Review: JUJU AQUAMOIST Pure H 100 + Moisturizer Cream & Cleansing Express Gel

ผลจากการใช้ครีมตัวดังที่ขาย Online ชื่อย่อว่า BZ ผ่านไป 2 เซ็ต
เพราะเห็นคนรู้จักหลายๆ คนใช้กันแล้ว ขาวขึ้นมาก แถมผิวดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ไอเราที่ผิวไม่ได้มีปัญหาอะไรก้อเลยเสนอหน้าลองดู เพราะไม่เคยแพ้ ไม่หวั่น
สุดท้ายกลายเป็นเส้นเลือดที่หน้าชัดขึ้นมากมาย แล้วพอชุดที่ 2 ก็จะแสบๆ หน้าเวลาล้างเสร็จ
แต่เห็นผลชัดเจนมากว่าเดือนกว่าๆ ขาวขึ้นจนคนรอบข้างทัก เดาว่าผิวคงบางไปเยอะ



โดยรวมไม่มีปัญหาอะไร แต่สุดท้ายเมื่อหยุดใช้สิวอุดตันก้อขึ้นอย่างไม่เคยมีในชีวิต
ถึงขนาดรูมเมทเจอยังทักว่า ตอนอยู่หอนอนทั้งเครื่องสำอางค์ หน้าไม่ค่อยล้าง
แทบจะไม่เคยเห็นสิวขึ้นเลย ไม่น่าเชื่อว่าขึ้นได้ขนาดนี้






เฮ่อ ดูแล้วจะร้องไห้กลายเป็นผิวแห้งมากกกก จมูกลอกเป็นขุยๆ
ดำๆ นี่ไม่ใช่รอยสิวนะ แต่พอสิวยุบมันแห้งจนเป็นสะเก็ด
ครีมที่มีอยู่มีแต่บำรุงทั่วไปสำหรับผิวปกติ
เลยรู้สึกว่าต้องหาอะไรซักอย่างที่มันเน้นเรื่องชุ่มๆๆๆๆๆ


2 Choices ที่เล็งไว้คือ Make a diffence ของ Origins และ ครีมของ Juju
แล้วก้อเลือก Juju มาด้วยสาเหตุของ ราคา ฮ่าๆ
เพราะซื้อ Juju 2 อย่างรวมกันเพิ่งได้ Origins แค่กระปุกเดียวเอง





สอยมาจาก Watson ทั้งหมดดังนี้ (จากซ้าย)
- JUJU AQUAMOIST Moisturizer Cream
- JUJU AQUAMOIST Pure H 100 -- 890 THB
- Cleaning Express Gel -- 315 THB





JUJU AQUAMOIST Moisturizer Cream



คุณสมบัติ: เป็นกรดอ่อนๆ, ไม่แต่งกลิ่น, ไม่ใส่สี, ไม่มิเนอรัลออย, ไม่ใช้ส่วนผสมจากสัตว์
เจลครีมเนื้อนุ่ม เกลี่ยบนผิวได้ง่าย ช่วยปรับสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง เต่งตึง เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น
ครีมบำรุงเช้าและก่อนนอน เก็บความชุ่มชื่นลดริ้วรอย มีสารป้องกันแสงแดดจากธรรมชาติ
พร้อมทั้งวิตามินซี ปรับสีผิวให้ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ




ตัวนี้คือตัวที่ตั้งใจมาซื้อเลย เพราะดูจากเนื้อมันน่าจะชุ่มๆ จมูกจะได้หายลอก
ตอนแรกเล็งสีชมพูตัว Collagen ไว้แต่เค้าไม่เอามาขายแล้ว
สีน้ำเงินตัวนี้จะเน้นเรื่อง VIt C ช่วยทำให้ผิวขาว แต่ไม่ได้สนเท่าไหร่

เนื้อเป็นเจลๆ ทาไปมันจะเหนอะๆ หน่อย
ก้อไม่ได้รำคาญอะไรมากมาย เพราะนอนห้องแอร์ด้วย
แต่ไม่เหมาะการการทาตอนเช้าอย่างยิ่ง เพราะถ้าลงกันแดดทับ หน้าจะเหนียวมาก
แพ็คเกจใหม่ปี 2010 มันจะมีป้าย Up สีชมพูอยู่ แปลไม่ออก
ก้อเลือกดูดีๆ ละกันเนอะ ขนาดว่าซื้อในวัตสันยังมีปี 2008 หลงอยู่เลย


