All Blog
จัดรักให้ลงล็อค บทที่4


บทที่ 4


ที่เวทีใหญ่ตกแต่งสวยงามภายในโรงแรมหรูใจกลางเมือง รัญชิดาซ้อมเดินเตรียมความพร้อมก่อนจะต้องเดินจริงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อซ้อมเสร็จรอบสุดท้าย รัญชิดาที่แต่งชุดราตรีเกาะอกสีดำเหมือนกันกับนางแบบคนอื่นๆ เมื่อครู่เธอเบื่อวงสนทนาของเพื่อนนางแบบด้วยกันที่เอาแต่พูดจานินทาเพื่อนร่วมวงการ แฉพฤติกรรมกันต่างๆนานา บ้างว่าเป็นเกย์ บ้างว่าเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยงและอีกมากมายหลายหลาก

เครื่องคงลงเรียบร้อยแล้ว

รัญชิดามองนาฬิกาในมือถือรุ่นใหม่ที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ นี่คือข้อดีอีกอย่างของอาชีพนี้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เธอได้เป็นตัวแทนโฆษณาเหล่านั้น เธอจะได้เป็นเจ้าของด้วย
หญิงสาวกดหมายเลขที่เธอตั้งไว้เป็นเบอร์โทรด่วน เพียงกดปุ่มเดียวก็สามารถติดต่อได้ทันที หน้าจอแสดงชื่อเจ้าของเบอร์ที่กำลังต่อสัญญาณ

ภูดิส

ปลายสายที่ตอบรับไม่ใช่เสียงของคนที่เธอต้องการติดต่อ แต่เป็นบริการตอบรับอัตโนมัติ เธอกดตัดสาย
หรือว่าเครื่องจะยังไม่ลง แบตหมดรึเปล่า

รัญชิดากดหาเบอร์ติดต่อภูดิสที่บริษัท คิดว่าเลขาของเขาคงจะให้คำตอบเธอได้ ว่าขณะนี้เขาอยู่ที่ไหน เสียงต่อสายไม่นานเปลี่ยนเป็นเสียงนันทา เลขาของภูดิสทักทายผู้โทรเข้ามาอย่างสุภาพ

“รัญชิดาพูด ภูกลับมารึยัง” นิสัยคุณหนูที่มีแต่คนเอาใจ คำพูดสำหรับคนที่เธอคิดว่ามีฐานะด้อยกว่าจึงไม่มีหางเสียงต่อท้าย แต่ใช้วิธีทอดเสียงให้ไม่ห้วนแข็งกระด้าง อีกฝ่ายตอบรับกลับมาสุภาพตามเดิม

“ฉันจะเรียนสายด้วย ต่อให้สายที” นันทาบอกกลับว่ารอสักครู่ แล้วจัดการต่อสาย เธอรอไม่นานภูดิสก็รับสาย

“ภู วันนี้น่าเบื่อชะมัด เราไม่สบายยังต้องมาทำงาน แถมยังมีคนมาเม้าท์เรื่องแย่ๆให้ฟังอีก เซ็งมากๆเลย” รัญชิดาร่ายยาว ระบายความในใจและอาการป่วยของตนเองเรียกร้องชอความเห็นใจ อีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะเบาๆมา ขำคนป่วยที่บ่นยาวแทบไม่หายใจ

“ภูนี่ยังไง เราบอกว่าไม่สบายยังหัวเราะได้อีก ไม่สงสารกันบ้างเลยรึไง ปวดหัวแล้วก็เจ็บคอด้วย”

หญิงสาวแหวกลับ เสียงกระเง้ากระงอดน้อยใจเพื่อน อีกฝ่ายเลยส่งน้ำเสียงห่วงใยบอกให้ทานยาทานข้าวแล้วนอนพัก และขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะไม่ซื้อของโปรดมาเยี่ยมไข้ แสดงว่าเขาจะมาหาเธอเพื่อเยี่ยมเธอ รัญชิดายิ้มพอใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ภูดิสเป็นห่วงเธอเสมอ

“ขอบใจนะภู ใจดีอย่างนี้รักตายเลย” ปลายสายหัวเราะอีกก่อนขอตัววางสายเพราะต้องออกไปข้างนอกแล้ว

“คุยต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ เราเหงา” หญิงสาวทำเสียงออดอ้อน แต่ภูดิสบอกว่าหมดเวลาแล้วจริงๆ จึงต้องยอมวางสายเพราะเขาสัญญาว่าจะไปเยี่ยมพรุ่งนี้

ภูดิสใจดีกับเธอเสมอ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาแอบชอบเธอเมื่อสมัยเรียน เธอรู้และเธอก็รู้สึกดี เธอชอบเป็นคนสำคัญ เธอสวยเด่น จึงมีคนมารุมล้อมเธอเสมอ แต่ในบรรดาคนที่มาชอบเธอ เธอเลือกให้ความสนิทสนมกับภูดิสและอดีตแฟนเธอมากกว่าใคร เพราะเห็นถึงความเหมาะสมคู่ควรกับเธอ อดีตแฟนของเธอเป็นรุ่นพี่ที่มีอัธยาศัยดีและหน้าตาดีสาวๆรุมล้อม อีกทั้งมีชื่อเสียงเป็นนักกีฬาและเป็นประธานของคณะและฐานะดีพอตัวมีรถแพงๆขับไปรับส่งเธอ เธอเห่อความป๊อบปูล่าของเขาซึ่งภูดิสไม่ทำ ดังนั้นเธอจึงเลือกคบกับเขามากกว่าภูดิส

ส่วนภูดิสรักความเรียบง่าย เขาไม่ได้แสดงท่าทางจีบเธอโจ่งแจ้ง บ่อยครั้งเธอทนไม่ได้กับความเรียบง่ายนั้น เขาและเพื่อนๆทานส้มตำริมข้างทาง บางครั้งเป็นเพียงขนมจีนในหาบเร่ที่นั่งทานกันตามริมทางเท้าบนเก้าอี้เตี้ยๆคนละตัว ขึ้นรถเมล์ที่มีคนเบียดเสียดกันกับกระเป๋ารถเมล์พูดจาหยาบคาย ภูดิสเห็นเป็นเรื่องธรรมดาบางครั้งเก็บมาเล่าสนุกสนาน แต่ไม่ใช่สำหรับรัญชิดา เธอไม่สามารถทนทำเรื่องแบบนั้นได้

พอเรียนจบภูดิสเริ่มเรียนรู้งานไปพร้อมกับเรียนปริญญาโท พอเข้ารับตำแหน่งสำคัญในบริษัทของครอบครัว เขาทิ้งมาดนักศึกษาแสนเรียบง่ายไปแทบไม่เหลือ กลายเป็นนักธุรกิจมาดเนี้ยบและความสุขุมนุ่มลึกที่มีติดตัวเสมอยิ่งทำให้ยิ่งดูดีสง่างาม

รัญชิดานึกเสียดายขึ้นมาทันที แต่ตอนนั้นเธอรักอดีตแฟนที่ช่างเอาอกเอาใจของเธอเต็มหัวใจซะแล้ว เพราะความรักทำให้คนเธอตาบอด จึงเลือกมองข้ามคุณสมบัติที่ด้อยกว่าภูดิสไปซะ

ตอนนี้เธอถูกทรยศจากคนรัก คนอย่างเธอถูกทิ้ง เธอถูกทำลายความเชื่อมั่นว่าเป็นคนสำคัญและหยามน้ำใจรักที่เธอมีให้ ภูดิส คนที่รักเธอไม่เสื่อมคลาย จึงกลับมาเป็นคนที่เธอต้องการอีกครั้ง เธอโทรหาเขาก่อนใคร เธอเชื่อเสมอว่าเขาให้ความสำคัญ เขาห่วงใย และไม่เคยทอดทิ้ง เพราะเขารักเธอ เธอรู้

แต่เมื่อชื่อเพื่อนสาวของแพรพรรณแวบเข้ามาในความคิด อารมณ์ขุ่นมัวบังเกิด แต่ก็กระหยิ่มในใจว่าภูดิสรักเธอ เด็กคนนั้นไม่มีทางสู้เธอได้


สองแม่ลูกเดินเข้างานแฟชั่นโชว์การกุศลพร้อมกันด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เบิกบานรับกองร้อยนักข่าว(กองร้อยจำนวนน้อยกว่ากองทัพ)ที่ตรงเข้ามาถ่ายรูปและขอสัมภาษณ์

“วันนี้คุณภูดิสลูกชายไม่มาด้วยหรือคะ” นักข่าวสังคมคนหนึ่งถามขึ้น

“ไม่หรอกค่ะ เขาไม่ชอบมางานแบบนี้” คุณลักษิกาตอบน้ำเสียงนุ่มนวล

“แต่ว่าวันนี้คุณรัญชิดามาเป็นนางแบบเครื่องเพชรชุดฟิเนเล่ด้วยนะคะ พวกเราคิดว่าจะได้ภาพคู่สวยๆเสียอีก แหมน่าเสียดายนะคะ”

คุณลักษิกาและแพรพรรณนิ่งเงียบไม่พูดตอบใดๆ แต่ยังคงรอยยิ้มกว้างเมื่อตอนเดินเข้างานหดหายไปเกินครึ่งหนึ่ง ช่างภาพกดชัตเตอร์เก็บไว้ทันที

“แล้วข่าวที่ว่าทั้งสองคนเป็น...เพื่อนสนิทกันมาก...ตกลงเป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ” คราวนี้นักข่าวสายบันเทิงเป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม เน้นคำชัดเจน ตามคำนิยมที่ดาราชอบใช้กัน
สองแม่ลูกหันมองหน้ากันถอนหายใจ ไม่ตอบอะไรเช่นเดิม ช่างภาพเก็บภาพไปอีกแชะหนึ่ง

“คุณนิศากร ลูกสาวคุณกังสดาลเพื่อนของคุณลักษิกา ได้ข่าวว่ากำลังจะกลับมาแล้วใช่มั้ยครับ” นักข่าวสังคมคนที่แพรพรรณตั้งใจปล่อยข่าวให้เป็นคนตั้งคำถามนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าสองแม่ลูกเหมือนเช่นยามเดินเข้ามาในงาน แพรพรรณตอบรับแทนมารดา

“สนิทสนมกันเฉพาะคู่ลูกสาวกับคู่คุณแม่รึเปล่าครับ” นักข่าวสายสังคมคนเดิม หยอดคำถามต่อทันที สองแม่ลูกหันไปมองหน้าให้กัน

อยากให้ภูดิสมาสนิทสนมแน่นแฟ้นด้วยอีกซักคน แต่ดันไม่ยอมซะนี่ น่าโมโหจริงเชียว หวังว่าแผนที่วางไว้จะพอทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทั้งสองคืนกลับมาดังเดิม
สองแม่ลูกคิดตรงกันเป๊ะโดยไม่ต้องสืบ แต่ปากไม่ได้พูดอะไรออกไปตามที่คิด แต่แสดงรอยยิ้มมีเลศนัยให้ช่างภาพถ่ายอีกแชะ

สรุปแล้ววันนั้นกองร้อยนักข่าวไม่ได้บทสัมภาษณ์ไปซักเท่าไหร่ วันรุ่งขึ้นจึงมีภาพสองแม่ลูกสองภาพภาพหน้าเฉยเมยตอนที่ถูกถามถึงข่าวระหว่างภูดิสและรัญชิดา และอีกภาพยิ้มแป้นเมื่อนักข่าวพูดถึงนิศากรขึ้นคอลัมภ์สังคม นักข่าวหัวดีนำมาวางคู่เปรียบเทียบกันเป็นโฆษณาครีมแก้สิวฟ้า แบบแสดงผลก่อนใช้และหลังใช้


รถโฟร์วิลสีดำคันเดิมแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่ในเขตบ้านบริเวณกว้าง เสียงร้องตะโกนต่อกันมาตั้งแต่ยามหน้าประตูที่จัดการกดรีโมทเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อคนในรถเยี่ยมหน้าหวานยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาทักทาย จนกระทั่งคนสวน แม่บ้าน เด็กรับใช้ และคนสุดท้ายคือเจ้านายผู้หญิงของบ้าน คุณกังสดาล

นิศากรกระโดดลงจากรถ วิ่งเข้าหามารดาที่ก้าวเท้าเร็วออกมาจากตัวบ้านหลังใหญ่พอดี หนึ่งปีหลังที่เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย ความคิดถึงบ้านเก็บสะสมไว้ในใจ แม้จะโทรคุยกันบ่อยครั้ง และเห็นหน้าบ้างผ่านโปรแกรมทางอินเตอร์เน็ตที่แพรพรรณอุตส่าห์หอบหิ้วใส่รถมานั่งจัดการให้ถึงบ้าน แต่มันไม่ได้ช่วยให้คลายความคิดถึงลงซักได้เท่าไหร่ เพราะไม่ได้สัมผัสกอดหอมกันเหมือนยามอยู่ที่บ้าน

“เซอร์ไพร์!ค่ะแม่” เสียงหวานเอ่ยสดใส ภูดิสมองสองแม่ลูกสวมกอดกันแน่น นิศากรถูกล้อมรอบด้วยเหล่าสมาชิกในบ้าน ดูเธอจะเป็นที่รักของทุกคนไม่เว้นใครสักคนเดียว

“หนูนิ หนูนิลูกแม่ มาได้ยังไงกัน” คุณกังสดาลลูบหน้าลูบตัวลูกสาวคนเดียวให้แน่ใจว่าใช่จริงๆ ก่อนจะกอดแรงๆและหอมอีกครั้งให้ชื่นใจอีกครั้งหนึ่งแล้วปล่อย

“ขึ้นเครื่องบินมาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ แกล้งกวนมารดาเล่นเหมือนเคย เรียกแรงเบาฝ่ามือจากมารดากระทบที่แขนอย่างหมั่นเขี้ยวได้หนึ่งที

“กวนแม่อีกแล้ว แอบหนีกลับมาไม่บอก น่าตีจริงเชียว เล่นเอาตกอกตกใจกันทั้งบ้าน ดูสิ” คุณกังสดาลเอ็ดไม่จริงจัง ดวงหน้าใจดีอ่อนโยนแสดงความรักใคร่ดีใจต่อบุตรสาวของตน

