|
รายงานการทดสอบการใช้สารสกัดไคโต ซานร่วมกับปุ๋ย
จากการที่ลงเรียนวิชาการฝึกปฎิบัติเสริมทักษะการผลิต พืช วิชานี้มีงานให้นักศึกษาได้ทำรายงานการทดลองครับ โดยให้ทดลองเปรียบเทียบปัจจัยอะไรก็ได้ในการปลูกพืช
ผมเลือกการใช้ ไคโตซาน
ทำไมถึงเลือกตัวนี้ เพราะผมใช้สารตัวนี้ผสมกับปุ๋ยให้ กล้วยไม้มาเป็นเวลานานแล้ว เห็นว่าผลที่ได้นั้นมันดูดี แต่เนื่องจากไม่เคยรู้เลยว่าผลนั้นดีจริงๆหรือไม่ เป็นอุปทานหรือเปล่า เนื่องจากไม่สามารถหาอะไรมาวัดหรือเปรียบเทียบได้ จึงได้ใช้โอกาสนี้ ทดลองหาผลเปรียบเทียบซะเลย
Chitosan ไคโตซาน คือ สารโพลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากไคติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเปลือกกุ้ง กระดองปู แกนปลาหมึก และผนังเซลของเห็ด ราบางชนิด ไคติน-ไคโตซาน จัดเป็นโคโพลิเมอร์ที่อยู่ร่วมกันในธรรมชาติ มีปริมาณของไคตินมากเป็นอันดับสองรองจากเซลลูโลส ไคติน-ไคโตซาน มีสมบัติพื้นฐานที่เข้ากับธรรมชาติได้ดี ย่อยสลายง่าย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งไคติน-ไคโตซาน มีหมู่อะมิโนที่แสดงสมบัติพิเศษหลายประการที่ต่างจากเซลลูโลส เช่น การละลายได้ในกรดอินทรีย์เจือจาง การจับกับอิออนของโลหะได้ดี และการมีฤทธิ์ทางชีวภาพ ปัจจุบันมีการนำสารไคติน-ไคโตซาน มาประยุกต์ใช้จริงทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ทางการแพทย์และเภสัชกรรม ในภาคการเกษตรเริ่มมีการใช้ไคโตซานกันมากขึ้น จึงอยากมีการทดสอบว่า เมื่อนำไคโตซานมาใช้ร่วมกับปุ๋ย ในการปลูกผักจะทำให้ผลผลิตที่ได้ดีขึ้นหรือไม่
วัตถุประสงค์
1 เพื่อทดสอบเปรียบเทียบระหว่างการใช้ไคโตซานผสมกับปุ๋ย กับ การใช้ปุ๋ยเพียงอย่างเดียว 2 เพื่อหาตัวช่วยในการผลิตพืชผักให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น 3 เพื่อหาทางลดการใช้ปุ๋ยเคมี
อุปกรณ์
1 กระถางขนาด 6 นิ้ว 2 ใบ 2 เครื่องปลูกประกอบด้วย กาบมะพร้าวสับ ขุยมะพร้าว ปุ๋ยคอก 3 เมล็ดพันธุ์ผักกวางตุ้ง 4 ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 5 สารสกัดไคโตซาน 6 กระป๋องฉีดปุ๋ยเคมี
วิธีการ
1 ผสมเครื่องปลูกใส่ในกระถางขนาด 6 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม 2 หยอดเมล็ดพันธุ์ผักกวางตุ้ง กระถางละ 3 เมล็ด 3 แยกเป็นกระถาง A และ B 4 วางกระถางทั้ง 2 ใบ บริเวณที่ได้รับแสงแดด 5 ให้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ในอัตราส่วน 1/2 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ลิตร ในกระถาง A 6 ให้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ในอัตราส่วน 1/2 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ลิตร ผสมกับไคโตซาน ในอัตราส่วน 1 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร ในกระถาง B 7 ให้ปุ๋ยโดยการฉีดพ่นให้ทางใบ 8 จดบันทึกการปลูกและการให้ปุ๋ย
ผลการทดลอง