Total: 7.5/10
มันก้อชุ่มๆ ดีอะ แต่ตอนล้างออก มันเหมือนเคลือบๆ อยู่
ไม่รู้ว่าเป็นตัวเจลที่ส่วนบำรุงซึมไปหมดแล้ว หรือมันยังเกาะอยู่ครบทุกประการณ์
และถ้าไม่ได้ซื้อ H100 มามันก้อโอเคนะ แต่พอซื้อมาด้วย เลยเริ่มรู้สึกว่าตัวนี้ไม่ค่อยจำเป็น





JUJU AQUAMOIST Pure H 100




คุณสมบัติ: เซรั่มที่ช่วยสร้างบาเรียความชุ่มชื่นให้กับผิวด้วยประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของไฮยารูลอน
เมื่อใช้บำรุงผิวตอนกลางคืนจะช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นในผิวชั้นฮอร์นนี่เลเยอร์เอาไว้ตลอดคืน
ช่วยเสริมให้การแต่งหน้าในวันรุ่งขึ้นติดแน่นทนนาน

ผลิตภัณฑ์ ตระกูล HYALURON นี้เป็นสารสกัดบริสุทธ์จากพืช 100% ที่เรียกว่า Bio Hyaluron
โดย Hyaluron เพียง 1 กรัม เทียบเท่ากับการเติมน้ำให้ผิวถึง 6 ลิตร
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยแลดูตื้นขึ้นและจาง
สินค้าขายดีที่สุดในทุกประเทศที่วางจำหน่าย



ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อแต่เห็นจัดแพ็ค 1 แถม 1 ในราคา 890 บาท เลยถอยมาดู
ตอนแรกก้อแอบคิดหยดเดียวจะทั่วหน้าได้ไง แต่หลอดมันใหญ่มากอะ
หยดเดียวยังเหลือไปทาคอสบายๆ เนื้อจะเป็นเหมือนเจลเหลวๆ หน่อย
แต่ซึมเข้าหน้าไวมาก แล้วรู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื่นขึ้น

Fact: Hyaluronic acid มีลักษณะหนืดข้น ละลายน้ำได้ และมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก
แนะนำให้ใส่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ความเข้มข้น 0.25% ถึง 2.00%


ดังนั้นที่เขียนว่า H 100% ไม่ได้หมายถึงว่ากำลังหยดไฮยารูลอนเพียวๆ ใส่หน้านะ
แต่หมายถึงว่า มีสารบำรุงตัวนี้อย่างเดียวเลย รับเต็มๆ ไม่มีสารอื่นเจือปน
ส่วนที่ข้นๆ เพียวๆ ก็จะเอาไปทำเป็น Filler เสริมจมูก เสริมคาง เติมร่องน้ำตา
แล้วร่างกายก็จะค่อยๆ ย่อยสารตัวนี้ไปเอง ไม่อันตราย





ผลลัพธ์จากการใช้ทั้ง 2 ตัว



ตรงที่วงไว้คือส่วนที่แย่ที่สุด แห้งจนแดงจนเป็นรอยแตกเหมือนส้นเท้า
เปรียบเทียบเลวร้ายดีมั๊ย ทางขวาคือใช้ Juju ไปได้อาทิตย์กว่าๆ ละ ดีขึ้นเยอะมาก

Total: 9.5/10
มันเห็นผลไวมาก หน้าดีขึ้นเห็นได้ชัด แต่ขอหักที่ ทาตัวเดียวมันไม่จบ
แลดูไม่มีสารบำรุง วิตามินอะไรอยู่เลย ต้องหาตัวอื่นทาเพิ่มอีก






Cleaning Express Gel




จุดเด่นของตัวนี้คือ ใช้เช็ดเครื่องสำอางเสร็จแล้วไม่ต้องล้างโฟมต่อ ตามคอนเซปต์ Express
ถึงตัวที่ดังๆ จะเป็นแบบน้ำ แต่ไม่ชอบเอาสำลีเช็ดหน้า เลยเลือกแบบเจลมา
บีบเท่าลูกองุ่นแล้วก้อนวดไปทั่วหน้าเว้นใต้ตา
เจลจะค่อยๆ ละลายกลายเป็นน้ำ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า

ตอนล้างออกเนี่ยก็รู้สึกว่าสะอาดแล้วนะ แต่ก้ออดล้างโฟมต่อไม่ได้
ใช้คู่กับ Smooth E baby Face foam จากไม่ชอบโฟมตัวนี้เพราะเหมือนล้างไม่สะอาด
แต่ใช้ด้วยกันแล้วรักเลย เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก หน้านิ่มสุดๆๆ



