LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 
ความตายครั้งที่1~...ร่างบนเปลวไฟ...สุดท้ายชีวิตก็ไม่มีอะไรเลย...~

....ท้าวความ...จากblogเก่าที่หายไป ดิฉันเคยเขียนว่ามีความตายอยู่ 4 ครั้งที่ทำให้ความคิดและมุมมองในชีวิตเปลี่ยนไป ดิฉันได้เล่าถึงความตายครั้งที่ 3ไปแล้ว ในเรื่อง "ตุ๊กตาหมีตัวสุดท้าย...ที่สอนให้รู้ว่าอย่ารอ" กับเรื่อง "ความตายครั้งที่ 4...ความตายที่กำลังจะมาถึงของแม่"

วันนี้ดิฉันจะเขียนถึงความตายครั้งที่ 1

คุณลุงดิฉันเสียด้วยอาการหัวใจวายตอนที่ท่านอายุ 60 ปีพอดี หลังเกษียณแค่ไม่กี่เดือน จู่ๆก็หมดสติล้มพับลงไปเฉยๆ ไม่มีอาการอะไรบ่งชี้มาก่อนเลยว่าลุงเป็นโรคหัวใจ ตอนพาลุงไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าลุงไปตั้งแต่ที่บ้านแล้ว...

ตอนนั้นดิฉันอยู่ปี 4 ออกจากบ้านมาอยู่อพาร์ทเมนต์คนเดียวเพราะเริ่มหาเงินเองได้จากการทำงานพาร์ทไทม์และจะได้อยู่ใกล้ที่ทำงานด้วย ชีวิตสนุกมาก มีทั้งอิสระและเงินที่หาได้เอง อยากได้อะไรก็ซื้อๆๆ เพราะไม่ต้องขอเงินและขออนุญาตแม่อีกแล้ว

วันนึงแม่โทร.มาบอกว่าลุงเสียแล้วให้กลับบ้าน ดิฉันตกใจแต่ไม่ได้ร้องไห้ ก็ไปงานทุกวันจนถึงวันเผา ปกติภาพสุดท้ายของงานศพที่เคยไป ถ้าเป็นคนรู้จักก็จะเป็นตอนที่ขึ้นไปเคารพศพแล้ววางดอกไม้จัน ถ้าเป็นญาติสนิทก็จะเห็นตอนที่เปิดโลงให้ดูหน้าครั้งสุดท้าย แต่งานศพลุงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ดิฉันได้เห็นอะไรมากกว่านั้น

หลังจากเปิดโลงแล้วเค้าก็ยกร่างลุงออกมาแล้วก็วางบนตะแกรง เลื่อนเข้าไปในเตาเผา ด้านล่างเป็นไฟที่ลุกโชน มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆอาจจะแค่1 หรือ 2นาทีก่อนที่เค้าจะปิดประตูเตาเผา แต่มันก็นานพอที่ดิฉันได้เห็นไฟที่ลุกไหม้เสื้อผ้าและลุกท่วมร่างลุง แล้วมันก็ทำให้ความคิดดิฉันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

วันนั้นดิฉันกลับมาที่ห้อง มองสิ่งของรอบตัวแล้วคิดว่า 'เรามีข้าวของเยอะแยะนี่ไปทำไมกัน' สุดท้ายเราก็ไม่มีอะไรซักอย่าง แม้แต่ร่างกายก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ดิฉันไม่ได้ปลงอนิจจังจนตัดทุกอย่างทิ้ง ดิฉันยังคงต้องกิน ต้องใช้ ต้องมีชีวิตต่อไป(อย่างมีความสุขด้วย) แต่เริ่มถามตัวเองว่าของบางอย่างมันเกินความจำเป็นหรือเปล่า? อันนี้ไม่มีได้มั้ย? แล้วดิฉันก็ให้ความสำคัญกับสิ่งของพวกนั้นลดลง มันก็แค่หนังสัตว์ที่ตายแล้ว เส้นใยที่ถักทอ เอามาตัดเย็บออกมาเป็นรูปร่างอย่างที่เราเห็น เป็นกระเป๋าไว้ใส่ของ เป็นรองเท้า เป็นเสื้อผ้าไว้สวม ก็เท่านั้นเอง...

