เที่ยวลาวใต้วันที่สาม:ดอนคอน-หลี่ผี-ปากเซ 07-12-2008
และแล้วก็ย่างเข้ามาถึงวันที่สามของการเดินทางแล้ว วันนี้พวกเรามีโปรแกรมไปเยี่ยมชมหลี่ผีกันในตอนเช้านี้ จริงแล้วตอนแรกก็กะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน แต่ว่าตกลงไปตกลงมาแล้วไม่มีคนไปดูฉันก็เลยไม่ได้ตื่นมาดูในตอนเช้า ที่ไหนมารู้ตอนเช้าได้มีเพื่อนในทริปแอบตื่นไปถ่ายรูปมาไม่ยอมมาเรียกด้วย
เช้านี้ไม่ได้ไปกินข้าวที่ไหน ก็ใช้บริการร้านอาหารของที่พักนั่นแหละ จำได้เลยฉันสั่ง Pancake ใส่ Chocolate แต่กินไม่หมด เพราะว่าไม่ค่อยอร่อย มันเป็น Pancake กล้วยใส่ Chocolate ที่ไม่อร่อยคือกล้วย รสชาดมันฝาดๆยังงัยก็ไม่รู้สิ
เมื่อคืนนี้นึกว่าจะโชคดีได้นอนคนเดียว แต่ที่ไหนได้ห้องพักเมื่อคืนนี้ นอนพื้นเสียยังดีกว่า เพราะว่าเตียงที่ได้นั้นลาดเอียงทำให้ต้องนอนเป็นเส้นทแยงมุม แถมว่าไฟห้องน้ำยังไม่มีต้องใช้ไฟฉายเวลาจะอาบน้ำ หรือเข้าห้องน้ำ
เมื่อทุกคนกินข้าวแล้ว ก็พร้อมที่จะออกเดินทางวิธีการไปก็ใช้รถจักรยานเหมือนเดิม ขี่จากดอนเด็ดข้ามไปที่ดอนคอน ที่พักของฉันมีแผนที่ให้ดูพอดีเลย ก่อนออกฉันก็เลยมีเวลาได้ศึกษาแผนที่ก่อนที่จะเดินทาง
พวกเราเริ่มต้นปั่นจักรยานมาเรื่อยๆมาหยุดตรงจุดที่เป็นท่าเรือ ตรงนี้มีสะพานที่ฝรั่งเศสยังสร้างไม่เสร็จตอนมายึดประเทศลาว
บริเวณนี้มีให้เลือกปั่นไปดอนคอนอยู่ 2 ทางคือทางเลียบโขงซึ่งไกลกว่า และทางตัดตรงที่ใกล้กว่าแต่ขรุขระ พวกเราเลือกปั่นไปในเส้นทางที่ใกล้กว่าก่อน แล้วขากลับก็จะปั่นกลับมาทางเลียบโขงนี้
ทางนี้แดดค่อนข้างร้านเลย และก็มีสบายเป็นฝุ่น ดีที่ไม่มีรถขนนักท่องเที่ยวมาช่วงที่พวกเราปั่นไป นี่ถ้าเป็นเมื่อวานนี้ละก็ คงมีการกินฝุ่นกันตายแน่ แต่ว่าทางนี้ใช่ว่าจะไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย บริเวณนี้มีลักษณะเป็นที่โล่ง มีการปลูกข้าว หรือไม่ก็ปลูกพืชผลการเกษตรต่างๆอีกด้วย
ฉันมาค้นพบอย่างหนึ่งว่าคนที่นี่เวลาเค้าไถ่นาเค้าใช้ควายไถ่นากัน ที่นี่มีควายและวัวมาก แต่ไม่เห็นพวกเครื่องจักรยนต์ทุ่นแรงมนุษย์เลย นี่อาจจะเป็นวิธีการทำนาที่ไม่สามารถเห็นได้แล้วในเมืองไทยก็ว่าได้ แต่ว่าฤดูนี้เค้าไม่ทำนากันแล้ว ก็เลยได้เห็นควายเดินไปเดินมาหาอาหารกินไปเรื่อยเปื่อย
ปั่นมาได้สักระยะหนึ่งยังไม่ทันเหนื่อยดี ก็มาถึงสะพานที่จะข้ามไปดอนคอนแล้ว มองจากจุดนี้ไปดอนคอน ดูเหมือนว่าที่ดอนคอนจะเจริญว่าดอนเด็ดอยู่เหมือนกัน แต่ความเจริญนี้กับไม่ได้ดูวุ่นวายเท่าที่ดอนเด็ด