Total: 9.5/10
โดยรวมก็รักแล้วแหละ แต่ตรงไหนที่เป็นสิวสดๆ มันจะแสบๆ
แล้วอีกอย่างเป็น Express ทั้งที น่าจะให้ทารอบใต้ตาได้ด้วย
แต่ก็นะแค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าไม่ควร















ล่าสุดหน้าเริ่มใกล้กลับสู่สภาพปกติ ยังเยินอยู่ แต่ก้อโอขึ้น ปล. แต่งหน้าแล้ว
... ยาวเหยียดเลยวันนี้ ขี้เกียจอ่านก็ดูรูปไปนะ ฮาๆๆ




 

Create Date : 28 กันยายน 2553    
Last Update : 28 กันยายน 2553 17:01:43 น.
Counter : 1105 Pageviews.  

DIY: มาทำปากกาคริสตัลวิ้งๆ กันเถอะ

เนื่องจากไปเห็นปากกาวิ้งๆๆ ในเว็บมา หน้าตาอย่างเงี๊ยะ






ภายในหัวก้อเริ่มสะกดจิตตัวเองว่า คนที่ถือปากกาแบบนี้จะดูดีขึ้น 20%
ควักออกมาจากกระเป๋าแล้ว ความสวยจะพุ่งขึ้นทันใด
เลยเม็มเก็บไว้ใน Shopping List ก่อน

แต่อยู่ๆ วันนี้ไปเดินห้าง ก้อปิ๊งไอเอียขึ้นมาว่าซื้อปากมามาทำมั่งดีกว่า
เลยจัดการซื้ออุปกรณ์มาเตรียมเปิดห้องทดลอง






ทำง่ายมาก อุปกรณ์มีแค่
1. ปากกา (รูปลิปสติกจาก ZeenZone 55 บาท)
2. คริสตัล (จาก B2S สีขาว 95 บาท ชมพู 125 บาท)
3. กรรไกร





แต่ก่อนสิ่งทั้งปวง เราต้องเริ่มการชำแหละวัตดุดิบก่อน



จะเห็นว่าเวลาเราซื้อของแล้วมันติดสติ๊กเกอร์ไว้ มันจะเหนียวและแกะยากโคด
ขั้นแรกคือการลอกกระดาษออกให้หมดก่อนด้วยสำลีชุบน้ำ ถูปี๊ดๆ เข้าไป
ทีนี้จะเหลือส่วนที่เป็นกาวเหนียวๆ แต่ไม่ต้องห่วง
Eye Remover ตัวเทพช่วยคุณได้
ย้ำว่าต้อง Eye นะ พวก Oil ล้างหน้าจะไม่ออก ไม่ก้อออกไม่หมด
เทใส่สำลีถูๆ แป็บเดียว กาวหลุด แต่ความมันเหลือไว้เพียบ
ก้อไปโปะๆ น้ำสบู่ซักหน่อย ก้อหายแล้ว








เริ่มต้นด้วย
1. วัดขนาดของคริสตัลให้พอดีกับขนาดที่จะแปะ
2. ตัดออกมาเท่าที่ใช้ เส้นนี้คือแค่สำหรับขอบที่นูนออกมา
3. แกะพลาสติกด้านหลังออกก็ติดได้เลย
4. ทำแบบเดียวกันกับส่วนบนที่เหลือ

แต่จะเห็นว่าสีชมพูที่ซื้อมามันปนกันไปหมด เปอเลือกเฉพาะสีชมพูเข้มเป็นหลัก
แล้วก้อชมพูอ่อนแซมบ้าง ขาวไม่เอาเลย เดี๋ยวสีตีกัน
ท่อนบนจะยุ่งหน่อย ตัดทีละเม็ดแปะ ศิลปะตามใจฉัน
แค่นี้ก้อเสร็จแล้ววววว










มาดูผลการทดลองกันดีก่า



ดูเป็นตุ่มๆ ปูดๆ ไม่รู้คิดผิดรึเปล่า ว่าน่าจะซื้อแบบไซส์เท่ากันมา
แต่มองไปนานๆ มันก้อสวยแปลกๆ ดีน้า




มันมีส่วนคล้ายตัวอย่างบ้างมั๊ยเนี่ย??

