Group Blog All Blog
|
ฝัน ฟัน ฟัน "........ตกใจตื่นมาเสียนี่ แหมมมมมม เสียดายจัง เฮ่อ " อยากรู้ดิว่าฝันถึงอะไร อร๊ายยยยยย เดี๊ยนละเกรงบารมีที่จะเล่า ฝันว่าบิลเกตมาขอแต่งงานเป็นเมียคนที่ 4 อ่ะดิ บอกว่าแต่งเสร็จจะรับไปอยู่ด้วยที่เยอรมัน เดี๊ยนล่ะเนื้อเต้นว่าจะมีคนส่งเสียให้เรียนป.โทซะละงานนี้ แป๊ปเดียวก็มีเสียงแว่วๆคุ้นๆให้ตื่นไปกินข้าวเหนียวส้มตำปูม้ากับไก่หมุน เดี๊ยนก็เลยตื่น กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ บินๆไปมาข้ามทวีป เวลาผ่านไปเหมือนติดปีก เดี๊ยนก็พลังลมปราณแก่กล้าขึ้นตามกาลเวลา พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาสู้รบตบมือแต่ละครั้งกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ที่ประกอบด้วยบรรดาป้าแอร์ขนตาหนาเด้ง สจ๊วตร่างถึกหัวเถิก ป๋าๆนักบินล่ำซำผู้โชกโชนการตะลุยราตรียามค่ำคืน และกราวด์นัก(ฝาก)ช๊อป พวกหลังนี่เป็นกันกระทั่งกราวด์ของประเทศที่บินไปจนคุ้นหน้ากันด้วย อยู่บนเครื่องไม่ว่ามีปัญหาขนาดไหน เดี๊ยนก็ยิ้มสู้ตลอดกัดฟันด้วยความอดทนนะเคอะ แต่พอลงถึงพื้นดินเท่านั้นแหละ อารมณ์เฟรดดี้ ครูกเกอร์ จาก 5 นิ้วเขมือบสยองเข้าสิงทันที งานมันทั้งเครียดทั้งหนัก ถ้าคนไม่เข้ามาสัมผัสคงไม่ทราบ บินมาร่วม 10 ชั่วโมง ถ้าต้องยืนรอเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาค้นกระเป๋าแค่ไม่กี่ใบแต่ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะยืนกัน 4-5 คนแต่ทำงานแค่ 1-2 คน ตรวจลูกเรือมากกว่า 15 ชีวิตนี่ เดี๊ยนมีโวยนะคะล่าสุด เดี๊ยนบอกซันนี่ให้ปิดกระเป๋าแล้วชิ่งหลังจากที่เปิดกรุสมบัติกันคนละ 2 ใบให้ตรวจแต่ไม่มีใครเยื้องกรายมาดูเลย นึกภาพเจ้าหน้าที่ตรวจ 1 คนอีก 3 คนตรวจกระเป๋านักบินเสร็จก็ยืนกอดอกเหมือนทำงานเสร็จหมดแล้ว พอจะเดินออกก็ถูกดักค่ะ แล้วโดนว่าหาว่าทำไมไม่ยอมให้ตรวจ ที่ผ่านมาไม่เคยโดนค้นกระเป๋าเลยเหรอ งานนี้อีแอร์ก็คันปากสิคะ ตาขวางหางตกด้วย วัคซีนก็ยังไม่ได้ฉีด เลยตอกกลับซะต.ม.อาหรับเถียงไม่ทัน เบื่อจริงๆพวกทำงาน 2 พันแต่ได้เงินเดือน 2 หมื่นเนี่ย ทำงานเข้านอกออกในประเทศเนี่ย ภาษีเบี้ยใบ้รายทางเยอะเหมือนกันนะคะ สมัยเป็นนักเรียนไม่เคยต้องจ่ายอะไร ยิ่งอยู่เมืองไทยด้วยแล้วต้องคิดก่อนว่า "จ่ายทำไมฟะค่าทิป" แต่พอทำงานสวมวิญญาณในเครื่องแบบเรียบร้อย ใครจับกระเป๋าเดี๊ยนดึงนิดดึงหน่อย เงินก็มีอันสะพัดอีกแล้ว เพราะฉะนั้นรายรับที่ว่าเยอะ รายจ่ายก็ไม่ใช่น้อยเลย