ภูดิสที่สั่งคนขับรถให้จัดการยกกระเป๋าของนิศากรลงจากรถเรียบร้อยแล้วก้าวมาหยุดยืนยกมือไหว้คุณกังสดาลที่รับไหว้งุนงงและแปลกใจว่าเหตุใดลูกชายเพื่อนจึงเป็นสารถีมาส่งลูกสาวเธอได้ แล้วเธอก็ได้รับคำตอบ

“พอดีพบหนูนิที่สนามบินโดยบังเอิญครับ เห็นว่าไม่มีคนมารับเลยพาส่ง” ภูดิสเฉลยเมื่อพบสายตาสงสัยจากคุณกังสดาลและได้รอยยิ้มขอบใจกลับมาจากมารดาของหญิงสาว

“ขอบใจมากจ๊ะ อุตส่าห์เสียเวลามาส่งน้อง ลูกคนนี้ซนจริงๆเลย” นิศากรทำหน้าทะเล้นกับมารดา แต่กลายเป็นทำหน้านิ่ว เมื่อภูดิสอมยิ้มขำเหลือบมองเธอ
ไม่ได้ขอสักหน่อย บังคับเธอมาแท้ๆ แล้วมาอมยิ้มขำอะไรไม่ทราบ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้รบกวนอะไร ผมเต็มใจมาส่งเองครับ” ชายหนุ่มตอบ คุณกังสดาลยิ้มรับ
บอกว่าเต็มใจมาส่ง เดี๋ยวก็เหมาให้ไปรับไปส่งลูกสาวเธอซะหรอก คุณกังสดาลคิดในใจ

คุณกังสดาลก็ยังคงนิยมชมชอบลูกชายเพื่อนอยู่ดังเดิม ทั้งมารยาท ความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ อัธยาศัยดี อ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย บางครั้งออกจะขี้เล่นกับคนที่คุ้นเคยและความสามารถในหน้าที่การงาน ข่าวที่ออกมาทำให้เธอลังเลในการสานสัมพันธ์ลูกสาวเธอและชายหนุ่มตรงหน้า แต่คุณลักษิกามาอธิบายเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาและบอกเล่าถึงคำยืนยันความสัมพันธ์ของภูดิสระหว่างตนเองและดาราสาว เธอจึงคลายความลังเลลงไปมาก

แต่ถึงยังไงก็ยังต้องจับตาดูให้แน่ใจเสียก่อน เกิดพลาดพลั้งไป ทั้งชื่อเสียงและจิตใจของลูกสาวเธอจะต้องมีอันด่างพล้อย

“เอาละจ๊ะ ถึงยังไงป้าก็ต้องขอบใจที่มีน้ำใจมาส่งน้องนะ เดินทางมากันเหนื่อยๆนะ มาทานขนมทานน้ำกันแก้เหนื่อยสักหน่อยนะ” คุณกังสดาลเชื้อเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน พร้อมจูงลูกสาวให้เดินตาม นิศากรไม่ได้ออกเสียงคัดค้าน เพราะเห็นควรจะตอบแทนน้ำใจที่เขามีต่อเธอ

“ขอบคุณครับ”

คุณกังสดาลลืมไปแล้ว ว่าได้เคยตกลงไว้กับเพื่อนว่าจะแกล้งทำเป็นโกรธชายหนุ่ม ส่วนภูดิสก็เห็นว่ามารดาของหญิงสาวไม่ได้แสดงท่าทางเคืองขุ่นเขาตามที่แม่และน้องสาวเคยบอกกล่าวไว้ คงเป็นเพราะความรื่นรมณ์ยินดีที่ลูกสาวกลับมาสู่อ้อมอก จึงลืมความขุ่นข้องหมองใจไปสิ้น


ร่างสูงที่ก้าวตามเข้ามาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกตามเจ้าของบ้าน ส่วนนิศากรขอตัวไปอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย เพราะนานหลายชั่วโมงเต็มทีแล้วที่ตัวเธอไม่ได้โดนน้ำ เธอติดนิสัยต้องอาบน้ำทุกวัน ไม่มีที่จะโดดโครมลงนอนบนเตียงหลังกลับจากข้างนอกอย่างฝรั่งชอบทำกัน แม้อากาศจะหนาวอย่างไรก็ขอให้ได้ชำระล้างร่างกายเสียหน่อย ขอเอามาลูบๆตัวก็ยังดี ตอนนี้เธออยู่ที่เมืองไทยซึ่งอากาศตรงข้ามกับฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิง ยิ่งทำให้อยากอาบน้ำเย็นๆให้หนำใจ เหนียวตัวเต็มทีแล้ว

พอประตูกระแทกปิดลง นิศากรระบายลมหายใจออก ลดอาการหัวใจเต้นถี่แทบตลอดเวลาที่อยู่ภายใต้การจ้องมองของสายตาคม คนที่บอกว่า เต็มใจมาส่งเธอเมื่อครู่

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ใจมันแกว่งๆหวิวไหวทุกทีพอสบตาเขา อาการแบบนี้มันเคยเกิดเมื่อสองปีก่อน และเธอคิดว่ามันควรจะหายไปนานแล้ว พร้อมๆกันกับเวลาที่เธอตัดสินใจหายไปจากวงจรชีวิตเขา แต่ทำไมยังเกิดอีกก็ไม่ทราบ มิหนำซ้ำยังมากกว่าเดิมจนโมโหตัวเอง

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ไม่ นิศากร เธอลืมเขาไปแล้ว นั่นเธอยังเด็ก ตอนนี้เธอโตแล้ว เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว

“ป้าทำลอดช่องเผือกไว้ ลองชิมให้ป้าหน่อยนะภู นี่ก็ว่าจะทำไปร่วมทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าอาทิตย์หน้าสมทบกับแม่เรานั่นแหละ”

เด็กรับใช้นำถ้วยลอดช่องเผือกใส่น้ำแข็งทุบละเอียดมาวางให้ชายหนุ่มตามด้วยน้ำเย็นอีกแก้ว ภูดิสรับมาชิมตามคำขอของคุณกังสดาล

“เป็นไงบ้างจ๊ะ พอใช้ได้มั้ย”

“อร่อยครับ ฝีมือคุณป้าดีไม่มีตกเลยครับ ผมไม่ได้ทานฝีมือคุณป้านานแล้ว” ประโยคท้ายสร้างความแปลกใจให้คุณกังสดาล

“อ้าว ทำไมไม่ได้ทานล่ะจ๊ะ ป้าก็ฝากไปกับแม่เราอยู่บ่อยๆนี่นา”

คุญกังสดาลโปรดปรานการทำอาหารและทำขนม หาคนช่วยชิมอยู่เสมอ และด้วยฝีมือที่ดีไม่แพ้มืออาชีพ คุณกังสดาลจึงลงมือทำขนมและอาหารเองทานกันในครอบครัว ขนมและอาหารเหล่านี้จึงเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของเพื่อนสนิทด้วย

“แพรเขาเก็บเงียบทานคนเดียว ไม่ยอมแบ่งให้ผมเลยครับ” คำตอบนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคุณกังสดาลได้แพรพรรณทำตามที่เคยบอกไว้จริงๆ ว่าจะแก้แค้นแทนนิศากรโดยการเก็บของขนมอร่อยๆที่สองพี่น้องติดใจเหมือนกันไว้รับประทานคนเดียว ไม่แบ่งพี่ชาย

‘ปากไม่ดี ก็ไม่สมควรจะมีของดีๆอย่างขนมของคุณป้ากังสดาลเข้าปาก’

หลังจากนั้นก็เก็บขนมของฝากเรียบวุธไม่มีเล็ดลอด นอกจากของที่เธอไม่ชอบ ซึ่งนั่นก็น้อยมาก ขนมพวกนั้นถึงได้หลงมาถึงภูดิสได้

“งั้นทานเยอะๆนะภู เอาคืนที่ไม่อดมานาน”

“ครับ ผมจะเก็บไปอวดแพร เอาคืนบ้าง แต่วันนี้คงยังทำไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียแผนของหนูนิ” คุณกังสดาลทำหน้าฉงน คิ้วที่แต่งแต้มไว้จนได้รูปขยับขึ้นน้อยๆ ก่อนชายหนุ่มจะเฉลยว่าเป็นแผนเดียวกับที่คุณกังสดาลตกเป็นเหยื่อไปแล้วและไม่ได้มีคนเดียว ยังเหลือเหยื่อรายต่อไปอีกกลุ่มใหญ่ คุณกังสดาลส่ายหน้าน้อยๆเอ็นดูลูกสาวที่เล่นซนราวกับเด็กทั้งที่โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว

หลังจากคุยกันต่ออีกชั่วครู่หนึ่ง คุณกังสดาลสังเกตว่าลูกสาวยังไม่ลงมาจากห้องเสียที จึงเรียกเด็กรับใช้ขึ้นไปดู และลงมารายงานผลว่าคุณหนูของบ้านเข้าสู่นิทรารมณ์ไปแล้วบนเตียงนุ่มที่คุ้นเคย ทั้งที่เส้นผมนุ่มสลวยยังไม่แห้งดี ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ใช้ซับน้ำจากผมสีน้ำตาลยังคล้องอยู่ที่ต้นคอขาว

เมื่อได้รับทราบดังนั้น อีกทั้งสมควรแก่เวลาที่ภูดิสจะขอตัวกลับได้แล้ว เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ไปดูแลตระเตรียมอาหารตามที่เธอชอบทำเป็นประจำเพื่อลูกสาวและสามีที่คงกำลังเดินทางกลับมา เขาจึงออกปากลาเจ้าของบ้าน

“เดี๋ยวเอาขนมไปทานอีกสิภู”

คำชื่นชมฝีมือทำอาหารของเธอจากภูดิสเมื่อครู่ พาให้คุณกังสดาลหน้าบานปลาบปลื้มใจ จึงเสนออย่างเต็มอกเต็มใจให้ลูกชายเพื่อนรับขนมที่เธอทำติดบ้านไว้เสมอ ติดมือกลับบ้านไปด้วย “วันนี้แม่กับน้องไม่อยู่บ้านนี่นะ ทางสะดวก” วลีสุดท้ายแฝงรอยขี้เล่นเป็นกันเอง


หลังภูดิสรับประทานอาหารเรียบร้อยเพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ไม่แพ้บ้านที่เพิ่งจากมา เขามีเมนูขนมหวานแสนอร่อยตบท้ายมื้ออาหารที่โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย เพราะความรู้สึกสบายใจยังคงติดค้างจากการที่ขจัดความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจให้มลายหายไปด้วยดีแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกว่าวันนี้เขาได้ผ่อนคลายมากกว่าปกติอีกด้วย

คืนนั้นภูดิสอาบน้ำเตรียมเข้านอนอย่างรื่นรมย์ ความเหน็ดเหนื่อยจากการงานและการเดินทางส่งให้ชายหนุ่มหลับไหลไปอย่างง่ายดาย เรียกว่าหัวถึงหมอน สติการรับรู้ก็หลุดลอย ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทรารวดเร็ว อาจจะช้ากว่าอีกคนที่หลับหัวซุนไปเมื่อตอนเย็น แต่ชายหนุ่มไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกดังเช่นนิศากร ที่หากมาเห็นภูดิสที่หลับสบายอย่างน่าอิจฉา คงนึกอยากทุบให้กระอัก ค่าที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอตาแข็งอยู่กลางดึกแต่ผู้เดียว

--------------โปรดติดตามตอนต่อไป---------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน
โอย โดนฤทธิ์มายเกรนเล่นงานกัน ปวดหัวจนไข้จะขึ้น เพราะอากาศร้อน เพื่อนๆก็ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ สู้ๆ ใกล้เปิดเทอมแล้ว ทำไงดี จะมีเวลาเขียนมากเท่าไหร่กันน้า
ชาจัง - มาต่อให้แล้วค่ะ บทต่อไปเอาวันไหนดีคะ
natee - เข้ามาเยี่ยมสองที่เลยนะคะ
nekojung - อ๋า ใช่จริงๆด้วย อัพแล้วน้า อาจจะอัพที่นี่ก่อน ลองแว๊บเข้ามาได้นะจ๊ะ




Create Date : 23 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:33:29 น.
Counter : 226 Pageviews.