ผลจากการให้ปุ๋ยผสมไคโตซานเปรียบเทียบกับต้นที่ให้ปุ๋ยอย่างเดียว พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แยกได้ดังนี้ 1 สีของใบ ต้นที่ให้ไคโตซาน ใบจะเขียวเข้มกว่าต้นที่ให้แต่ปุ๋ยเพียงอย่างเดียว 2 ความหนาของใบ ต้นที่ให้ไคโตซาน จากการสัมผัสพบว่าใบจะมีความหน้ามากกว่า 3 ขนาดลำต้น ของต้นที่ให้ไคโตซาน จะหนาอวบกว่าต้นที่ให้ปุ๋ยอย่างเดียว 4 ขนาดของใบ วัดความแตกต่างได้ดังนี้
4.1 โคนก้านใบ – ปลายใบ ต้น A = 8 เซ็นติเมตร ต้น B = 9 เซ็นติเมตร
4.2 โคนใบ – ปลายใบ ต้น A = 4 เซ็นติเมตร ต้น B = 5.5 เซ็นติเมตร
4.3 ความกว้างใบ ต้น A = 2.7 เซ็นติเมตร ต้น B = 4 เซ็นติเมตร
Create Date : 04 เมษายน 2553 | | |
Last Update : 29 สิงหาคม 2553 16:23:44 น. |
Counter : 1991 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
จดหมายจาก "ไซเตส"
ได้รับ e-mail มา 1 ฉบับครับ จากพี่มานิตย์ ใจฉกรรจ์ แห่งไซเตส เป็นเรื่องราวลึกๆเกี่ยวกับรองเท้านารีขาวพังงา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรจะนำมาบักทึกเอาไว้ จึงขอยกมาทั้งฉบับ มาไว้ที่นี่
เนื้อความจดหมายมีดังนี้
ปุ้ม หลัง จากที่ผมกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น แล้วมีโอกาสได้ลงใต้ไปสำรวจเอื้องปากนกแก้วและรองเท้านารีขาวพังงา ในสภาพธรรมชาติ ณ จังหวัดพังงา โดยพาน้องน้องๆ ไซเตสไปปีนเขานางหงษ์มา เหนื่อยน่าดูแต่ก็สนุกมากๆ เพราะต้องการทราบข้อเท็จจริงว่ากล้วยไม้ถูกทำลาย ไปมากน้อยขนาดไหน ผล สำรวจพบว่าเอื้องปากนกแก้ว พบประปรายแต่เหลือไม่กี่ต้น พบเฉพาะบนเรือนยอดไม้มังตานและต้นสอม ช่วงล่างๆ ของต้นไม้ไม่เหลือแล้ว ถูกล่าเก็บไปหมด รองเท้านารีขาวพังงาก็เช่นกัน สำรวจบนยอดเขานางหงษ์ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่เคยพบว่ามีรองเท้านารีขาวพังงาเป็นร้อยๆ ต้นในอดีต ปัจจุบันพบเหลือเพียง 11 ต้นเท่านั้น นอกนั้นถูกล่าเก็บไปหมด และ การไปสำรวจครั้งนี้ ได้พบว่ามีชาวบ้านซึ่งเป็นคนพบรองเท้านารีขาวพังงาเป็นคนแรกๆ ของโลกแต่ถูกคนอื่นแอบอ้างว่าเป็นคนค้นพบคนแรก และเอาไปตั้งชื่อ ทั้งที่ ไม่เคยปีนเขาขึ้นไปสำรวจเลย ผมจึงอยากให้พวกเราได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงในโอกาสต่อไป กำลังรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้อง ผม จึงส่งคำถามกล้วยไม้มาให้อีก 1 คำถามเผื่อปุ้มจะเอาลองถามดู ไม่รู้ว่าจะยากไปหรือเปล่า เพราะต้องการให้พวกเราได้ตระหนักถึงบุคคลที่สมควรจะเป็นบุคคลสำคัญที่พบเป็น คนแรก ไม่อยากให้คนอื่นชุบมือเปิบ โดยที่ไม่ได้ให้เกียรติคนอื่นซึ่งเป็นพบคนแรก คำ ถาม ใคร เป็นผู้ค้นพบรองเท้านารีขาวพังงา เป็นคนแรกของโลก? คำ ตอบคือ นาย คมไพร นิลรัตน์ (Mr. Komprai Nilrat) อาชีพ หาสมุนไพรป่าขาย ชาว บ้านตำบน นบปลิง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา และ น่าจะตั้งชื่อเป็น Paphiopedilum nilratii เสียมากกว่า มานิตย์
Create Date : 05 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 11 มีนาคม 2553 21:06:02 น. |
Counter : 514 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|