นาน 30 นาทีเพื่อฆ่าตัวไรฝุ่นก่อนนำไปซักตามปกติ

- ดูดฝุ่น เช็ดถูทำความสะอาดพื้นและเครื่องเรือนซักผ้าม่าน ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ

- ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นอาจใช้ผ้าใยสังเคราะห์พิเศษคลุมที่นอน และหมอนเพื่อกันตัวไรฝุ่นหรือใช้เครื่องฟอกอากาศแบบที่เป็น HEPA FILTER

- ถ้าห้องนอนติดเครื่องปรับอากาศควรให้เด็กใส่เสื้อนอนที่อบอุ่นแขนยาว ขายาว คอปิด





สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและรูปภาพประกอบได้ที่
www.ram-hosp.co.th
สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999




 

Create Date : 06 กันยายน 2556   
Last Update : 6 กันยายน 2556 10:24:40 น.   
Counter : 1519 Pageviews.  


เท้าเบาหวาน



รายการอาสาหาเรื่องน่ารู้  เรื่องเท้าเบาหวาน
โดย นพ.สุทัศน์  ฮ้อศิริมานนท์   ศัลยแพทย์ด้านหลอดเลือด
โรงพยาบาลรามคำแหง
ออกอากาศวันที่ 18 มกราคม 2556





สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999




 

Create Date : 04 กันยายน 2556   
Last Update : 4 กันยายน 2556 14:48:53 น.   
Counter : 1503 Pageviews.  


โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis)



โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (AllergicRhinitis)

เป็นโรคที่พบบ่อยและมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นในช่วง10 ปี ที่ผ่านมาพบได้ทุกวัย โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กและผู้ใหญ่

สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วยและคนข้างเคียงในเด็กทำให้นอนหลับไม่เต็มที่ ขาดสมาธิในการเรียนเสียบุคลิกภาพ ขาดงานและขาดโรงเรียนนอกจากนัน้นมักเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อย เช่น โรคไซนัสอักเสบหรือหูชั้นกลางอักเสบ

จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้?

อาการหลักได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก จามอาจมีอาการคันหรือเคืองตาร่วมด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นๆ หายๆตลอดทั้งปีหรือบางฤดูกาล

ในเด็กอาการโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้อาจไม่ชัดเจน ซึ่งผู้ปกครองอาจสังเกตว่า

- เด็กเป็นหวัดตลอดทั้งปี (บางครั้งมีไข้ร่วมด้วย)

- น้ำมูกใส สลับข้น เป็นๆ หายๆ

- ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไซนัสอักเสบบ่อย

- หายใจเสียงดังหรือคัดจมูกเวลากลางคืนนอนหลับไม่เต็มที่ ไม่มีสมาธิ

- บางรายอาจเห็นขอบตาล่างบวมคล้ำคันและเกาที่จมูก

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหลักในการเกิดโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ถ้ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้โอกาสจะเป็นโรคภูมิแพ้จะสูงขึ้นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ เศษโปรตีนจากสัตว์เลี้ยง เชื้อราและละอองเกสร ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยาตอบสนองผิดปกติ และแสดงอาการของโรค

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้รักษาอย่างไร ?

- การถามประวัติเช่น อาการต่างๆมีความรุนแรงเพียงใด ความถี่เวลา ระยะเวลาที่เป็น ประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัวสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกบ้าน รวมถึงประวัติการเจ็บป่วยในอดีต

- การตรวจร่างกายแพทย์จะตรวจร่างกายโดยทั่วไป โดยเน้นอวัยวะที่สัมพันธ์กับโรคนี้ เช่นเยื่อบุในโพรงจมูก การอักเสบของไซนัส และหูชั้นกลาง การมีโรคหืด หรือโรคผื่นแพ้ร่วมด้วยหรือไม่

- การทดดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (skintest) ซึ่งจะช่วยบอกว่าผู้ป่วยแพ้สารตัวใดเพื่อเป็นแนวทางในการรักษาต่อไป

ทำอย่างไรจึงจะหายจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้?

- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

- การใช้ยาซึ่งมีทั้งชนิดยารับประทาน ยาพ่นทางจมูก และฉีดวัคซีนภูมิแพ้โดยที่แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค

- พบแพทย์และติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ถ้าได้รับการรักษาดูแลที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิอพ้ อาการต่างๆจะหายขาดหรือสงบลงได้ 


สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999
www.ram-hosp.co.th

 




 

Create Date : 02 กันยายน 2556   
Last Update : 2 กันยายน 2556 15:06:39 น.   
Counter : 1837 Pageviews.  


นวัตกรรมรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบโดยไม่ต้องผ่าตัด




จากความก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุขทำให้ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันอุบัติการณ์ของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะต่างๆก็เพิ่มขึ้นรวมถึงโรคลิ้นหัวใจตีบที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจ ฉะนั้นการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและคงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
ในอดีตพบว่าโรคลิ้นหัวใจตีบเกิดจากโรครูห์มาติค ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอายุไม่มาก แต่ในปัจจุบันโรคนี้มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจยิ่งผู้ป่วยมีอายุมากขึ้นเท่าไร อุบัติการณ์ของโรคลิ้นหัวใจตีบก็จะสูงขึ้นเท่านั้น

