แนวทางการพัฒนาและเลือกซื้อ Cymbidium ลูกผสมทนร้อน
Cymbidium Chen's Ruby
คำว่า "ซิมบิเดียมทนร้อน" ถูกใช้ค่อนข้างสับสนและสะเปะสะปะกันมาก บางครั้งค่อนข้างไปไกลกันเหลือเกิน จริงๆแล้ว ตามคำนิยามของ คุณกอบสุข หรือ สำเภางาม นิยาม คำว่า "ซิมบิเดียมทนร้อน" คือ ซิมบิเดียมทนร้อน (Heat Tolerant Cymbidium,HTC) คือ ซิมบิเดียมที่สามารถให้ดอกได้ในสภาพอากาศร้อน เช่น ในเขตร้อน (Tropical Zone) ที่อยู่ระหว่างละติจูด 17 องศาเหนือถึง 17 องศาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แทบไม่มีฤดูหนาวหรือแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่อุณภูมิในตอนกลางคืนต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียสติดต่อกันนานเป็นสัปดาห์หรือหลายสัปดาห์ ซิมบิเดียมทนร้อนมักมีช่วงฤดูออกดอกที่กว้างกว่าหรือสามารถออกดอกได้ประปรายตลอดทั้งปีเมื่อปลูกเลี้ยงในเขตร้อนอีกทั้งยังสามารถออกดอกได้ทั้งในเขตกึ่งร้อน (Sub-Tropical Zone) และเขตอบอุ่น(Temperate Zone) แต่ฤดูกาลจะไม่ตรงกัน คือมักจะให้ดอกในช่วงกลางฤดูร้อนไปจนถึงกลางฤดูใบไม้ร่วง เมื่อปลูกในเขตกึ่งร้อนและเขตอบอุ่น ความสามารถทนหนาวของซิมบิเดียมทนร้อนลดลงและหากต้องอยู่ในสภาวะหนาวเย็นใกล้จุดเยือกแข็งติดต่อกันเป็นเวลานาน จะเกิดความเสียหายชัดเจนกว่าในกลุ่มซิมบิเดียมมาตรฐานดอกใหญ่(Stardard Type) และสายพันธุ์เมืองหนาว (Cold-Growing Type) Cymbidium Tavoy
ถ้าหากตีความตามคำนิยามข้างต้นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า คือกลุ่มซิมบิเดียมที่ให้ดอกได้ในเขตร้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซิมบิเดียมทนร้อนทุกตัวจะให้ดอกได้ทุกภาคส่วนของเขตร้อนเช่นกัน เนื่องจากซิมบิเดียมบางตัวยังต้องใช้อากาศหนาวเพื่อกระตุ้นตาดอก(ให้ดอกในกทม.ได้) แต่จะไม่ให้ดอกในเขตเส้นศูนย์สูตร และถ้าหากตีความกันจริงๆแล้วก็จะสามารถแบ่งแยกประสิทธิภาพการให้ดอกของแต่ละพื้นที่ของเขตร้อนได้อีกหลายระดับ ดังนั้นผมจึงเอาประสิทธิภาพการให้ดอกในกทม.เป็นเกณฑ์ในการตัดสินสำหรับ "ซิมบิเดียมทนร้อนแนวไทยๆ"
Cymbidium Miss Taipei Unveiled
เหตุใดซิมบิเดียมทนร้อนจึง "ทนร้อน" ? การกระจายพันธุ์ของซิมบิเดียมเริ่มตั้งแต่แถบเทือกเขาหิมาลัย ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ภูฏาน ลามไปทางตะวันออกผ่านจีน เกาหลีและญี่ปุ่น ทางทิศใต้ลงมาทางคาบสมุทรอินโดจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไปสุดที่ทวีปออสเตรเลียเนื่องจากกระจายพันธุ์กว้างจึงมีความหลากหลายทางสายพันธุ์มาก แต่สายพันธุ์แท้เขตหนาวจะมีคุณสมบัติดอกใหญ่ สีสรรสวยงาม บานทน แข็งแรงบึกบืน จึงถูกนำไปพัฒนาซิมบิเดียมลูกผสมแนว Standard Type จนไกลสุดกู่ แต่ซิมบิเดียมพันธุ์เขตร้อนมีดอกและช่อเล็ก บานไม่ทน สีสรรไม่สวยงาม จึงกลายเป็นไม้ที่โลกลืมไปโดยปริยายและถูกจำกัดเฉพาะผู้เลี้ยงไม้พันธุ์แท้เท่านั้น Cymbidium Faridah Hashim