2 comment
จัดรักให้ลงล็อค บทที่3



บทที่3


นิศากรอ้าปากค้าง หน้าเหวออย่างเก็บไม่อยู่

พระเจ้ายอด มันจอร์จมาก อะไรมันจะแจ๊กพอตแตกขนาดนี้ เธอกลับมาไม่ได้บอกใครซักคน เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเวลาที่คาดไว้ กำหนดกลับจึงถูกเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นด้วยความคิดถึงบ้านและหวังจะสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน แต่ตอนนี้อาการนั้นกำลังปรากฎกับเธอก่อนจะสร้างให้ใคร ภูดิส คนที่อยากเผชิญหน้าเป็นคนสุดท้าย กลับโผล่มาตรงหน้าเป็นคนแรก

“พี่ภู!” เสียงหวานใสเอ่ยเสียงแทบเป็นกระซิบ แต่ไม่เบาจนเกินกว่าเขาจะรับรู้ไม่ได้ สรรพนามที่หลุดออกจากเรียวปากอิ่มเรียกรอยยิ้มมุมปากจากใบหน้าคมได้ และมันยืนยันให้รับรู้ว่าเธอคนนี้คือนิศากรแน่แล้ว

สองปีที่เขาไม่ได้พบเจอตัวหญิงสาวโดยตรง มีเพียงรูปภาพกับเสียงหวานใสดังมาตามสายน้อยครั้งมากที่เขาได้ยินด้วยความบังเอิญ ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ตรงหน้า

นิศากรกระพริบตาปริบๆ อยากให้ภาพตรงหน้าหายไปเมื่อเธอกระพริบไล่ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ร่างสูงยังคงนิ่งอยู่ตรงหน้าไม่หายไปไหนซักที

มือใหญ่ยังคงกำรอบข้อมือน้อยไว้จนกระทั่งหญิงสาวแก้มร้อนขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัส ก้มมองและบิดออกจากการเกาะกุม ซึ่งภูดิสก็คลายออกเมื่อรู้ตัวและเอ่ยขอโทษ

“สวัสดีค่ะ” นิศากรยกกระพุ่มมือไหว้ตามมารยาท ถือโอกาสหลบจากสายตาคมที่มองจ้องมา ไม่พูดอะไรต่อ ภูดิสรับไหว้

“ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”

อ้าว ตัวเองมาได้คนเดียวหรือไงกัน นิศากรคิดพาลอย่างหงุดหงิดในใจ ไม่พอใจที่ได้พบตอนที่ยังไม่ได้เตรียมใจเตรียมเก๊กหน้าตาย จึงแสดงอาการเหวอและหน้าร้อนไปอย่างเมื่อครู่

“แพรบอกว่าอาทิตย์หน้าถึงจะกลับไม่ใช่เหรอ”

อ้อ รู้ด้วยเหรอว่า เธอจะไปจะกลับเมื่อไหร่ สนใจไปทำไมกัน

ภูดิสงุนงงเมื่อดวงตากลมตวัดมองสายตาขุ่น

“เลื่อนค่ะ อยากกลับบ้านเร็วๆ” ภูดิสพยักหน้าเข้าใจ มองไปรอบๆค้นหาคุณกังสดาลที่ควรจะมารับรอรับลูกสาวหรือคนอื่นๆ

“ใครมารับล่ะ ยังไม่มาเหรอ ให้พี่รอเป็นเพื่อนมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยแสดงน้ำใจ

นิศากรนิ่งเงียบ ก็ไม่ได้บอก ใครจะมารับล่ะ

สายตาคมมองหน้าหวานมีพิรุธไม่ยอมสบตาและเสเอามือเกี่ยวปอยผมเล่น เป็นท่าทางยามใช้ความคิด

จะตอบว่าอะไรดี การจะโกหกเราควรวางแผนมาก่อนหน้านี้ เธอไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎที่จะได้แต่งเรื่องได้รวดเร็ว

กำลังจะคิดออกแล้วเชียว แต่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่มีสินะ คงไม่ได้บอกใครที่เลื่อนกำหนดขึ้นมาใช่มั้ยหนูนิ” ตากลมโตฉายแววขัดใจเมื่อถูกจับได้ คิ้วเรียวจึงขมวดมุ่นหน้าบึ้ง

นี่เขาคงมาทำให้เสียแผนสินะ เฮ้อ!

“งั้นไปด้วยกัน พี่ไปส่งเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เสียงหวานสวนตอบไปทันที”นิไปแท๊กซี่เองได้ เชิญพี่ภูเถอะค่ะ นิไม่รบกวนค่ะ ขอบคุณ”

เฮ้อ!ตอบไม่ต้องคิดเลย เธอยังคงหลีกเลี่ยง ไม่อยากข้องเกี่ยวเขาเหมือนเดิม

“ไปแท๊กซี่คงต้องรอคิวอีกนานเชียวหล่ะ แล้วก็ไม่ได้รบกวนอะไรพี่เลยด้วย ยังไงก็ต้องผ่านบ้านนิอยู่ดี ให้พี่ไปส่งเถอะ” ภูดิสจัดการรวบรัดเข็นกระเป๋าเธอเดินตรงลิ่วกลับมาตามทางที่คนของเขารออยู่ ไม่รอให้เธอปฏิเสธอีก

“เฮ้ย!” นิศากรอุทานหน้าเหวออีกครั้ง
อะไรกันเนี่ย จะเอาของเธอไปไหน แล้วนั่นก็ไม่ใช่ทางไปคิวแท๊กซี่นะ

“พี่ภู! พี่ภู!นิบอกว่าจะไปแท๊กซี่พี่ภูไม่ได้ยินรึไงคะ” เธอสาวเท้าตามมาแหวเสียงเขียว ท่าทางไม่ใส่ใจแถมยังเร่งฝีเท้าขึ้นอีกยิ่งทำให้หญิงสาวหงุดหงิดและเหนื่อย ก็ขายาวขนาดนั้น แถมยังเดินยังกับตามหาสัตว์สองเขา ถึงจะอยู่เมืองนอกที่ชาวเมืองส่วนใหญ่นิยมเดินกัน แถมเดินเร็วซะด้วยเพื่อออกกำลังให้ร่างกายอบอุ่น แต่เธอก็เลือกใช้จักรยานเป็นพาหนะซะมากกว่าการเดิน หนาวหน่อยแต่ก็เร็วกว่า เธอร้องเรียกหลายครั้งก็ไม่ยอมหยุด

โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ไม่เข้าใจเลยจริงๆจะมาบังคับเธอทำไมกัน

จนกระทั่งครั้งสุดท้ายนิศากรถึงกับต้องเร่งสปีดให้ทันไปดึงเสื้อนอกไว้เรียกเสียงเขียวหนักกว่าเดิม

“พี่ภู!!!”

“ครับ” ภูดิสหยุดนิดหนึ่งหันมาหาเธอรับคำ พร้อมกระตุกยิ้มมุมปากที่สาวๆเห็นต้องบาดใจเลือดซิบแน่ๆ แต่สำหรับนิศากรขณะนี้ มันดูกวนอารมณ์ชะมัดยาดเลย

“นิ! ไม่ไป! กับพี่ภู! เข้าใจรึเปล่าคะ” นิศากรเน้นย้ำแต่ละคำชัดเจนพร้อมอาการหอบนิดๆหน้ายุ่ง แก้มป่องหน่อยๆอย่างขัดใจ ภูดิสเห็นท่าทางของเธอก็นึกขำ เหมือนเด็กขี้งอนที่ถูกขัดใจ ดวงตาคมจึงพราวระยับขึ้น

ถึงจะโกรธหน้ายุ่ง ดุเสียงเขียว ตาวาววับ ก็ยังดีกว่าสีหน้าเรียบเฉย ตากลมใสติดแววเย็นชาอย่างที่เธอเคยมีให้เมื่อก่อน

“ไหนๆก็มาถึงรถแล้วก็ขึ้นเถอะ พี่ไปส่ง” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตากลมใสมองดูรถโฟร์วิลสีดำจอดอยู่ พร้อมกับชายคนหนึ่งในเครื่องแบบพนักงานมีตราชื่อบริษัทของชายหนุ่มติดอยู่ที่แขนเสื้อกำลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถ และขณะนี้ภูดิสกำลังส่งกระเป๋าของเธอให้เขาด้วย หญิงสาวอีกคนยืนยิ้มอยู่ข้างๆดูท่าจะอายุมากกว่าเธอ

นี่เธอมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

“นี่คุณนันทา เลขาของพี่” เสียงภูดิสแนะนำหญิงสาวอีกคนอยู่ข้างๆเธอ นิศากรยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้ยังคงแย้มยิ้มให้เธออย่างใจดี

“หนูนิ นิศากร เพื่อนยัยแพร เพิ่งแอบกลับมาจากฝรั่งเศส” นิศากรยิ้มตอบก่อนตวัดตาขุ่นใส่ร่างสูงข้างตัว

ทำไมต้องพูดว่า แอบ ด้วย มันเหมือนกับเธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆเล่นซนไม่ได้เรื่องราว

“เชิญค่ะ คุณนิศากร”เลขาสาวจัดการเปิดประตูรถตอนหลังให้หญิงสาวนั่งคู่กับเจ้านาย แรงดันเบาๆที่ข้อศอกจากภูดิสให้เธอก้าวขึ้นไป นิศากรยังคงไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมเพราะหากช้ากว่านี้กลัวจะโดนรุมประชาทัญจากผู้ที่รอต่อคิวเข้ามารับคนของตนบ้างซึ่งส่งตาเขียวๆมาให้แล้ว


รถโฟร์วิลสีดำเลี้ยวเข้าสู่ที่ตั้งของบริษัทใหญ่กลางกรุง ตึกใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นแท่งกระจกสีฟ้า รถจอดสนิทพนักงานขับรถคนเดิมวิ่งมาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายและวิ่งอ้อมมาเปิดฝั่งของเธอ ส่วนคุณเลขาสาวเปิดประตูเดินตัวปลิวเข้าบริษัทไปแล้ว ทิ้งเธอไว้ให้งุนงงสงสัยกับคนที่บอกเธอว่าบ้านเธอเป็นทางผ่านและจะไปส่งเธอ แต่ไหงดันเลี้ยวเข้ามาที่นี่

“นี่ไม่ใช่บ้านนิ” เสียงหวานใสรวนๆจากคนตัวเล็กดังขึ้นทันทีที่ภูดิสเดินมาใกล้

“พี่ยังไม่ได้บอกสักคำว่านี่บ้านนิ” ร่างสูงตอบ เรียกหน้ายุ่งๆจากคนข้างกายได้อีกครา

“นิจะกลับบ้านค่ะ พี่ภูไม่ว่างแล้ว นิกลับเองค่ะ” โทรศัพท์สายเมื่อครู่ที่ภูดิสรับต่อจากเลขาสาวคงเรียกตัวเขา เขานิ่งฟังเสียงที่ดังผ่านมายาวและตอบกลับคำเดียวแล้ววางสาย ระหว่างนั้นนันทาบอกคนขับรถเสียงเบา เขาส่งคืนพลางถอนหายใจท่าทางเหนื่อยหน่าย

“พี่ก็อยากกลับเหมือนกัน แต่ต้องหลังจากนี้สามสิบนาที” ประโยคแรกคล้ายบ่น ใบหน้าคมมีรอยเหนื่อยล้า

ตามที่ภูดิสบอกเขาเร่ร่อนไปแค่สองประเทศ แต่ต้องบินกลับไปบินกลับมาเพื่อเจรจาติดต่อธุรกิจน่าเคร่งเครียดในความรู้สึกเธอ ฟังแล้วดูน่าเหนื่อยจริงๆ

“แต่นิอยากกลับ” นิศากรนึกสงสารอยู่เหมือนกันเลยค้านไม่เต็มเสียงเท่าไหร่

“รอพี่หน่อยเถอะ แล้วเรากลับบ้านกัน” เสียงทุ้มและดวงตาคมเอ่ยขอ

“แค่สามสิบนาที”

“ครับ สามสิบ ไม่ขาดไม่เกิน จับเวลาได้เลย” ภูดิสเอ่ยท้า ดวงหน้าหวานน่ารักพยักหน้ารับคำท้า คว้านาฬิกาที่ห้อยคอไว้มาเริ่มจับเวลาทันที

“เดี๋ยว!” ตากลมใสมองไปทางต้นเสียงเป็นเชิงสงสัย

“เริ่มตั้งแต่หน้าห้องทำงานพี่สิ นับตรงเดี๋ยวเกิน” ใบหน้าคมสดชื่นขึ้นมีรอยยิ้มติดมุมปาก นิศากรเลยทำไม่สนใจ

“เริ่มที่นี่แหละค่ะ ตอนนี้บ่ายสามโมงสี่สิบห้านาที” ภูดิสรีบดันศอกเธอให้ออกเดิน และก้าวเท้าเร็วไปยังลิฟท์ผู้บริหารที่เปิดรออยู่ทำให้เธอต้องรีบตามไปด้วย เขาหยิบมือถือออกมาต่อสายบอกเลขาให้เปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมเอกสารไว้รอให้ครบก่อนวางสาย แล้วหันมากระตุกยิ้มมุมปากให้เธออีก ดวงตาคมฉายแววสนุกรื่นเริง

“เดี๋ยวไม่ทัน”


ภายในห้องนอนที่คุณลักษิกา เจ้านายใหญ่ประจำบ้านบัดนี้ครอบครองอยู่เพียงผู้เดียว สามีของเธอเสียไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อนานหลายปีมาแล้ว ภูดิสจึงก้าวเข้าทำหน้าที่รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการแทนผู้เป็นบิดาด้วยหุ้นส่วนที่มีครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นของผู้เป็นลุงซึ่งไม่มีผู้สืบทอด ภูดิสจึงเป็นคนเดียวที่เป็นผู้บริหารบริษัทนี้ต่อไปภายภาคหน้า และเขาก็มีคุณสมบัติจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเยี่ยม

คุณลักษิกากำลังแต่งตัวอย่างพิถีพิถันสำหรับงานแฟชั่นโชว์เครื่องเพชร เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนร่างเล็กของแพรพรรณจะก้าวเข้ามาในชุดราตรีสั้นสีเขียวแมลงทับ พร้อมกล่องเครื่องประดับ

“แม่ขา แพรใส่ต่างหูคู่นี้ดี หรือว่าคู่นี้ดีคะ” แพรพรรณทาบให้ดูเทียบกันสองข้าง คุณลักษิกามองแล้วชี้ไปที่ข้างซ้ายที่เป็นพลอยสีเขียวเข้มรูปหยดน้ำ

“คืนนี้รัญชิดามาเดินแฟชั่นโชว์ด้วยสินะ” คุณลักษิกาถามลูกสาวจากหน้ากระจกบานยาวเต็มตัว

“ค่ะ มีหวังเราโดนรุมสัมภาษณ์ข่าวนั้นแน่ๆ แพรปล่อยข่าวใหม่ไปกลบแล้วนะคะ แต่ดูไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่เลย”

แพรพรรณเอ่ยถึงเมื่อครั้งที่ไปเป็นก้างที่ร้านอาหาร แล้วจงใจแต่งเรื่องใหม่เป่าหูเหยี่ยวข่าว

“นั่นสินะ”

“ถ้านักข่าวมาสัมภาษณ์เรื่องนี้อีก เราคงต้องช่วยกัน จะได้หนักแน่นขึ้นดีมั้ยคะ”

“จะดีเหรอ แม่ว่าเราเงียบๆไปดีกว่านะ เกรงใจกังสดาล ดึงลูกสาวเขามาเป็นข่าวทั้งที่ไปทำเรื่องไว้ยังไม่หายโกรธ” คุณลักษิกาถอนใจ นึกโกรธลูกชายที่ไปปากเสียว่าลูกสาวเพื่อนจนหนีไปอีกประเทศ

“หนูนิไม่ผูกใจเจ็บพี่ภูนานเกินไปขนาดนั้นหรอกค่ะ” แพรพรรณบอกความจริงที่ยังๆไม่มีใครรู้นอกจากเธอและนิศากร

เธอเคยพูดคุยกับนิศากรอย่างเปิดอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นิศากรบอกว่าพี่ชายเธอน่าคบหา แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แพรพรรณได้แต่เสียดาย คนของเธอทั้งสองคนไม่ต้องการ ถึงอย่างนั้นหลายครั้งเธอก็ยังคงปฏิบัติการณ์เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างคนทั้งสองอย่างอดไม่ได้

