QWERT
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Document
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add QWERT's blog to your web]
Links
 

 
จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทย 3




โดย Abhisit Vejjajiva เมื่อ 12 มิถุนายน 2011 เวลา 22:48 น.

91 ศพสังเวยความต้องการใคร (ภาค 1)



เดิมทีตั้งใจจะเขียนเรื่องการต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่น

แต่เมื่อมีความพยายามสร้างกระแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.



2 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงถึงความสูญเสีย 91 ศพ (ซึ่งรวมทหาร -ตำรวจ

ประชาชนที่เป็นเหยื่อ M 79 ที่ยิงออกมาจากที่ชุมนุมด้วย)

ผมจึงต้องขอเสนอความจริงเรื่องนี้ก่อน



ทุกคนคงจำได้ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงมีมาตั้งแต่ปี 2552

ที่มวลชนมาทุบรถผมที่พัทยา ล้มการประชุมอาเซียน

ไล่ล่าผมที่กระทรวงมหาดไทยแล้วก่อจลาจลในช่วงสงกรานต์

ผมมีหน้าที่รักษากฎหมาย ก็ได้คลี่คลายปัญหาด้วยความอดทน อดกลั้น

เราก็ผ่านเหตุการณ์มาได้โดยไม่มีการสูญเสีย ยกเว้นชาวบ้านนางเลิ้ง 2 คน

ที่ตกเป็นเหยื่อของการชุมนุม

ขณะที่ภาพลักษณ์เศรษฐกิจถูกซ้ำเติมอย่างรุนแรง



ในครั้งนั้นคุณทักษิณกับพวกพยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลฆ่าประชาชน

ทั้งๆที่ไม่มีมูลความจริงลงทุนเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงผมจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ

ร้อยเรียงคำพูดใหม่ให้กลายเป็นว่า "ผมสั่งฆ่าประชาชน"

เพื่อปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง แต่เมื่อสังคมส่วนใหญ่รู้ความจริง

จึงทำให้ประเด็นดังกล่าวจุดไม่ติด



ชนวนเหตุการณ์ปี 2553 เริ่มจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์คุณทักษิณจากการทุจริตเชิงนโยบายจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท.



คุณทักษิณ วิดีโอลิงค์จากต่างประเทศทันทีที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาจบ

มีเนื้อหาไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่ง คุณทักษิณใช้คำว่า "เป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรม"

ถึงขนาดกล่าวหาว่าศาลเป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างวาทกรรมสองมาตรฐานปลุกปั่นพี่น้องเสื้อแดงให้เข้าใจว่าเขาถูกกลั่นแกล้งโดยอำมาตย์แต่ไม่เคยพูดถึงวันที่ตัวเองชนะคดีซุกหุ้นซึ่งคนจำนวนไม่น้อยเห็นต่างจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ไม่มีการระดมมวลชนกดดันสังคมให้ความเคารพคำตัดสินดังกล่าวและให้โอกาสคุณทักษิณได้บริหารประเทศเป็นเวลานานกว่า

5 ปี



เท่ากับว่าถ้าศาลตัดสินแล้วตัวเองได้ประโยชน์ถือว่าเป็นธรรม

แต่ถ้าทำผิดหลักฐานมัดแน่นศาลตัดสินลงโทษกลายเป็นสองมาตรฐาน.

นี่คืออันตรายที่ คุณทักษิณใช้พี่น้องประชนที่ศรัทธาคุณทักษิณด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างโหดร้าย



คุณทักษิณ ระบุในการวิดีโอลิงค์ครั้งนั้นว่า

"วันนี้การเมืองตอนนี้ดุมาก ใจดำมาก แต่ขอผมเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย

ถ้าเมื่อไรประเทศได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีระบบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม

คงจะไม่มีเหยื่ออย่างผมอีกเพราะวันนี้ดุลทั้งหมดไปอยู่อำมาตย์ที่สามารถกดปุ่มสั่งการให้ระบบหนึ่ง

มีอำนาจเหนืออีกระบบหนึ่งอย่างง่ายดาย"



ผมทราบทันทีว่าประเทศชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย

ประชาชนอยู่ในภาวะหวาดผวากลัวจะเกิดเหตุรุนแรง คำประกาศ "แดงทั้งแผ่นดิน”

การเทเลือดหน้าบ้านทำให้ผมเป็นห่วงชาติบ้านเมืองว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นทะเลเลือดแดงฉานทั้งแผ่นดิน



ผมพยายามอย่างที่สุดในการประนีประนอมบนหลักกฎหมายและความถูกต้อง

พวกเขาเรียกร้องให้ผมยุบสภาทันที

ผมก็ไปนั่งเจรจาคุยกับแกนนำเสื้อแดงสองวัน 6 ชั่วโมง

เสนอทางออกด้วยการยุบสภาในช่วงปลายปี

ไม่ใช่เพราะต้องการถ่วงเวลาอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดแต่ต้องการให้เศรษฐกิจมั่นคง

การเมืองมาตกลงเรื่องกติกาให้ชัดและไม่ให้เป็นแบบอย่างให้เกิดการเรียกร้องโดยใช้มวลชนกดดันไม่จบไม่สิ้น



อย่างไรก็ตามการเจรจาไร้ผล

เพราะมีคนวางแผนเป็นขั้นตอนที่จะยัดเยียดให้ผมเป็น

"ฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน" จึงไม่ยอมรับในวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมืองอย่างสันติ

ซึ่งหากแกนนำคนเสื้อแดงและคุณทักษิณมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการให้ยุบสภาไม่เกี่ยวกับการล้างความผิดให้

