Group Blog
 
All blogs
 

The King of Dramas ราชาแห่งละคร - สนุกดีนะ กับการดูละครเบื้องหลังละคร



Title : 드라마의 제왕 / The King of Dramas
Director: Hong Sung-Chang Writer: Jang Hang-Jun
Network: SBS Mon & Tues 20:55 Nov 12- Jan 13 Episodes: 18

อย่างแรกเลยคือชอบชื่อเรื่อง "ราชาแห่งละคร"
อย่างที่สองคือชอบนางเอกคนโปรด "จองเรียววอน"
อย่างที่สามคือชอบพลอต "เบื้องหลังละคร"

นับจาก On Air เล่ห์รักโลกมารยา ปี ๒๐๐๘ ที่พระเอกเป็นผู้กำกับ นางเอกเป็นนักเขียน ก็เพิ่งมาเจอละครเบื้องหลังละครอีกเรื่องนี่แหละที่นางเอกเป็นนักเขียน พระเอกเป็นผู้จัดละคร ซึ่งก็สนุกไม่แพ้ On Air แต่จะชอบเรื่องนี้มากกว่าตรงที่มันมีความฮา



ซีรีย์เรื่องไหนที่ต้องรอออนแอร์ดูแบบไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่สนุกจริงก็มีสิทธิ์จะหลุดไปจากความสนใจได้ง่ายๆ เพราะจะมีมาให้ดูแค่สัปดาห์ละ ๒ ตอน แต่The King of dramas คือละครเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำละคร มันจึงมีความน่าสนใจอยู่เป็นทุน บวกกับนักแสดงฝีมือดี และการดำเนินเรื่องสนุกแบบมันส์พะย่ะค่ะ ประหนึ่งดูซีรีย์พีเรียดชิงบัลลังก์ รวมแล้วจึงเป็นละครที่สนุก แม้ว่าเรตติ้งจะไม่สูงนัก แค่ประมาณ ๑๐ % เท่านั้น



เรื่องย่อ The King of Dramas

เปิดเรื่องด้วยเนื้อหาของวงการละครเกาหลีที่มีความสำคัญเป็นมูลค่ามหาศาลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมละครโทรทัศน์ และความรุ่งโรจน์ของ "แอนโทนี่ คิม" (คิมมยองมิน) ผู้อำนวยการใหญ่ของเอ็มไพร์-บริษัทผลิตละครที่เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการนี้



ความยิ่งใหญ่ของแอนโทนี่ ไม่ได้ไขว่คว้ามาอย่างใสสะอาดโดยอาศัยเพียงความทะเยอะทะยาน ไหวพริบความฉลาดที่รวมตัวกันเป็นความสามารถในทางบริหารจัดการ แต่เพราะเขาคือมนุษย์ผู้ดิ้นรนต่อสู้มาทุกวิถีทางเพื่อจะไขว่คว้าชัยชนะและยืนหยัดอยู่เหนือใครๆ

" แทนที่จะรอวันตายอย่างช้าๆ เหมือนโอเอซิสที่กำลังแห้งขอด
เราต้องวิ่งไปจนสุดขอบฟ้า ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เรามี"


แม้ว่าจะต้องใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบ แม้ว่าจะต้องโหดเหี้ยมไร้ปราณี แอนโทนี่ คิม พร้อมจะเลวเพื่อประสบความสำเร็จและพุ่งสู่เป้าหมายที่เรียกว่า "เงิน" ช่วงแรกๆ จึงเห็นว่าเขาเลวมากกก

 



แต่สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ แอนโทนี่จะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าเป็นราชาผู้มีอำนาจในวงการละครสักเท่าใด เพียงหนึ่งครั้งที่พลั้งพลาด ราชาก็พลัดตกจากบัลลังก์

"อีโกอึน" (จองเรียววอน) หญิงสาวหน้าซื่อ ตาใส จิตใจดี ที่ดวงชะตาพาดผ่านเข้ามาในเส้นทางอโคจร ร่วมกับชีวิตอันดิ่งดับของแอนโทนี่ คิม จากผู้ช่วยนักเขียนของนักเขียนบทชื่อดังที่รอเวลาสั่งสมประสบการณ์และสร้างโอกาสผันตัวไปเป็นนักเขียนบทละครมือหนึ่งตามความใฝ่ฝัน พลันต้องกลายเป็นศิษย์คิดล้างครู เป็นนักเขียนที่ยังไม่ทันผุดเกิดก็โดนฝังกลบตายสนิทไปแล้วจากวงการนี้ เพียงเพราะผู้ชายคนเดียวที่เลวร้ายอย่างไ-อ้คุณ ผอ. แอนโทนี่ คิม

ชอบตอนโกอึนสาปส่ง ผอ.คิม ตอนนี้มากเลย แรง! ฝังใจแอนโทนี่!
แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่แอนโทนี่ได้ทำกับเธอ .. มันยังน้อยไป




ทว่าชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน

๓ ปีต่อมา กับชีวิตสุดตกอับที่ดับไปแล้วจากวงการของแอนโทนี่ เขาได้พบกับแสงรำไรที่อาจจะนำพาชีวิตให้พ้นไปจากความมืดมนได้อีกครั้ง มันคือแสงจาก "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" บทละครของอีโกอึนที่เขาเคยโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี กลายเป็นของล้ำค่าขึ้นมาทันที เมื่อยากูซ่าขาใหญ่จากแดนอทิตย์อุทัยอยากลงทุนทำละครสักเรื่องเป็นที่ระลึกของชีวิตชราก่อนวันตายจะคืบคลานมาถึง



แต่ของฟรีไม่มีในโลก แม้จะถูกใจกับบทละครมากเพียงใด การจะจ่ายเงินทุนออกไปย่อมต้องมีเงื่อนไขที่ไม่ง่ายจะเป็นไปได้ แต่ด้วยแอนโทนี่ คิม คือนักสู้ผู้เลือดเย็น นี่คืออนาคตของเขา นี่คือโอกาสเดียวที่จะใช้พลิกชีวิตของเขาขึ้นมาได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต่อสู้เพื่อฝันฝ่า ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรเขาจะยอมแลกไปเพื่อทุ่มเททำละครเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ และต้องไม่ใช่ความสำเร็จธรรมดา แต่ต้องเป็นความสำเร็จที่ส่งให้เขาได้ผงาดคืนสู่วงการละครอย่างสวยงามอีกครั้ง

The King of Dramas จึงเป็นเรื่องราวของเบื้องหลังการทำละคร "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" เรื่องนี้เอง




"เวิร์ลโปรดักชั่น" บริษัททำละครเล็กๆ ที่แอนโทนี่จัดตั้งขึ้นมา ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรที่ยักษ์ใหญ่อย่างเอ็มไพร์จะต้องเหลียวมอง แต่เพราะมันเป็นบริษัทของ "แอนโทนี่ คิม" จึงไม่สำคัญหรอกว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะมีมูลค่าพอให้เสียเวลาใส่ใจหรือไม่ เพราะถ้ามันเป็นของแอนโทนี่ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่ เอ็มไพร์จะต้องเหยียบย่ำมันให้จมดิน ขอแค่ให้ชื่อของเขาตายไปจากวงการนี้ จะทำอย่างไรก็ทำ ไม่จำเป็นต้องสนวิธีการ นั่นจึงเป็น "สงครามแห่งจักรวรรดิ" ดั่งชื่อตอนที่ ๑ ว่าไว้โดยแท้ และก็ชอบการตั้งชื่อตอนแต่ละตอน เพราะมันจุดความน่าสนใจขึ้นมาทุกครั้งที่เปิดซีรีย์เริ่มตอนใหม่



ตอนที่ ๑ สงครามแห่งจักรวรรดิ
ตอนที่ ๒ เมื่อราชาตกกระป๋อง
ตอนที่ ๓ เมื่อราชาคืนสู่บัลลังก์
ตอนที่ ๔ ยุทธพิชัยสงคราม
ตอนที่ ๕ การเอาคืนของผู้แพ้
ตอนที่ ๖ การแตกแยกต่อหน้าศัตรู
ตอนที่ ๗ นักสู้ทาส บนทางยางมะตอย
ตอนที่ ๘ เมื่อผู้ค้ำจุนไม่มา
ตอนที่ ๙ สงครามแห่งผาแดงเดือด
ตอนที่ ๑๐ คู่รักฟ้าประทาน
ตอนที่ ๑๑ เส้นทางชีวิต
ตอนที่ ๑๒ ไม่มีศัตรูใดที่อยู่ถาวร
ตอนที่ ๑๓ ชายในกองเพลิง
ตอนที่ ๑๔ ยามค่ำสู่รุ่งอรุณ
ตอนที่ ๑๕ เราต้องข้ามแม่น้ำรูบิคอนไปให้ได้
ตอนที่ ๑๖ ตามหาช่วงเวลาที่หายไป
ตอนที่ ๑๗ อย่ากลัวความมืด
ตอนที่ ๑๘ ตอนจบของราชา หรือว่า ราชาของตอนจบ




แรกๆ ก็ทำเอาท้อแท้ไปเหมือนกัน เพราะพระเอกนั้นทั้ง..แก่ และ ..ไม่หล่อ (ในสายตาเรา) มิหนำซ้ำนิสัยยังสุดเลว ร่ำๆ จะเลิกดูละ ถ้าไม่ทนพระเอกไปได้จนถึงตอนที่ เวิล์ดโปรดักชั่น กับ เอ็มไพร์ ทำสงครามแห่งจักรวรรดิกันอย่างเมามัน

อำนาจ อิทธิพล การข่มขู่ เส้นสาย เงินใต้โต๊ะ
แอนโทนี่ คิม พร้อมกระทำเองและพร้อมทั้งต่อสู้



กว่าจะได้มาซึ่งเวลาการออกอากาศจากทางสถานีโทรทัศน์ SBS ใช่ว่าแย่งกันได้แล้วมันจะจบ แต่ได้มาแล้วยิ่งต้องรักษาสิทธิให้ดีในช่วงเวลาที่มันอาจยังเปลี่ยนแปลงได้ก่อนสถานีจะจ่ายงบออกไปช่วยสร้างและเริ่มออกอากาศ แต่ของเขาไม่ถึงขนาดถอดกลางคันแบบ "เหนือเมฆ" หรอกนะ กำลังจะว่าละครมันเว่อร์อยู่เชียว นี่แหละที่เขาว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร



กว่าจะได้มาซึ่งพระเอกคนดังที่โก่งค่าตัวอย่างขูดรีด คังฮยอนมิน (ซอยซีวอน Super Junior ) ที่แม้จะได้ชื่อว่า งี่เง่า หลงตัวเอง ปัญญาอ่อน และขี้งก! ก็ใช่ว่าเงินอย่างเดียวจะซื้อฮยอนมินได้เพราะฝ่ายตรงข้ามก็มีเงินเหมือนกัน ไหนจะการคัดตัวนางเอก ซองมินอา ( โอจีอึน) ที่ก็ค่าตัวแพงลิบด้วยศักดิ์ศรีของนางเอกระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง อดีตความหลังของเธอกับแอนโทนี่ และสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงสาวเบอร์หนึ่งในสังกัดของ "ศัตรู"