“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเราก็ยังมีหวังน่ะสิ” คุณลักษิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่แพรพรรณกลับทำหน้ายุ่ง

“ท่าจะยากค่ะ หนูนิไม่ยอมเล่นด้วยแล้ว แถมหลบพี่ภูไปมาอย่างกับนินจาล่องหน หายแว๊บๆทุกที หนูนิไม่ยอมโคจรไปเจอพี่ภู ก็เพราะว่าไม่อยากอยู่ตกอยู่ในสถานการณ์เกมจับคู่อีกน่ะสิคะ ผู้ชายเขาไม่เล่นด้วย ผู้หญิงดีๆที่ไหนเค้าจะไล่ตามเป็นนางอิจฉากันล่ะคะ น่าเกลียดจะตาย”

“งั้นเราก็ให้ผู้ชายไล่ตามผู้หญิงสิ จะได้ไม่น่าเกลียด” คุณลักษิกาหันกลับมามองสบตากับลูกสาวคนเล็กยิ้มๆ

“หือ” แพรพรรณยังงง ภูดิสน่ะหรือ จะทำเรื่องแบบนั้น

“เรื่องที่ภูอยากขอโทษหนูนิเรื่องเมื่อก่อนนั้น คงใช้เป็นข้ออ้างดึงหนูนิให้มาพบได้ไม่ยาก แม่จะออกโรงเอง หนูนิคงไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่หรอก จริงมั้ย”

แล้วสองแม่ลูกก็ยิ้มให้กันกับแผนการที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า


หลังจากเข้ามาในห้องทำงานแล้ว นิศากรก็ได้แต่นั่งเท้าคางดูวิวผ่านกระจกห้องทำงานของภูดิสพลางทานขนมชั้นจับเป็นรูปดอกกุหลาบหลากสีกับจิบชามะนาวเย็นๆที่นันทาเดินนำแม่บ้านเข้ามาเสริฟให้ภูดิสชุดหนึ่งและเธออีกชุดหนึ่งที่ชุดโซฟามุมหนึ่งที่เธอกำลังนั่งอยู่ขณะนี้

ตั้งแต่เข้ามาภูดิสก็ตรงเข้าจัดการกับคอมพิวเตอร์ง่วน ไม่เงยหน้าขึ้นมาอีก พอเรียบร้อยก็ปิดคอมพิวเตอร์พอดีกับที่นันทา เลขาหอบแฟ้มผ่านประตูเข้ามา ครั้งแรกสามแฟ้ม และเดินหอบเข้ามาอีกห้าแฟ้มในครั้งที่สอง

“เฮ้อ! วันหลังอย่าแกล้งให้ดีใจว่างานจะลดลงได้มั้ย คุณนัน” เขาต่อว่าเลขาสาวน้ำเสียงไม่จริงจังอะไรเมื่อเห็นนันทาหอบแฟ้มเข้ามาเป็นครั้งที่สอง เลขาสาวหัวเราะกับคำพูดเจ้านาย

“ขอโทษทีค่ะเจ้านาย”

“เอาเถอะ ยังไงก็ต้องทำอยู่ดี” ภูดิสลุกขึ้นคว้าแฟ้มกองแรกเดินตรงไปนั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับนิศากร เขายิ้มให้เมื่อเธอหันหน้ามามองเขา

“ขอพี่นั่งด้วยคนนะครับ” นิศากรพยักหน้าเป็นงงๆเชิงอนุญาต

ก็นั่งไปสิ นี่มันก็ห้องของเขา โซฟาของเขา จะทำอะไรทำไมต้องมาขอด้วย

เลขาสาวเอาแฟ้มอีกกองตามมาวางให้อย่างรู้หน้าที่ และย้ายของว่างจากโต๊ะตัวเดิมตามมาด้วย ภูดิสนั่งอ่านเอกสารในมือไปเงียบๆ ท่าทางสบายๆเพราะเขากินไปอ่านไปแล้วเซ็นแกร๊กลงไปอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน บางแฟ้มอ่านแล้วขมวดคิ้วไม่เซ็นแถมเขียนอะไรยืดยาวลงไป

คงไม่ผ่าน นิศากรคิดในใจ นิศากรคว้านาฬิกาที่ห้อยคอมาดูเวลา ไม่ได้คิดถึงเรื่องจับเวลาที่เขาท้าไว้แต่แรก แต่สายตาคมละจากเอกสารตรงหน้ามาถาม

“เหลือเวลาเท่าไหร่ครับ” ตอนแรกเธอไม่เข้าใจเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้

“ตอนนี้ บ่ายสามโมงห้าสิบแปดนาที”

“เหลืออีกสิบเจ็ดนาที” สายตาคมมองกองแฟ้มอีกสี่แฟ้มก่อนจิ้มขนมเข้าปากแล้วก้มลงอ่านแฟ้มต่อไป

เออหนอ นักธุรกิจดาวรุ่งเวลาทำงานไม่ยักหน้าดำคร่ำเครียดอย่างที่เคยเห็นเลยแฮะ แปลกจริง นี่อาจจะเป็นนักธุรกิจสายพันธุ์ใหม่ก็ได้ เหมือนไวรัสที่สามารถกลายพันธุ์ได้

หน้าหวานใสปรากฎรอยยิ้มขำกับความคิดของตัวเองที่เจ้าตัวพยายามกลั้นเอาไว้ แต่ดวงตาคมก็สังเกตเห็นจนได้ เขาไม่ได้ถามอะไรออกไป ไม่อยากให้รอยยิ้มนั้นเลือนหายจากดวงหน้าหวานของเธอ เวลาผ่านไปสิบนาที ภูดิสเซ็นชื่อลงบนเอกสารแฟ้มสุดท้ายแล้ววางลง เสียบปากกาสีทองลงกระเป๋าเสื้อ

“เสร็จแล้วครับ หยุดเวลา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกความสนใจจากหญิงสาวให้ละจากการชมวิว นิศากรยกนาฬิกาขึ้นดู

“เหลืออีกเจ็ดนาที”

“งั้นพี่ขอใช้เวลาที่เหลือ คุยกันหน่อยได้มั้ย” สายตาคมมองดวงหน้าหวานใสของเธอขออนุญาต

“พี่ภูมีเรื่องอะไรคะ”

“พี่อยากคุยเรื่องวันนั้น” ดวงตากลมหลุบต่ำนิดหนึ่งก่อนเปิดกว้างมองหน้าคม นั่งตัวตรงขึ้น แขนขาวละมุนยกขึ้นกอดอก ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากเรียวปากแดงอิ่ม

“พี่ขอโทษที่เคยพูดไม่ดี” ภูดิสมองสบดวงตากลมสีน้ำตาลเข้ม ค้นหาความขุ่นเคือง ไม่พอใจ แต่ไม่พบอะไรนอกจากความนิ่งสงบ

“วันนั้นพี่หงุดหงิดไปหน่อย พี่แค่อยากไล่แพรออกไป เลยตั้งใจจะให้แพรโกรธ จะได้ไม่อยากคุยอีก ไม่คิดว่าหนูนิจะมาแอบได้ยิน” นิศากรพยักหน้ารับรู้

อ้อ ใช้เธอเป็นเครื่องมือตัดรำคาญนี่เอง

“ยกโทษให้พี่ได้มั้ยครับ” ภูดิสส่งสายตาขอลุแก่โทษ นิศากรเอาลดแขนลงจากท่ากอดอกมาวางไว้ที่ตัก กำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้โกรธอะไรอีกแล้วแต่เขาพูดต่อขึ้นมาซะก่อน

“เพื่อความสบายใจของครอบครัวเราทั้งสองคน”

เพื่อครอบครัวเรา เธอไม่เห็นจะเห็นความบาดหมางไม่ลงรอยกันตรงไหนระหว่างสองครอบครัว คุณป้าลักษิกาและแม่ของเธอยังคงติดต่อสนิทสนมกันเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ครั้งสุดท้ายแม่ของเธอยังเล่าให้ฟังว่าไปทำบุญด้วยกันมา คิ้วสีน้ำตาลเข้มจึงขมวดเล็กน้อย

นิศากรไม่รู้ คุณกังสดาลเองร่วมมือกับคุณลักษิกาที่อยากแกล้งภูดิสเล็กๆน้อยๆ เช่นเดียวกับแพรพรรณจึงไม่ไปหาคุณลักษิกาที่บ้าน แต่เปลี่ยนเป็นคุณลักษิกาไปหาคุณกังสดาลที่บ้านแทน พอกลับมาก็แกล้งบ่นว่าคุณกังสดาลไม่อยากมาหาอีก เพราะไม่อยากตะขิดตะขวงใจหากต้องพบหน้าภูดิส

“ช่างเถอะค่ะ นิไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว พี่ภูไม่ต้องกังวลอะไรอีก” นิศากรพูดมาเป็นความจริง เธอไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีก รวมถึงคนตรงหน้าด้วย ถึงจะเป็นถึงนักธุรกิจดาวรุ่ง นิสัยดีน่าคบหาเป็นแบบอย่างที่สาวๆหลายคนต้องการ แต่มันคงไม่มีอิทธิพลอะไรกับเธออีกแล้ว

“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มกว้างติดใบหน้าคมอย่างโล่งอก

เขาได้ทำในสิ่งติดค้างในใจมากนานแล้ว ต่อจากนี้เธอคงจะไม่หลบลี้หนีหน้าไปอีก

“นิกลับบ้านได้รึยังคะ” นิศากรทวงถาม ภูดิสพยักหน้าลุกขึ้นเดินนำ อินเตอร์โฟนดังขึ้นพร้อมเสียงเลขาสาวรายงานขึ้นมาว่า

“คุณรัญชิดาจะเรียนสายด้วยค่ะเจ้านาย”

รัญชิดา ชื่อนี้คุ้นในความรู้สึกนิศากร ภูดิสเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่หลังจากบอกขอเวลาสักครู่กับนิศากร

“โอนเข้ามาเลย” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหนึ่งครั้งก่อนเขาจะยกหูขึ้นกรอกเสียงลงไป

“ว่าไงรัน เรากำลังจะออกไปข้างนอก” อีกฝ่ายจะว่ายังไงนิศากรไม่อาจจะทราบได้ แต่คงเป็นเรื่องที่น่าขบขัน เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอแสดงให้เห็นว่าเป็นเช่นนั้น สรรพนามที่เรียกขานบอกถึงความสนิทสนม

“อย่าลืมทานยาแล้วก็นอนพักมากๆละ ถ้ารู้ว่าไม่ทำตามละก็ เราจะไม่ไปซื้อของโปรดไปเยี่ยม”

ความห่วงใยและประโยคหยอกล้อ ทำให้นิศากรฉุกคิดถึงข่าวสุดท้ายที่เพื่อนสาวรายงานด่วนตรงถึงฝรั่งเศส

นี่ละมัง รัญชิดา เพื่อนรักที่อิงแอบซับน้ำตากันกลางผับชื่อดัง ฮึ!

นิศากรเบ้ปากเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แล้วก็ต้องสะดุดใจตัวเอง นี่เธอแอบฉุนนิดๆทำไม นิศากร อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วไป คงทำให้เธอสมองแปรปรวนไปด้วยแน่ๆ หญิงสาวหลับตาสลัดศรีษะ ไล่ความรู้สึกและความคิดนั้นออกไป

ภูดิสวางสายเมื่อไหร่ นิศากรไม่ทันได้สังเกต รู้แต่ว่าพอลืมตาขึ้นมาก็พบเขายืนมองเธออยู่แล้ว อารมณ์ฉุนนิดๆเมื่อกี้ยังคงติดค้างอยู่หน่อยๆ พอเห็นหน้าคมของชายหนุ่ม ดวงตาใสจึงมีรอยขุ่น

“กลับได้รึยังคะ หรือพี่ภูมีอะไรต้องทำอีกคะ” เสียงหวานใสติดจะห้วนน้อยๆ

“ไม่มีแล้วครับ กลับได้แล้ว” ชายหนุ่มทำหน้างงๆกับน้ำเสียงที่กลับมาแข็งนิดอีกแล้ว โกรธอะไร

“ก็ไปซิคะ” ว่าแล้วนิศากรก็ตรงไปที่ประตู เปิดออกไป ไม่รอเจ้าของห้องที่ยังงงไม่หาย
หรือว่าจะคุยนานเกินไป ก็ไม่นี่นา ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ

พอพ้นออกมาประตูออกมาพบนันทา เลขาหน้าห้องของภูดิส ที่ลุกขึ้นยืนยิ้มรอส่งแขก นิศากรยกมือไหว้และยิ้มนิดๆตอบให้

“ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ” นันทารู้สึกยินดีและต้องชะตากับหญิงสาวรุ่นน้องตรงหน้า ทั้งหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูและการพูดจาจากที่ได้คุยกันบ้างระหว่างทางที่มา

“ขอบคุณค่ะ ยินดีเช่นกันค่ะ แล้วนิจะแวะมาเยี่ยมนะคะ ถ้ามีโอกาสมาหาแพรที่นี่” นิศากรตอบ

นันทายืนมองตาม ผู้หญิงคนแรกที่เจ้านายพามาถึงห้องด้วยตัวเอง แอบแลบลิ้นใส่ร่างสูงของภูดิสที่เดินนำหน้าขำๆ

----------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-------------------


คุยกันนิดหน่อยกับฟ้าริน

nekojung - สวัสดีค่ะ เคยอ่านจากเวป love-storiesหรือเปล่าคะ ที่นี่มีเพื่อนชาวlove เยอะเหมือนกันนะคะ ยังไงก็ไม่ลืมอัพทุกที่เลยค่ะ





Create Date : 18 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:35:22 น.
Counter : 230 Pageviews.