คุณรู้จักลิ้นหัวใจดีแค่ไหน
?
 ลิ้นหัวใจมีส่วนประกอบที่สำคัญของหัวใจในขณะที่หัวใจกำลังบีบตัวเมื่อเลือดไหลผ่านออกไป ลิ้นหัวใจจะปิดไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับมา จึงทำหน้าที่เสมือนประตูเปิด-ปิด ควบคุมให้เลือดในหัวใจไหลไปทิศทางเดียวสู่ปอดเพื่อฟอกออกซิเจนแล้วไหลกลับมา  สู่ระบบโลหิตอีกครั้งเมื่อมีปัญหาลิ้นหัวใจรั่ว เลือดจะไหลย้อนกลับมา แต่ถ้าลิ้นหัวใจตีบเลือดจะไหลผ่านลิ้นหัวใจได้ลำบากในผู้สูงอายุสาเหตุเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย  เนื่องจากลิ้นหัวใจเป็นอวัยวะที่เคลื่อนไหวและรับแรงดันจากเลือดตลอดเวลา  ดังนั้นจึงเกิดการเสื่อมขึ้น  อาจมีหินปูนเกาะที่ลิ้นหัวใจ  ทำให้ลิ้นหัวใจหนาขึ้น  และเปิดได้น้อยลง  ผู้ป่วยจะเกิดอาการเหนื่อยง่าย  เจ็บหน้าอก ใจสั่น ขาบวมตามมาด้วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ  เสียงฟู่บริเวณลิ้นหัวใจ  จนถึงขั้นเป็นลมหมดสติบ่อยๆยิ่งลิ้นหัวใจตีบมากหัวใจก็ยิ่งไม่สามารถจะบีบเลือดออกสู่ร่างกายได้ทำให้เกิดถาวะเลือดคั่งและหัวใจล้มเหลวในที่สุดหรือภาวะน้ำท่วมปอดนั่นเองโดยสถิติแล้วเมื่อผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบมีสภาวะหัวใจล้มเหลว  จะมีโอกาสเสียชีวิตภายใน 2 ปี สูงถึง 50%

สำหรับวีธีการรักษานั้น วิธีการรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบที่เป็นมาตรฐานทั่วโลกคือการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เป็นการรักษาที่ได้ผลดีเยี่ยมผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตเพียง 1-2
%เท่านั้น

อย่างไรก็ตามยังมีผู้ป่วยโรคลิ้นหัใจตีบรุนแรงจำนวนหนึ่งที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเช่น ผู้ป่วยที่มีอายุมากๆหรือผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดในช่องงอกมาก่อนรวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรคผู้ป่วยเหล่านี้จะมีโอกาสเสียชีวิตจากการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้สูงถึง 20
%หรือมากกว่าเป็นเหตุให้ผู้ป่วยหลายรายมักจะไม่ได้รับการส่งต่อไปยังศัลยแพทย์หรือหมอผ่าตัดหรือไม่ก็ถูกปฎิเสธการผ่าตัดไปเสียก่อนเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงเพราะหัวใจที่ต้องบีบเลือดผ่านลิ้นหัวใจที่ตีบจะค่อยๆล้มเหลวและผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด

เทคโนโลยีการเปลี่ยนลิ้นหัวใจตีบโดยไม่ผ่าตัด

น่ายินดีที่วิทยาการทางการแพทย์ปัจจุบัน สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยลิ้นหัวใจตีบรุนแรงกลุ่มนี้ให้รอดชีวิตได้ ด้วยการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเข้าไปแทนที่ลิ้นหัวใจเดิมที่เสื่อมสภาพโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ซึ่งแตกต่างจากวิธีผ่าตัดที่ใช้กันในปัจจุบันคือ ต้องดมยาสลบผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าอก แล้วใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมทำงานแทนหัวใจกับปอด ซึ่งระหว่างที่ศัลยแพทย์ตัดลิ้นหัวใจเก่าออกและเย็บลิ้นหัวใจเทียมเข้าไปแทน ที่จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงและอยู่โรงพยาบาลพักฝื้นประมาณ7-10 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น

วิธีการใหม่จะใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวน โดยจะนำลิ้นหัวใจเทียมแบบใหม่ที่ทำจากเนื้อเยื่อและได้รับการออกแบบให้สามารถหดขยายตัวได้มาใปลายของสายสวน จากนั้นใช้สายสวนนำลิ้นหัวใจเทียมเข้าไปอยู่ระหว่างลิ้นหัวใจเดิมแล้วจึงทำการขยายลิ้นหัวใจเทียมด้วยบอลลูนให้ขยายใหญ่ขึ้นคล้ายๆกับการกางร่มลิ้นหัวใจเทียมที่กางขยายออกจะเข้าไปแทนที่ลิ้นหัวใจเดิมที่เสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งวิธีการใส่สายสวนสามารถใส่ผ่านขาหนียหรือในกรณีที่เส้นเลือดบริเวณขาหนีบเล็กเกินไปจะใส่ผ่านแผลเล็กที่ชายโครงเข้าไปทางปลายหัวใจโดยตรงโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าอกไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมและไม่ต้อองหยุดหัวใจ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 4-5 วัน



สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999
www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2556   
Last Update : 29 สิงหาคม 2556 14:09:33 น.   
Counter : 1395 Pageviews.  


ท่าบริหารสำหรับอาการปวดหลัง






สายด่วนสุขภาพโทร 0-2743-9999
www.ram-hosp.co.th




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2556   
Last Update : 28 สิงหาคม 2556 14:15:29 น.   
Counter : 2552 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  

หนึ่งเสียงในกทม.
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คุยกับหมอราม
[Add หนึ่งเสียงในกทม.'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com