ปัญหาการเมืองในสถานีโทรทัศน์ และประสบการณ์เคยร่วมงานที่ทำให้เกิดการบอยคอตต์จนแอนโทนี่ไม่สามารถหาผู้กำกับละครได้ เพราะไม่มีใครอยากร่วมงานกับเขา เหมือนอย่างนักเขียนคนหนึ่งเคยพูดไว้เมื่อครั้งแอนโทนี่เคยพยายามซื้อตัวให้มาร่วมงานด้วยกัน

"แปดล้านวอนแต่ทำงานเหมือนสุนัขรับใข้
ฉันขอรับแค่หกร้อยล้านวอนแล้วทำงานเหมือนนายกฯดีกว่า"




กว่าจะได้ผู้กำกับที่ก็เป็นหนึ่งใน "ตัวปัญหา" แต่ว่าฝีมือเก๋า กว่าความสัมพันธ์อดีตเคยแตกหักและปัจจุบันยังร้าวฉานของ ผอ.คิม กับนักเขียน อีโกอึน จะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย แล้วไหนจะปัญหาชะตาไม่ต้องกันของนักแสดง พระ-นาง ของอรุณรุ่งแห่งคยองซองที่เป็นปัญหาระหองระแหงส่อเค้าจะล่มตั้งแต่วันแรกของการซ้อมบทและการแถลงข่าว และก็ยังเป็นปัญหาตลอดมาในระหว่างการถ่ายทำด้วย เป็นการเอาชนะคะคานต่อกันอย่างฮาสุดๆ ชอบตอนที่ความอดทนของผู้กำกับถึงขีดสุด และเรียกทั้งสองคนมาด่าอย่างไม่มีไว้หน้ากันอีกต่อไป

"ตั้งแต่ที่ฉันกำกับละครมา ในบรรดานักแสดงที่ฉันเคยร่วมงานด้วย
พวกเธอสองคนน่ะ เป็นนักแสดงที่แย่ที่สุด"

"ค่าตัว 1% ไม่สิ สำหรับค่าตัว 0.1%ของพวกเธอ
นักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงและทีมงาน ตั้งใจทำงานโดยไม่บ่นสักคำ
พวกเธอไม่อายพวกเขาบ้างเลยหรือไง
ถ้าพวกเธอยังพอมียางอายกันอยู่บ้าง ก็กลับไปคิดอีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นนักแสดง ทำไมถึงต้องทำการแสดง
จะไม่มีการถ่ายทำ จนกว่าพวกเธอจะคิดได้!"





ผอ. นัมวูนยอง (Kwon Hae-Hyo) แห่งสถานีโทรทัศน์ SBS เขาได้ชื่อว่าเป็นคนรักความถูกต้องยุติธรรม และเกลียดคนเลวอย่างแอนโทนี่ที่สุด เป็นตัวละครที่ชอบมากค่ะ ตอนแกขึ้นรับตำแหน่ง ผอ.สถานีฯ แบบม้ามืด แม้รู้ว่าจะต้องกลายเป็นอุปสรรคของพระเอกชนิดที่เรียกว่ากระดูกชิ้นโต แต่ก็รู้สึกสะใจใช่ย่อย ตัวละครนี้เป็นแบบอย่างของการเป็นผู้บริหารที่ดี มีความรับผิดชอบ และมีจรรยาบรรณในการผลิตรายการโทรทัศน์ออกมาสู่สาธารณชน นักแสดงที่สะกดชื่อเป็นภาษาไทยไม่ถูกท่านนี้ เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงอาวุโสของเกาหลีที่ชอบมาก อย่างที่เล่นเป็นคุณหมอวิสัญญีใน Cain and Abel ก็ชอบบทนั้นมากเหมือนกัน




สิ่งต่างๆ ที่เห็นในเบื้องหลังของการทำละคร "อรุณรุ่งแห่งคยองซอง" ดูแล้วก็เชื่อว่าน่าจะมีความพ้องกับปัญหาเบื้องหลังการทำละครจริงๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ทำให้ดูสนุก เพราะบางอย่างก็ทำให้นึกถึงซีรีย์เรื่องนั้นเรื่องนี้ตามไปด้วย

- การขาดเงินทุน ไม่มีเงินลงทุนสร้าง ก็ไม่มีละคร

- ภาพในหัวของผู้กำกับ ที่ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงของงบประมาณ ชอบจริงๆ นะ กับประเด็นอลังการงานสร้างเพื่อฉาก ๕ นาที ของผู้กำกับคู ( Koo Young-Mok) ถ้าไม่ได้ภาพดั่งใจตามอารมณ์ ตรงจินตนการ ผู้กำกับก็มีนอยด์เอาเรื่อง

- ความขัดแย้งของนักเขียนบท กับผู้จัดละครที่ต้องคำนึงถึงการโปรโมทแบรนด์สินค้าลงไปในสินค้า นึกถึงที่ซีรีย์ Innocent Man โดนวิจารณ์เรื่องการพยายามโปรโมทโทรศัพท์มือถือมากเกินไป (เห็นด้วยกับข่าว เพราะคิดเหมือนกันว่า ดูจงใจเกินเหตุ)

- ปาปารัซซี่ ข่าวฉาว การวิพากษ์วิจารณ์ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของนักแสดงที่อาจมีผลต่อละคร จึงต้องมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงนักแสดงผู้รับบท นักแสดงเกาหลี กับข่าวเสียหาย กระแสของชาวเน็ต แม้ปัญหาเพียงเล็กน้อยไม่เจตนาในสายตาของเรา ก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นอาจหมดอนาคตได้ในบ้านเขา (กรณีนี้ทำให้นึกถึงข่าวเมาแล้วขับของนิชคุณ 2PM หนุ่มลูกครึ่งไทยของเราที่ไปเอาดีอยู่ที่เกาหลีด้วยนะ)



- การผลิตละครมีสาระเพื่อเด็ก เรตติ้งไม่สูง แต่มันมีประโยชน์ต่อสังคม ขณะเดียวกันในฐานะผู้บริหารช่อง เรตติ้งและค่าโฆษณาก็เป็นเรื่องสำคัญ การรักษาสมดุลเป็นเรื่องยาก แค่ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะฟาดกำไรมาก หรือเอาแค่พอตัวและยอมสละกำไรที่ควรจะได้ส่วนหนึ่งเพื่อคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคมบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องต่อสู้กับความเห็นของคณะผู้บริหารส่วนใหญ่ รับฟังบ้าง ยอมบ้าง เผด็จการบ้างคละเคล้ากันไป

- นักเขียนบทหน้าใหม่ บทละครของโกอึนอาจเป็นที่ต้องการของนายทุน แต่ในการเรียกความสนใจและเรตติ้ง คนส่วนใหญ่ย่อมเชื่อในนักเขียนมีประสบการณ์ ยิ่งมีชื่อเสียงดังด้วยยิ่งดี แม้จะอ้างว่าจ้างมาเป็นผู้ช่วย แต่ที่จริงก็คือการจะกลืนผลงานของนักเขียนหน้าใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน



- การฟ้องร้องเรื่องการคัดลอกผลงานมาจากนักเขียนอื่น

- อำนาจของนักแสดงคนดัง ที่สามารถเล่นตัว หรือเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและบทบาท การต่อสู้ของนักเขียนที่จะต้องรักษาบทละครของตัวเองเอาไว้ ซึ่งมันรวมถึงศักดิ์ศรีของการเป็นผู้เขียนบทละครด้วย

ตอนที่ซองมินอาอ่านบทแล้วขอให้โกอึนเปลี่ยนแปลงบท เพราะเธอคิดว่าในตอนแรกมันได้ปลดปล่อยใจความสำคัญของละครออกมามากเกินไป และบทของตัวละครที่เป็นนางเอกก็ออกมาช้าเกินไป มันไม่ดีกว่าหรือที่นางเอกก็ควรจะมีบทบาทออกมาเรียกความสนใจให้กับละครตั้งแต่ตอนแรกๆ



ทำให้นึกถึง เรื่อง Princess Ja Myung ขึ้นมาทันที เพราะมันใช่เลย คิดแบบนั้นตอนที่ดูตอนที่ ๑ ของเรื่อง มันปลดปล่อยใจความสำคัญออกมาในตอนที่ ๑ มากเกินไป ส่วนเรื่องนางเอก ก็คิดเหมือนกันนะ ถ้าเรื่องไหนนางเอกยังไม่ออกมาในตอนแรก มันเริ่มเซ็ง เหมือนกันกับละครที่เริ่มเรื่องตั้งแต่ตอนเด็ก แล้วถ้าพระเอกนางเอกยังเด็กกันอยู่นั่นนานไป ไม่พากันโตซะที จากที่รอลุ้นก็จะเริ่มเบื่อ ต้องรีบๆ ให้โต ส่วนเรื่องราวอะไรวัยเด็กที่ขาดตกบกพร่องก็ย้อนเอา สลับเอา เราคิดว่ามันดูน่าสนใจกว่า



ชอบในประเด็นนี้ที่มันได้ให้ความเป็นกลาง ทั้งในมุมของนักเขียนและในมุมของนักแสดงมืออาชีพที่มีประสบการณ์พอจะมองลึกเข้าไปในตัวละครที่พวกเขาต้องเล่น อย่างที่ตอนฮยอนมินต้องการให้เป็นเมโลดราม่า สิ่งที่เขาคิดเราว่าก็คิดถูกนะ เมโลดราม่าจะเป็นเครื่องมือแสดงความสามารถในการเร้าอารมณ์และโกยเรตติ้ง แต่ไม่รวมถึงการเรียกร้องให้เปลี่ยนบทอย่างไร้สาระอื่นๆ นะ ฮามากกับการขอเปลี่ยนฉากเปิดตัวพระเอกที่ฮยอนมินมีปัญหากับท้องทะเลน่ะ เห็นเป็นคนอย่างนั้นพระเอกฮยอนมินก็ใช่จะเลิกล้มความพยายามง่ายๆ ไม่ว่าเขาจะดื้อกับเรื่องอะไร "แบรด พิตต์" เท่านั้นที่เอาอยู่



โกอึนบอก ผอ.คิมว่า เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนบทแน่ แต่จะทำอย่างไรหากซองมินอาไม่ยอมแสดง แอนโทนี่บอกว่า ไม่หรอก ซองมินอาเป็นมืออาชีพ ที่สุดแล้วเธอจะแสดงมันแน่นอน และย้อนถามโกอึน

"คุณรู้มั้ย พวกมืออาชีพต่างจากพวกมือสมัครเล่นตรงไหน ?"

