LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 

~...ระยะทางจากจุด A ... ถึงจุด B...~













 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:34:42 น.
Counter : 417 Pageviews.  

~...สัพเพเหระ...~

แวะมาเปลี่ยนเพลงในblogค่ะ ไม่ได้มีความหมายอะไรเกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่องที่เขียน...หรือมีก็ไม่รู้ เพราะเจ้าของblogเองก็ฟังไม่ออกเหมือนกัน(ฮา) แค่ฟังแล้วชอบก็เลยเอามาใส่ไว้

ตั้งใจจะมาเปลี่ยนเพลงเฉยๆ แต่ไหนๆมาแล้วก็เขียนอะไรซะหน่อย...

เพื่อนสนิทคนนึงเคยถามว่าทำไมชอบฟังเพลงภาษาจีน (ความจริงแล้วมีทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่นและอื่นๆ แต่เพื่อนมันแยกไม่ออก เลยเหมาเอาว่าเป็นเพลงจีน) แล้วฟังออกเหรอ? ...ก็บอกตามความจริงว่า...

"ฟังไม่ออก"

แต่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเพราะดี อาจจะเป็นเพราะฟังภาษาไม่ออกมั้งคะ เวลาฟังก็เลยไม่ต้องคอยแปลความหมาย ทำความเข้าใจกับคำร้อง หรือนึกภาพตาม ก็เลยได้ยินเสียงอื่นๆมากขึ้น ถ้าจะพูดให้เก๋ๆหน่อย คงจะบอกว่า ...ฟังด้วยความรู้สึก ไม่ได้ฟังด้วยความเข้าใจ...

เพื่อนมันถามต่อว่า แล้วทำไมไม่ฟังเพลงบรรเลงซะเลยล่ะ?

(อืม...ความจริงก็ฟังอยู่ แต่ไม่เคยเปิดให้มันได้ยิน เพราะรู้ว่าไม่ต้องรสนิยมกัน)

ดิฉันรู้สึกว่า ถ้าเราไม่เข้าใจความหมายของภาษาเสียแล้ว เสียงร้องที่ได้ยินก็คงไม่ต่างอะไรกับเครื่องดนตรีอีกชิ้นหนึ่ง ที่ทำเสียงสูงๆต่ำๆ เป็นส่วนหนึ่งของเพลง (ความรู้สึกของคนที่มีความรู้ทางดนตรี = 0 นะคะ)

เพื่อนดิฉันชอบเพลงpop เพลงฮิตที่เปิดให้ได้ยินทั่วไปน่ะค่ะ เวลานั่งรถไปด้วยกันก็เลยต้องหาเพลงที่พอจะฟังด้วยกันได้ ถ้าไม่ใช่เพลงฟังสบายๆของค่ายเบเกอรี่ ก็เป็นเพลงเก๊าเก่า สมัยสาวๆอย่างนูโว ไมโคร หรือเพลงสมัยคีตา , ครีเอเทียโน่นเลย

เพลงใหม่ๆที่ออกมานั้นดิฉันก็ลองฟังค่ะ ก้ามปูใหญ๊ใหญ่ ของน๊อตโตะ หรือ เลิฟ เลิฟ ของโฟร์-มดก็ฟัง แต่ฟังแล้ว ลองแล้วไม่ชอบก็เฉยเสีย

โลกนี้มีมนุษย์ที่มีความชอบ ที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกับเราอยู่ประมาณ 6.3 พันล้านคน อะไรที่ลองแล้วไม่ชอบก็วางมันลงตรงนั้น อย่าได้ไปเหยียบย่ำทำลายให้เสียของ ให้โอกาสกับคนอีก 6.3 พันล้าน (- 1) คนได้ลองบ้าง

...อาจจะมีใครซักคนหยิบมันไปชื่นชมก็ได้...





***วันนี้เขียนเรื่องสัพเพเหระสมชื่อblogจริงๆ***




 

Create Date : 29 มกราคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:35:09 น.
Counter : 367 Pageviews.  

~...เรื่อง(ไม่)โรแมนติก...~

.....วันนี้อากาศดีจัง แดดไม่แรง มีลมเย็นๆพัดมา เหมือนมีฝนตกที่ไหนไกลๆซักที่ แล้วสายลมนี้ก็พัดผ่าน หอบเอาไอเย็นจากสายฝน พัดลอยเรื่อยมาจนถึงบ้านดิฉัน...สดชื่นดีจัง~~~

"...บรรยากาศแบบนี้น่าเขียนเรื่องโรแมนติกเนอะ..."