3 comment
จัดรักให้ลงล็อค บทที่2



บทที่ 2


ภูดิสนั่งเอนหลังมือประสานกันที่ท้ายทอยตามสบายบนโซฟายาวกลางห้อง เป็นอย่างนี้เสมอเมื่อใดที่เขาอยู่บ้าน สถานที่ที่เคยคุ้นมาแต่เล็กแต่น้อย คิ้วเข้มและดวงตาคมจัดบนใบหน้าเป็นจุดเด่นชวนมอง ประกอบกับท่าทางสง่า เคร่งขรึมสุภาพยามเมื่อต้องทำงาน มาดสมเป็นนักธุรกิจ ผลงานการบริการที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจมาก ชายหนุ่มจึงเป็นที่จับตามอง ในฐานะดาวรุ่งดวงใหม่

คุณลักษิกาเหนื่อยหอบ หลังจากบ่นว่าลูกชายตัวดี ที่แวบออกไปจากบ้านกลางดึกจนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ มองลูกชายแววตาขุ่นมัว

“ภู แม่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แม่หนูรันอะไรนี่ก็ด้วย ทำไมถึงต้องตามแกดึกๆดื่นๆให้เป็นข่าว”
“เพื่อนผมทั้งคน มีปัญหาต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมก็ต้องช่วยเป็นธรรมดา” ภูดิสตอบอย่างเหนื่อยหน่าย เขาตอบคำถามนี้มาแล้วหลายรอบ ทั้งกับน้องสาวและคราวนี้เป็นมารดา

รัญชิดา นางร้ายในละคร กำลังโด่งดังขณะนี้ เพิ่งถูกแฟนบอกเลิก ทั้งที่คบกันมาหลายปี และเคยพูดเรื่องจะแต่งงานกัน แต่เรื่องกลับตาลปัตไปด้วยเหตุผลว่า เธอไม่มีเวลาให้ ก่อนไปเห็นตำตาในวันเดียวกันว่าแฟนกำลังจู๋จี๋กับนางร้ายน้องใหม่ที่ผับประจำ พอสองคนนั่นเห็นเธอเข้าก็รีบรุดออกไปทันที ส่วนรัญชิดาผิดหวังอย่างรุนแรง ไม่คิดว่าอดีตแฟนจะมีพฤติกรรมหลอกลวงเช่นนี้ นั่งดื่มจนมึนเมา เธอร้องไห้ แต่ไม่ฟูมฟายและมีสติรู้ตัวอยู่ว่าตนเองไม่ควรขับรถ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุและเจอเข้ากับด่านตรวจแอลกอฮอลล์ เธอเป็นคนมีชื่อเสียง ควรจะร่วมรณรงค์เมาไม่ขับมากกว่าฝ่าฝืน จึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ถือว่าสนิทและยังติดต่อกันอยู่ นั่นคือ ภูดิส

“แล้วมันยังไงถึงได้ไปนั่งพิงกันแบบนี้ แม่ไม่ชอบ และก็ไม่แน่ใจว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่ข่าวเขาแซว”

คุณลักษิกาหวนคิดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ภูดิสอกหักดังเป๊าะ ซึมไปบ้างถึงจะไม่มาก แต่คนใกล้ชิดสังเกตเห็นได้ไม่ยาก เหตุผลนั้นไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนสาวคนสนิท รัญชิดา ตกลงคบหากับอีกหนึ่งหนุ่มไปแล้ว หลังจากนั้นลูกชายเธอเลยลอยเท้งเต้งอยู่อย่างนี้จนจะสามสิบอีกไม่นานเกินสองปีแล้ว ไม่มีแววลงหลักคบหาดูใจกับสาวไหนเสียที พอหาสาวน้อยแสนน่ารักมาประเคนให้ ลูกชายเธอดันทำให้หนีหายไปไกลถึงเมืองนอกเสียอีก คงต้องขึ้นคานอย่างที่แพรพรรณบอกซะล่ะมั้ง

“โธ่แม่ครับ คนเมาขนาดนั้นจะนั่งตรงๆได้ไง ผมบอกตั้งหลายทีแล้ว เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เรื่องมันนานมาแล้วจนผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ”

จริงอย่างที่เขาบอก เกือบลืมไปแล้ว ว่าเคยคิดกับรัญชิดาเกินกว่าเพื่อน เขาตัดใจได้ ใช้เวลาอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่นานเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่กำลังยุ่งวุ่นวาย เขาเป็นผู้นำ ทำให้เขาต้องละทิ้งเรื่องส่วนตัวทิ้งไปรับผิดชอบหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด พอรู้ตัวอีกที ความเศร้ามันหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ให้มันจริงเถอะ มีลูกชายกับเขาคน ไม่ได้อย่างใจเล๊ย เฮ้อ!” คุณลักษิกาขึ้นเสียงสูงอย่างขัดใจ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ตบท้าย อยากเฉ่งลูกชายตัวดีอีกสักรอบ แต่เมื่อยปากและเริ่มเจ็บคอ เลยหันไปหาของว่างบนโต๊ะแทน

“แม่ แม่จ๋า” แพรพรรณที่วิ่งตึกๆลงบันไดมาร้องถามหามารดา ตรงเข้ามาทิ้งตัวลงบนโซฟายาวตัวเดียวกับพี่ชาย

“อีกสองอาทิตย์หนูนิจะกลับมาแล้วค่ะแม่ หนูนิถามว่า แม่ชอบน้ำหอมกลิ่นไหนเป็นพิเศษคะ แพรกำลังจะตอบไปว่าชอบหมดเลย แต่กลัวยัยแพรจะแกล้งซื่อเหมามาหมดจริงๆเลยมาถามแม่ดีกว่า ส่วนแพรสั่งของฝากเรียบร้อยแล้ว ไม่มีพลาด” แพรพรรณเล่าถึงกำหนดการกลับของนิศากรที่ส่งข่าวทางอีเมลล์แทนการพูดคุยเพราะไม่มีเวลาด้วยน้ำเสียงสดใสติดตลก ภูดิสสะดุดนิดหนึ่งแต่ยังท่าทางนั่งนิ่งสบายเหมือนเดิม

“แหม...กำลังคิดถึงอยู่เชียว ดีจริงเลย บอกหนูนิไปเถอะว่าอะไรก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดี ขอเป็นกลิ่นทรีโรส” คุณลักษิกาแอบกระซิบบอกความต้องการอย่างขี้เล่น

"ส่วนพี่ภู...” แพรพรรณปรายตามองพี่ชายที่ดูจะไม่ใส่ใจ แถมหันไปสนใจทีวีมากกว่าบทสนทนาของน้องสาว แพรพรรณมองแล้วหมั่นไส้ เลยลอยหน้าลอยตาพูดขึ้นมากระแทกใจพี่ชาย

“หนูนิไม่ได้ถาม เพราะว่าไม่สนใจไม่อยากพูดถึง แพรพูดถึงพี่ภูทีไร หนูนิเปลี่ยนเรื่องทุกที มันก็น่าอยู่หรอก ช่วยไม่ได้นะพี่ภู ทำตัวเองแท้ๆ” แพรพรรณยิ้มสะใจ ดูกวนอารมณ์เป็นที่สุด แม้ว่าแพรพรรณจะหมดหวังที่จะได้เพื่อนสาวคนสนิทมาสมัครสามัคคีรวมใจกับพี่ชายแล้ว แต่ก็ยังแอบๆขุดเขี่ยเรื่องพี่ชายสอดแทรกมาเล่าให้เพื่อนฟังเสมอ หวังให้เพื่อนสาวลดดีกรีความขุ่นเคืองลงบ้าง เผื่อจะสมานไมตรีได้ดังเดิม

นี่ก็อีก เรื่องที่รบกวนจิตใจเขา นานเท่าช่วงระยะเวลาการไปเรียนต่อของเจ้าตัวนั่นแหละ กลับมาทีก็โผล่แวบๆแล้วก็หายไป ไม่เคยเจอตัวสักที

“รู้แล้วน่ะ แล้วพี่ก็อยากขอโทษ แต่เพื่อนเราไม่เคยโผล่มาให้พี่พบอีก จะให้ทำยังไง” เสียงทุ้มออกน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างปิดไม่อยู่

แพรพรรณกับมารดาแอบเหล่มองหน้ากัน ไม่คิดว่าภูดิสจะใส่ใจเรื่องนี้ ทุกครั้งที่แพรพรรณเปิดประเด็นนี้ ภูดิสจะส่ายหน้าแล้วเดินลับหายไปจากวงสนทนา

“จะเอายังไงแน่พี่ภู เดี๋ยวรังเกียจเดี๋ยวอยากเจอ เอาใจไม่ถูกแล้วนะ”
ภูดิสหน้ายุ่งกับคำต่อว่าของน้องและสายตาของมารดาที่เริ่มมีประกายบางอย่าง

“ผมแค่อยากขอโทษเฉยๆ แม่อย่ามองผมอย่างนั้น ถ้าได้ทำสักครั้ง ก็ดีกว่าอย่างนี้ไม่ใช่รึไง มีเรื่องขุ่นเคืองกันมันไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว”

“ไม่ต้องตั้งโหมดป้องกันตัวเองอย่างนั้นหรอก เฮอะ!” แพรพรรณพ่นลมออกจากปาก ส่วนคุณลักษิกาเมินหน้าไป ขัดใจจริงๆ เบื่อคนรู้ทัน

“ขอบอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลยนะ หนูนิน่ะ ถ้าลองปักใจว่าตัดแล้ว เขาไม่เก็บชิ้นส่วนมาต่ออีกหรอก เห็นแบบนั้น เด็ดขาดยิ่งกว่าอะไร แล้วถ้าแพรไม่กรอกชื่อพี่ภูใส่หูหนูนิบ่อยๆ ก็คงจะลืมไปแล้วว่าแพรมีพี่ชายชื่อภูดิสอยู่บนโลกใบนี้ด้วย”

“อีกไม่นานหนูนิก็จะกลับมาแล้ว คงมีโอกาสขอโทษขอโพยบ้างหรอก” คุณลักษิกาเอ่ยเสียงเรียบ ดีหละ จะได้มีข้ออ้างสานต่อเรื่องเก่าๆเสียที “แต่นั่นก็ต้องแล้วแต่ว่า ฝ่ายโน้นเขาจะยอมให้พบเจอรึเปล่า” หญิงสูงวัยไม่วายแกล้งขู่บ้าง เอาคืนเล็กๆน้อยๆที่เคยทำให้เธอผิดหวังมาเมื่อครั้งก่อน

ภูดิสเม้มปาก หน้ายุ่งยังไม่คลาย คำขู่บั่นทอนกำลังใจทับถมจนความคิดว่าเธอไม่น่าจะใจร้าย และความโกรธขุ่นเคืองน่าจะลดลงบ้างแล้วเริ่มคลอนแคลน หากนิศากรจะให้อภัย คงดี การมีคนเกลียดไม่ใช่เรื่องดีเลย เขาถือคติ มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู ถ้าคลายความขุ่นเคืองไปได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากคอยหลบกันไปหลบกันมา ใช่มั้ยล่ะ


เสียงเคาะประตูห้องดังติดกันสามครั้ง ภูดิสเงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้า วางปากกาสีทองราคาแพงลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินไปที่โซฟาสีครีมมุมหนึ่งของห้อง ประตูห้องเปิดพร้อมร่างของสาวสวยผอมเพรียว ผมดัดเป็นลอนทำสีเป็นบางแห่งในชุดเสื้อยืดคอกว้างพอดีตัวกับกางเกงเข้ารูปสบายๆ แต่หากจะพิศให้ดีแล้ว ชุดสบายๆนั้น เป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อดังทั้งนั้น เธอเดินผ่านเข้ามาและจัดการปิดลงตามเดิม

“ว่าไงรัน มาถึงนี่มีอะไร” ภูดิสถามถึงสาเหตุการมาของเพื่อนสาวที่หน้าตา ผิวพรรณ และรูปร่างอ่อนกว่าอายุจริง เนื่องเพราะอาชีพการงานที่ต้องการความสวยสด จึงต้องรักษาไว้ให้นานที่สุด และช่วงนี้เธอกำลังโด่งดังกับบทนางร้ายที่ร้ายได้ถึงใจ

“ก็เรื่องข่าวบ้าๆนั่นแหละ ไม่ทันคิดเลยว่าจะดันมีปาปารัสซี่อยู่แถวนั้นด้วย” รัญชิดาถอดแว่นตาดำใหญ่ตามสมัยนิยมออก เผยให้เห็นดวงตาบวมช้ำ

“ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลยน่า อีกพักเดียวก็เงียบไปเอง ทำยังกับไม่เคยเป็นข่าว”

“อย่างนั้นก็เถอะ แต่ไม่เคยพาเพื่อนดีๆอย่างภูมาเสียนี่นา ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ” ดวงตาบวมช้ำฉายแววอ่อนล้า ภูดิสมองเพื่อนอย่างเห็นใจเพื่อนที่กำลังเผชิญกับปัญหาหัวใจและข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์

“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎบนใบหน้าคมปลอบใจ รัญชิดาพยักหน้าขอบใจเพื่อน แล้วน้ำตาก็พานเอ่อล้นขึ้นมาอีก เมื่อคิดถึงรอยยิ้มของอดีตคนรัก

“ทำไมเขาต้องหลอกเราด้วย คนเลว” รัญชิดาสะอื้นต่อว่าแฟนเก่า น้ำตารินจากดวงตาสวยสู่สองข้างแก้ม ใบหน้างามเศร้าโศก ภาพอดีตคนรักคลอเคลียกับดารารุ่นน้องปรากฎในห้วงความคิดอีกครา ภูดิสส่งกระดาษให้เพื่อนซับน้ำตา หญิงสาวรับมาทั้งที่ยังสะอื้นฮัก ซักพักหนึ่งจึงเริ่มสงบลง

“พอเถอะ ตาปูดเป็นกบแล้ว” ภูดิสเอ่ยติดตลกหวังคลายความเศร้าให้เพื่อนได้บ้าง ถึงความรู้สึกรักจะหมดไปแล้ว แต่ความห่วงใยไม่เคยจางหาย รัญชิดายิ้ม สองมือซับคราบน้ำตาให้หมดจากหน้าสวย

“บ้า เราออกจะสวย”

ภูดิสขำกับคำยกยอตัวเองที่ดาราสาวชอบพูดเล่นเป็นประจำ ซักพักหนึ่งก็ยังดี หากจะช่วยให้เธอลืมความทุกข์ทั้งหลายได้

