แบ่งปัน ความรู้
สวัสดีทุกท่านค่ะที่แวะมาเยี่ยม เนื่องจากที่ตัวเองอยู่กับโรคเบาหวานมาตั้งแต่เด็ก ถึงตอนนี้ก็เริ่มเข้าปีที่13แล้ว จึงอยากจะเอาประสบการณ์ที่เคยเป็น มาเล่าสู่กันฟังค่ะ พอโตมาก็เริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของโรคเบาหวาน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราควรจะดูแลตัวเองอย่างไร ให้สามารถใช้ชีวิติอยู่ได้อย่างมีความสุข ดังนั้นจึงขออนุญาติรวบรวมบทความจากเว็บต่างๆมาไว้ในบล็อกนะคะ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์สำหรับท่านที่สนใจ ก็ขอเอ่ยถึงเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 1 นะคะ หรือเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน นั่นก็หมายความว่าผู้ป่วยต้องฉีดอินซูลินเข้าไปในร่างกายทุกวัน เบาหวานชนิดนี้มักจะจะพบในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย เบาหวานชนิดนี้จะมีความรุนแรงกว่า โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน เพราะคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ยาก ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว ชีวิติช่วงวัยเด็กกับตอนนี้ต่างกันมากค่ะ เพราะความคิดที่ต่างกัน เมื่อก่อนเรามักจะกินโน่นกินนี่ตามใจตัวเองโดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าผลกระทบที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ และมีอาการอื่นๆตามมารบกวน เช่น วันๆชอบเอากินโน่นกินนี่แต่ทางตรงกันข้ามน้ำหนักตัวกลับลดลงมาก เหมือนกับคนไม่มีแรงอีกทั้งนอนได้ทั้งวัน เหนื่อยและเพลีย จากที่เป็นคนสายตาปกติ แต่กลับมาต้องใส่แว่นและทำให้ตายิ่งมัว สั้นลงกว่าเดิมอีก ถึงแม้ใส่แว่นตาแต่ก็กลับมองอะไรไม่ชัด มือละเท้ามีอาการปวดและชา สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่สบายบ่อยๆ จนถึงตอนนี้ ตั้งแต่เริ่มศึกษาข้อมูลมาเรื่อยๆ จึงทำให้เกิดอาการกลัวว่าสักวันหนึ่งโรคแทรกซ้อนที่ไม่ได้รับเชิญจะแวะเวียนมาหาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงต้องปรับความคิดใหม่ว่าเราจะต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งแพทย์ก็เป็นเพียงผู้ที่คอยดูแลและแนะนำเราให้ปฎิบัติตัวอย่างถูกต้อง ยาที่ใช้รักษาก็เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยบรรเทาอาการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเราเอง ว่าจะเอาชนะใจตัวเองได้อย่างไรต่างหากค่ะ ทุกวันนี้จึงทานอาหารเท่าทีจำเป็นสำหรับร่างกาย ส่วนใหญ่ชอบทานผัก ปลา และ เต้าหู้ ผลไม้บ้างเล็กน้อย ดื่มนมเป็นประจำ ออกกำลังกายตามโอกาส และที่สำคัญคอยเจาะเลือดดูผลระดับน้ำตาลในเลือดเองอยู่เป็นประจำค่ะ ตอนนี้จึงทำให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเราสามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ แต่ก็ใช่ว่าสุขภาพของเราจะไม่อ่อนแอนะคะ เพราะร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานก็เหมือนกับว่าแช่น้ำตาลอยู่ทุกวันๆ ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีผลทำให้ความสามรถในการทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกายจะลดถอยลงไปด้วย
ข้อแนะนำเมื่อท่านมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าท่านรู้สึกว่ามีการการน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็ให้หาของหวานๆกินทันที โดยเฉพาะน้ำหวาน ซึ่งร่างกายสามรถดูซึมได้ง่าย คอยจิบกินทีละน้อย เคยสังเกตุกันบ้างไหมคะเมื่อมีอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เรามักจะหิวข้าว นั่นเป็นการทำงานของสมองที่คอยเตือนให้เรารู้ว่าจะต้องหาอะไรกินเพื่อให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น หรือ มีอาการนอนไม่หลับ รู้สึกใจสั่นนิดๆ นี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นประจำเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะหาข้าวกินสักเล็กน้อยเพิ่อเพิ่มระดับน้ำตาล