".......................<< (o.. o ) เรื่องโรแมนติก!...................................
...........................................เรื่องโรแมนติก! ( o ..o) >>................
.......................( TT .. TT )~ฮื่อ....ไม่มีเลยอ่ะ!.................................."


ขอโทษค่ะ .....(- _ -) (((_ _))) (- _ -).....ดิฉันขอถอนคำพูดเป็น...

"...บรรยากาศแบบนี้น่าเขียนเรื่องขำๆเนอะ..." แฮะ...แฮะ..!

เล่าเลยดีกว่า...

คุณเคยมีญาติประเภทชอบจัดการมั้ย? แบบที่คอยมาถามเราว่าการงานเป็นยังไง ตำแหน่งอะไร? เงินเดือนเท่าไหร่? มีแฟนหรือยัง? และสุดท้ายก็คือ...มีคนจะแนะนำให้รู้จัก! - ดิฉันมีญาติแบบนั้นอยู่คนนึง -

ช่วงที่ดิฉันลาออกจากงานประจำมารับงานเขียนแบบเล็กๆน้อยๆอยู่กับบ้าน วันดีคืนดีญาติของดิฉันคนนี้ก็โผล่มาที่บ้านพร้อมเพื่อนเค้า...และลูกชายเพื่อน!

เฮ้อ~ไม่รู้จักดูฤกษ์ยามก่อนออกจากบ้านซะบ้างเลย เพราะเช้าวันนั้นดิฉันนั่งทำงานจนถึง 6 โมง พองานเสร็จปุ๊บก็เดินไปล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้า แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาข้างๆโต๊ะเขียนแบบนั่นแหล่ะ หมดแรงจะเดินขึ้นห้องนอน หลับทันทีเพราะทั้งล้าและง่วงจัด...

แล้วคุณน้าพร้อมคุณเพื่อนและคุณลูกชายก็มาเคาะประตูบ้านดิฉันตอน 8 โมงเช้า ...8 โมงเช้าเนี่ยนะ! ช่างไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองซะแล้ว...

ดิฉันอดนอน นั่งทำงานมา 48 ชั่วโมง ทานข้าวไปกี่ครั้งหรือไม่ได้ทานเลยก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่ามีแก้วกาแฟเปล่าวางอยู่จนจะเต็มอ่างล้างจาน แถมไม่ได้อาบน้ำเพราะถ้าไปอาบน้ำให้สดชื่นสบายตัวเมื่อไหร่ ก็เป็นได้หลับสบายก่อนงานเสร็จแน่ๆ ...เพิ่งจะหลับตาลงได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตู ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมา แถมยังพาคนที่ดิฉันไม่รู้จัก(แต่รู้จุดประสงค์)มาด้วย!

อ๊าก......ยังงี๊ยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

ดิฉันก็เลยตอบโต้ด้วยการ...แกล้งหลับ ไม่ยอมเปิดประตูบ้าน!...

ฮ่า...ฮ่า...คิดว่าดิฉันจะเปิดประตูผางออกไป วีนแตกแล้วไล่ให้เค้ากลับบ้านล่ะซิ?

โธ่เอ๋ย~ คุณขา...ดิฉันจะไปทำอะไรได้ คุณน้านั่นน่ะญาติผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดิฉันมาตั้งแต่เกิดเลยนะคะ ก็ทำได้แค่นี้แหล่ะค่ะ แกล้งนอนเฉยเสีย เดี๋ยวเค้าก็คงไป...

เค้าก็เคาะแล้วเรียกซักพัก ดิฉันก็นอนเงียบอยู่ จนได้ยินเสียงน้าพูดแว่วๆว่า...

"ไม่อยู่มั้งคุณ ไว้วันหลังค่อยมาใหม่"

แต่คุณป้าที่มาด้วยกลับบอกว่า...

"ฉันว่าอยู่นะ พัดลมเปิดอยู่น่ะ ...เห็นม่านไหวๆ"

โหย~ ฉลาดมาก ฉลาดเหลือเกิน ...MEGA CLEVER...ฉลาดสุดๆ!

