Group Blog
 
All blogs
 
คติธรรม...ของหลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ
พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วแต่เคลื่อนไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างในโลกนี้เคลื่อนไปสู่การสลายตัวไปทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้ แต่สันดานคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง ซึ่งไม่เหมือนกัน ย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ จะเห็นได้ว่าตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ เมื่อเราจะออกจากบ้านก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

บรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น เราจะต้องรู้ว่าเรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราจะต้องเป็นตัวของเราเองและเราจะต้องวินิจฉัย ในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ

ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย

ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทรไม่มีที่สุดของน้ำฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุดฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน
ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนก็เพราะมนุษย์ไปยึดโน่น ยึดนี่ ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรม สากลจักรวาลโลกมนุษย์นี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก

สัตว์โลกทุกคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน เกิดการฆ่าฟันกัน เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ

ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ

อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์ เหนือโกรธ เหนือความหลง เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง

ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว ถ้าสิ่งต่างๆ ไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจเป็นทุกข์

กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า ...เกิดเพราะกรรม ...อยู่เพื่อกรรม ...ทำเพราะกรรม ...ตายเพราะกรรมแล้ว ...ชิวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความอภิรมย์ มีความรื่นเริ่ง

เมื่อจิตไม่บริสุทธิ์
ย่อมเป็นทางนำไปสู่ "อบายภูมิ" นี่คือ "หลักความจริงในโลกของวิญญาณ"

มารยาทของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือ ต้องสุขุมรอบคอบและไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก คือต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ

โลกิยะหรือโลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้ คนที่เดินทางโลกิยะย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร? ถ้าคนหนึ่งสำเร็นได้ทั้งโลกิยะและโลกุตระง่ายแล้ว ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดมต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ถ้าเป็นไปได้ พระองค์เป็นทั้งมหาจักรพรรดิทั้งธรรมราชาไม่ดีหรือ?
... แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง...

ศิษย์แท้ พิจารณากาย ในกาย
พิจารณาธรรม ในธรรม พิจารณาวิญาณ ในวิญญาณ นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

รู้ซึ้ง
ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุแล้วจึงเกิดผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว เราจึงจะรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา ผลสะท้อนมั้นจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย

หยุดพิจารณา
คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำ อยู่ในที่วิเวกคนเดียว จิตมันจะฟุ้งซ่าน และถ้าภาวะนั้นตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณาแล้วค้นหาสัจจะของศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้

บริจาค
...ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
...การสวดมนต์เป็นการภาวนา การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านของทิพย์อำนาจ การบริจาคภายในย่อมได้กุศลมากกว่า การบริจาคภายนอก นี่คือ เรื่องของนามธรรม

ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาไปสู่ทางหายนะ
...เมื่อเกิดอารณ์ร้อน เราจะไปทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ นั่งให้จิตใจมั้นสบายเสียก่อน เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด เมื่อเกิดปัญญาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก

มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้าควบคุมสติ อย่าให้เรื่องส่วนตัว อย่าให้เรื่องเหตุผลมาอยู่เหนือความจริง

เตือนมนุษย์
...มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีงานทำในไม่ช้า
...มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
...มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุกาณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่าที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไร คือ ให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น เพราะมนุษย์เราส่วนมาก ทุกวันนี้มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง


รวบรวมจาก หนังสือ
"ธรรมะอ่านคน... ธรรมงาม อ่านธรรมดา ในธรรมชาติ"
พิมพ์เนื่องในโอกาสครบรอบอายุ 54 ปี
ของ พระครูธรรมธร โสภณ ธัมโสภโณ(หลวงพ่อธรรมงาม)


Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 5:02:08 น. 2 comments
Counter : 3492 Pageviews.

 
อ่าว เจิมๆ หุหุ ขอบคุณธรรมมะดีๆนะคับ หิวๆๆแต่เช้า

น้องโด้


โดย: หัวหน้าสูงสุดแห่งปีศาจสุรา วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:30:05 น.  

 
สาธุกับธรรมะเตือนใจดีๆค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:23:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kristine
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kristine's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.