และนี่คำตอบที่เขาให้แก่เธอ

"พวกมือสมัครเล่นจะโทษโลกใบนี้ แต่พวกมืออาชีพจะย้อนมองตัวเอง"

ขีดเส้นใต้เลยนะคะ พวกมืออาชีพจะย้อนมองตัวเอง หลังจากนั้น สิ่งที่นักเขียนโกอึนคิดและลงมือทำ คงต้องยอมรับว่าพระเอกเนี่ย ไม่ว่าปัญหาไหน กับใคร เขาเป็นสาลิกาลิ้นทองจริงๆ

แต่ครั้งที่แอนโทนี่ พูดได้ประทับใจที่สุดคือพูดกับ ผอ.นัม เพราะในสถานการณ์นั้น กับคนดีๆ ที่ยอมแพ้แบบท่านผอ. มันไม่แทงใจดำให้รู้ไปสิ

"ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกผมว่า คนแบบผมสมควรหายไปจากวงการนี้
แต่สุดท้ายผมก็ยังอยู่ที่นี่และกลับกลายเป็นคุณที่ต้องเดินจากไป
ก่อนที่คุณจะไปจำใส่ใจไว้ด้วยนะครับ
สุดท้ายแล้ว โลกนี้ก็จะเหลือแต่คนเลวๆ ที่เต็มไปด้วยกลโกง"




- การถ่ายทำล่าช้าจนจำนวนตอนที่สต๊อกไว้อาจไม่เพียงพอต่อการออกอากาศ ทำให้นึกถึง Myungwal the spy ที่ต้องหยุดออกอากาศแล้วเอารายการอื่นมาคั่น ตามข่าวคือ การเรียกร้องขอให้เปลี่ยนแปลงบทของนางเอกสาว "ฮันเยซึล" (Han Ye Seul) รวมถึงการมาสายหลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อตารางงานในส่วนอื่นๆ ทำให้การถ่ายทำมีความล่าช้า และนางเอกสาวยังทิ้งการถ่ายทำแล้วเดินทางไปต่างประเทศด้วย นั่นคือในมุมที่ผู้ผลิตยื่นฟ้องแพ่งและอาญาแก่ฮันเยซึล แต่ในมุมของนักแสดงเธอยืนยันหลังยอมกลับมาถ่ายละครว่า เธอเชื่อว่าเธอทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากเธอไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเลย ความจริงเป็นอย่างไร ใครจะไปรู้ และเขายกฟ้องยอมความกันหรือเปล่าก็ไม่เห็นข่าวอีกเหมือนกัน



- การเพิ่มตอนของละคร มุมหนึ่งมันคือสิทธิ์ในการกอบโกยผลประโยชน์ด้านเรตติ้งที่จะส่งผลเป็นเม็ดเงินจากค่าโฆษณา ขณะที่อีกมุมหนึ่ง มันมีความน่าเป็นห่วงว่าคุณค่าของละครกำลังจะลดลง ตอนที่ในละครเรื่องนี้กำลังถกกันเรื่องการเพิ่มจำนวนตอนของอรุณรุ่งแห่งคยองซอง ตัวละคร The King of Dramas เอง ก็มีเพิ่มมา ๒ ตอน จากเดิมที่ดูเหมือนจะวางแผนไว้แค่ ๑๖ เป็นสองตอนที่ไม่ชอบเลย ทุกอย่างมันควรจะลงตัวพอดีแล้ว จะยืดเยื้ออีกทำไมเมื่อราวของละครเองมันก็ค่อยๆ ดรอปความเข้มข้นลงมาอยู่แล้วในครึ่งหลัง แล้วยืดแบบเพิ่มดราม่ามุขเดิมๆ ของละครเกาหลีด้วย ดูแล้วหงุดหงิด แต่ถือว่าดีนะที่จบไปตามดราม่านำทางซึ่งก็แฮปปี้ไปตามความเหมาะสม นึกว่าจะจบแบบมหัศจรรย์-อันตรธานแซดดราม่า แล้วสุขเว่อร์กันถ้วนหน้า ๑๐๐% ซะอีก



ละครเรื่องนี้มันมีอะไรอีกหลายๆ อย่างสะกิดใจที่ทำให้รู้สึกว่า เออ จริงนะ! อย่างตอนที่โกอึนไปได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนละคร และฉุกใจคิดเกี่ยวกับบทละครของเธอขึ้นมานั้น ก็ทำให้นึกถึงละครบางเรื่อง การที่ตัวละครตัดสินใจทำในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าปูพื้นมาดี จะทำให้เชื่อในตัวละครและเข้าใจการกระทำนั้นได้ แต่ถ้าไม่ ก็จะเกิดการเข้าใจผิด และกว่าจะเปิดเผยเจตนาแอบแฝงที่ล่าช้า คนดูก็ชักเกลียดตัวละครเข้าไปแล้ว อย่างตอนที่แม่ของโกอึนบ่นนางเอกเรื่องอรุณรุ่งแห่งคยองซองว่า ทำไมเธอเป็นแบบนั้นอีกแล้ว เมื่อโกอึนอธิบายให้แม่ฟังว่าเรื่องต่อไปจะเป็นอย่างไร แม่ของเธอบอกว่า "อ๋อ จะเป็นแบบนั้นเองหรอกเหรอ แม่ก็หลงด่าเธออยู่ตั้งนาน"



The king of dramas เอง ช่วงแรกก็เกลียดพระเอก แต่ไม่รู้ว่าผู้ชมท่านอื่นรู้สึกเหมือนเราหรือเปล่านะ ว่าเช็คที่แอนโทนี่สั่งจ่ายให้ครอบครัวของคนตายใบนั้น เขาทำเราอึ้งนะ มันทำให้รู้สึกยั้งความเกลียดเอาไว้ ยังไม่อยากฟันธงตัดสินพระเอกซะทีเดียว ต้องรอดูกันไปก่อน ดังนั้นแม้ต่อมาเขาจะยังเลวอีกเยอะ ก็ยังคงยั้งใจว่า เขาอาจจะมีมีพื้นเพบางอย่างมา เขาคงไม่เลวร้ายมาจากรากแก่นของจิตใจ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตามสไตล์ซีรีย์เกาหลี ตอนดู Cain and Abel อยู่คืนก่อนโน้น ก็ทำให้นึกถึงประเด็นนี้อยู่เหมือนกัน ความรู้สึกยอมรับและเสียสละของนางเอกที่ควรจะมีให้พระเอกด้วยความเข้าใจมันเกิดขึ้นช้าไปนิดนึง กว่านางเอกจะยอมบอกความจริงกับพระเอก มันก็รู้สึกไปแล้วว่าทำไมนางเอกเห็นแก่ตัวจัง แล้วนั่นมันก็เป็นเพราะเราไม่รู้สึกเชื่อไปด้วยว่าโดยความเป็นมาของนางเอกเธอจำเป็นต้องรั้งพระเอกไว้แบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่ผิดอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าทำแบบนั้นมันไม่เท่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังชอบ Cain and Abel อยู่ดี ไว้ดูจบแล้วจะมาเวิ่นเว้อ



นักเขียนอีโกอึน ตัดสินใจปรับเปลี่ยนการเขียนบทขึ้นมากระทันหัน เพราะเธอเห็นว่ามันจำเป็นที่คนดูต้องเข้าใจการกระทำของตัวละครมากกว่านี้ จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งค่ะ ที่ทำให้ดู The King Of Dramas แล้วรู้สึกสนุก เพราะมันได้คิดตามไปด้วยว่าเคยรู้สึกอย่างนั้น อย่างนี้กับฉากไหนในละครเรื่องใดบ้าง แถมยังได้ฮาเป็นระยะๆ

มันเป็นซีรีย์ที่เต็มไปด้วยปัญหาจริง ๆ ถ้าเราเป็นพระเอก คงถอดใจยอมแพ้แก่ชีวิตเฮงซวยแบบนั้นไปนานแล้ว แต่ว่าเขาคนนี้ไม่ยอมแพ้ เพราะเขาคือแอนโทนี่ คิม "นักสู้ทาส บนทางยางมะตอย" ไม่เข้าใจความหมายนักหรอก แต่น่าจะเป็นสำนวนเปรียบเทียบของคนเกาหลี เพราะเหมือนจะเคยได้ยินใครพูดประโยคนี้ในรายการวาไรตี้ด้วย



นักแสดง

คิมมยองมิน ( ๔๐ ปี ) : ได้ยินว่า เป็นนักแสดงสุดเก๋าของเกาหลีเค้าเลย ก็แสดงดีจริงๆ นะ ขอยอมรับ บทบาทและมาดเหมือนพระเอกนักธุรกิจหนังฮ่องกง แต่ถ้าว่ากันตามตรงคาแรคเตอร์ของ แอนโทนี่ คิม ก็ยังไม่สามารถลบภาพความแก่และไม่หล่อไปจากสายตาตัวเองได้ จึงไม่รู้สึกรักตัวละครตัวนี้ เหมือนอย่างที่รัก "ต๊กกูจิน" ที่รับบทโดยชาซึงวอน (๔๒ ปี) เรื่องนั้นมันลืมไปเลยว่าพระเอกแก่ หรือกรณีอย่าง ชาอินเพียว (๔๕ ปี) ที่เป็นนักแสดงรับเชิญในบท "ท่านพ่อ" ของพระเอกเรื่อง Gye Baek แค่ดูตอนแรกไปตอนเดียวก็นึกอยากให้ท่านพ่อมาเล่นเป็นพระเอกแทนท่านลูก ลีโซจิน (๓๙ ปี) ไปซะจริงๆ เลยเชียว เพราะท่านพ่อเท่มาก

ไม่เกลียด แอนโทนี่ คิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชอบ แค่เฉยๆ ว่าเป็นพระเอกแนวนี้นะ สาเหตุคงเป็นเพราะ ความเนี๊ยบแบบมาดไฮโซ ทรงผมตั้งกระบัง สูทลายสก๊อต และสร้อยข้อมือวิบวับของเขานั่นล่ะมัง



จองเรียววอน : ไม่ต้องพูดถึง อิอิ คนมันรัก ทำยังไงก็รัก

หากเอ่ยถึงพระ-นาง ก็ต้องประโยคเด็ดใจนี้

" ผมไม่อาจเชื่อใจใครๆ ในโลกใบนี้
บางครั้งผมก็ไม่เชื่อใจตัวเอง แต่ผมเชื่อใจคุณ"


ไม่หวานไม่แหววนัก แต่ก็เป็นความรักในละครที่พอดีๆ ไม่มากไปจนเลี่ยน และไม่น้อยไปจนจืด ชอบให้มีแบบกลางๆ ประมาณนี้

ซีวอน : ที่สุดอ่ะค่ะ ผช. คนนี้ ฮามาก ช่วงแรกๆ ที่ "คิมฮยอนมิน" มีบทบาทออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเค้าแสดงฝืด หรือตัวเราเองที่รู้สึกว่ามันฝืน เพราะหน้าตาและภาพลักษณ์"คุณชาย" ของซีวอน ดูจะไม่เข้าก้นเลยกับคาแรคเตอร์ฮยอนมิน แต่เล่นไปเล่นมา ฮาฮ่าฮ่า ซีวอนนั่นคือตัวของคุณเองใช่มั้ย เพราะถ้าใครเคยดูซีวอนออกรายการวาไรตี้ เขาก็ดูเป็นคนกระตือรือร้น บ้าพลัง อยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะพยายามนิ่งรักษามาดคุณชายอยู่ไม่น้อย แต่ที่บรรดาเพื่อนๆ วง Super Junior จะเผลอหรือตั้งใจเผาซีวอนก็แล้วแต่ มันน่าเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนที่ตลกมากแน่ๆ แถมยังคิดอีกด้วยว่าคาแรคเตอร์ของคิมฮยอนมิน ก็ดูคล้ายคลึงกับซีวอนตอนที่มาออกรายการ Running Man