สุดท้ายดิฉันก็เลยต้องลุกไปเปิดประตู แต่ก็รู้ตัวว่ามารยาทดิฉันวันนั้นคงแย่เต็มที ตัวโทรมๆ หัวยุ่งๆ หน้าตาง่วงๆ(ก็ง่วงจริงอ่ะ) น้าดิฉันบอกว่ามาแต่เช้าเพราะตั้งใจจะมารับไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปบ้านป้าคนนั้นแหล่ะค่ะ ดิฉันก็เลยบอกว่าเพิ่งจะทำงานเสร็จ ไม่ได้นอนมา 2 วันแล้ว เพิ่งหลับไปซักชั่วโมงนี่เอง น้าดิฉันก็ยังไม่ยอมลดละ บอกว่าหลับไปในรถก็ได้...

"ไปไม่ได้ เดี๋ยวบ่ายๆ พี่เค้าจะมาเอาแบบ"

"โทร. บอกให้เค้ามาเช้าซิ" เอ๊า...เอากับน้าดิฉันซิ...

"ไม่ได้ เค้ามีงานเช้า"

"ฝากข้างบ้านไว้ซิ" (ข้างบ้านก็เป็นญาติดิฉันเช่นกันค่ะ)

"ไม่ได้ ต้องอยู่คุยกัน เผื่อมีอะไรต้องแก้"

"..............................."

เมื่อรู้ว่ายังไงดิฉันก็ไม่ออกไปไหนแน่ๆแล้ว เค้าก็เลยปักหลักชวนคุย ถามโน่นถามนี่ เก็บข้อมูล (ไม่เอาแบบสอบถามมานั่งติ๊กทีละข้อซะเลยล่ะ)...นานมาก... กว่าเค้าจะพากันกลับไป แต่ก็ยังพยายามชวนดิฉันออกไปทานข้าวร้านใกล้บ้านแล้วจะกลับมาส่ง แต่ดิฉันก็ยังยืนยันว่า "ไม่ไป" ...เฮ้อ เหมือนดิฉันจะเห็นธงขาวโบกอยู่ไหวๆนะ...ได้นอนซะทีเรา...

อีก 2-3 วันถัดมาก็มีผู้ชายคนนึงมาหาดิฉันที่บ้านค่ะ ตอนแรกที่เห็นหน้าดิฉันก็งงๆ ~ใครวะ?~ จนเค้าบอกว่าเมื่อวันก่อนเค้ามากับแม่และน้าดิฉันน่ะค่ะ ดิฉันถึงได้นึกออก และนึกออกได้ว่าวันนั้นดิฉันไม่ได้มอง ไม่ได้สนใจเค้าเลยนี่หว่า

ก็เหมือนเดิมอ่ะค่ะ ชวนคุย ถามโน่น ถามนี่...

-ท่าทางลุยๆ เคยโบกรถไปเที่ยวมั้ย? (หือ? คิดว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนไปยืนโบกรถบรรทุก ขอติดรถเค้าไปเที่ยวงั้นเหรอ?)

-ชอบ the sound of music เหรอ? (เออดิ! ไม่ชอบจะดูทำไม)

-ปิดทำไมล่ะ ทำไมไม่ดูให้จบ? (ฉันต้องขออนุญาตคุณก่อนเปลี่ยนช่องทีวีด้วยมั้ยเนี่ย?)

-ทำไมออกจากงานล่ะครับ?...(อืม...ดิฉันชอบอยู่คนเดียวก็เพราะงี๊แหล่ะ)...

.....หลังจากวันนั้นเค้าก็มาอีกครั้ง หรือสองครั้ง เป็นช่วงที่ดิฉันอยู่บ้านตลอดก็เลยต้องนั่งตอบคำถามอะไรก็ไม่รู้ ต้องดูทีวีช่องเดียว เพราะถ้าเปลี่ยนก็จะมีคำถามอีก...เฮ้อ~

ดิฉันคุยกับญาติที่อยู่ข้างบ้านอ่ะค่ะถึงได้รู้ว่า ก่อนที่เค้าจะมา เค้าจะโทร.มาถามก่อนว่าดิฉันอยู่บ้านมั้ย? แล้วถึงจะเข้ามา ดิฉันก็เลยสั่งว่าถ้าเค้าโทร.มาถาม ให้บอกว่าดิฉันไม่อยู่ ก็ได้ผลไปพักนึงค่ะ แต่ยังไม่จบแค่นั้น