คุณทักษิณ ย่อมไม่มีความตาย 91 ศพ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ต่อมาคนเหล่านี้

เผยธาตุแท้ตัวเองให้เห็น ภายหลังผ่านเหตุการณ์ไทยวิปโยคว่า

ให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมไปเลย ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม

2553 เรียกร้องเอาเป็นเอาตายว่าต้องยุบสภาทันที

จนเกิดเหตุสูญเสียขึ้นในที่สุด



ความแตกต่างในการเคลื่อนไหวปี 2553 คือการเก็บเกี่ยวบทเรียนจากปี

2552 ที่การยั่วยุไม่ประสบความสำเร็จ มาคราวนี้ปิดจุดอ่อนคราวที่แล้ว

ด้วยการเพิ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งคนที่ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่นายอริสมันต์

พงษ์เรืองรอง เพียงคนเดียว แต่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

หรือเสธ.แดงก็เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนในทำนองเดียวกัน

และก่อนเกิดเหตุรุนแรง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ประสานเสียงกับเสธ.แดงหลังพบคุณทักษิณที่ดูไบว่า จะมีการตั้งกองทัพประชาชน

ซึ่งสื่อมวลชนเรียกขานว่า "กองทัพแดง"



เมื่อถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างรุนแรง ก็ทำให้ พล.อ.พัลลภ

ยุติบทบาทไป การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ปิดทั้งถนนราชดำเนิน

สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งศาลได้ชี้ว่าเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ

นอกจากจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว

ยังเพิ่มความแตกแยกและแรงกดดันต่อรัฐบาลให้เข้าสลายการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการยั่วยุด้วยการยิง M 79 ในสถานที่ต่าง ๆ

และมีการเคลื่อนมวลชนไปหลายสถานที่

สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก

และยังมีการใช้มวลชนกดดันทหารที่อยู่ในที่ตั้ง

ฮึกเหิมถึงขนาดประกาศไปยึดสถานีไทยคม





ตลอดเวลาเจ้าหน้าที่แสดงความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด

มิฉะนั้นคงเกิดเหตุแบบที่เราเห็นอยู่ที่ตะวันออกกลาง และในวันที่ 10

เมษายน เมื่อมีการขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด

ตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงหกโมงเย็นไม่มีการสูญเสีย

เมื่อเริ่มมืดก็เริ่มมีการเจรจาให้สองฝ่ายอยู่กับที่แต่ไม่เป็นผล

จึงมีการสั่งการให้ถอนกำลังกลับ



จากนั้นสงครามเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้นที่สี่แยกคอกวัว

หลังคำประกาศบนเวทีราชประสงค์ของนายอริสมันต์ ไม่นาน

มีชายชุดดำแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมใช้คนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์เป็นเกราะกำบังโจมตีทหารจนเกิดการสูญเสียชีวิตทั้งทหารและประชาชน



ขณะที่ผมและผู้นำเหล่าทัพกับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อยู่ในอาการช็อค กับการใช้ความรุนแรงกับคนไทยด้วยกันเองได้ถึงขนาดนี้

แต่บนเวทีกลับนำศพไปปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความโกรธแค้นมากขึ้น

พร้อมยื่นคำขาดให้ผมเดินทางออกนอกประเทศ



เมื่อมีการต่อสายระหว่างนักการเมืองผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายผู้ชุมนุมอ้างว่าไม่เกี่ยวกับผู้ใช้อาวุธ

และบอกให้เจ้าหน้าที่จัดการกับคนกลุ่มนั้นได้ตามใจชอบ

แต่เจ้าหน้าที่ขณะนั้นใช้กำลังเพียงแค่ปกป้องตนเอง

และคุ้มครองการลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากสถานการณ์เลวร้ายดังกล่าว



คืนวันนั้นจนถึงวันรุ่งขึ้นเป็นคืนที่ผมไม่อาจหลับตาลงได้แม้แต่นาทีเดียว

เป็นวันที่ผมสลดใจมากที่สุดในช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี

นอกจากการกดดันของผู้ชุมนุมและฝ่ายการเมืองรอบทิศ

ผมต้องพิจารณาทบทวนตัวเองอยู่หลายครั้ง เพราะได้เกิดความสูญเสียขึ้น



แต่เพราะความเข้มแข็งของสังคมไทยที่รับทราบข้อเท็จจริงว่า

ความสูญเสียไม่ได้เกิดจากการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ

เพราะผมแสดงให้เห็นมาโดยตลอดที่จะใช้การเจรจาแก้ปัญหา

จนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้ขลาดกลัวคนเสื้อแดง

อีกทั้งยังปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีกองกำลังติดอาวุธจริงในกลุ่มคนเสื้อแดง

ทำให้สังคมให้โอกาสผมทำงานต่อ



ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องคนไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับประเทศ

และยังต้องร่วมฟันฝ่าเพื่อให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น

"เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤตการเมืองแล้วและผมตั้งใจว่าเราจะก้าวพ้นความรุนแรงนี้ไปด้วยกัน"



กระนั้นก็ตามผมก็ยังมุ่งมั่นคิดถึงแผนปรองดอง

ซึ่งผมจะเขียนถึงในตอนต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า

แกนนำเสื้อแดงสามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดศพเพิ่มได้

แต่พวกเขากลับเลือกแนวทางสร้างศพเพิ่ม เพื่อยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชนให้ผม


ที่มา คลิก


Create Date : 17 มิถุนายน 2554
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 23:04:36 น. 0 comments
Counter : 339 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.