โอจีอึน : นางเอกของอรุณรุ่งแห่งคยองซอง เป็นคนรักเก่าของ ผอ.แอนโทนี่ คิม นักแสดงคนนี้หน้าสวย ขาวมาก ซองมินอากรีดตามาแต่ละฉาก แต่งตัวมาแต่ละชุดล้วนสวยงาม ถึงจะไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แต่บทนี้เหมาะกับเธอนะ เป็นคู่จิกกัดกับคิมฮยอนมิน แบบว่า ดุเด็ด เผ็ดมันส์ น่ารักและฮาดี





ถ้าไม่มี คิมฮยอนมิน กับ ซองมินอา นึกไม่ออกเลยว่า บรรยากาศของซีรีย์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพราะช่วงแรกที่ยังไม่มีบทของคิมฮยอนมิน ยังคิดอยู่เลยว่าที่จัด The king of dramas เป็นประเภท "คอมเมดี้ " มันคือตรงไหนเหรอที่คอมเมดี้ หลังจากการคัดตัวพระเอกอรุณรุ่งแห่งคยองซอง จึงถึงบางอ้อ มันคอมเมดี้จริงๆ นะเอย พ่อประคุณมีบทออกมาทีไร อะไรที่ลุ้นที่ตึงเครียดอยู่ สลายสิ้น บางทีเขาก็เหมือนจะมีความจริงจังให้เห็นเป็นบางครั้ง แต่อย่าพยายามตั้งความหวัง เพราะเขาจะทำให้หงายเงิบกับการหักมุม ขำดีจริงๆ ภาพพจน์เท่ๆ อย่างในซีรีย์ Poseidon กับ Athena: Goddess of War จะเหลือมั้ยเนี่ย แต่โดยหน้าตาของซีวอน ถ้าแค่นิ่งไปนิดเดียวก็จะเข้าสู่โหมดที่ดูเป็น "พระเอก" ไปทันที ความฮาจึงต้องค่อนข้างใช้แอคติ้งบนใบหน้า ถือว่าละครก็แคสติ้งนักแสดงมาดีนะคะ ไม่ใช่ว่าเป็นบทรองแล้วจะคัดใครมากิ๊กก๊อก แต่เอาระดับพระเอกไอดอลจริงๆ มาเล่นเป็นพระเอกคนดัง

แล้วก็ชอบใจจริงๆ เล้ย ที่เอานักแสดงญี่ปุ่น "ฟูจิอิ มินะ" มาเล่นเป็นภรรยาสาวแสนสวยของหัวหน้าแก๊งยากูซ่า นายทุนญี่ปุ่นผู้เริ่มต้นลงขันให้แอนโทนี่ คิม มีโอกาสกลับมาทำละครอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน





"ความยุติธรรมที่ไร้ซึ่งอำนาจเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์
แต่อำนาจที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมก็เป็นเพียงความรุนแรง"

จะว่าไป ซีรีย์เรื่องนี้มีคำพูดดีๆ น่าคิด อยู่เยอะเหมือนกัน ถือว่ามีสาระและให้ข้อคิดได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะออกมาจากปากของพระเอก แอนโทนี่ คิม ที่แก่ประสบการณ์ชีวิตนักสู้ และกร้านต่อโลกที่ปะปนไปด้วยคนเลวและความอยุติธรรม โลกที่คนดีๆ จะไม่มีที่อยู่ แต่การได้พบกับอีโกอึน และการทำละคร อรุณรุ่งแห่งคยองซองครั้งนี้ ทำให้แอนโทนี่ได้พบว่า ความยิ่งใหญ่และความสุขที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร





























แหล่งภาพและข้อมูล Asianwiki / Dramawiki / //www.series8-fc.com/ (ดูซีรีย์ออนไลน์)




 

Create Date : 19 มกราคม 2556    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:52 น.
Counter : 16772 Pageviews.  

I'm sorry , I love you "แม่ครับ อย่าร้องไห้ เก็บน้ำตาเอาไว้ เก็บไว้ร้องให้สาแก่ใจ ตอนที่........."



Broadcast network : KBS2 Year 2004 Episodes: 16
Viewership ratings: 20.3 (Seoul) / 20.1 (Korea)


(สปอล์ยนะคะ)
.................................



"ขอโทษครับ ผมรักคุณ"

นี่คือประโยคไฮไลท์ของเรื่องนี้

แต่ส่วนตัวแล้ว แทงใจที่สุดมันกลับเป็นประโยคสะเทือนใจนี้ต่างหาก

"แม่ครับ อย่าร้องไห้ เก็บน้ำตาเอาไว้
เก็บไว้ร้องให้สาแก่ใจ ..ตอนที่ผมตาย"




เข้าใจแล้ว กิตติศัพท์ความเศร้าอันเล่าลือที่ได้เคยยินชื่อเสียงมานานเกี่ยวกับ I'm sorry I love you

เข้าใจแล้ว ทำไม I'm sorry I love you จึงเป็นชื่อเสียงของนักเขียนบท Lee Kyung Hee ที่ใช้เป็นจุดขายได้อย่างหนึ่งสำหรับซีรีย์เรื่องอื่นๆ ที่เธอเขียนบท

และเข้าใจแล้ว ทำไมเมื่อเอ่ยถึงนักแสดงคนนี้จึงต้องมีคำต่อท้ายชื่อ "โซจีซบ" "จาก I'm sorry I love you"

ตอนนี้ ...เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งดีแล้วเอย



ไม่ว่าจะเคยดูซีรีย์เศร้าโศกเรื่องไหน รันทดสักปานใดมา ไม่ว่าจะเคยยกเรื่องขมขื่นใดขึ้นหิ้งบูชา เมื่อได้เจอกับ I'm sorry I love you เรื่องเหล่านั้นโดนเขี่ยตกหิ้ง...ระเนระนาด

แต่นี่หมายถึงแค่ความรู้สึกเศร้าไปกับตัวละครนะ เพราะหากจะมองในแง่เนื้อหาสาระด้วยแล้วคงไม่ง่ายจะชนะเรื่องอื่นนัก เฉพาะถ้าเทียบกันเองกับผลงานเขียนบทของนักเขียนคนเดียวกัน การหักมุมแบบกระชากใจก็ยังเป็นของ Sangdoo, Let's Go to School ส่วนความประทับใจก็ยังเป็น Thank you เรื่องของเด็กหญิงลีบอมที่ติดเชื้อเอดส์ กับผู้พิทักษ์นางฟ้าหมายเลขหนึ่ง คุณหมอมินกีซอ เพราะโดยสาระของเรื่องนี้ ค่าของคำ "ขอบคุณ" มันรู้สึกให้ความหวังมีกำลังใจ



ในบรรดาความรันทดของซีรีย์เกาหลี I'm sorry ไม่ได้ถือว่าเป็นที่สุดของเรื่องราวความอาภัพอับวาสนา ไม่ได้เป็นสุดยอดของความน่าสงสารที่ต้องพบพานกับชะตากรรมโศกสลด มีซีรีย์เกาหลีมากมายที่สุดแสนโศกาน้ำตาไหลพราก แต่ซีรีย์เรื่องนี้มันมีความลงตัวเป็นอย่างดีของ

นักเขียนบทดี "Lee Kyeong-Hee"
นักกำกับยอด "Hyeong-min Lee, Kim Jong-Sik"
นักแสดงเยี่ยม "โซจีซบ"



ก่อเกิดเรื่องราวเป็นอารมณ์เหล่านี้ที่ทำให้อินกับความเศร้าเป็นพิเศษ

ความเสียใจ : แอนดี้ แอนเดอร์ซั่น หรือ ชามูฮยอก กุ๊ยเร่ร่อนหากินในทางมิจฉาชีพที่เติบโตขึ้นมาตามข้างถนนของประเทศออสเตรเลีย เขามีแฟนสาวชาวเกาหลีที่เคยใช้ชีวิตด้วยกัน เคยสัญญาจะพากันกลับมาแผ่นดินแม่และหาลู่ทางเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ใฝ่ฝันว่ามันจะต้องเป็นชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่แล้วเธอกลับหักหลังมูฮยอก ด้วยการแต่งงานกับมาเฟียฝรั่งเพราะเหตุผลข้อเดียวนั่นคือเพื่อเงิน



น่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้ "จิยอง" กับการกระทำเช่นนั้น กลับไม่ทำให้รู้สึกเกลียดเธอเลย เธอเลือกปากท้องให้อยู่เหนือความรักและมันดูเหมือนกับว่าที่เธอเลือกทำเช่นนั้นได้ เพราะเธอรู้ว่าในที่สุดแล้วมูฮยอกจะเข้าใจเธอดี

ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น เพื่อปกป้องจิยอง มูฮยอกจึงถูกยิงเข้าที่หัวสองนัด กระสุนปืนหนึ่งลูกถูกผ่าออก แต่อีกลูกฝังอยู่ในส่วนที่อันตรายที่สุด หากแตะต้องก็คือตาย แพทย์จึงไม่สามารถเอากระสุนปืนออกไปได้ เหตุผลเดียวที่มูฮยอกยังรอดชีวิตนั่นก็คือ ปาฏิหารย์



น่าแปลกจริงๆ ที่ซีรีย์เรื่องนี้ยืนยันแต่แรกว่าพระเอกตายแน่นอน แต่มันกลับเป็นตอนแรกที่ตอกติดใจ คิดจะปลงตกกับความเศร้าของมันแล้วเลิกดูกลางคันก็ไม่เกิดขึ้นอย่างที่คาดไว้ สำหรับคนที่ไม่เคยทราบตอนจบของเรื่องนี้มาก่อน อาจจะแอบมีความหวัง หากกระสุนลูกนั้นจะมีวิธีนำมันออกไปได้ในภายหลัง แต่คนเขียนบทก็ไม่ยอมปล่อยให้ใครแอบหวังอยู่นาน เพราะตอนกลางๆ เรื่อง แพทย์ก็ยังย้ำหนักแน่น ปาฏิหารย์อีกครั้งจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องขออภัยด้วยที่ไม่อาจจะฝืนเขียนบล็อกนี้โดยหลีกเลี่ยงคำว่า "ตาย" แม้จะทบทวนอยู่สักสิบรอบแล้วก็ตาม (ในที่สุดจิตวิญญาณของมารสปอยล์ก็ชนะจิตสำนึกนางฟ้า..เช่นเคย)



ความเศร้าโศก จิยอง ช่วยเหลือจิฮยอกให้ได้กลับมาประเทศเกาหลีเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่สั้นๆ อย่างสุขสบายในแผ่นดินเกิด การที่มูฮยอกเป็นเด็กถูกทิ้งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถูกชาวออสเตรเลียรับไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และกลายเป็นที่รังเกียจของครอบครัวเมื่อเขาเริ่มโตขึ้น มูฮยอกจึงหนีออกจากบ้านของพ่อแม่อุปถัมถ์มาเป็นเด็กเร่ร่อนเติบโตเป็นกุ๊ยข้างถนนตั้งแต่ตอนอายุ ๑๐ ขวบ การถูกทิ้งเป็นเรื่องเดียวที่เขาจดจำฝังใจ เป็นบาดแผลลึกที่ยากกจะเยียวยา ซึ่งมูฮยอกได้พยายามปลอบใจตัวเองเสมอว่า ที่เขาถูกทอดทิ้งเพราะครอบครัวคงมีฐานะยากจน