ดิฉันไม่ได้เขียนชวนให้ใครๆมาปลงอนิจจัง หรือละทิ้งสิ่งต่างๆ เพียงแต่เขียนเล่าให้ฟังว่าอะไรที่ทำให้ดิฉันเป็นคนอย่างทุกวันนี้ มีความคิดแบบนี้ มองสิ่งต่างๆแบบนี้

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องสอน เราทุกคนสามารถเห็นเอง รู้สึกเองและเรียนรู้เองได้ ต่างกันที่ เร็ว-ช้า ที่ไหน เมื่อไหร่






Create Date : 03 มิถุนายน 2549
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 16:34:19 น. 8 comments
Counter : 543 Pageviews.

 
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องสอน
เราทุกคนสามารถเห็นเอง
รู้สึกเองและเรียนรู้เองได้
ต่างกันที่ เร็ว-ช้า ที่ไหน เมื่อไหร่--->เห็นด้วยค่ะ

เรื่องความตาย การจากพราก
เป็นเรื่องเศร้า พยายามทำใจยอมรับ
แต่ทำใจได้ยากอยู่ดี เฮ้อ


โดย: มณี IP: 130.101.31.64 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:0:24:30 น.  

 
คุณโชคดีที่เรียนรู้ได้จากความสูญเสีย

การปลงอนิจจัง ไม่ได้แปลว่าต้องโกนผมบวชชี
เพียงแต่เข้าใจในความจริงของโลก

ว่ามันไม่เที่ยง (อนิจจัง) มันเป็นทุกข์ คงที่ในสภาพเดิมไม่ได้ (ทุกขัง) และเราบังคับมันไม่ได้ (อนัตตา)

เรายังเป็นฆราวาสธรรมดาได้ครับ ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เป็นปกติ

เพียงแต่ เราอาจจะมองเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น
เข้าใจอะไร ต่างจากคนอื่นบ้าง

พื้นความเข้าใจคุณ เหมาะแก่การศึกษาพุทธศาสนาภาคปฏิบัติได้นะครับ :)


โดย: aston27 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:1:28:10 น.  

 
ชักติดใจรูปในบล็อคคุณ
ขออนุญาต add ไว้เพื่อความสะดวกในการแวะมาชมในครั้งต่อไป

ถ้าไม่สะดวกอย่างไร แจ้งผมได้ครับ ผมจะลบออก :)


โดย: aston27 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:1:33:57 น.  

 
ยินดีค่ะ

เชื่อเถอะว่าถ้ารู้จักดิฉันจริงๆ ไม่มีทางที่คุณจะคิดว่าดิฉัน "เหมาะแก่การศึกษาพุทธศาสนาภาคปฏิบัติ" หรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณ ดิฉันถือว่าเป็นคำแนะนำของกัลยาณมิตรนะคะ


โดย: Q.NUH วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:2:36:28 น.  

 
ชีวิตมันก็เท่านี้ อ่านแล้วก็ปลงๆนะครับ ทุกครั้งที่ไปงานศพผมก็จะรู้สึกแบบนี้เสมอๆ แต่พอกลับมาอยู่ท่ามกลางกองกิเลส ก็เขวกลับเป็นเหมือนเดิมทุกที....


โดย: นายเบียร์ วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:4:14:33 น.  

 
จริงค่ะ
แต่มักจะลืมอยู่บ่อยๆ
พอดีเลยค่ะ
วันนี้จะไประลึกถึงความดีงาม
ของผู้ใหญ่ที่เคารพรัก
ซึ่งท่านจากไปอย่างกระทันหัน
ชีวิตก็เท่านี้เอง
...สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา.
ขอบคุณค่ะคุณ q.nuh


โดย: ทองกวาว IP: 203.151.140.117 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:8:12:13 น.  

 
นับว่าแม้แต่การตายก็ไม่ไร้ประโยชน์


โดย: 9A วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:14:36:30 น.  

 
การนึกถึงความตายอยู่เสมอทำให้เราไม่ประมาทดี ที่พระท่านเรียกว่าตายก่อนตายนั่นแหละ อ่านบล็อคนี้แล้วได้ข้อคิดดีค่ะ


โดย: haiku วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:18:38:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.