ค่าทิปที่จ่ายตั้งแต่ออกเดินทางจนกระทั่งกลับ ราวๆ 10 ครั้งซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเกิน และค่ากินอยู่อีกจิปาถะ ถ้าจะให้ประหยัดกินมาม่าอยู่กับโรงแรมทุกวันเดี๊ยนคงไม่เอาด้วยล่ะค่า ไฟล์ล่าสุดเดี๊ยนได้ทำหน้าที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่ประตูชั้นประหยัดด้านหน้าทางซ้ายมือของตัวเครื่อง ซึ่งต้องดูแลเรื่องเอกสารทั้งหมดที่ส่งต่อจากสถานีต้นทางไปสู่สถานีอีกประเทศนึงและสถานีของประเทศที่เครื่องแวะจอด เดี๊ยนก็สังเกตุเห็นผู้โดยสารชายชาวอียิปต์ร่างใหญ่ใส่เสื้อแดงแรงฤทธิ์เดินเข้าเดินออก หน้าตาถมึงทึง แบกกระเป๋าใบใหญ่และเปลเด็กทารกเปล่าๆสวนไปทางด้านท้ายเครื่อง แล้วก็พูดคุยกับลุงเพอร์เซอร์ที่มีชื่ออินเทรนว่า "อุซามา" ( เดี๊ยนและซันนี่ได้ยินชื่อตอนลุงแกแนะนำตัวก็มองหน้ากัน แล้วพูดขึ้นโดนไม่ได้นัดหมายว่า "บินลาเดน" เป็นที่ขำขันไป ) และแล้วแกก็เดินออกมาครั้งสุดท้ายหน้าเครื่องทางชั้นเฟริสคลาสพร้อมกับสาวจีนนางนึง ท่าทางบอกบุญไม่รับเลยทั้งคู่ เดี๊ยนกลัวระเบิดลงจังๆตรงหน้าเพราะความเป็นไปได้สูง เลยเป็นอันเดินหลบฉากมาแอบดูหลังม่าน และแล้วก็จริงดังคาด เสียงโวยวายเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการ์ดอาหรับตัวใหญ่เดินมาประกบเจ๊หมวยที่กำลังเล่นงิ้ว อีกฝ่ายจับแล้วอีกฝ่ายก็สะบัดกันเป็นพันลวัน ป้าแอร์ชั้นบิสเนสที่ทำครัวเดียวกับเดี๊ยนก็รีบปิดม่านและช่องที่กั้นหน้าชั้นบิสเนสทันที เดี๊ยนก็เลยไม่ได้มีโอกาสเห็นว่าเจ๊แกโดนกึ่งหิ้วกึ่งลากออกไปยังไง เสียงกรี๊ดๆยังแว่วเข้ามาในหูตลอด หน้าลูกเรืออียิปต์มุงแต่ละคนก็เครียดกับประสบการณ์ตรงร่วมน่าดู สุดท้ายได้ความว่าเมียกับลูกแกไม่ได้รับอนุญาติให้เดินทางไปอียิปต์ด้วย ฝ่ายชายเลยต้องเดินทางกลับคนเดียว เหตุผลนี่อย่าถาม เพราะเดี๊ยนก็สาระแนจังได้แค่นี้ นายก็เลยสั่งให้ลูกเรือชั้นประหยัดรวมถึงเดี๊ยนด้วย ให้ดูแลหนุ่มเสื้อแดงรายนี้ให้ดีๆ เพราะเฮียกำลังโมโห ถ้าไม่พอใจขึ้นมาอีกอาจเกิดปัญหาในเที่ยวบินยาวๆ 14 ชั่วโมงแบบนี้ได้ เดี๊ยนสาระแนจังก็ยังหวาดๆกลัวเฮียตะคอกเอาเวลาเซอร์วิส แต่ผิดคาด เฮียแกนั่งเช็ดน้ำตาที่ซึมๆออกมา และนอนตลอดทาง แถมพูดจาปกติผิดจากที่คาดไว้ลิบลับเลย ไฟล์เดือนที่แล้วก่อนหน้าที่เดี๊ยนจะไปถึง มีท่านผู้โดยชาวยิปต์ที่จะเดินทางไปผ่าตัดโรคหัวใจยังปักกิ่ง แกเกิดอาการกำเริบแล้วก็ Dead เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น