แต่เมื่อกลับมาเกาหลีและมีโอกาสได้รู้ว่าใครคือแม่ ที่เคยวาดฝันไว้สักวันหนึ่งเขาจะกลับมาประเทศนี้เพื่อตามหาเธอ แม่ที่ลำบากยากจน กระทั่งจำเป็นต้องทิ้งลูกตัวเอง เขาจะตามหาเธอให้พบ จะหาเงินเลี้ยงดูให้อิ่มท้อง จะซื้อบ้านหลังโตๆ ให้อยู่อาศัย จะเลี้ยงดูให้สุขสบายในบั้นปลายของชีวิต

แต่ทุกอย่างที่เขาเห็น ทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเป็น "โอดอลฮี"
ไม่มีอะไรเลยจะใกล้เคียงในสิ่งที่มูฮยอกเคยคิดฝันเอาไว้



ซ้ำร้าย บาดแผลของมูฮยอกยิ่งลุกลามสาหัส เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ถูกทิ้ง แต่ยังมีน้องสาวฝาแฝดอีกคน เพราะร่ำร้องหาแม่เธอจึงประสบอุบัติเหตุตอน ๕ ขวบส่งผลให้สมองหยุดการเจริญเติบโต กลายเป็นคนปัญญาอ่อน ร่างโตเป็นสาวหน้าตาดีแต่มีสมองเป็นเพียงเด็กเล็กๆ เธอจึงเป็นเหยื่อของการถูกรังแก และไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกชายวัย ๙ ขวบ สองแม่ลูกอาศัยอยู่กับชายชราผู้หนึ่งที่ไม่มีใครรู้ความเป็นมา แต่เรียกเขากันว่า "คุณปู่"



เธอเป็นเพียงหญิงสาวปัญญาอ่อนที่ต้องคอยพึ่งพาลูกชายของตัวเอง "คัลชิ" ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าโรงเรียนเพราะต้องคอยดูแลแม่และขายคิมบับหาเลี้ยงชีพ ความเจ็บปวด ความแค้นใดที่ "ยุนซอคยอง" น้องสาวฝาแฝดของเขาไม่มีสมองจะจดจำรับรู้ กลายเป็นอีกบาดแผลที่ถูกกรีดลงกลางใจของมูฮยอก ให้แบกรับความเจ็บแค้นเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว



โอดอลฮี (Lee Hye-Young) เป็นนักแสดงอาวุโสที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต เธอมีลูกชายสุดรักสุดโอ๋ เป็นนักร้องดังชื่อ "ชอยยุน" (จองคยองโฮ) แม้ชอยยุนนั้นจะโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่โอดอลฮีก็ยังปฏิบัติต่อเขาดั่งแก้วตาดวงใจ เป็นลูกแหง่ติดแม่ที่เธอคอยรักคอยเอาใจใส่ไม่ห่าง ภาพความรัก ความสนิทสนมของสองแม่ลูก เป็นที่รู้เห็นกันจนชินตาตามสื่อต่างๆ ของวงการบันเทิง จึงย่อมหนีไม่พ้นการรับรู้ของมูฮยอกด้วย



ความแค้น สองแม่ลูกผูกพันคู่นั้น จะสุขสมอารมณ์อบอุ่นกันเกินไปมั้ย ? แม่เป็นนักแสดง ลูกเป็นศิลปิน มีชื่อเสียง ร่ำรวยเงินทอง ใครไม่โง่ก็ดูออกว่าชีวิตไม่เคยต้องทุกข์ยาก และคงไม่เคยต้องเสียใจกับอะไร ดังนั้น มูฮยอกจึงมุ่งมั่นจะสั่งสอนประสบการณ์การชีวิตในด้านใหม่ให้แม่ของเขาเอง และเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะแก้แค้นแม่ของเขา จะเป็นใครอื่นไปได้ถ้าไม่ใช่ดวงใจของแม่อย่างชอยยุน

เขาจึงหาทางตีซี้กับน้องชายคนดังจนสบโอกาสไปเป็นผู้จัดการส่วนตัว



ความรัก "ซองอึนแช" (อิมซูจอง Lim Soo-Jung) ยัยโง่ สติบ๊องส์ ที่มูฮยอกเคยช่วยเหลือไว้เมื่อครั้งเธอเป็นนกน้อยปีกหัก เดินเซซังอยู่ตามถนนในออสเตรเลีย เพราะถูกมิจฉาชีพหลอกชิงทรัพย์ไปหมด ไม่มีเงิน ไม่มีเอกสารอะไรติดตัว แถมยังมาเจอมูฮยอกที่หลอกยัยเด็กหน้าอ่อนไปขายบาร์ แต่มูฮยอกก็เปลี่ยนใจที่จะช่วยอึนแชเอาไว้ จนเธอสามารถเดินทางกลับมายังเกาหลีได้




ซองอึนแช เป็นเด็กในบ้านของชอยยุน เธอเกิดและเติบโตมาพร้อมกับเขาในบ้านหลังเดียวกัน เพราะแม่ของเธอเป็นแม่บ้าน พ่อเป็นผู้จัดการส่วนตัวของโอดอลฮีมาตั้งแต่เมื่อครั้งเธอยังเป็นดาวรุ่ง และอึนแชก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของชอยยุนด้วย อึนแชหลงรักชอยยุนมาตั้งแต่เด็ก จนอายุปาเข้าไป ๒๕ ปี เธอก็มีแต่ชอยยุนเท่านั้น แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เคยรับรู้ แม้อึนแชเป็นคนใกล้ตัวที่สนิทที่สุดในชีวิต เป็นสิ่งเสพติดที่ชอยยุนจะขาดไปไม่ได้ เพราะเธอเป็นของรักของหวงที่ต้องมีไว้ใกล้ชิดคอยดูแลเอาใจใส่ต่อตัวเขา แต่ถึงเป็นอย่างนั้น อึนแชก็ไม่ใช่คนรักของชอยยุน



เพราะคนที่ชอยยุนรักคือ นักแสดงสาวคนดัง "คังมินโจ"

เธอเป็นเพื่อนสนิทที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมากับอึนแช มินโจมีพื้นฐานมาจากครอบครัวแตกแยก เธอจึงไม่เชื่อในความรัก และมีนิสัยเป็นคนเจ้าชู้

สิ่งที่มูฮยอกมองเห็น จากสองหญิงหนึ่งชายเหล่านี้คือ

ความเจ็บปวดของยัยโง่อึนแช ที่หลงรักชอยยุนอยู่เพียงข้างเดียว
ความรักใคร่หลงใหลที่ชอยยุนมีต่อ คังมินโจ อย่างบ้าคลั่ง
และคังมินโจผู้หญิงเจ้าชู้ที่ง่ายจะรักและโลเลเปลี่ยนใจ

และเมื่อไหร่ที่เธอเปลี่ยน ลูกแหง่อ่อนแออย่างชอยยุน มีหรือจะทนเจ็บกับอาการหัวใจสลายได้ มูฮยอกจึงวางแผนแย่งชิงคังมินโจมาจากน้องชาย



แต่ขณะเดียวกัน ซองอึนแชที่แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน เธอก็ยังอดทน และไม่เคยคิดร้ายต่อใคร ยัยโง่คนนั้น เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา และอ่อนโยนต่อผู้คนรอบข้าง ความรักที่เธอมีต่อชอยยุน และความปรารถนาดีที่เธอมีเผื่อแผ่มายังคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างเขา แม้ในระยะแรกเธอจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับเขาที่มีนิสัยก้าวร้าวหยาบคายเท่าไรนัก แต่ทุกสิ่งที่เป็นเธอก็มากพอจะทำให้มูฮยอกได้รู้จักกับคำว่ารักอีกครั้ง



การให้อภัย ความรัก เป็นของคู่กันกับการให้อภัย แต่ถ้ารักคนหนึ่ง และแค้นอีกคนหนึ่ง มันก็ยากจะไปด้วยกันได้ ทว่ารักของอึนแช ก็ทำให้มูฮยอกอยากโยนอดีตทิ้งไป ลืมการแก้แค้น ลืมให้สิ้นทุกอย่าง ขอแค่มีเธออยู่กับเขาในช่วงเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ เขาจะต้องการเพียงเท่านั้น แต่ชอยยุนก็เพิ่งรู้ตัวแล้วว่า เหตุใดเขาจึงขาดอึนแชไม่ได้ ไม่ว่าจะก่อนหน้านั้นจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดทั้งใจที่เขามีอึนแช มันคือ ความรัก



แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังช้าเกินไป เพราะอึนแชได้เปลี่ยนใจไปแล้วจากรักครั้งเก่าที่มีแต่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดและอ้างว้าง เธอได้พบแล้วกับความอบอุ่นจากรักครั้งใหม่ที่มูฮยอกมีให้กับเธอ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายโดดเดี่ยวและเธอสัมผัสถึงความเหงาที่กัดกร่อนอยู่ในจิตใจของเขา เธอเชื่อว่ามูฮยอกจำเป็นต้องมีเธอ เขากลายเป็นคนที่เธออยากจะจับมือเอาไว้และอยู่เคียงข้าง แต่เธอจะทำอย่างไร เมื่อชอยชุน คนที่เธอเคยรักมาตลอด ๒๕ ปี กำลังต้องการเธอในช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของชีวิต ช่วงเวลาของความเป็นความตายที่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบ โดยที่อึนแชไม่เคยมีโอกาสรู้เลยว่าผู้ชายอีกคนที่เธอรัก ทุกลมหายใจของเขาแขวนอยู่กับความตายที่รอแค่วันขาดห้วง อีกทั้งความโกรธ ความเข้าใจผิด ก็ทำให้เธอกลายเป็นอีกคนที่ทำร้ายมูฮยอกให้เจ็บปวด



มันมีเรื่องหักมุมที่ก็เฉลยไม่ยาก ความจริงก็พอจะเดาได้ง่ายโดยไม่ต้องลุ้นมาก แต่ว่ามันก็ยังรู้จึกเจ็บ มีเรื่องไม่คาดคิด มีจุดสะเทือนใจ เทียบกับละครเศร้าน่าจดจำเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ถึงขั้นจะนับว่าเหนือกว่าได้เต็มปาก จะว่าไปพลอตมันก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ความรักกับอึนแช และความแค้นที่มีต่อแม่ของตัวเองเท่านั้น แต่ม้นมีความพิเศษที่เรียกว่า "ความอิน" คงไม่อาจจะอธิบายได้ชัดเจนนักว่าทำไมต้องอินไปกับตัวละครขนาดนั้น มันเหมือนมีใจไปรู้สึกร่วมกันกับเขาตลอดเวลา ก็ขอวิเคราะห์ดังนี้ว่า

เขาไม่ทำตัวเป็นคนน่าสงสาร แต่กลับดูน่าสงสารขนาดหนัก
เขาตัวสูงใหญ่และไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ไม่รู้ทำไมถึงดูเปราะบางนัก
เขายิ่งแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเท่าใด ก็ยิ่งดูว่ากำลังปวดร้าวแสนสาหัส
เขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่กลับทำให้รู้สึกเข้าใจไปถึงไหนๆ
และเขาเป็นคนใกล้ตายที่สุด แต่กลับไม่เคยเรียกร้องความเห็นใจจากใคร




ไหงมันเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ รู้สึกปวดใจกับความเป็นชามูฮยอก จนยากที่จะถอนอารมณ์ออกมาด้วยการดูแค่ทีละตอนสองตอนได้ ขอเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า มันเหมือนเราหลงอยู่ในอุโมงที่อับทึบหายใจอึดอัด พยายามดิ้นรนหาทางออกอย่างมีความหวัง ได้เห็นแสงรำไรที่จะระเบิดเปิดทางออกไป ใครจะบาดเจ็บล้มตายได้กี่แผลก็ช่างมัน ขอแค่เราได้ออกไปสูดอากาศเต็มๆ สักเฮือกใหญ่ให้เต็มปอด แต่แล้ว ซีรีย์เรื่องนี้มันก็จบเหมือนว่า พอเราไปถึงทางออก แทนที่จะได้ทะลุพรวดออกไป กลับมีใครยกภูเขามาปิดปากอุโมงค์ ทำเราหายใจไม่ออกตายดื้อๆ ซะงั้น

จริงๆ แล้วถ้าโซจีซบไม่เล่นเป็นมูฮยอกได้ดีขนาดนั้น โดยเนื้อเรื่องเศร้าอย่างเดียว อาจจะไม่ทำให้อินจัดกับความเศร้าแต่ต้นจนจบขนาดนี้ แถมยังเป็นความเศร้าที่เสพแล้วติดหนึบอีกต่างหาก T-T



การลืมทุกอย่างมักเป็นการเปิดโอกาสสำหรับการเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับตัวละครมูฮยอก เขาไม่มีโอกาสนั้น เขาเพียงแค่ต้องการจะตายไปอย่างสงบเท่านั้น แต่ก็อีกนั่นแหละ สถานการณ์มันช่างไม่เกื้อกูลต่อการปล่อยวาง แล้วให้อภัย ตรงกันข้าม มันกลับกรีดซ้ำๆ ลงกลางใจ ที่สุดจะย้ำรอยแผลลึก ความเจ็บแค้นขมขื่นที่ต้องขอยกประโยคนี้ขึ้นมาอีกครั้ง (55 ยังคงติดใจอยู่)

"แม่ครับ อย่าร้องไห้ เก็บน้ำตาเอาไว้
เก็บไว้ร้องให้สาแก่ใจ ..ตอนที่ผมตาย"




แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรกัน กับความรัก การปกป้อง ความแค้น และการให้อภัยที่ยากจะหาทางออก มันคือความสมเหตุสมผลที่ไม่ควรมีใครต้องได้รับบาดแผลเพิ่มแม้แต่คนเดียว หรือที่จริงมันก็แค่การยอมรับความอยุติธรรมของโลกใบนี้ ที่มูฮยอกจะต้องรับผลของมันทั้งหมดแต่เกิดจนตาย ..ไปคนเดียว แล้วทางไหนมันจะโหดร้ายกว่ากัน

ไม่ใช่โม้นะ มันรู้สึกหายใจไม่เต็มท้องเลยจริงๆ ตอนที่ดูตอนสุดท้ายของซีรีย์เรื่องนี้น่ะ ยิ่งตอนที่มูฮยอกคุกเข่าลงกราบพื้นดินฉากนั้นนะ ดูแล้วอยากจะลงแดงเพราะแน่ใจแล้วว่ามันจะเป็นไปอย่างไร ซึ่งเป็นหนทางที่ไม่สมหวังดั่งใจจริงๆ พับผ่าสิ



แล้วมันก็จบแบบเลวร้ายต่อความรู้สึกที่สุด
แต่ใจตัวเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือการจบที่ดีที่สุด

.......

ตอนจบของพระเอก ในตอนแรกที่คิดว่าจบแล้วแค่นี้
มันเป็นการจบที่ดีที่สุดหากจะว่ากันด้วยเหตุและผล

แต่มันเป็นการจบแบบทำให้บาดเจ็บทางอารมณ์
(ต้องขอใช้คำเว่อร์ ๆ อย่างนี้กันเลยทีเดียว)

แต่ตอนจบของนางเอก ที่เป็นตอนจบจริงๆ ของเรื่อง
แม้ในแง่ของเหตุผล มันไม่สมควร ไม่ถูกต้องเอาซะเลย
ทว่ามันทำให้อาการบาดเจ็บทางอารมณ์ที่ว่านั้นได้รับการเยียวยา

เพราะอย่างน้อยใจที่หายไป เธอก็กอบกู้มันคืนมาได้ครึ่งหนึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้น



ชอบตอนที่ ๑ ของเรื่องมากที่สุด ถือเป็นตอนสำคัญเลยล่ะที่ทำให้ติดใจเรื่องนี้เป็นพิเศษทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องเศร้า ติดไม่ติดก็ดูซ้ำไป ๔ รอบ ซึ่งก็บอกไม่ถูกหรอกนะว่าชอบอะไรนักหนา คาแรคเตอร์พระเอกที่ให้ความรู้สึกขมขื่นอย่างน่าปวดใจ ส่วนนางเอกก็อกหักช้ำรัก ดูเคว้งคว้างอย่างน่าสงสาร ในเรื่องเธออายุ ๒๕ แต่รูปร่างหน้าตาอย่างกะเด็กสาวอายุ ๑๘ หน้าซื่อๆ ตัวเล็กๆ บางๆ อย่างนี้ล่ะมัง ที่ทำให้พระเอกตัดใจขายยัยเด็กน้อยทิ้งไปไม่ลง



ชอบฉากในค่ำคืนที่ออสเตรเลียเป็นพิเศษ ตั้งแต่ตอนที่อึนแชเดินตามมูฮยอกต้อยๆ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเธอเลย อันที่จริงดูเขาจะไม่แยแสกับทุกสิ่งรอบตัวนั่นแหละ เพราะเธอไม่มีที่จะไป ไม่มีใครที่ไหนจะให้พึ่ง การที่เขาช่วยเธอไว้ อาจสร้างความไว้ใจเล็กๆ ที่ทำให้เธอเกาะติดเขาแบบรักษาระยะห่างตั้งแต่หัววันยันค่ำมืด เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าเป็นคนเกาหลี คนที่เหลือบตาขึ้นมองเธออย่างไม่เป็นมิตร เมื่อได้ยินคำถามว่า "คุณไม่มีบ้านหรือ?" คนที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นว่างเปล่าไม่ต่างอะไรกับคนจรจัด และอึนแชก็ยากจะทำใจได้จึงยอมผละจากเขาไป แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นต้องวิ่งกลับมา แล้วยอมขดตัวลงนอนข้างๆ อย่างหวาดผวา ตอนที่มูฮยอกกอดอึนแช ในบรรดาฉากของพระเอกนางเอกทั้งหมดทั้งเรื่อง ชอบฉากนี้ที่สุด มันไม่ได้นำมาซึ่งความโรแมนติกในทางชู้สาว แต่มันแสดงถึงความเมตตาปราณีที่มูฮยอกมีให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่น่าเวทนาคนหนึ่ง กับคำพูดที่ฟังไม่เหมือนคำปลอบโยนสักเท่าไรแต่มันทำให้เธอสงบลง

"หลับซะ ถ้ายังไม่อยากตาย"



เหมือนกันเลยนะ ต่อมาที่เกาหลี ฉากที่อึนแชกอดมูฮยอกครั้งแรก มันก็ให้ความรู้สึกในทางเมตตาปราณีในลักษณะนี้เหมือนกัน มันยังไม่ใช่ความรัก แต่มันคือการได้มีใครคนหนึ่งในยามที่กำลังเคว้งคว้างและต้องการใครสักคนมากที่สุด

นางเอกอิมซูจอง ไม่ใช่คนสวยมาก แต่น่ารักดี พระเอกโซจีซบตอนมีหนวดหัวฟูอยู่ออสเตรเลียเค้าหล่อในทางนั้นมาก พอกลับมาเกาหลีดูจืดลงไปนิด แต่ก็ยังหล่อแบบพระเอกเกาหลีหล่อๆ ทั่วไป (ซึ่งหล่อไม่น้อย) และสองคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดต่อสายตาเป็นพิเศษ คือดวงตาของเขา กับริมฝีปากของเธอ สายตาของโซจีซบมันได้อารมณ์จริงๆ ส่วนริมฝีปากของอิมซูจอง งอนหยักแปลกตาดูน่าจุ๊บ (นี่เป็นความเห็นของผู้หญิงด้วยกันนะ 55)



จองคยองโฮ รับบทชอยยุน เรื่องนี้เพิ่งเป็นผลงานละครเรื่องที่สองหลังเข้าวงการ ยังดูเด็กๆ อยู่เลย นิสัยในเรื่องก็ลูกแหง่และเป็นหนุ่มขี้งอนเอาแต่ใจด้วย แต่ตอนนี้เขาเป็นพระเอกเกาหลีที่ชอบมากคนหนึ่ง (Smile you , Princess Jamyung Go) แต่เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่า รุ่นพี่โซจีซบเขาแรงจริง ใครก็ไม่อาจจะโขมยซีนไปจากเขาได้



อยากจะขอบคุณใครคนหนึ่งที่ส่งข้อความหลังไมค์มาช่วงที่เขียนบล็อก Princess Jamyung Go และแนะนำให้ดูซีรีย์เรื่องนี้ พร้อมกับบอกว่าจะรออ่านบล็อก ซึ่งในตอนนั้นได้ตอบไปว่า อย่ารอเลย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดู ดูแล้วไม่รู้จะชอบหรือเปล่าด้วย เพราะได้ยินว่าเป็นละครที่เศร้ามากกกกก แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคำแนะนำที่น่าสนใจบวกกับตอนเขียนบล็อก Innocent Man ทำให้ทราบว่านักเขียนบทท่านนี้ เขียนเรื่อง Thank You ด้วย แรงผลักจึงมาแรงเลย ลองเปิดดูตอนแรกสักนิดนึง ลองแล้วจึงติดใจและกลัวจะไม่อินพอจึงต้องสั่งซื้อแผ่นมาเพื่อจะดูกับทีวี (จอใหญ่กว่าคอมฯ)และต้องดูเสียซาวแทร็คซับไทยเท่าน้าน

นอกจากพระเอกนางเอกแล้ว บทบาทที่ชอบเป็นพิเศษ คือ เด็กชายคัลชิผู้มีแม่เป็นหญิงสาวปัญญาอ่อน เด็กน้อยที่รู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อมีลุงมูฮยอกฝาแฝดของแม่มาอยู่กับเขา เพียงแต่คัลชิไม่รู้ว่าความอบอุ่นที่มีลุงเป็นที่พึ่งนั้นมันจะมีอยู่เพียงไม่นาน แล้วก็ครอบครัวที่บ๊องส์ๆ ของนางเอก แม่จอมขี้บ่น พี่สาวจอมขี้เกียจ และน้องสาววัยนักเรียนที่ตลกน่ารัก เวลาอยู่ด้วยกันแล้วค่อนข้างจะวุ่นวายแต่ดูอบอุ่นดี ส่วนบทบาทของแม่ "โอดอลฮี" นักแสดงท่านนี้ Lee Hye-Young ก็มีฝีมือแก่ขลังสมวัยอาวุโส แต่ถ้าเทียบกับบทบาทใน Can You Hear My heart เรื่องนี้ถือว่ายังไม่โดดเด่นเท่าไร ก็อย่างว่าล่ะนั่นคงเป็นเพราะบทลูกชายมูฮยอกกินเด่นคนเดียวตลอดเรื่อง แล้วไหนจะมีลูกชายชอยยุนอีกคน




ตอนดูข้อมูลนักแสดงเพิ่งรู้ว่า โซจีซบ เป็นหนึ่งในนักแสดงนำเรื่อง Something Happened In Bali (รักสุดใจฝากไว้ที่บาหลี) แต่คงจะไม่ตามไปดูหรอกนะคุณพี่ เพราะกิตติศัพท์ตอนจบของเรื่องนี้น่ะ น่าขยาดกว่า I am sorry ซะอีก

โดยนิสัยจะตั้งป้อมปฏิเสธละครเศร้าไว้ก่อนเสมอ แต่ไม่รู้ทำไม เรื่องไหนที่ได้ยินกิตติศัพท์ความเศร้าและตั้งป้อมต่อต้านเอาไว้ เป็นได้ดูเรื่องนั้นทุกที

อย่าง I am sorry I love you ขอโทษครับ ผมรักคุณ..เรื่องนี้
ในที่สุดก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งละครเศร้าในความทรงจำ




































ขอบคุณ แหล่งข้อมูล

Dramawiki , Asianwiki , //korea.tlcthai.com




 

Create Date : 12 มกราคม 2556    
Last Update : 12 มกราคม 2556 23:10:59 น.
Counter : 28863 Pageviews.  