“หิวแล้ว กินข้าวกันมั้ย ว่างรึเปล่า” รัญชิดาเอ่ยชวนน้ำเสียงสดใสขึ้น

“ได้สิ ไม่มีนัดอะไร ไปร้านเดิมแล้วกันนะ” ภูดิสลุกขึ้นไปเก็บเอกสารและจัดการปิดคอมพิวเตอร์ คว้าโทรศัพท์เครื่องเล็กบนโต๊ะติดมือเดินเคียงคู่กันออกไปพร้อมกับรัญชิดา ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่เว้นแม้กระทั่งเลขาหน้าห้องของชายหนุ่มที่กำลังกดสายติดต่อภายในถึงแพรพรรณ

“คุณแพรคะ ออกไปกันแล้วค่ะ เจ้านายสั่งว่าไปทานข้าวกับคุณรัญชิดาแล้วจะกลับเข้ามาบ่ายๆค่ะ”

แพรพรรณวางหูลงหลังจากกล่าวขอบคุณสาวรุ่นพี่เลขาพี่ชายที่เธอไปสั่งการไว้ให้รายงานความเคลื่อนไหว หลังจากได้ยินว่ารัญชิดามาขอพบภูดิส


แพรพรรณเดินตรงเข้าไปในร้านเหลือบตามองหาพี่ชายตัวดีที่บังอาจจะสร้างข่าวให้ตัวเองลำบากอีก เท่าที่ผ่านมาไม่กี่วัน เหยี่ยวข่าวหลายคนมาจดๆจ้องหน้าบริษัทไม่เลิกรา เล่นเอายามรักษาการหงุดหงิดเกือบมีเรื่องราวหลายครั้ง เพราะฝ่ายหนึ่งมีหน้าที่หาข้อมูลมาทำข่าว จ้องเก็บภาพและคำสัมภาษณ์ ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องปกป้องเจ้านาย ไม่ให้ได้รับความยุ่งยากตามหน้าที่ เมื่อทางเดินในอาชีพขัดกันคนละทาง เรื่องวุ่นวายจึงตามมา เช่นเดียวกับหน้าบ้านเธอ
แพรพรรณกระแทกตัวลงนั่งข้างพี่ชาย ท่ามกลางความงุนงงของสองเพื่อน พร้อมกระชากเมนูมาจัดการสั่งอาหารเองเสร็จสรรพไม่ถามความต้องการของผู้ร่วมโต๊ะแต่อย่างใด

“มาได้ไงน่ะเรา”

“สบายดีเหรอคะพี่รัน ไม่เจอตัวเป็นๆมานานแล้ว เห็นแต่รูปในข่าวหนังสือพิมพ์” แพรพรรณพูดกับดาราสาวเพื่อนพี่ชาย แอบกัดเล็กน้อย เพราะยังเคืองข้อหาที่ทำให้พี่ชายเป็นข่าวและเรื่องที่เรียกหาภูดิสเสมอยามทุกข์ระทม หากแต่พอสุขสำราญกลับไม่แยแสพี่เธอเลย ระรื่นหน้าบานกับแฟนหนุ่ม มีเพียงคำขอบใจตอบแทน

รัญชิดาหน้าเสียลงเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบคำตอบของน้องเพื่อน

“ก็ดีจ๊ะ แพรคงสบายดีเหมือนกันใช่มั้ย”

“ร่างกายสบายดี แต่จิดใจไม่ค่อยสบายค่ะ พี่ภูก่อเรื่องให้แม่วีนจนเสียงหาย แพรก็รำคาญพวกนักข่าวมาด้อมๆหน้าบ้าน วุ่นวายชะมัด” แพรพรรณเล่าหน้าเซ็งสุดชีวิตพลางดูดน้ำส้มปั่นที่พนักงานนำมาเสริฟ ไม่อนาทรต่อสีหน้าที่เสียยิ่งขึ้นของรัญชิดา

“ยัยตัวดี พอได้แล้วนะ เลิกป่วนซะที” ภูดิสล็อคคอน้องสาวให้เอียงมาใกล้ กระซิบเสียงดุ ขณะที่พนักงานเสริฟลำเลียงอาหารลงบนโต๊ะ แต่แม่น้องสาวกลับแกะแขนพี่ชายออก ตีหน้าเฉยไม่แยแสเสียงดุๆของพี่ชาย แถมยังกักเอาอาหารที่ภูดิสบริการตักให้รัญชิดามาไว้ที่ตัวเองเสียหมด แถมยกชื่อเพื่อนสาวมาอ้างสร้างความเข้าใจผิดให้อีกและยังตั้งใจพูดเสียงดังยังกับอยากให้ได้ยินทั้งร้าน

“พี่ภู ความเป็นสุภาพบุรุษน่ะดี แต่เก็บไว้ทำให้หนูนิคนเดียวดีกว่ามั้ง แพรขี้เกียจช่วยง้อแล้วนะ” ภูดิสหน้าเหวอ มองหน้าน้องสาวงุนงง ที่อยู่ๆก็พูดเสียงดังขึ้น แถมกุเรื่องประหลาดขึ้นมาอีก

“หนูนิ” รัญชิดาทวนชื่อที่ได้ยินอีกครั้ง

“ค่ะ หนูนิ นิศากร ลูกสาวคุณป้ากังสดาลนายกสมาคมแม่บ้านไฮโซไงคะ เพื่อนสนิทแพรเอง ตอนนี้เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส” ดาราสาวพยักหน้า คุ้นเคยกับชื่อที่ปรากฏบ่อยครั้งในหน้าหนังสือพิมพ์

เนื่องจากลูกสาวไม่อยู่ให้คอยดูแล คุณกังสดาลจึงรับหน้าที่นี้ เพื่อจะได้ใช้เวลาว่างทำผลประโยชน์เพื่อส่วนรวม ดีกว่านั่งคิดถึงลูกสาวคนเดียวไปวันๆ

ภูดิสเสจิ้มของโปรดวางให้น้องสาวในจาน เอียงไปหากระซิบเสียงเบาอีกครั้ง

“เรื่องอะไรอีกกันอีกแพร” แพรพรรณตอบกลับรวดเร็ว

“นักข่าวที่สามนาฬิกา” ภูดิสเข้าใจในทันใด แม่น้องสาวจงใจสร้างข่าวใหม่กลบข่าวเก่า จึงนั่งเงียบปล่อยให้น้องเจื้อยแจ้วต่อไป

“พี่ภูทำตัวเหลวไหลไม่เข้าท่าแบบนี้ หนูนิโทรมาหาแพร พี่ภูรับสายหนูนิไม่ยอมพูดด้วย ขอสายแพรอย่างเดียว สมน้ำหน้าพี่ภู!” แพรพรรณผสมเรื่องเองเสร็จสรรพรวดเร็ว ภูดิสถอนหายใจเบาๆ ที่น้องสาวแอบว่าเขาเรื่องเดิม


เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ

เรื่องแรก คุณผู้หญิงทั้งบ้านสามัคคีกันรุมจิกกัดต่อว่าเขาว่าทำเรื่องไม่เข้าท่ามาให้ปวดเศียรเวียนเกล้า

เรื่องที่สอง นิศากรโทรมาที่บ้านและภูดิสบังเอิญเป็นคนรับสายพอดี เสียงหวานแนะนำตัวดังมาตามสาย เสียงที่ไม่ได้ยินมาแสนนานทำให้เขานิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง พอเขาตอบกลับก็เป็นอีกฝ่ายที่เงียบไปเช่นกัน นิศากรทักทายตามมารยาทเพียงคำเดียว

‘สวัสดีค่ะ’

คำเดิมกับคำกล่าวลาเมื่อครั้งก่อน เขาตั้งใจจะถามสารทุกข์สุกดิบแต่พออ้าปากหญิงสาวก็ขัดขึ้นมาซะก่อน ‘นิไม่มีเวลามากนัก ขอสายแพรหน่อยค่ะ’ แพรพรรณไม่อยู่ เขาจึงบอกให้ฝากข้อความไว้ แต่คำตอบกลับมีมาว่า ‘งั้นไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะ’ ตามด้วยเสียงวางหูทันที เธอแสดงชัดว่าไม่ต้องการพูดกับเขา


ภูดิสเอามือกุมขมับปวดหัวกับเรื่องที่ติดค้างใจเขามานาน เขายังไม่มีโอกาสขอโทษ แต่รัญชิดาเข้าใจไปว่าเพราะตัวเธอ สาวน้อยที่ชื่อนิศากรจึงผิดใจกับเพื่อนสนิทที่ไปมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตอนไหนไม่ทราบได้ และเจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธคัดค้าน อย่างนั้นคงจะจริงอย่างที่แพรพรรณพูดมา การรับรู้ว่าภูดิสมีอีกคนที่เขาให้ความสนใจนอกจากเธอ ความห่วงใยใส่ใจของเขาได้ถูกปันไปให้อีกคน ที่เธอไม่เคยได้พบเจอ ความรู้สึกไม่พอใจ เสียใจเหมือนกำลังจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพังอีกแล่นขึ้นมา หน้าเธอจึงหมองลงไปอีก

“ขอโทษนะภู เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ น้องแพรด้วยนะ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” ภูดิสที่คิดว่าเพื่อนยังเสียใจที่ทำให้เกิดข่าวนั้นจึงขอโทษขอโพยเป็นที่รอบสอง “เลิกขอโทษแล้วทานอาหารได้แล้ว”

แพรพรรณยิ้มกริ่มในหน้า เมื่อเห็นนักข่าวคนนั้นสั่งเก็บเงินแล้วลุกออกไปจากร้าน คงจะรีบเอาข่าวไปลงตัดหน้าฉบับอื่นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ นักข่าวสังคมหน้าประจำคนนี้ไวพอจะตามรถพี่ชายเธอออกมาทันก่อนคนอื่นๆ และเธอก็รีบตามออกมาทันที รอดูข่าวพรุ่งนี้ได้เลย


สายตาคมจับจ้องไปที่หญิงสาวที่เห็นในระยะไกลนั้น คิ้วเข้มขมวดมุ่น หนูนิ ดวงตาคมมีร่องรอยความไม่แน่ใจถึงกับกระพริบตาหลายครั้ง

บ้าน่า จะใช่ได้ยังไง ก็นี่มันยังไม่ถึงกำหนดกลับตามที่ยัยแพรเคยบอกไว้นี่นา

“เจ้านาย เจ้านายคะ” นันทา เลขาคุณแม่ยังสาวแถมลูกอีกหนึ่งคนร้องเรียก เพราะอยู่ดีๆเจ้านายเธอก็หยุดอาการเดินลิ่วๆที่เธอเร่งสปีดสุดตัวตามขายาวๆของเขาแทบไม่ทันซะอย่างนั้น คนขับรถที่มีหน้าที่เข็นกระเป๋าตามเจ้านายก็เช่นกัน

“คิดว่าเจอคนรู้จักน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า” คิ้วเข้มยิ่งขมวดมุ่นเข้าไปใหญ่

เมื่อมองไปรอบๆ เขาสะดุดตาเข้ากับสาวหนึ่ง เสื้อคลุมตัวนอกถูกวางพาดไว้ที่แขน เหลือแต่กางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อแขนกุดคอเต่าตัวในสีขาวที่เจ้าตัวรูดซิปเปิดลำคอขาวนวลไว้เพราะอากาศร้อน ถ้าปิดไว้คงได้ตะกายไปขอแอมโมเนียมาดมแน่ๆ ถึงจะมีเครื่องปรับอากาศแต่ด้วยจำนวนคนและบริเวณที่กว้างขวาง ประสิทธิภาพความเย็นจึงน้อยลงเลยทำให้รู้สึกร้อนอยู่ดีถึงจะไม่มากเท่าอากาศภายนอกอาคารก็ตาม ต่างหูห่วงสีเงินส่องประกายยามต้องแสงพระอาทิตย์ ผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับดวงตากลมถูกรวบเก็บไว้ด้วยกิ๊บตัวใหญ่ ปอยผมบางส่วนหลุดร่วงลงมาเคลียไหล่อย่างเก๋ไก๋ และบางส่วนระแก้มนวลที่ตอนนี้เป็นสีแดงระเรื่อด้วยความร้อน สีเดียวกันริมฝีปากอิ่ม ไม่ได้สวยเลิศวิไล แต่ดูน่ารักน่าชวนมอง

ภูดิสนึกถึงภาพหญิงสาวที่ปรากฎในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แพรพรรณตั้งไว้เป็นภาพพักหน้าจอ นิศากรในสถานที่ต่างๆและอิริยาบทต่างกันสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางรูปไม่ได้เป็นรูปเดี่ยวแต่มีเพื่อนหลายเชื้อชาติร่วมด้วย รอยยิ้มอ่อนโยนสดใสบนหน้านวลแสดงถึงความสุขสนุกสนาน เขานั่งมองไปเรื่อยๆ จนแม่น้องสาวตัวดีกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ทุกคนมักจะรวมตัวกันพูดคุยในห้องนี้เป็นประจำ

ลองเข้าไปดูซักหน่อยเป็นไร ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป

“รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” ชายหนุ่มสาวเท้าฝ่าผู้คนตรงเข้าไป เธอกำลังจะออกเดินไปผ่านออกไปที่ประตูทางออก ภูดิสจึงยิ่งเร่งฝีเท้าไปทันก่อนที่เธอจะก้าวออกไป

“หนูนิ!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกพร้อมคว้าข้อมือเล็กขาวไว้ในมือใหญ่ ใบหน้าหวานหันตามเสียงเรียกด้วยความตกใจ จะสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างขึ้น รับภาพของร่างสูงหน้าคมเจ้าของเสียงทุ้มที่เอ่ยชื่อเธอ

ให้ตายสิ สวรรค์ตั้งใจกลั่นแกล้งเธอรึยังไงกัน ทำไมคนที่เธอต้องการพบเป็นคนสุดท้ายเมื่อกลับมาถึง จึงได้เป็นคนแรกที่เธอได้เจอ

“พี่ภู!”


-----------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------


คุยนิดหน่อยกับฟ้าริน
หมูน้อยหน้าใส - ติดได้ก็ดีจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ ตามมาติดต่อไปนะจ๊ะ
natee - จากเว็บloveหรือเปล่าคะ
ธาราภิรมณ์ - มาบทที่2แล้วจ้า ต่อไปบทที่สามจะเป็นไงน้าลองเดาดูมั้ยคะ




Create Date : 15 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:37:13 น.
Counter : 255 Pageviews.