หลังจากกินข้าวเสร็จก็นอนหลับสบายค่ะ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำไม่ควรจะกินข้าวหรือของหวานเยอะไปจนอิ่มนะคะ เพราะหลังจากที่เรารู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้ว จะมีผลทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงในตอนเช้า นี่แหละค่ะ ปัญหาใหญ่ ถ้าท่านกำลังนอนหลับอยู่ ถ้ามีอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ รู้สึกใจสั่น แล้วตื่นกลางดึก ขอเตือนว่า อย่าเผลอหลับต่อนะคะ ให้รีบตื่นขึ้นมาหาของหวานกินทันที เพราะถ้าช้าไปเพียง 5 - 10 นาที มีผลทำให้ช็อคหมดสติได้ค่ะ เพราะอินซูลินที่เราใช้อยู่ค่อนข้างจะมีความรุนแรง ข้อแนะนำเมื่อท่านมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง ถ้ารู้สึกมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีอาการ หิวน้ำ ปัสวะบ่อย ชาตามแขนขา ตามัว รู้สึกตัวร้อนจะเป็นไข้ อยากอาเจียน ห้ามดื่มน้ำหวานเด็ดขาดค่ะ ให้ดื่มเฉพาะน้ำเปล่า ต้องส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที ในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีการช็อคหมดสติ อาการนี้ก็เคยเป็นมาแล้วค่ะ ระดับน้ำตาลในเลือดมี 478 mg/dl ยังสามารถเดินได้เป็นปรกติ ข้อแนะนำทั่วไป ระวังไม่ให้ร่างกายมีบาดแผล แค่เพียงเล็กน้อยก็เกิดอันตรายได้ ถ้ามีแผลเล็กน้อยก็ควรหาสำลีชุบแอล์กอฮอล เช็ดแผลเป็นประจำ หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ ถ้าแผลมีอาการบวม หรือ แดงให้รีบไปให้แพทย์ดูแล สำหรับแผลใหญ่ ไม่ควรทิ้งไว้ หรือล้างแผลเอง ไม่ควรเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง นอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง หลังจากฉีดยาแล้วควร รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ถ้าท่านปรับ เพิ่มหรือลดยาเอง ถ้าหากว่าวันหนึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลแบบกระทันหัน ไม่ว่าจะเป็น อาการระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือ ต่ำก็ตาม ทางแพทย์ก็จะทำการรักษาให้ท่านตามที่ได้บันทึกผลไว้ล่าสุด โดยที่แพทย์อาจจะไม่ได้ทราบเลยว่าท่านทำการปรับยาอยู่ในระดับใด นั่นก็หมายถึงว่าเป็การซ้ำเติมกับอาการของท่านที่เป็นอยู่ ให้สังเกตุปัสวะของตัวเอง ว่ามีสิ่งแปลก ผิดปกติหรือไม่ เพราะผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานระยะนาน10 ขึ้นไป ถ้าไม่มีการคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี จะมีผลทำให้ไตมีการทำงานเสื่อมสภาพลง อาจทำให้เป็นโรคไตได้ วิธีสังเกตุง่ายๆ คือ ให้ดูว่าปัสวะ มีลักษณะไข่ขาวเจือปนออกมาด้วยหรือไม่ ถ้ามีท่านควรไปให้แพทย์ตรวจดูการทำงานของไตโดยด่วน ถ้าเป็นไปได้ควรหาซื้ออุปกรณ์ตรวจน้ำตาล มาไว้สำหรับตรวจเองที่บ้านค่ะ เพื่อที่เราจะได้ทราบผลระดับน้ำตาลเป็นระยะๆ เพราะระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลินมักจะแกว่งขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ท่านสามารถหาซื้อตามร้านตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้โดยทั่วไปค่ะ ควรใช้สารวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลค่ะ ซึ่งรสชาติก็สามารถแทนกันได้ ไม่ว่าจะใช้ทำอาหาร หรือใส่เครื่องดื่มตามที่ต้องการ ต้องคอยสังเกตุ อาการต่างๆที่ผิดปกติ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราแล้วรีบปรึกษาแพทย์นะคะ เพื่อที่แพทย์จะได้ให้ความรู้ และวิธีการรักษา และไขปัญหาข้อข้องใจให้ได้ค่ะ ควรไปตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละครั้งค่ะ เพื่อให้ได้ทราบผลการทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกาย
ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่าน ก็ขอเป็นกำลังใจนะคะ โรคเบาหวานรักษาให้หายไม่ได้ แต่เราก็อยู่กับมันได้อย่างมีความสุขค่ะ ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากในบล็อกนะคะ
Create Date : 23 มีนาคม 2551 | | |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2557 1:18:11 น. |
Counter : 1856 Pageviews. |
| |
|
|
|