Young Warriors of the Yang Clan ยอดขุนศึกตระกูลหยาง (มาประกวดหยางแมนกันเถอะ)

Title : 少年杨家将 (Shao Nian Yang Jia Jiang)
English Title : Young Warriors of the Yang Clan
Director : Li Guo Li
Written By : Wang Li Zhi (王莉芝), Zhang Mian (张冕)
Episode : 43 Year : 2006



Trailer




Yong Warriors of the Yang Clan (ปี ๒๐๐๖) เป็นซีรีย์ที่มีทุกอย่างตามที่ชอบจะเห็นรวมอยู่ในเรื่องเดียว 'รักเกียรติศักดิ์ตระกูล รักชาติบ้านเมือง รักสายเลือดพี่น้องครอบครัว และข้ารักเจ้า' ดูแล้วสุดคุ้ม เพราะมันดำเนินเรื่องสนุกแบบชักแม่น้ำทั้งเจ็ดไหลรวมความรู้สึกไปสู่เจตนารมณ์สุดพีค ณ จุดเดียว คือ การตายเกือบล้างตระกูลของบรรดาขุนศึกตระกูลหยางที่พลีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณเพื่อการปกป้องบ้านเมือง (หยาง born to be เกิดมาเพื่อสิ่งนี้) ช่วงท้ายๆ จึงร้องไห้จัดหนักแบบเต็มอารมณ์ไปเลยรวดเดียว สะใจหายเครียด แต่เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีอาการตาบวมเล็กน้อย โชคดีไม่มีใครถามว่าเป็นอะไร เพราะคงอึกอักยากจะตอบ ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับชีวิตหรืออกหักมาจากใครหรอก แค่ดูหนังแล้วอินนี่แหละ ทั้งที่เมื่อตอนเด็กเคยดู "ยอดหญิงตระกูลหยาง" จึงพอรู้จุดจบก่อนเกิดเป็นตำนานนักรบหญิงม่ายอยู่แล้ว แต่ก็ยังมิวายอินเว่อร์อยู่ดี (ก็ความอินมันไม่เข้าใครออกใคร)

เรื่องย่อและตัวละคร - ยอดขุนศึกตระกูลหยาง



แม้มีรากเหง้าจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่แผ่นดินนั้นแบ่งแยกเป็นสอง อาณาจักรต้าซ่ง ปกครองโดย ฮ่องเต้ซงไท่จง อาณาจักรต้าเหลียว มีฮ่องเต้น้อยครองราชย์ ด้วยยังทรงพระเยาว์ (๑๒ ชันษา) การปกครองของต้าเหลียวจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของเซียวไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์



หลังจาก ค.ศ. ๙๘๐ ที่กองทัพต้าซ่งโจมตีโยวโจว ทว่ากลับต้องพ่ายแพ้แก่แม่ทัพเยลู่เสีย ทำให้ซ่งไท่จงทรงล่าถอยกลับเมืองหลวง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทหารต้าเหลียวก็รุกรานชายแดนต้าซ่งเรื่อยมายังความเดือดร้อนสู่พสกนิกรต้าซ่งเป็นอันมาก ซ่งไท่จงทรงกลัดกลุ้มยิ่งนักเพราะแผ่นดินต้าซ่งไม่มีความสงบสุข เมื่อเยลู่เสียแม่ทัพหนุ่มแห่งอาณาจักรต้าเหลียวได้ยกกองทัพทหารนับแสนเข้ามารุกราน จึงทรงมีพระบัญชาให้ท่านแม่ทัพหยางเย่นำกองทัพตระกูลหยางไปอารักขาชายแดนที่ด่านเยียนเหมินกวาน



"หยางไร้พ่าย" "หยางเย่ไร้เทียมทาน" คือสมญานามที่เลื่องลือทั่วแผ่นดินเกี่ยวกับความห้าวหาญของกองทัพตระกูลหยางและหยางเย่ท่านแม่ทัพเหล็กผู้องอาจ รวมถึงบุตรชายตระกูลหยางทั้ง ๔ คน คุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสาม และคุณชายห้า ที่ล้วนเป็นชายชาตรียอดขุนพลเก่งกล้าเหมือนพ่อ สมดั่งคำโบราณว่า "พ่อเสือย่อมไม่มีลูกสุนัข"



การศึกครั้งนี้ เยลู่เสียต้องยกทัพกลับต้าเหลียว เพราะพ่ายแพ้ต่อการประลองยุทธกับหยางอู่หลาง (คุณชายห้า) ต้องอับอายขายหน้าในสนามรบต่อหน้าทหารทั้งสองฝ่ายนับหมื่นแสน เป็นความอัปยศที่แม่ทัพหนุ่มต้าเหลียวแทบอยากลงโทษตัวเองด้วยการปลิดชีพลงต่อพระพักตร์องค์เซียวไทเฮา



แต่ลูกผู้ชายแท้จริง ล้มแล้วต้องลุกขึ้นได้ ถ้าอับอายต้องล้างอาย ความแค้นของเยลู่เสียที่มีต่อคุณชายห้าและตระกูลหยางจึงแปรเปลี่ยนเป็นพลังที่จะรับใช้องค์ไทเฮาสนองคุณต่อแผ่นดิน การรวบรวมสองอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของชาวต้าเหลียวจึงเป็นคือความฝันอันสูงสุดที่เยลู่เสียได้อุทิศชีวิตเพื่อจะทำมันให้เป็นความจริง



แต่ฝันสูงมันไม่ง่ายจะเอื้อมมือคว้า หากยังมีท่านแม่ทัพหยางเย่เป็นอุปสรรคขวางทาง อีกทั้งบุตรชายสกุลหยางทุกคน ล้วนป็นคนหนุ่มมีความสามารถ เก่งกล้าทั้งบุ๋นและบู๊ คุณลักษณะหลากหลายของแต่ละคนล้วนเป็นศักยภาพนักรบที่เกรียงไกรของทัพตระกูลหยาง ทั้งยังมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี รักใคร่ปวงประชา รับผิดชอบครอบครัว สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวรวมใจปกป้องชาติบ้านเมือง เป็นกองทัพหยางที่แข็งแกร่งยากจะต้านทาน จนได้รับความเลื่อมใสศรัทธาเป็นขวัญกำลังใจแรงกล้าของทหารและชาวประชาต้าซ่งเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น หากคิดจะยึดครองต้าซ่ง ก็ต้องโค่นล้มตระกูลหยางที่เป็นเสาหลักของแผ่นดินลงให้ได้

ครอบครัวตระกูลหยาง




ท่านพ่อหยางเย่ : คุณสมบัติก็ตามที่อธิบายสรรพคุณเกี่ยวกับตระกูลหยางนั่นแหละ เก่งกล้าบุ๋นบู๊ ซื่อสัตย์จงรักภักดี มีสติรอบคอบ เป็นผู้นำตัดสินใจรู้ผิดถูก ใจคอเด็ดเดี่ยว หนักแน่นมั่นคงดั่งภูผา เมตตากรุณาต่อประชาราช แต่เข้มงวดกับลูกๆ และยิ่งเด็ดขาดกับตัวเอง ดำรงตนเป็นแบบอย่างในการฝึกฝนขัดเกลาลูกๆ สกุลหยางให้เป็นคนดีมีคุณธรรม รับผิดชอบหน้าที่เป็นทหารข้าบาท เป็นผู้นำกองทัพ เป็นสามีเป็นพ่อและผู้นำครอบครัวที่ดี เป็นสุภาพบุรุษผู้ทรงคุณธรรม เอาสรุปง่ายๆ ละกันว่าเป็น "ยอดคน" (จะมีอยู่มากมั้ยในโลกใบนี้)



ท่านแม่ เสอไซ่ฮัว : คู่ครองของวีรบุรุษ ก็คงจะมีแต่วีรสตรีเท่านั้นที่คู่ควร "หยางฮูหยิน" ได้ชื่อว่าเป็นสตรีผู้งดงามและเปี่ยมคุณธรรม อีกทั้งวรยุทธของนางนั้นยากจะหาว่าด้อยกว่าชายใด นางเป็นภรรยาที่เคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่สามี เป็นแม่ที่ให้กำเนิดลูกชายหญิงถึง ๘ คน อบรมเลี้ยงดูให้เติบโตเป็นคนดีที่เก่งกล้าจนกลายเป็นกำลังสำคัญในการค้ำจุนบ้านเมือง





คุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณชายสาม ตามลำดับนาม หยางต้าหลาง หยางเอ้อหลาง และหยางซันหลาง พวกเขาเป็น "ท่านพี่" สามทหารเสือที่เรียกทีเดียวรวมกันเป็นหนึ่งแพคเกจตามคำเรียกขานของท่านพ่อท่านแม่ได้ว่า "ต้าเอ้อซันหลาง" สามหนุ่มนี้มักจะตัวติดกัน มีความคล้ายคลึงในทัศนคตินิสัยที่มักจะเออออห่อหมกในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ใหญ่วัยมีภรรยาเป็นศรีสะใภ้คู่บ้านตระกูลหยาง ซึ่งทั้งสามศรีก็มักจะตัวติดเป็นแพคเกจ "สามอาซ้อ" ด้วยเช่นกัน



คุณชายสี่ หยางซื่อหลาง : เมื่อครั้งยังเด็ก เขาพลัดหลงจากพ่อแม่ในสงคราม เพื่อความอยู่รอดของกองทัพส่วนรวมที่เพลี่ยงพล้ำ แม่ทัพหยางจึงจำเป็นต้องสั่งถอยทัพทั้งที่ยังไม่พบลูกชาย เด็กน้อยซื่อหลางจึงถูกทอดทิ้งไว้ท่ามกลางสนามรบที่นองเลือด เขาหายสาปสูญไปและกลายเป็นบาดแผลในหัวใจของพ่อและแม่ที่พยายามตามหาลูกสักเท่าไรในหลายปีผ่าน..ก็หาตัวไม่พบ