สำหรับคนที่คิดว่าทำแล้วจะคุ้มหรอ เสียไปตั้ง 270 บาท ซื้อเอาก้อเท่ากัน
แต่จริงๆ คริสตัลที่ซื้อมาเหลือเพียบเลย ใช้ไป 1 ใน 3 เอง
ตีเป็นเงินก็ประมาณ 75 บาท รวมปากาก็เป็น 130 บาท
ที่เหลือก้อเอาไปเล่นลัลล้า









ชอบไม่ชอบยังไงก้อติชมกันด้วยเนอะ
หรือใครจะเอาไปทำก้อสู้ๆ เอาให้เริศๆ แล้วมาอวดกันด้วยนะคะ




 

Create Date : 21 กันยายน 2553    
Last Update : 21 กันยายน 2553 15:42:57 น.
Counter : 800 Pageviews.  

Review: Rmk Super Basic Concealer "PACK VS. LIQUID"

ปกติใช้คอนซีลเลอร์ของ RMK ตัวที่เป็น Pack ตัวเทพอยู่แล้ว
แต่ว่าใกล้จะหมดเลยจัดการสอย Liquid มาลองว่าจะสู้ได้มั๊ย




ดูสภาพตาซิ ชีวิตนี้ขาดคอนซีลเลอร์ไม่ได้เด็ดขาด
มันม่วงๆ เหลืองๆ ขนาดนี้ได้ไงก้อไม่รู้ เลิกหวังกะอายครีมไปละ
ซ้าย แชมป์เก่า Pack -- ขวา ผู้ท้าชิง Liquid








สภาพเยินๆ ของตัว Pack ไม่มีแป้งเด้อ ใช้ของ Laura Mercier แทน
ด้วยความหนืดมากๆๆๆๆ เลยใช้รองพื้น Kate ผสม
แล้วก้อเอานิ้ววนๆๆๆ วอร์มให้มันเป็นครีมๆ
ใช้นิ้วนาง(ดีที่สุด) จิ้มๆๆ แปะไปรอบๆ ตา ค่อยๆ กดให้กลืนไปกับผิว








ตัว Liquid จะเป็นแบบหมุนก้น ตอนเพิ่งแกะมานี่อย่างตกใจ
โดนหลอกป่าวแหะ หมุนแกร๊กๆๆๆๆ ก้อไม่ออกมาซักที เข้าใจว่าอากาศคงเยอะ
เปอซื้อเบอร์ 01 มา 1,035 บาท สั่งจาก Best-Skin-Shop สีพอดีเป๊ะ
ก้อค่อยๆ หมุนทีละแกร๊ก เดี๋ยวจะออกมาเยอะเกิน แล้วเยิ้ม
แล้วใช้พู่กันวาดไปรอบๆ ตา แล้วใช้นิ้วนางช่วยกดเหมือนเดิม







เสร็จแล้วได้ตาขาวจั๊วะออกมา บริ๊งๆๆๆๆ ซ้าย Pack ขวา Liquid
ผลลัพธ์ออกมามหัศจรรย์มากกกกกกกกกก
อาจจะดูไม่ต่างกันมาก แต่มาเทียบการใช้จริงกันดีกว่า






Pack

ข้อดี - ใช้ได้นานมากๆๆๆ เกือปปีแล้ว ถึงราคาจะสูง แต่ว่าคุณภาพคุ้มสุดๆ
ข้อเสีย - เปอชอบแต่งหน้าในรถ การเอารองพื้นมาผสมวนๆ ก่อนทา
ทำให้เสียเวลา แล้วก้อเผลอไปเลอะพวงมาลัยไรงี้อีก
และไม่รู้ว่าเป็นที่เคทรึเปล่า มันเลยแห้งช้า
พอบ่ายๆ สีคอนซีลเลอร์จะเริ่มหมอง และเป็นคราบ
แต่ก้อถือว่าเป็นน้อยที่สุดในบรรดาที่เคยใช้มา

Total: 9.8/10
แอบกั๊กไว้นิ๊ดดนึง มันดีเว่อร์ละสำหรับแพ็ค แต่มันยังไม่สุด


Liquid

ข้อดี - ใช้ง่าย หมุนแกร๊กๆ ป้ายๆ ก้อเสร็จ ซึ่งถ้าใช้ไปซักครั้ง สองครั้ง
ก้อกะถูกละว่าจะต้องหมุนกี่ที และแห้งเร็วกำลังดี
ป้ายทั่วหน้าเสร็จก้อกำหลังหนืดๆ พอดีเกลี่ย ที่สำคัญอยู่ทนเช้ายันเย็น
ไม่ตกร่อง ไม่เป็นคราบ ปิดรอยสิวก้อเลิศ
ข้อเสีย - หลอดทึบ ทำให้กะไม่ถูกว่ามันจะหมดเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าใช้ได้นานมั๊ย