วันนึงพี่ชายดิฉันโทร.มา บอกว่าวันเสาร์พวกเค้าจะมาหาดิฉันอีก เพราะคิดว่าเสาร์-อาทิตย์ดิฉันต้องอยู่บ้านแน่ๆ ปรากฏว่าวันศุกร์ดิฉันเก็บเสื้อผ้าใส่เป้ โทร.ถามตารางเดินรถไฟ แล้วก็ไปซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีรังสิต...

ดิฉันไปโต๋เต๋อยู่เชียงใหม่คนเดียวซะ 2 อาทิตย์ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...




ดิฉันว่าพวกเค้าคงจะพอรู้สึกแล้วว่าดิฉันไม่เต็มใจกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ หลังกลับจากเชียงใหม่ เค้าก็มาหาดิฉันอีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้ดิฉันไม่เปิดประตู เพราะรู้สึกเบื่อเต็มที ไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว...

หลังจากวันนั้นดิฉันก็ไม่เคยเจอเค้าอีกเลย...

อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรทางฝ่ายเค้าที่เป็นข้อเสีย แค่ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้คือชีวิตดิฉัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าพวกคุณจะพอใจหรือไม่พอใจดิฉัน ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นใคร แต่มันขึ้นอยู่ที่ว่าดิฉันพอใจที่จะอยู่คนเดียวต่างหาก

ดิฉันมารู้ทีหลังว่าทางเค้าเคยคุยถึงเรื่องแต่งงานด้วยซ้ำ ดิฉันถามแม่ว่า...แล้วแม่ตอบเค้าไปว่ายังไง...

แม่บอกเค้าว่า...

"อย่าไปยุ่งกับมัน" ("มัน" ในที่นี้ก็คือดิฉันเองนี่แหล่ะค่ะ)






 

Create Date : 25 มกราคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:35:40 น.
Counter : 368 Pageviews.  

~...ทยอยสุข...~

ดิฉันเชื่อว่าเราทุกคนถูกกำหนดระยะเวลาที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาแล้ว ทุกคนมีเวลาของตัวเอง ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนว่าจะใช้เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง แต่ละนาทีไปกับอะไร...ถ้าคุณหงุดหงิดกับรถติด 2 ชั่วโมง เวลาความสุขของคุณก็หายไป 2 ชั่วโมง คุณโกรธแค้นใครซักคน 10 ปีเวลาของความสงบในใจของคุณก็หายไป 10 ปี...

-เงินเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต แต่ไม่ได้สำคัญที่สุดในชีวิต-

ทำไมคนส่วนใหญ่ต้องอดทนกับชีวิตที่ยากลำบากทุกวัน ตลอดเวลา สะสมทรัพย์สินเงินทอง เพื่อรอที่จะสบายในวันข้างหน้าซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ แล้วถ้าถึงวันที่เรามีทุกอย่างจริงๆแล้ว เราจะรู้สึกว่านั่นคือ "ความสุข" จริงหรือ และบางครั้ง....วันที่เราอดทนรอมันอาจจะมาไม่ถึงเลยก็ได้...

-ดิฉันแค่อยากใช้ทุกวันที่ผ่านไปอย่างมีความสุข-

คงเป็นความสุขแบบที่ดิฉันตั้งเอาเองว่าเป็นการ "ทยอยสุข" สุขเรื่อยๆ สุขทีละนิดทีละหน่อย เอาแค่พอให้ทุกวันผ่านไปแบบมีอมยิ้มน้อยๆ ไม่ต้องถึงกับหัวเราะร่าหรือสุขท่วมท้นจนตื้นตันน้ำตาไหลพราก

ดิฉันมีความสุขกับชีวิต กับการทำงาน มันเหนื่อย แต่ก็ไม่ยาก และใช้เวลาที่เหลือกับอาหารอร่อยๆ , หนังที่อยากดู , เพลงเพราะๆ , กาแฟหอมๆแบบที่ชอบ , ไอศครีมรสโปรด , เพื่อนที่คุยกันรู้เรื่อง(หรือไม่ต้องคุยอะไรกันเลย...ก็รู้เรื่อง)




-ตัดเรื่องกวนใจเล็กๆน้อยๆออกไป ชีวิตจะมีความสุขขึ้น-

ชีวิต...ยังมีทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้รอเราอยู่ ยังไงซักวันก็ต้องเจอ เพราะฉะนั้นตอนนี้อะไรที่ยังไม่จำเป็นต้องทุกข์ก็อย่าไปทุกข์กับมัน เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะ อย่ากระตือรือร้นที่จะทุกข์นักเลย...