1 comment
จัดรักให้ลงล็อค บทที่1



บทที่ 1


ร่างบางที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ฉบับกระเป๋า มือเล็กขาวสะอาดเกลี่ยผมสีน้ำตาลเข้มตรงยาวเคลียไหล่ เป็นเช่นนี้เสมอยามเจ้าของตกอยู่ในภวังค์ความคิด หน้าจอแสดงถึงการใช้งานโปรแกรมยอดนิยมที่สามารถพูดคุยกันได้ทั่วโลก เพียงมีชื่ออีเมลล์ของแต่ละฝ่ายเอาไว้

หน้าต่างเล็กปรากฎภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนสาว ควบคู่กับอีกหน้าต่างที่ย่อส่วนให้เหลือเพียงพื้นที่พอสำหรับรูปภาพสกู๊ปเด็ดของข่าวสังคมจากหนังสือพิมพ์ชื่อดังกรอบบ่ายเมื่อวานนี้ ดวงตากลมประกอบกับแพขนตางอนใต้คิ้วได้รูปธรรมชาติเป็นจุดเด่นบนใบหน้าเรียวรูปไข่จ้องมองภาพนั้นแน่นิ่งไม่วางตา เนื้อข่าวสั้นๆใต้ภาพชายหนุ่มและหญิงสาวนั่งพิงกันในผับแห่งหนึ่ง ศรีษะของหญิงสาวในภาพซบลงบนไหล่กว้าง หลับตาพริ้ม สายตาคมของคนถูกซบทอดมองไปยังคนข้างเคียง

หนุ่มนักธุรกิจดาวรุ่งมาแรง ซับน้ำตานางร้ายสาวสวยงานล้นมือ งานนี้เป็นรายการเพื่อนรักหรือรักเพื่อนกันแน่นะ

นิศากรนิ่ง ริมฝีปากแดงเรื่อขบเม้มเข้าหากัน ยามเมื่อมองภาพที่ได้เห็นในอีเมลล์ที่ส่งโดยเพื่อนสาวและน้องสาวของชายในภาพอีกตำแหน่งส่งเสียงและภาพมารายงานข่าวแบบเกาะติดสถานะการณ์แถมแก้ต่างแทนตัวพี่ชายเสร็จสรรพ ไม่อยากให้เธอฟังเรื่องเหลวไหลจากแหล่งข่าวมั่วซั่วเลยฟ้องเองแก้เองเสร็จ

“แย่มากเลย พี่ภูเจ็บไม่รู้จักจำ รนหาเรื่องเป็นข่าวไม่เข้าท่า นี่แม่ก็บ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไงแล้ว ก็ยังทำเข้าหูซ้ายทะละหูขวาอยู่นั่นแหละ” แแพรพรรณบอกเล่าความเป็นไปด้วยหน้าตางอง้ำ

โอ๊ย! จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหนกัน คนเขาอุตส่าห์หนีมาอีกซีกโลกแล้วยังตามมารบกวนอีก น่ารำคาญจริงๆ

“ส่วนแพรก็...บ่นๆๆๆๆเป็นยายแก่อย่างนี้ใส่พี่ชายอีกล่ะสิ” คำถามนั้นทำเอาคนฟังหน้าง้ำเข้าไปอีก

“เราไม่ได้เป็นยายแก่นะ” โทษฐานที่รู้ทัน เจ้าตัวเลยส่งเสียงกระเง้ากระงอดตอบมา“หนูนิยังโกรธพี่ภูไม่หายสินะ แต่ยังไงก็อย่าเกลียดพี่ภูเลยนะ เอาแค่งอนๆขุ่นๆก็พอนะหนูนิ”

“ไม่ได้โกรธแล้ว นิเคยบอกไปแล้วไงแพร แต่ไม่อยากเจออีก เดี๋ยวเกิดเรื่อง” ใช่ จะเกิด’เกมจับคู่ปัญญาอ่อน’อย่างที่ภูดิสเคยบอกไว้ นิศากรไม่อยากหลุดเข้าไปในเกมนั้นอีก ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับเธอ ซึ่งแพรพรรณก็เข้าใจว่าเรื่องอะไรถึงแม้ว่านิศากรจะไม่ได้พูดให้ชัด

“เฮ้อ! มีพี่ชายกับเขาคนนึงก็แย่ชะมัด ไม่เข้าท่าเลย ว่าแต่หนูนิไม่โกรธจริงๆนะ” แพรพรรณยังคงย้ำขอคำตอบ
นิศากรระบายลมหายใจ คิดอย่างเคืองขุ่น

โกรธเหรอ เธอมีสิทธิ์อะไรไปโกรธเคือง เขาเป็นอะไรกับเธอ ความสัมพันธ์ตามที่ผู้ใหญ่หมายมาดอยากให้เป็น ถึงขั้นออกปากจองตัวเอาไว้ซึ่งเขาไม่ยอมรับ มันจึงแสนเลื่อนลอยในความรู้สึกเธอเช่นกัน ตัวเธออาจไม่สวยเท่ากับผู้หญิงในรูปนั้น แต่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เธอไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตามให้เหนื่อยก็มีผู้ชายหลายคนแวะเวียนมาหยอดคำหวานให้ เพราะฉะนั้น กับคนที่ไม่ต้องการเธอ จะไปใส่ใจทำไมกัน

“นิ หนูนิ ฟังแพรอยู่รึเปล่า”

แพรพรรณส่งเสียงพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือกับกล้อง เพื่อเรียกเพื่อนสาวของตัวเองกลับมาจากห้วงความคิดเมื่อสังเกตว่าเงียบไปนานผิดปกติและดวงตากลมใสคล้ายเหม่อลอย คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากัน นิศากรสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนยิ้มอ่อนๆใส่กล้องฝากไปถึงเพื่อนเช่นเดียวกัน

“อือ ฟังอยู่สิ อีกสองอาทิตย์นิจะได้กลับบ้านแล้วนะแพร” หญิงสาวเอ่ยเปลี่ยนเรื่องซะเฉยๆ ไม่อยากพูดเรื่องของพี่ชายเพื่อนอีกต่อไป ฟังแล้วหงุดหงิด พร้อมชูตั๋วเครื่องบินยื่นใส่กล้องอวดให้อีกฝ่ายดู รอยยิ้มแจ่มใส ดวงตากลมพราวระยับด้วยความยินดีกระจ่างบนใบหน้านวลใส เมื่อเอ่ยถึงกำหนดการกลับบ้าน

“ว้าว จริงเหรอ ดีจังเลย คราวนี้นะเราจะได้กลับมานอนเล่นคุยกันอีก ไม่ต้องผ่านกล้องอย่างนี้แล้ว” แพรพรรณยิ้มสดใสตาพราวระยับเช่นเดียวกับเพื่อนสาว นิศากรเหลือบมองนาฬิกาทรงเก๋บนโต๊ะ

“เอาหล่ะ ได้เวลาเราต้องออกไปจัดการธุระแล้ว ถ้าเสร็จภายในอาทิตย์นี้ล่ะก็ เราอาจจะได้เจอกันเร็วขึ้นนะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆทำให้เสร็จนะ คิดถึงหนูนิจะแย่แล้ว แพรจะรอพาหนูนิตะลอนทัวร์รีสอร์ทใหม่ของแม่ให้ปรุเชียวหล่ะ มีอะไรให้เล่นตั้งเยอะแน่ะ” แพรพรรณถือโอกาสเร่งเพื่อนสาวให้ทำตามอย่างที่เปรยไว้โดยเร็ว แถมออดอ้อนตามนิสัยน้องคนเล็กของบ้านและอ่อยรายการทัวร์ให้เป็นรางวัลอีกต่างหาก คนถูกอ้อนหัวเราะเสียงใส

“จ้า คุณหนูแพรพรรณ อย่างนี้ต้องรีบกลับซะแล้ว จะได้ไปลุยรีสอร์ทแพรให้เละเหมือนงานวันเกิดแพรเมื่อสองปีที่แล้วเลยดีมั้ย” ประโยคหลังนิศากรเอ่ยกลั้วหัวเราะ

เท้าความถึงงานวันเกิดสุดป่วนเมื่อครั้งก่อน นิศากรจัดการวางแผนเซอร์ไพรซ์เพื่อนสาวโดยการเอาเพื่อนร่วมแก๊งค์แปลงเป็นเจ้าแมลงสาบตัวเป้งที่เจ้าของวันเกิดแสนจะเกลียดกลัวมาแอบใต้โต๊ะที่ตั้งเค้กวันเกิดแสนสวยไว้ และจัดการตวัดหนวดไปมาใส่ขาเจ้าของเค้ก แล้วค่อยๆคืบคลานโผล่หัวและตัวออกมาในความมืดก่อนจะได้เป่าเทียน

คุณเธอร้องกรี๊ดสุดเสียงด้วยความตกใจและขยะแขยงก่อนโกยเค้กแสนอร่อยโปะหน้าเจ้าแมลงสาบยักษ์ที่ลุกขึ้นมาร้องตะโกนแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วหงายหลังตึงลงไป หลังจากตั้งสติได้ท่ามกลางความตะลึงงันของนิศากร ไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะมีโหมดป้องกันตัวเองอย่างนี้ ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะพรืดด้วยความขบขันเจ้าแมลงสาบยักษ์ที่กำลังแงะเค้กออกจากหน้าตัวเอง เพื่อนผู้รับเคราะห์กับแพรพรรณหันไปหาหน้าตาเอาเรื่องพร้อมส่งสายตาสื่อความหมายว่าเจ้าของความคิดนี้เป็นใคร แล้วความโกลาหลก็เกิด
เจ้าของงานและเจ้าแมลงสาบไล่โปะเค้กตัวต้นคิดซึ่งวิ่งวนไปรอบๆงานไม่ยอมให้จับตัวได้โดยใช้เพื่อนๆเป็นกำบัง จนเพื่อนๆร่วมงานโดนลูกหลงไปตามๆกัน พอเหนื่อยอ่อนกันทุกคนก็หันมาดูตัวเองซึ่งเลอะเทอะไปกันถ้วนหน้าท่ามกลางเสียงหัวเราะสดใส

“ดีมาก แล้วก็จะได้รีบๆกลับมาช่วยกันจัดการพี่ภูให้จ๋องไปเลยด้วย” แพรพรรณกำหมัดชกไปในอากาศ วาดความหวังจะหาแนวร่วมจัดการกับภูดิส พี่ชายแท้ๆของตัวเอง โทษฐานสร้างข่าวให้ตัวเองเสื่อมเสีย

นิศากรหัวเราะเบาๆขำท่าทางของเพื่อน ตัวเท่านี้คงสู้พี่ชายได้หรอก ภูดิสออกจะสูงใหญ่ สองพี่น้องยืนเทียบกันแล้วอย่างกับกำแพงวังกับรั้วกระโดด เธอส่ายหน้าน้อยๆปฏิเสธก่อนตัดบทบอกลา

“หมดเวลาแล้ว แพมก็นอนซะนะ เดี๋ยวตื่นเช้ากลายเป็นแพนด้าจะหาว่าไม่เตือน” นิศากรขู่เพื่อนสาวที่รักสวยรักงามเป็นที่สุด

“ฮ้า จริงสิ แย่แล้ว พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงเสียด้วย ไม่สวยเด้งละอายเขาแย่เลย แค่นี้ก็แล้วกันนะหนูนิ” ว่าแล้วก็โบกมือลาเพื่อนสาว นิศากรทำเช่นเดียวกันแล้วจัดการออกจากโปรแกรม เหลืออีกหนึ่งหน้าต่างที่ยังไม่ได้จัดการปิด เธอขยายจนเต็มหน้าจอทำให้ภาพนั้นขยายขึ้น นิศากรกรสะบัดหน้า เชิดใส่ อย่างกับว่าตัวจริงอยู่ตรงหน้า เธอจัดการปิดเครื่องด้วยอาการกระแทกกระทั้น แต่ไม่มาก กลัวเครื่องพัง ข้อมูลหลายอย่างอยู่ในนั้น ใจจริงอยากจะปริ๊นท์ออกมาแล้วแปะไว้ดูให้จำ แต่คิดดูแล้ว

ถ้าเป็นขาวดำรูปไม่ชัดอีก รูปๆหนึ่งมันเปลืองสีชะมัด อย่าเลย เก็บไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า เธอมีเอกสารตั้งมากมายจำเป็นต้องปริ๊นท์ออกมาเพื่อทำธุระ เห็นมั้ย พี่ภูน่ะ สำคัญน้อยกว่าเอกสารของนิซะอีก รู้ไว้ซะ!