Total: 10/10
ฮ่าๆๆ ถึงจะแอบบ่น แต่แบบรักเลยอะตัวนี้ มันเวิร์คมอร์มาก







ขอบคุณที่ติดตาม รู้กันหมดแล้วสิเนี่ยว่าหน้าเหียก 55555


PS. เวลาลงลิงค์ร้านนี่ไม่ใช่ม้านะคะ แต่ลงให้ตัวเองจำเองว่าซื้อที่ไหน




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553    
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 22:47:54 น.
Counter : 1267 Pageviews.  

Review: Etude Code B Strong Cream Liner + พู่กัน "สง่า มยุระ"

พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้แต่งตา เพราะใช้เวลาเยอะ มันไม่ถนัด
กว่าจะเล็งให้เท่ากันได้นานได้อีก เล็งไปก้อไม่เท่ากันอยู่ดีอะ


อยากกลับมาใช้ Gel/Cream Liner อีกครั้ง มันแห้งเร็วดี
เล็งอยู่ระหว่าง Coffret D'or ที่คุณ AlwaysFluke ทำรีวิวไว้ซะเกิดกิเลส
กับ Code B ที่กระแสช่วงนี้กำลังมา
แต่จากสภาพกระเป๋าใบน้อยที่ Etude ถูกกว่าเกินครึ่ง สอยเลยละกัน





น่ารัก เก๋ชิค มีชาติตระกูล ด้วยราคา 310 บาท
ไม่รู้ว่าเพราะกระปุกทรงสูงรึเปล่า เลยดูน้อยมาก แต่จริงๆ ก้อมาตรฐาน 3g.
แต่แปรงเนี่ยไม่ไหวเลยยยยยยยยยยยยย




นั่งทำ Research อยู่นานว่าแปรงอะไรดี ไม่อยากซื้อของ BB มันจะแพงกว่าครีมซะ
สุดท้ายได้กระแสของ "พู่กันสง่า มยุระ" มา เห็นว่าถูกดี เลยไปถอยมาโลด



แต่ละคำแนะนำใช้ไม่เหมือนกัน เลยถอยซะ 3 ไซส์เลยละกัน
จากซ้าย หัวแหลมเบอร์ 1, 2, และหัวตัดเบอร์ 1
แล้วก้อจับกรีดเรียงกัน เห็นได้ชัดว่าเบอร์ 2 ให้สีชัด และไม่ขาดที่สุด
ลองกรีดตาแล้วออกมา ถือว่าผ่าน แฮปปี้มาก
ส่วนหัวตัดนี่เละคอด หัวแปรงแตกกระจาย

แล้วลองกรีดกับแปรงที่ Code B ให้มา (ขวาล่าง)
แปรง Code B ให้สีไม่สม่ำเสมอ หัวแปรงแตกตอนเขียนเลยเลอะๆ
สรุปสง่าชนะเลิศ ด้วยราคาเพียง 10 กว่าบาทเท่านั้น
หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป





ส่วนเรื่องความทนของ Code B
อันนี้เนื่องจากบังเอิญ เขียนเสร็จแล้วหาของ เหงื่อแตกพลั่ก ฮ่าๆ



พอเอาทิชชู่ซับ ทิชชู่ยังขาวสะอาดเช่นเดิม
ล่างสุดคือซับเหงื่อออกหมดแล้ว ไม่เลือนเลย เจ๋งดี
ตอนล้างก้อใช้ Eye Remover ที่เป็นออย 2 ชั้นทั่วไปโปะๆ แป็บเดียวออก


สรุปว่าทนน้ำ ทนเหงื่อ แต่ .... ไม่ทนความมันของหนังตา
เพราะอีกวันกรีดไปข้างนอก ระหว่างวันก้อมีซึมๆ มาตรงหางตาบ้าง
ไม่ได้ถ่ายรูปไว้อะ ลืม





Total: 9/10

ด้วยราคาขนาดนี้ถือว่าดีมาก ล้างออกง่าย ไม่เป็น Tattoo
เรื่องแปรงถ้าตัดไปซะ ตัวครีมอย่างเดียวก้อถือว่าถูกมากแล้ว
แต่สำหรับคนที่หนังตาไม่มัน ใช้ของ BB แล้วไม่ย้อย อันนี้ทนทั้งวันแน่นอน




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 22:37:43 น.
Counter : 672 Pageviews.  