เมื่อความต้องการปลูกเลี้ยงซิมบิเดียมลูกผสมในเขตร้อนเพิ่มสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องนำสายพันธุ์แท้เขตร้อนมาผสมกับซิมบิเดียมเมืองหนาวเพื่อให้ได้ลูกผสมที่มีคุณสมบัติทนร้อน และแตกต่างจากแนว Standard Type เช่น ช่อห้อยย้อย กลิ่นหอม นั่นคือการหลอมรวมคุณสมบัติของซิมเดียมเมืองหนาวกับความทนร้อนของซิมบิเดียมเขตร้อนเข้าด้วยกันนั่นเอง ในการเลือกซื้อซิมบิเดียมลูกผสมที่ดีให้พิจารณาที่สัดส่วนทางสายเลือดพันธุ์แท้อันประกอบกันเป็นซิมบิเดียมต้นนั้นๆ โดยต้องมีสายเลือดพันธุ์แท้อันเป็นแก่นดังต่อไปนี้ 1. Cymbidium ensifolium var. haematodes หรือจุหลันอิสาน 2. Cymbidium aloifolium หรือกระเรกระร่อนธรรมดา 3. Cymbidium canaliculatum 4. Cymbidium finlaysonianum หรือกระเรกระร่อนปากเป็ด 5. Cymbidium dayanum หรือกระเรกระร่อนแดง ถ้าหากลูกผสมมีสัดส่วนพันธ์แท้ดังกล่าวตั้งแต่ 50% ขึ้นไป รับรองได้ว่าลูกผสมทุกต้นทนร้อน 100% แต่ก็ต้องแลกกับลักษณะของพันธ์แท้ที่แสดงออกในลูกผสมด้วยเช่นกัน เช่น ทรงต้นหยาบ บานไม่ทน ดอกเล็ก เป็นต้นแต่ในทางกลับกันถ้าหากมีเลือดทนหนาวมากกว่าเลือดทนร้อนจะส่งผลให้ลูกผสมบางต้นเท่านั้นที่จะทนร้อน เช่น กรณีของ Golden Vanguard ซึ่งมีเลือดทนร้อนจากจุหลัน 25% ทำให้ลูกไม้เพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ทนร้อน พูดง่ายๆ คือ ไม้เมล็ด 4 ต้น จะได้ต้นที่ทนร้อน 1 ต้น ซึ่งความทนร้อนของไม้เมล็ดจะแปรปรวนไปตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงต้องคัดต้นที่ทนร้อนสูงและสวยที่สุดไว้เพื่อประโยชน์ทางการค้าต่อไป สัดส่วนทางสายเลือดที่ประกอบเป็น Cymbidium Golden Vanguard
อีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณสมบัติทนร้อนคือ สถานที่ปรับปรุงและคัดสายพันธุ์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้ว่าจะมีเลือดทนร้อนอยู่มาก แต่ถ้าหากถูกปรับปรุงและคัดพันธุ์ในเขตหนาวก็จะเป็นไม้หนาวไปปริยาย โอกาสที่จะนำต้นที่คัดพันธุ์ในเขตหนาวมาปลูกเขตร้อนแล้วให้ดอกก็อาจเป็นไปน้อยมาก Cymbidium Liliput
จากข้างต้น อาจจะลำบากสำหรับหลายคนที่ไม่รู้ว่าเริ่มพิจารณาจากจุดไหน เอาเป็นว่า หากเจอะเจอซิมบิเดียมที่ฟอร์มดอกกลมมน สีสรรฉูดฉาด และผู้ขายไม่รู้จักชื่อ ให้คาดไว้เลยว่าไม่ใช่ซิมบิเดียมทนร้อนแน่นอน เนื่องจากซิมบิเดียมเมืองหนาวเหล่านั้นถูกปรับปรุงพันธุ์กันมานับร้อยๆปี แต่ซิมบิเดียมทนร้อนเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้เอง ดังนั้นจึงยังไม่มีซิมบิเดียมทนร้อนที่มีลักษณะเช่นนั้นแน่นอน แต่ใช่ว่าซิมบิเดียมทนร้อนจะไม่มีทางถึงจุดนั้น แต่คงอีกนานนนนนนน ถ้าหากเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้แล้วจะช่วยให้เลือกซิมบิเดียมได้อย่างถูกต้องและมีจุดหมายปลายทางด้วย มากกว่าซื้ออย่างสะเปสะปะ หวังลมๆแล้งเผื่อฟลุคได้ต้นทนร้อนนั่นคงเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าแนวทางที่กล่าวมานี้อาจจะไม่ได้ผล 100% แต่ก็ยังเป็นแนวทางในการเลือกซื้อได้ Cymbidium Valerie Absolonova
Create Date : 04 ธันวาคม 2552 |
| |
|
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 0:12:03 น. |
| |
Counter : 2636 Pageviews. |
| |
|
|