เวลาที่จะไปเที่ยวดอนคอนนี้ต้องเสียเงินค่าเข้าด้วย อันนี้เป็นราคานักท่องเที่ยวมีราคาเขียนอยู่บนป้ายชัดเจนไม่สามารถมามั่วโกงกันได้
เลยจากที่สะพานนี้ประมาณ 50 เมตรเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง เป็นบริเวณที่มีหัวรถจักรเก่าถูกทิ้งไว้ แต่ตอนที่พวกเราปั่นไปนั้น ไม่ได้สังเกตุกันเลย ปั่นเลยไปเฉยๆ มีเพื่อนบางคนเท่านั้นที่สังเกตุเห็นได้แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร ทำให้ต้องมาถ่ายรูปที่หัวรถจักรนี้ตอนขากลับ
ที่แรกที่พวกเราเที่ยวกันที่ดอนคอนก็คือวัด วัดอะไรจำไม่ได้แล้วแต่มีเพื่อนในทริปอยากจะเข้าไปไหว้พระก็เลยเข้าไป
หลังจากนี้พวกเราก็ปั่นต่อไปเรื่อยๆเพื่อมุ่งหน้าสู่หลี่ผี เมื่อมาได้ซักระยะหนึ่งฉันกับเพื่อนอีก 3 คนหยุดถ่ายรูปชาวนากัน แต่เพื่อนอีก 2 คน บอกว่าปั่นช้าของล่วงหน้าไปก่อน จากจุดนี้เองทำให้พวกเค้าทั้ง 2 คนหลงทางไปจากพวกเราที่เหลืออีก 4 คน
เพราะว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่จะถึงหลี่ผีแล้วมีทางแยกไปหลี่ผีทางขวา แต่พวกเค้าไม่ได้เข้าไปกลับปั่นตรงไปเรื่อยๆ อันนี้เองทำให้ฉันเลยต้องออกแรงปั่นหาพวกเค้า หลังจากที่ปั่นไปดูที่หลี่ผีแล้วไม่พบตัว มาเจอพวกเค้าอีกทีก็เกือบจะปั่นไปท้ายเกาะแล้ว
ในความคิดของฉันแล้ว หลี่ผีนี้ดูอลังการมากกว่าคอนพะเพ็งเสียอีก ดูไปดูมาแล้วหลี่ผีกับคอนพะเพ็งนี่มันก็ดูคล้ายกันนะ เลยหลี่ผีไปประมาณ 100 เมตรจะมีชายหาดให้ดูด้วย แต่ก็ไม่ได้สวยงามอะไรมาก มันดูแปลกเท่านั้นแหละว่า ทำไมถึงมีชายหาดตรงนี้ได้ แต่ทีไหนมีชายหาดที่นั้นก็มีฝรั่งเล่นน้ำ อันนี้ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกัน
พวกเราเที่ยวแค่นี้ก็เลยหิวข้าวเที่ยงกันแล้ว มาถึงดอนคอนแล้วไม่กินข้าวที่นี่ก็กะไรอยู่ พวกเราก็เลือกร้านริมโขงแถวๆสะพานข้ามจากดอนเด็ด ส่วนใหญ่ร้านแถวนี้ก็จะมีทัวร์มาลง แต่วันนี้พวกเราโชคดีไม่เลยกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆมาเลย แต่ว่าเมื่อปั่นกลับจากหลี่ผีเพื่อจะมากินข้าวเที่ยงนั้น ยังอุตสาห์มีเพื่อนขี่จักรยานหลงทางอีกจนได้
ขากลับนี้จึงได้มีโอกาสถ่ายรูปหัวจักรที่เลยไปตอนขามา
ขากลับแทนที่จะขี่จักรยานย้อนทางเดิมนั้น พวกเราก็ขี่เลียบโขงกัน ปรากฏว่าทางดีกว่าเยอะ ร่มรื่น รู้แบบนี้มาทางนี้ดีกว่า ก็ไม่ได้อ้อมอะไรมากเลย
เมื่อเสร็จสิ้นโปรแกรมของวันนี้แล้ว พวกเราก็ได้ปรึกษาว่าจะเอายังงัยต่อดี เพราะว่าที่เที่ยวที่ต่อไปที่วางโปรแกรมไว้ ต้องไปเริ่มต้นที่ปากเซถึงจะเหมาะ แต่ว่ารถจากนากะสังนั้นหมดไปตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้ว ถ้าจะกลับไปที่ปากเซก็มีวิธีเดียวก็คือเหมารถไปซึ่งราคาก็จะแพงกว่า Local Bus มากกว่าอยู่แล้ว