Review: Rimmel Lasting Finish 16hr Foundation + ของฝากจาก UK

เมื่อต้นเดือนเพื่อนสาวนิชา (miNipanda-z) กลับมาจาก UK
ได้ฤกษ์งามยามดีไปช็อบ Union Mall กันนิโหน่ย




สร้อยแบบห้อยพะรุงพะรังเยอะๆ อันแรกมีลูกเต๋า อันที่สองมีเพชร
ชอบทั้งคู่ตัดใจไม่ได้ สอยมาโลด เส้นละ 199 บาท
นาฬิกาเก๋ตรงคริสตัลด้านบน 100 บาท (ไม่คาดหวังความทนทานน ใส่ขำๆ)
สุดท้ายคือ ชุดเดบิวต์ 555 ชอบอะ ชอบสีแบบนี้ ทรงแบบนี้
เป็นชุดที่แบบว่า ถ้าเป็นลิฟต์ออยสมัยก่อนที่ใส่ชุดเดียวทั้งอัลบั้ม
ของเปอต้องเป็นชุดนี้ เพ้อๆๆ 250 บาท





มาถึงของฝาก และ ฝากซื้อจาก UK กันบ้าง
เล่นเอาเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยหายฮวบฮาบเลยทีเดียว



อย่างแรกคือ Rimmel Lipstick ได้มา 3 สี
Pink Blush, Coral in Gold, Alarm ตกแท่งละ 225 บาท
สีและเนื้อของลิปเป็นสีแมท แต่ทาง่ายมากกกกกกกกก
คือทาปื๊ดๆๆ จากแท่งได้เลยสบายๆ ไม่เหนียว และสีไม่เพี้ยน
ขอไม่ทำ Review เพราะซื้อตามแบบไม่คิด
คลิ๊กไปดูจากบล็อคของนิได้โลด
Beauty ♥ REVIEW RIMMEL LONDON LIPSTICK

ให้คะแนน 10/10 -- Love Love




ต่อมาคือ Rimmel Lasting Finish Foundation
เลือกสี #100 Ivory รู้สึกว่าขาวสุดแล้ว




ผลการทดลองแรกอันบนคือ ลองกับรอยด่างสมมุติ
สีน้ำตาลเข้มและดำจางๆ ถือว่ากลบได้มิดเลย Bravo
แต่กับอันล่าง รอยสีดำเลย คิดว่าเป็นสะเก็ด เป็นรอยดำสิวไรงี้
หรือขี้แมลงวัน ก้อทำให้จางลงนิดหน่อย
เนื้อค่อนข้างหนา และแมท หนักหน้านิดๆ ไม่เหมาะกับลุคใสๆ
เรื่องสีก้ออย่างที่เห็นในรูปขวาบน "แดงซะ" เห็นความต่างได้ชัดจน
ทาทีหน้าเข้มๆ ไปเลย ต้องผสมรองพื้นเพิ่ม

ส่วนในเรื่อง Lasting Finish 16hr อันนี้ให้เต็ม
อยู่โคตรทน โคตรนาน ตั้งเต่เช้ายันค่ำ แป้งไม่ต้องเติม เกาะอยู่งั้นเลย
ขอให้ 8.5/10 หักเรื่องหนักหน้า กับสีขาวสุดยังดำอยู่
แต่เข้ากับเนื้อ Concealer ได้ดีเลยแหละ








สุดท้าย ชะลอม ลองแชมป์ ลองชอมป์ ลองชอง จะอ่านว่าไรก้อช่าง
ในที่สุดก้อสอยมา หลังจากที่เคยคิดว่ามันไม่สวยเลยยยย
แต่อยู่ๆ ไปนานๆ มันก้อดีแฮะ ได้ลุคชิวๆ แบบมีสไตล์ดี
อันนี้เป็น Longchamp Size S หูยาว #Graphite
ด้วยราคา 54ปอนด์ ตีเป็นเงินไทย ณ ตอนนั้นก้อ 3,000 บาท
ถูกกว่าที่ไทยนิดหน่อย ^^




 

Create Date : 24 เมษายน 2553    
Last Update : 24 เมษายน 2553 23:37:29 น.
Counter : 837 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

purrhouse
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]





ตอนนี้เปอกลับมาเขียนไดอารี่แล้ว
ถ้าสนใจลองอ่านเล่นๆ เพลินๆ เชิญที่
http://purrhouse.wordpress.com





























Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add purrhouse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.