|
ปากกา Dip pen เก่าๆ ที่อยู่ด้วยกันมานานมาก
ผมสะสมปากกา dip pen มานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ราวๆ ปี 2531
ตอนเด็กๆ วาดภาพการ์ตูนด้วยพู่กัน กับหมึกอินเดียอิงค์ หรือถ้าช่วงไหนมีตังค์ ก็ใช้ปากกาพิกม่าวาด หมึกอินเดียอิงค์สมัยนั้นขวดละ 6 บาท ใช้กันนานแสนนานกว่าจะหมด แต่ความรู้สึกฝังใจตั้งแต่ตอนเด็กๆ คือ รู้ว่านักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นใช้ G Pen วาดการ์ตูนกัน แต่เมืองไทยไม่มีขาย มีแต่ปากกาสปีดบอลสำหรับเขียนอักษรประดิษฐ์ แต่ก็ไม่เคยใช้กะเขาเช่นกัน ส่วนหัวปากกาสำหรับวาดลายเส้นก็มีแต่หัวเขียนแผนที่ Map pen ที่เดี๋ยวนี้เรียกกันแบบญี่ปุ่นว่า Maru pen
ความใฝ่ฝันถึงปากกา G pen ติดตัวไปถึงเชียงใหม่ วันหนึ่งไปเดินเล่นที่ห้างสีสวนพลาซ่า (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) พบว่าในแผนกเครื่องเขียนมีหัวปากกา dip pen ค้างสต๊อกอยู่หลายแบบ ซื้อมาหมดทุกแบบเลย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหัวปากกาสำหรับเขียนหนังสือ ให้น้ำหนักเส้นเท่ากัน ทั้งหมดเป็นของผลิตจากญี่ปุ่น ปัจจุบันหัวแบบนี้ส่วนใหญ่เลิกผลิตแล้ว ไม่มีขาย ยกเว้น 2 หัวล่าง Japanese nib กับ school pen ที่ยังมีใช้กันอยู่ ด้ามปากกาก็ใช้ด้ามไม้ของจีน เมื่อก่อนมีแต่แบบนี้
ถึงแม้เดี๋ยวนี้ผมจะมีหัวปากกา dip pen สะสมไว้หลายร้อยชิ้น แต่ 6 ชิ้นนี้ เป็นชิ้นที่รักมาก เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรก ถึงแม้หัวที่มาหลังๆ บางหัวจะสวยกว่า เก่าแก่กว่า หายากกว่า แต่ความผูกพันก็น้อยกว่าเช่นกัน
ตอนได้มาแรกๆ เขียนไม่ค่อยออกหรอกนะครับ เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าหัวปากกา dip pen เขาจะเคลือบ wax ไว้เพื่อป้องกันสนิม ก่อนใช้ต้องเอาไปผ่านกระบวนการล้าง wax ออกก่อน ด้วยวิธีแช่ทินเนอร์ หรือลนด้วยไฟแช็ค (เดี๋ยวนี้หลายคนก็ยังไม่รู้ ซื้อหัวใหม่มาแล้วเอาไปจุ่มหมึกเขียนเลย ทำให้เขียนไม่ออก) 6 ชิ้นนี้ นานๆ ทีก็เอาออกมาลองเขียนดูให้หายคิดถึง
Create Date : 04 พฤษภาคม 2560 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2560 21:44:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1489 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
นัก(หัด)เขียนและนัก(หัด)วาดภาพประกอบหนังสือเด็ก ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเลี้ยงดูลูกชายวัย 5 ขวบ แต่งนิทาน วาดภาพประกอบ และอะไรต่ออะไรอีกจิปาถะอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ ในชุมชนริมคลองบางค้อ กทม.
|
|
|
|
|
|
|
|