ก็เหมือนโดนเหยียบเท้าบนรถเมล์ ไม่ได้มองหน้าคนเหยียบด้วยซ้ำ พอก้าวลงจากรถ ชีวิตก็เดินต่อไป ในชาตินี้จะได้เจอคนคนนั้นอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ~แล้วจะสนไปทำไม~





ทำไมต้องรอ? เริ่มทยอยสุขตั้งแต่วันนี้กันดีกว่า...




~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~


...วันนี้เขียนอะไรก็ไม่รู้แฮะ สงสัยจะบริโภคช็อกโกแลตมากไป พลังงานเลยเหลือ...


~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~





 

Create Date : 19 มกราคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:36:11 น.
Counter : 472 Pageviews.  

~..."TAG"...ความลับ 5 ข้อ...~

จุ๊...จุ๊...รู้แล้วเหยียบไว้นะคะ...





1. ดิฉันเคยขายงูที่จตุจักร :

ตอนอยู่ม.ปลาย ดิฉันอยากเลี้ยงงูมากก็เลยแอบๆซื้อมาเลี้ยงไว้ในห้องนอน แต่อยู่ได้แค่ 2 - 3 วัน พี่ชายดิฉันมันเข้ามาเจอก็เลยกรี๊ดซะลั่นบ้าน แล้วยื่นคำขาดว่าให้เอาไปปล่อย ไม่งั้นมันจะไปฟ้องแม่ ดิฉันก็เลยต้องเอางูไปปล่อยเพราะไม่งั้นถ้าแม่รู้เข้า ดิฉันคงโดนเอาไปปล่อยซะเอง...

ด้วยความอาลัย... วันอาทิตย์ถัดมาดิฉันก็เลยโดดเรียนพิเศษไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวร้านขายงูที่จตุจักร ก็ร้านที่ดิฉันไปซื้อมาน่ะแหล่ะค่ะ ก็ไปลูบๆคลำๆเล่นกับมัน คนเดินผ่านไปมาก็นึกว่าเป็นคนขาย ถามราคา ถามวิธีเลี้ยง ฝรั่งผ่านมาก็ขอให้ดิฉันจับงูแล้วก็ถ่ายรูปค่ะ บางคนก็มายืนข้างๆขอถ่ายรูปด้วย ดิฉันขายได้ด้วยนะคะ จำได้ว่าตอนนั้นขายลูกงูเหลื่อมไปราคาตัวละ 120 บาท...โดดเรียนไปได้ 2 อาทิตย์ก็เบื่อแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเฉียดไปใกล้แถวนั้นอีกเลย

2. บันทึกลับ :

ดิฉันชอบจดค่ะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่ได้จดทุกอย่างเป็นบันทึกประจำวันว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เพียงแต่ถ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้อยากจำก็จะเขียนเอาไว้ มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต มีความคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรกับอะไรก็จดเอาไว้

คืนนี้...มีสมุดบันทึกเล็กๆที่เขียนอะไรๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตลอดระยะเวลาสิบๆปีอยู่ 8 เล่มซ่อนไว้ใต้เตียงของดิฉันค่ะ...