แอร์สาวชาวไทยสหายเดี๊ยนก็เกี่ยงกันจนไม่มีใครลงไปนอนที่ห้องพักลูกเรือใต้เครื่องเลย เพราะทั้งมืดทั้งเงียบ พอเครื่องแวะพักที่กรุงเทพฯ การลำเลียงศพลงมาก็โกลาหลกันพอสมควรทีเดียว เดี๊ยนยังเนือยๆอยู่ เมื่อคืนสู้รบตบมือกับท่านผู้โดยชาวจีนกว่าครึ่งลำราว 10 ชั่วโมงรวมเวลาไปกลับ ได้ไปเดินเล่น 20 นาทีและกดชาเขียวจากตู้น้ำหยอดเหรียญมาเป็นของฝากจากสนามบินปักกิ่ง ก่อนจะเดินกลับไปยกซดในเคบินตามเดิม แค่นี้ก็พร้อมทำงานต่อ แต่พอถึงกรุงเทพๆ เดี๊ยนก็เดินทางกลับโรงแรมพร้อมลูกเรือทั้งทีมไปยังโรงแรมแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท เหตุเพราะโรงแรมเดิมนั้นขึ้นราคา ต่อไปนี้ก็คงมิได้แอบส่องสาวๆหมวกแดงของเอมิเรตส์ที่โรงแรมเดียวกันอีกแล้ว บรรยากาศรอบๆโรงแรมใหม่ทำให้ลูกเรือทุกคนตื่นเต้นกันหน้าดู หลังจากเปลี่ยนโรงแรมที่พักครั้งล่าสุดเมื่อ 16 ปีที่แล้ว งานนี้นังแอร์อย่างเดี๊ยนสิคะที่ลำบาก เพราะเวลาเดินทางจากบ้านเดี๊ยนมันก็เพิ่มขึ้นสิคะ แถมแถบนี้รถติดขึ้นชื่อซะ อีกทั้งสาวๆไซด์ลายเพียบ คราวนี้ถ้านัดลูกทีมไปเที่ยวกันหลังไฟล์ก็ต้องใส่ปิดมันตั้งแต่ต้นคอยันตาตุ่มเหมือนอยู่อียิปต์เลยล่ะค่า ไม่งั้นพนักงานโรงแรมจะพาลนึกว่าเดี๊ยนมาจากซอยคาวบอย อย่างที่เคยเจอที่โรงแรมเดิม ลำบากจริงน้อสาวไทย ท้ายสุดหลังยืนเหี่ยวรอแท๊กซี่หน้าโรงแรมร่วม 20 นาที ก็ได้ความว่าตี 2 เป็นเวลาผับปิด แท๊กซี่ที่เหลือน้อยๆรอดจากการดูบอลก็เลือกจะไปกับฝรั่งหัวทองจอมหื่น มากกว่าเดี๊ยนที่ตอนนั้นแปรสภาพมาเป็นผู้โดยสารแพนด้าหัวฟู ก่อนสติสตังจะเบลอไปมากกว่านี้ก็เลยต้องโทรไปจิกผู้บ่าวที่บ้านมารับ จำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่า "กรูเกลียดบอลโลก" ดีใจจัง แม่ครัวหัวป่าคนดังแห่งห้องแม่บ้านต่างแดนมาเม้นให้ด้วย บินเหนื่อยๆ นึกถึงแม่ปูก็ชักหิวล่ะค่า
โดย: Uki no Kimono วันที่: 9 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:32:10 น.
|
Uki no Kimono
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อดีตสาวแอร์แดนทะเลทรายที่ผันตัวเองไปเป็น office lady และกลับไปเป็นนักเรียนไทยในต่างแดนเช่นเคย ขอแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบชีพจรรองเท้าจากที่เคยผ่านมาทั้ง ๔ ทวีปให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ Friends Blog
Link
|
เล่าเรื่องได้สนุก น่าอ่านดีจังค่ะ
ดีนะคะได้ทำงานเจอผู้คนเยอะแยะ สนุกดี มีเรื่องให้ตื่นเต้นเล่นด้วย