ข้อสรุปก็คือกลับไปปากเซเลยไม่อยากจะรอจนถึ่งวันพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากจะอยู่เฉยๆ ไปติดต่อเหมารถจากที่พักเค้าคิดพวกเรา 6 คน 3000 บาทแหนะ คิดอยู่ตั้งนานก็ตกลง โดยที่เจ้าของที่พักขับเรือพาพวกเราข้ามกลับไปที่นากะสังเองเลย
เมื่อคนขับส่งพวกเราขึ้นรถตู้แล้ว(รถตู้นั้นก็ค่อนข้างดีนะแอร์ดีใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร) ฉันก็ได้มีโอกาสคุยกับคนขับรถตู้ เค้าบอกว่าทางคนขับได้ค่ารถแค่ 1200 บาทเอง เจ้าของที่พักเอากินเปล่าไปตั้ง 1800 บาท ฉันฟังแล้วเจ็บปวด รู้แบบนี้เสี่ยงข้ามฝั่งมา หารถตู้ที่นากะสังดีกว่า เสียรู้ไปเลยเจ็บใจมาก
ที่พักที่ปากเซนี้พวกฉันก็เลือกเอาโรงแรมเดิมตั้งแต่วันแรกนั้นแหละ ถ้าเต็มก็ค่อยไปหาใหม่ คราวนี้พวกเราได้ห้องใหญ่อยู่รวมกันได้ 6 คนเลย แต่มันเป็น 2 ห้องติดกันไม่ได้นอนรวมกันทั้ง 6
เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วก็เตรียมตัวไปหาข้าวเย็นกิน ระหว่างทางผ่านร้านนวดก็เลยเข้าไปถามราคา ปรากฏว่าเค้าเปิดร้านใหม่ก็เลยนวดให้ฟรีๆเลย ตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาเหมือนกันแต่ว่าลงความเห็นแล้ว เอาเป็นว่าให้ทิปคนนวดก็แล้วกันจะได้ดูไม่เอาเปรียบคนลาวไปหน่อยมานวดให้ต่างชาติฟรีๆแบบนี้
ความเห็นของฉันนั้นนวดไทยนี้ดีแล้วแหละ นวดลาวนั้นยังดีไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่ หรือว่าเนื่องจากร้านเปิดใหม่คงจะต้องรอให้ฝึกฝีมือไปซักระยะหนึ่งก่อนมั่ง
คืนนี้ก็เหมือนทุกคืน ไม่หลับไม่นอน นั่งเล่นไฟ่กันต่อเนื่อง 555
ส่วนการท่องเที่ยวในวันอื่นๆ วันแรก: //www.bloggang.com/mainblog.php?id=radioarms&month=12-12-2008&group=30&gblog=1 วันที่สอง: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=radioarms&date=13-12-2008&group=30&gblog=2 วันที่สี่: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=radioarms&date=17-12-2008&group=30&gblog=4 วันที่ห้า: //www.bloggang.com/viewblog.php?id=radioarms&date=20-12-2008&group=30&gblog=5
Create Date : 14 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2551 22:55:18 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1204 Pageviews. |
|
|
คืนที่สามนี้ไม่ได้ร่วมวงด้วย คงเพราะได้หมอนวดดีเลยหลับสบายยย