หากเมื่อนึกย้อนไปวันนั้น นิศากรแวะไปหาเพื่อนสาวพร้อมขนมของโปรดฝากครอบครัวเพื่อนตามคำสั่งของมารดา แม่บ้านยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมบอกว่าแพรพรรณอยู่ในห้องหนังสือจึงเดินไปด้วยความคุ้นเคย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของภูดิสกำลังถกเถียงอย่างเหนื่อยหน่ายกับแพรพรรณ

“พี่ภู แพรไม่เข้าใจ หนูนิออกจะน่ารัก ทำไมพี่ภูไม่มองบ้าง” แพรพรรณเขย่าแขนพี่ชายหน้างอ ขัดเคืองพี่ชายตัวดีที่พาสาวมาหาถึงที่ยังทำอิดออด ไม่มองไม่แล

“ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักเหมือนแม่อีกคนหรือไง พี่ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ” ภูดิสถอนหายใจแกะมือน้องสาวออกหน้ายุ่ง แม่น้องสาวตัวยุ่งเข้ามาขัดขวางการทำงานของเขา เอกสารที่ต้องสะสางให้เสร็จวางกองไว้มุมหนึ่ง

“พี่ภู จะมัวจมกับพี่รันอยู่อย่างนั้นเหรอ เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปนานแล้วนะ” ภูดิสคิ้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อโดนสะกิดความในใจ เขาตัดใจได้แล้ว แต่ไม่ค่อยชอบให้ใครมารื้อฟื้น เลยออกปากไล่เจ้าน้องตัวยุ่ง

“จะไปไหนก็ไปไป๊ พี่จะทำงาน”

“จะบอกให้นะ แม่ควงป้ากังสดาลไปดูดวงมา บอกว่าพี่ภูน่ะจะได้เจอเนื้อคู่แล้วอยู่ใกล้ๆเสียด้วย งานนี้ทั้งสองแม่เลยเอาวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟากของหนูนิแถมเข้าไปด้วย หมอดูคำนวณแล้วสมพงษ์กันดี จะส่งเสริมกันในทางที่ดี การงานเจริญรุ่งเรือง ครอบครัวจะมีความสุขโขสโมสรอย่างยิ่งยวด แต่มีแววพลาดพลั้งทำเนื้อคู่หนีหาย สงสัยพี่ภูคงจะขึ้นคานซะแล้วหละ”

แพรพรรณว่าเจื้อยแจ้วตามที่มารดาเล่าให้ฟังอย่างปลื้มปีติที่ลูกชายมีคู่แท้กับเขาเหมือนกันและอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล สองครอบครัวผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นหลังจากที่ลูกสาวมาเป็นเพื่อนสนิทไปมาหาสู่กันบ้างตามโอกาสผลัดกันนัดติวก่อนสอบ สองสถานที่ที่เป็นจุดรวมตัวไม่เคยพ้นบ้านของสองสาว นิศากรและแพรพรรณ ด้วยเพื่อนๆต่างลงความเห็นว่าเหมาะที่สุด ทั้งบรรยากาศ นั่นคือแอร์เย็นในห้องหนังสือเงียบๆส่งเสริมการนอนให้หลับสนิทยิ่งขึ้นและทรัพยากรณ์ในการประทังชีพ คือ อาหารฟรีแถมบริการเสริฟไม่อั้น ตกลงตั้งใจมากินกับนอนนี่หว่า

“ไร้สาระน่า ก็แค่คำทำนายสุ่มเอาใจลูกค้าเท่านั้นแหละ”

ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจกับความเชื่อของมารดาที่ถือเอาหลักการคาดการณ์เดาสุ่มของพวกหมอดูหมอเดามากำหนดกะเกณฑ์ชีวิตเขา ถึงจะไม่มากมายจนงมงาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่เขาไม่เคยทำให้แม่สมหวังในเรื่องหาลูกสะใภ้มาฝาก ไม่ใช่ว่าหาไม่ได้ ไม่มอง แต่ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถดึงดูดใจเขาได้อีก หลังจากรัญชิดาที่เขาเคยปักใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เธอหันไปตกลงคบกับเพื่อนอีกคนที่มีทีท่าจะชอบกันมานาน

“เฮ้อ!มีตาหามีแววไม่ พี่เรานี่ตาถั่วจริงจิ๊ง ของดีมีใกล้ตัวไม่รู้จักคว้าไว้ นี่ถ้าหนูนิเขาไม่ดีด้วยกับพี่ภู แพรก็ไม่เชียร์ให้เหนื่อยหรอก ทั้งแม่ทั้งน้องจับคู่ดีๆให้แล้วแท้ๆ” แพรพรรณแหวใส่ ทำนองว่าเขาไม่รักดี ภูดิสเบื่อเต็มทีกับเรื่องนี้ และทั้งสองสาวประจำบ้านไม่มีทีท่าจะหยุดผลัดกันมาหว่านล้อม และรบกวนเวลาทำงานของเขาซักที

“พี่ไม่ใช่พระเอกละครน้ำเน่าหลังข่าว จะได้เดินตามเกมส์จับคู่ปัญญาอ่อนของเรานะ”

พอเริ่มหงุดหงิดที่น้องสาวไม่ยอมเลิกราวุ่นวายขณะที่เขากำลังเครียดกับเอกสารกองโตนี้ คำพูดจึงเผ็ดร้อนขึ้นตามอารมณ์ เพื่อนของน้องสาวที่มาร่วมวงกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้งขึ้น ตามคำชักชวนของมารดาเขา จากที่เคยพบและพูดคุยบ่อยครั้งในระยะหลังมานี้ ดูเธอสดใสร่าเริง ขี้เล่นเป็นกันเองกันทุกคนและมีความเป็นเด็กช่างฝันอยู่มาก ดวงตาใสแป๋วท่าทางจะไม่ค่อยดื้อซนเช่นแพรพรรณ ภูดิสไม่ได้รู้ว่า ภายใต้ท่าทางหัวอ่อนนั้น ซ่อนความดื้อรั้นไว้อย่างมิดชิด

“แล้วเพื่อนเราคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือยังไง พี่ไม่สนคนปัญญาอ่อนแบบนั้นหรอก”

“พี่ภู!” แพรพรรณตะโกนก้อง รู้สึกโกรธแทนเพื่อนสาวของตน “เพื่อนแพรไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ”

นิศากรที่ยืนนิ่งฟังบทสนทนาอยู่ก้าวเข้าไปในห้องด้วยหน้าตาเรียบเฉยผิดจากปกติที่มักจะปรากฎรอยยิ้มอ่อนละมุนบนหน้าหวาน หากน้ำเสียงยังคงเป็นปกติยามเมื่อทักเพื่อนสาว

“แพร” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มให้เพื่อนสาว “ขอโทษที่เสียมารยาทแอบฟังอยู่เป็นนาน” ตากลมฉายแววเย็นชาเฉยเมยและถือดีหยิ่งทระนง เมื่อปรายตาไปทางอีกคนในห้องจนรู้สึกได้ แถมก้มหัวนิดๆเป็นเชิงขออภัย ระหว่างวีแตกกับแสดงความเฉยเมย ไม่ใส่ใจให้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเลือกได้แต่ผู้เดียว นิศากรเลือกทำสิ่งหลังกับสถานการณ์ตรงหน้า

ภูดิสนิ่งงันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่าทีและน้ำเสียงสุภาพเรียบเฉย เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากยั่วน้องสาวโกรธจนทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายล่าถอยออกไปตามนิสัย ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาได้ยินเข้า แต่อาจจะดีหากเธอเป็นฝ่ายโกรธ ไม่อยากพบเจอเขาอีก

“หนูนิได้ยินหมดเลยเหรอ” แพรพรรณหน้าเสีย

“ก็ ช่างเถอะ”นิศากรยักไหล่เล็กน้อย ยิ้มมุมปากนิดนึงแลดูอ่อนโยนขึ้นคล้ายจะบอกเพื่อนว่าไม่เป็นไร ก่อนถอนใจยาวเอ่ยปากบอกเพื่อน

“นิแค่เอาของฝากของแม่มาส่ง แล้วก็จะมาบอกว่า นิจะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้วนะ” ประโยคสุดท้ายบอกจุดประสงค์แน่วแน่ ไม่ได้ขอความคิดเห็น แต่บอกให้ทราบไว้เท่านั้น แพรพรรณตาโตด้วยความตกใจและใจหายที่เพื่อนจะห่างไปไกลอีกซีกโลก

“อะไรนะ นิจะไปฝรั่งเศส เมื่อไหร่?”

ความจริงเธอกำลังตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ เธออยากหาประสบการณ์บ้างก่อนไปเรียนต่อ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็เห็นสมควรว่าควรจะหลีกไปให้ไกล เพื่อว่าตัวเธอจะได้ไม่ถูกมองอย่างดูแคลนค่าที่ทำให้เขาวุ่นวายหงุดหงิด ความถือดี รักศักดิ์ศรีในตัวเธอก็พุ่งขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่ เธอไม่ต้องการให้ใครมองเธอแบบนั้น ‘ผู้หญิงปัญญาอ่อน’ ที่จะตัวอ่อนหัวอ่อนปลิวตามเรื่องน้ำเน่าอย่างในละครให้ซบอกพระเอกมาดแมน แถมยังไม่ทันได้ซบก็ถูกผลักกระเด็นออกมา

โอเค เธอยอมรับว่ารู้สึกดีกับพี่ชายเพื่อนในระดับหนึ่ง เธอโตมากพอจะมองหาใครซักคนได้แล้ว และเขาก็ได้รับการันตีจากผู้คนรอบข้างที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนที่ควรคบหาด้วย เธอจึงยอมเป็นเด็กหัวอ่อนเดินตามการคะยั้นคะยอของแม่ และการจะมีคนรู้จักดีๆเพิ่มขึ้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายอะไร แต่บัดนี้ เธอคิดว่าคงต้องเปลี่ยนแผนการวางตัวเสียใหม่ เมื่อเส้นทางที่เคยเลือกไม่เป็นผลดีแก่ตัวเสียแล้ว มารดาของเธอเริ่มรุกหนักเกินไปและไม่มีแนวโน้มว่าจะเลิกรา เหตุผลประการสุดท้ายที่ผลักให้เธอตัดสินใจไปอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นี้ ยังแจ่มชัดอยู่ในโสตประสาท เขาไม่ต้องการ

“ก็สองเดือนหน้านี่แหละ” ระยะเวลาถูกกำหนด เมื่อคำนวณการขอวีซ่าและทำเอกสารการเข้าเรียนต่างๆ น่าจะสำเร็จลุล่วงในเวลานั้น ถึงจะยังไม่เสร็จก็จะไปหล่ะ ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยซะเลย

“หา ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ หนูนิ” แพรพรรณหน้าม่อย เพื่อนสาวคนสนิทจะไม่อยู่ใกล้ชิด และอีกนานคงจะได้เจอกัน ตาแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ภูดิสมองใบหน้าอ่อนเยาว์นวลใส เขาคิดเหมือนกันว่ามันกระทันหัน ไม่มีวี่แววมาก่อน เพราะระยะสองสามเดือนมานี้ เรื่องราวของเธอมักถูกถ่ายทอดมาสู่เขาสม่ำเสมอ น้องสาวเขามักมีกิจกรรมกับเพื่อนสาวคู่หูคนนี้ประจำและเรื่องนี้ไม่เคยได้เอ่ยถึงมาก่อน ไม่ถึงกับสนิทสนม แต่คนเคยเห็นกันบ่อยๆจะไปไกล ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

“อะไรกัน เร็วที่ไหน ไม่ได้ไปพรุ่งนี้สักหน่อย ระหว่างนี้คงไม่ค่อยได้มาหาแพรเท่าไหร่ ต้องยุ่งเรื่องติดต่อทำเรื่อง วุ่นวายเชียวหล่ะ” นิศากรถอนหายใจประกอบ “นิกลับก่อนล่ะ”

“อ้าว อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิหนูนิ” แพรพรรณเขย่าแขนเพื่อนคะยั้นคะยอให้อยู่ แต่ไม่ได้ผล นิศากรส่ายหน้าปฎิเสธ

“นิจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่บ้านคนสำคัญจะน้อยใจ เดี๋ยวก็จะไม่อยู่แล้ว ไปก่อนล่ะนะ” เธอโบกมือลาเพื่อน ก่อนหันไปยกมือไหว้อีกคนที่อยู่ในห้องด้วย
ใบหน้าหวานกลายเป็นเรียบเฉย รอยยิ้มยังคงมีประดับบนใบหน้า หากแต่ความละมุนละไมที่ติดอยู่บนแก้มนวลเสมออันตรธานหายไปในพริบตา นี่คืออีกลักษณะหนึ่งที่เธอจะแสดงออกกับคนที่เธอไม่ปราถนาจะข้องเกี่ยว ยังคงสุภาพแต่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ห่างเหิน เย็นชา จนคนรับไหว้รู้สึกใจหายเป็นรอบที่สอง

“สวัสดีค่ะ” แค่นั้น ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก เธอหันขวับเดินออกจากห้องไปพร้อมแพรพรรณที่ตามไปส่ง ไม่เหลียวกลับมาแม้แต่น้อย จึงไม่เห็นว่าภูดิสมองตามหลังเธอค้างอยู่อย่างนั้นจนเธอลับตา

ไม่น่าเลยจริงๆ นิศากร หาเรื่องใส่ตัวให้เขาดูถูกแท้ๆ นิศากรคิดในใจ

หลังจากวันนั้นภูดิสไม่ได้พบเธออีก ดูเหมือนนิศากรจะเลือกเวลามาเฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน และกลับไปเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เขากลับ รถสองคนสวนกันตรงหน้าบ้านเกือบทุกครั้ง แม้กระทั่งวันหนึ่งที่เขาเลิกงานเร็วและกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ

“ว้าว หนูนินี่ลางสังหรณ์แม่นชะมัด คลาดกันแบบฉิวเฉียด โชคดีจริงๆ” แพรพรรณยังไม่เลิกค่อนแคะพี่ชายนับจากวันนั้น น้องสาวสะบัดก้นใส่เดินตัวปลิวเข้าบ้าน ทิ้งภูดิสที่คิ้วขมวดมุ่นถอนหายใจ ไปๆมาๆเขาชักรู้สึกไม่ดี

เหมือนกำลังถูกนิศากรรังเกียจ เพียงแค่กระจกกั้นเท่านั้นแต่เธอไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย เธอถอยฉากชิดซ้ายหลบเร้นหายไปว่องไวราวกับนินจา เหลือไว้เพียงเงาให้มองตามได้ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เขาน่าจะสบายใจที่เธอไม่เล่นตามเกมนั้นอีก แต่ทำไมมันถึงได้รู้สึกแย่อย่างนี้ก็ไม่รู้

ส่วนนิศากรที่อยู่บนรถ ลดความเร็วลงเมื่อเลยพ้นประตูออกมา

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซ้นซ์ของเธอจะแม่นขนาดนี้ ต้องลองซื้อหวยดูซักทีซะแล้ว เผื่อจะถูกรางวัลบ้าง

ดวงคนมันจะแคล้วคลาด มันถึงได้มีอะไรมาดลใจให้เธอนึกอยากออกจากบ้านนั้นอย่างกระทันหันนั่นแหละ นิศากรคิดในใจ

แต่ใครจะรู้ ในอนาคต พรหมลิขิตอาจจะกำลังจัดวางให้เธอกับเขามาพบกันจนได้นั่นแหละ

โปรดติดตามตอนต่อไป
by.ฟ้าริน




Create Date : 12 พฤษภาคม 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 18:37:53 น.
Counter : 253 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

ปั้นน้ำกะฟ้าริน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








  • งานเขียนใน Blog นี้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้คัดลอก หรือ ดัดแปลงเนื้อหา นำไปเผยแพร่ต่อที่อื่นๆ ทุกรูปแบบ

  • Thanks design by freepik


Designed by Freepik