|
เรื่องราวแห่งชีวิตที่ภูกระดึงบทที่ 1 (มหัศจรรย์คุณลูกหาบ)
พวกเราเคยมีอาชีพในดวงใจหรืออาชีพในฝันกันบ้างไหม ตอนเด็กๆฉันฝันอยากจะเป็นหมอหรือไม่ก็นักวิทยาศาสตร์ ฉันรู้สึกว่า 2 อาชีพนี้ช่างเป็นอาชีพที่เท่ห์แล้วก็ดูดีอะไรเช่นนี้ แต่พอโตขึ้นความคิดความฝันของฉันมันก็เปลี่ยนไปตามวัยด้วย จนตอนนี้ฉันมีอาชีพในดวงใจเยอะแยะไปหมด แต่หลังจากกลับมาจากไปภูกระดึงครั้งนี้ ฉันก็ค้นพบอาชีพใหม่ในดวงใจ นั่นคืออาชีพลูกหาบ
ขอสารภาพตามตรงเลยนะตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนจนชีวิตจะย่างเข้าสู่วัยเลข 3แล้ว ฉันเพิ่งเคยมีประสบการณ์เดินขึ้นภูแค่ 2 ครั้งเอง ครั้งแรกคือไปภูสอยดาว ครั้งที่สองก็ไปภุกระดึงนี่แหละ แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้ประทับใจคุณลูกหาบที่ภูสอยดาวเอาซะเลย ฉันจำได้เลือนลางแค่ว่าคุณลูกหาบแกเดินเร็วมาก เผลอแป้บเดียว เดินลิ่วๆนำหน้าฉันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ขนาดฉันไม่ได้แบกของอะไรเลยนะเนี่ย
แต่พอมาภูกระดึงความคิดของฉันเกี่ยวกับลูกหาบก็เปลี่ยนไป ฉันมองพวกเขาด้วยสายตาและมุมมองที่แปลกไป มีทั้งความทึ่งผสมปนเปกับความนับถือว่า ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ทำไมถึงได้มีความมุ่งมั่น และความอดทนในการทำงานที่แสนยากอย่างนี้ทุกๆวันได้อย่างไร
แต่ก็ขอเริ่มเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยละกันนะว่าระบบการหาบของขึ้นภูกระดึงเนี่ย เค้าจัดการเป็นระบบระเบียบดีมาก อันดับแรกเราก็ไปซื้อใบติดสัมภาระก่อน ของหนึงชิ้นก้ใช้ใบติดสัมภาะ 1 ใบ อ้อลืมบอกไปใบติดสัมภารใบละ 2 บาทนะ
หลังจากนั้นเราก็เอาสัมภาระทั้งหมดของเราไปชั่งน้ำหนัก ซึ่งเค้าจะชั่งแค่ครั้งละ 1 ชิ้น เศษที่เหลือก็ปัดขึ้นหมด อย่างเช่นครั้งนี้เราเอาโฟมปูรองนอนไปด้วยอันละไม่ถึง 1 ขีด แต่ชั่ง 1 ครั้งมันก็เลยกลายป็น 1 กิโลไป มูลค่าราคาค่าจ้างของมันก้เลยพุ่งปรี๊ดตามไปด้วย ฉันว่านี่อาจจะเป็นวิธีที่เพิ่มกำไรให้กับคุณลูกหาบเค้าก็ได้ ตอนแรกฉันก็เสียดายเงินนะ แต่พอเห็นความยากลำบากในการทำงานของเค้าก็เข้าใจอ่ะนะ
ชั่งเสร็จแล้วก็เอาสัมภาระไปรวมกันเค้าจะพยายามให้ของของคนนึงคนไปกับลูกหาบแค่คนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นคุณลูกหาบเค้าก็จะเอาของทั้งหมดห่อรวมกันแล้วก็มัดไว้บนคานไม้ไผ่ 1 อัน แต่ละคนก็จะพยายามมัดของให้ได้น้ำหนักมากที่สุด เพราะฉะนั้นของที่เค้าหาบขึ้นไปก็จะไม่ใช่แค่เป้ของนักท่องเที่ยว แต่อาจจะเป็นน้ำอัดลมหลายสิบขวด น้ำเปล่าหลายๆแกลลอน
แต่ที่ฉันคาดไม่ถึงเอาซะเลยก็คือ "ถังแก้ส" เค้าแบกถังแก้สอันใหญ่บิ๊กเบิ้ม ไม่ใช่แค่ถังแก้สปิกนิคนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด แล้วก็ไม่ได้แบกแค่ถังเดียวนะ แบกตั้ง 2 ถัง เพราะฉะนั้นความเร็วในการเดินของคุณลูกหาบของเราก็จะช้ามากเพราะน้ำหนักอันมหาศาลที่แบกอยู่บนบ่า ฉันสังเกตว่าแต่ละก้าวที่เค้าเดินไป เหมือนเค้าจะต้องคิดทุกครั้งว่าจะวางเท้าลงบนหินก้อนไหน จะถ่ายเทน้ำหนักตัวอย่างไร เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งคงไม่ใช่แค่ตัวเค้าจะบาดเจ็บ แต่อาจจะหมายถึงเงินที่จะไปซื้อข้าวให้ลูกและเมียที่บ้านกินก็คงจะหายไปด้วย เพราะเหตุนี้ฉันก็เลยรู้สึกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทน ความมุ่งมั่น แล้วก็ต้องอาศัยความมีสติและสมาธิอย่างมากอาชีพหนึ่ง จนฉันนำเอาข้อคิดที่ได้จากคุณลูกหาบบนภูกระดึงมาใช้ในการวิ่ง 10 กิโลของฉัน เวลาที่ฉันรู้สึกเหนื่อย ล้าแล้วก็ท้อ ฉันจะพยายามใส่ใจในทุกๆก้าวย่างที่ฉันวิ่งไป พอทำอย่างนั้นแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีกำลังฮึดสู้ขึ้นมาใหม่ก็ไม่รู้
บางครั้งการเกิดของอย่างหนึ่ง ทำให้อีกสิ่งหนึ่งหายไป แล้วการมีกระเช้าละ จะทำให้อาชีพของลูกหาบหายไปหรือเปล่า
Create Date : 29 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 29 ตุลาคม 2549 20:33:15 น. |
Counter : 2742 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|