3. ปลอมลายเซ็นต์นักแปลชื่อดัง :

หนังสือแปลเล่มแรกของคุณเทศภักดิ์ นิยมเหตุที่ดิฉันได้อ่านชื่อเรื่องว่า "ฟ้าใหม่ในซานมาร์โค" เป็นหนังสือที่เพื่อนให้ยืมมา เนื้อเรื่อง+สำนวนแปลของคุณเทศภักดิ์สนุกมากจนทำให้คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือแปลอย่างดิฉันต้องไปหาเล่มอื่นๆของผู้แปลท่านนี้มาอ่าน

ประมาณสิบกว่าปีที่แล้วดิฉันทำงานแถวๆซอยสุขุมวิท 81 ตอนพักกลางวันหรือไม่ก็ช่วงบ่ายที่เซ็งๆคิดงานไม่ออก ดิฉันจะปั่นจักรยานบนฟุตบาทย้อนจากซอย 81มาที่ร้านหนังสือเทศภักดิ์ที่อยู่ปากซอย 79 วันดีคืนดีถ้าซื้อหนังสือแปลของคุณเทศภักดิ์แล้วบังเอิญว่าตัวท่านผู้แปลอยู่ในร้านวันนั้น ก็จะได้ลายเซ็นต์ "เทศภักดิ์ นิยมเหตุ" เป็นที่ระลึกด้วย

วันนึงดิฉันทำหนังสือ"ฟ้าใหม่ในซานมาร์โค"ที่เพื่อนให้ยืมมาหายไป ก็เลยต้องซื้อไปใช้คืน คนรักหนังสือทั่วไปคงทราบดีว่าการที่คนยืมหนังสือเราไปแล้วทำหายนั้นมันทำให้เรารู้สึกอย่างไร ยิ่งเป็นเล่มที่พิมพ์ครั้งแรกด้วยแล้ว...เฮ้อ~ ดิฉันก็เลยต้องเอาใจเพื่อนว่าเดี๋ยวจะซื้อเล่มใหม่คืนให้แล้วจะขอลายเซ็นต์คุณเทศภักดิ์มาให้ด้วย...

แต่โชคร้ายชมัดวันที่ดิฉันไปซื้อหนังสือคุณเทศภักดิ์ไม่อยู่ที่ร้าน แล้วดิฉันก็นัดเพื่อนเรียบร้อยแล้วว่าจะเอาหนังสือไปให้(...ซวยล่ะซิ...)

สุดท้ายเพื่อนดิฉันก็ได้หนังสือ"ฟ้าใหม่ในซานมาร์โค"พร้อมลายเซ็นต์"เทศภักดิ์ นิยมเหตุ"ที่ปกในไปนะคะ...คงไม่ต้องบอกมั้งว่าลายเซ็นต์นั้นมาจากไหน...

รูปนี้ของจริงที่ดิฉันได้มาค่ะ ส่วนของปลอมก็...ก็เหมือนกับอันนี้แหล่ะค่ะ แฮะ..แฮะ...!



4. 84%ของผู้หญิงชอบสุนัข :

ดิฉันเป็นผู้หญิง 1 ใน 16%ที่เหลือค่ะ



ข้อสุดท้าย...โปรดอ่านคำแนะนำก่อนเลื่อนลงไปอ่านความลับข้อที่ 5 ของดิฉันค่ะ





5. วิ๊ด..วิ้ว...~ :

ดิฉันมีชุดนอนผ้าซาตินเนื้อนิ่มๆลื่นๆติดลูกไม้ลายละเอียดเนื้อนุ่ม แบบsexyมากๆ วิ๊ด...วิ้ว~ พับอยู่ในกล่อง(เพราะไม่เคยใส่) ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าค่ะ แถมตอนซื้อยังโกหกคนขายว่าจะซื้อเป็นของขวัญเพื่อนซะอีก...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...


~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~


ครบแล้วค่ะ 5 ข้อ ดิฉันขอแตะต่ออีก 5 คน...

1. คุณ9A : ในฐานะที่คุณเป็นคนเขียนcommentแรก ในวันแรก และblogแรกของดิฉันค่ะ

2. คุณ Life's like that : ไม่มีอะไร ดิฉันอยากแตะคุณอ่ะ มีอะไรมั้ย?

3. คุณก้อ : เพื่อนเก่าจาก AAE

4. คุณครูพี่หมูน้อย : ดิฉันอยากรู้ว่านักคณิตศาสตร์จะมีความลับอะไร

5. คุณtiti : ใครก็ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยล็อกอิน , ไม่รู้ว่ามีblogของตัวเองมั้ย แต่ดิฉันว่าเค้าคงอยู่ไม่ไกลเกินกว่า 1.2 เมตร...คงจะดีถ้าคุณจะบอกความลับ 5 ข้อให้ดิฉันรู้...


~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~




 

Create Date : 13 มกราคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:36:36 น.
Counter : 1376 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.