คุณชายห้า หยางอู่หลาง : เก่งกาจมากฝีมือ เพราะเป็นมือวางอันดับหนึ่งที่วรยุทธเหนือกว่าใครในบรรดาพี่น้อง ลักษณะนิสัยเถรตรง แต่ก็ใจร้อนวู่วามและหลักการจัด ยอมหักไม่ยอมงอ จึงชอบอู่หลางน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้องเพราะว่าเขาดูคร่ำครึ



คุณชายหก หยางลิ่วหลาง : เพราะเขาคือ หูเกอ (Hu Ge) พระเอก "เซียนกระบี่พิชิตมาร" จึงเข้าใจเอาเองอัตโนมัติว่าเขาคือ "พระเอก" เรื่องนี้ หยางลิ่วหลางไม่ใช่คนธรรมดาแต่ว่าเป็น "ดาวข่มต้าเหลียว" หยั่งรู้โดยเซียนหลิง-กุนซือต้าเหลียวผู้รู้เคล็ดวิชาโหราศาสตร์ฟากฟ้าและดวงดาว เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด เจ้าความคิด ชอบคิดนอกกรอบ ชอบประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ และมีความรักอิสระชอบทำอะไรตามใจตนเอง ท่านพ่อหยางเย่จึงไม่ค่อยพอใจในตัวลูกชายคนนี้นักด้วยคิดว่าเขาเป็นตัวสร้างความเดือดร้อน และสอนยากสอนเย็นกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ท่านพ่อจึงไม่ต้องการให้ลิ่วหลางเข้าร่วมกองทัพ

"ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เกิด มีหรือจะไม่รู้จัก
ชั่วชีวิตนี้เจ้าแค่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่สร้างปัญหา
ไม่ก่อกวนเภทภัย คนเป็นพ่ออย่างข้าก็พอใจแล้ว"


มันก็เจ็บนะ ถ้าต้องเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่ไม่ถูกคาดหวังอะไรเลยจากท่านพ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษของบ้านเมือง แต่ลิ่วหลางจะเติบโตขึ้นอย่างเรียนรู้และปรับตัว จนกลายเป็นคน "พอดี" มีชีวิตรอดสืบทอดสกุลหยางและปณิธานของท่านพ่อหยางเย่



คุณชายเจ็ด หยางชีหลาง : คุณชายน้องเล็กคนที่เจ็ดของตระกูล เป็นคนร่าเริงแจ่มใจ มีนิสัยซุกซนแต่ก็เป็นคนว่านอนสอนง่ายที่ภาคภูมิใจในตัวท่านพ่อท่านพี่ผู้เป็นขุนศึกสกุลหยางเป็นวีรบุรุษของต้าซ่ง และเป็นฮีโร่ในดวงใจที่ชีหลางต้องการจะเจริญรอยตามด้วยการเข้าร่วมกองทัพของตระกูล



คุณหนูแปด หยางปาเม่ย : เด็กน้อยน่ารักผู้นี้ นอกจากจะเป็นลูกหญิงเพียงคนเดียว ยังเป็นน้องนุชคนสุดท้อง ออกมาสามวินาทีก็หลงรักแล้ว (ง่ายดายมาก) ในครอบครัวของขุนศึกผู้ห้าวหาญที่เคร่งเครียดกับการกรำศึก หนูน้อยคือชีวิตชีวา คือความสดชื่นของครอบครัว คือ "จุดอ่อน" ของตระกูลหยางที่เยลู่เสียแม่ทัพต้าเหลียวได้ค้นพบ จะมีอะไรที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือปั่นป่วนตระกูลหยางได้ดีไปกว่าหยางปาเม่ยผู้เป็น "แก้วตาดวงใจ" ของหยางทุกคน



จากการลักพาตัวคุณหนูแปดให้ตระกูลหยางวุ่นวายใจขาดสติและหลงทาง สู่แผนการลอบปลงพระชนม์ คืออีกหนึ่งบททดสอบที่แม่ทัพหยางเย่ต้องพิสูจน์ความเป็นขุนนางผู้ภักดี เมื่อต้องเลือกระหว่าง ชีวิตของลูกน้อยปาเม่ย หรือ ชีวิตของฮ่องเต้ซงไท่จง

นอกจากความรักไร้เงื่อนไขมอบให้คุณหนูแปดที่น่ารักเหลือเกินแล้ว ก็มีใจแอบชอบพอพี่รอง พี่หก พี่เจ็ดของคุณหนูแปดด้วย โดยเฉพาะพี่หกกับพี่เจ็ด ถ้าให้เลือกสักคนเรียกว่าต้องลำบากใจมิใช่น้อย เพราะไม่ใช่สิ่งจะตัดสินใจได้ง่ายว่าชอบใครที่สุด



แต่ความลำบากใจก็สิ้นเรื่องสิ้นราวไปทันที เมื่อเขาคนนี้ปรากฏตัวตนขึ้นมาเพื่อฆ่าทุกคน (ฆ่าตัวเลือกทุกคนทิ้ง เหลือเค้าเป็นชายในดวงใจอยู่คนเดียวไง หุหุ)

โฉมู่อี้ หรือ คุณชายสี่ หยางซื่อหลาง ลูกคนกลางระหว่างพี่ชายสามคน-ต้าเอ้อซันหลาง กับน้องชายสามคน-อู่ลิ่วชีหลาง



เพราะเติบโตอย่างเด็กเร่ร่อน ไร้พ่อขาดแม่ ปราศจากพี่น้อง ทั้งยังอกกลัดหนองเพราะความเจ็บแค้นที่ถูกทอดทิ้ง เขาเป็นเด็กจำความได้เมื่อครั้งพลัดหลงอยู่กลางสนามรบ เมื่อโตขึ้นมาเขาควรรู้ว่าจะตามหาพ่อแม่และจวนตระกูลหยางได้ที่ใด แต่เหตุไฉนคุณชายสี่จึงไม่เคยหวนคืนสู่บ้าน เขาจึงมีเสน่ห์ของการเป็น "หยางผู้แปลกแยก" ที่ดึงดูดใจได้ชะงัดนัก ความโดดเดี่ยวเย็นชาที่แปลกปลอมอยู่ท่ามกลางความรักความอบอุ่นของครอบครัวตระกูลหยาง รวมถึงความไม่เป็นมิตรที่ปรากฏเป็นหน้าตาบึ้งตึง แววตาดุดัน และวาจากรีดหัวใจคนฟัง เหล่านี้จึงล้วนเป็นความโดดที่โดนใจเข้าอย่างจัง



ท่านแม่เล่าว่า เมื่อครั้งยังเด็กลูกสี่เป็นเด็กใจดี เมื่อครั้งพี่น้องเดินขึ้นเขาไปเล่นด้วยกัน เขามักจะแกล้งเดินช้ากว่าพี่น้องคนอื่น เพื่อจะเดินเป็นเพื่อนน้องเจ็ดที่ยังเล็กจึงต้วมเตี้ยมช้ากว่าใคร อาจจะเป็นเหตุนี้ที่น้องเจ็ดชีหลางรู้สึกต้องชะตาอย่างแรงกับทหารใหม่ร่วมกองทัพนามโฉมู่อี้ พยายามจะทำตัวเป็นเพื่อนตายสหายศึกกับพี่เขาให้ได้ มิหวั่นความดุดันสาวหาวที่ไม่เหมาะจะคบหาเป็นอย่างยิ่ง แต่ชีหลางก็ยังรู้สึกนับถือพี่มู่อี้เฝ้าเซ้าซี้ตามกวนใจอยู่ไม่ห่าง พี่หก-ลิ่วหลางซะอีก เห็นไอ้หนุ่มมู่อี้ทำตัวไร้มารยาทปัดไมตรีน้องเจ็ดของตนทิ้งทีไร เป็นอดใจไม่ไหวต้องเอ่ยปากต่อว่าออกไปอยู่ทุกครา แต่ผู้ชายหน้าตึงคนนั้นก็หาได้มีวี่แววสลดไม่



แต่ให้ด้านชาสักแค่ไหน เมื่อไหร่ได้ยินคำ "หยางฮูหยิน" หัวใจก็สะท้าน เช่นเดียวกับยามก้าวย่ำเข้าไปยังอาณาเขตจวนตระกูลหยางในฐานะ "คนอื่น" ธรณีประตูที่ก้าวล่วงสู่ชายคา แท่นสักการะป้ายบรรพชนที่อยู่ตรงหน้า เสาบ้านลานดินเคยวิ่งเล่นกันกับพี่น้อง บรรยากาศของความรักใคร่กลมเกลียวและเสียงเรียก "ท่านแม่" อย่างมีความสุข มันสุดจะทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บแปลบ



เรื่องเล่าความประพฤติของโฉมู่อี้ที่่เหล่าพี่น้องหยางเคยได้ยินมา ประกอบกับที่ได้พบเห็นตำตาด้วยตนเอง ทำให้ไม่มีคุณชายคนไหนเต็มใจอยากต้อนรับโฉมู่อี้ในฐานะแขกของบ้าน เว้นก็แต่น้องเจ็ดคนที่กระตือรือร้นอยากเป็นสหายสนิทของพี่มู่อี้นักหนา แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าพี่เขาจะยอมสนิทด้วย

แล้วใครกันหนอจะทำให้โฉมู่อี้ยอมกลับคืนสู่บ้าน ยอมรับชาติกำเนิดเป็นหยางซื่อหลางจากหัวใจจริงแท้ และรับเอาฐานะคุณชายสี่ของตระกูลมาประดับเป็นคำหน้านาม



น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แต่หัวใจอ่อนๆ ของพี่สี่ทำด้วยสิ่งใด น้องเจ็ดจึงต้องถือคติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก สบโอกาสความใสบริสุทธิ์ของน้องแปดปาเม่ยที่บังเอิญได้ไปแง้มประตูหัวใจปิดตายของพี่สี่เข้าโดยบังเอิญ บวกกับความรักที่อ่อนโยนของหลอซื่อหนี่ที่ได้ช่วยปลอบประโลมหัวใจแข็งกระด้างให้โอนอ่อน ความรักของพ่อแม่พี่น้องจึงเริ่มแทรกซึมเข้าสู่จิตใจ สัมผัสรอยยิ้มเสียงหัวเราะที่เป็นความสุขของการมีครอบครัว แม้ว่าพี่น้องบางคนจะยังเคลือบแคลงในวัตถุประสงค์แท้จริงในใจของซื่อหลาง ก็ทำไมเขาเพิ่งจะยอมโผล่มาในตอนนี้ ทั้งที่เขาควรจะกลับมาบ้านเมื่อนานมาแล้ว

แต่ถึงคาแร็คเตอร์และบทบาทของคุณชายสี่จะมาฆ่าใครๆ ในบรรดาพี่น้องซะเรียบ ก็ยังอุตส่าห์จะเหลือใครคนหนึ่ง ที่ความโดดของคุณชายสี่ฆ่าไม่ตาย



เยลู่เสีย คนนี้ไง อะไรท่านจะเป๊ะปานนั้น หน้าตาดี มียศศักดิ์เป็นถึงท่านแม่ทัพต้าเหลียว เก่งกล้าทรนง อาจไม่ใช่คนดีมากนัก แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ฉลาดร้อยเล่ห์ วรยุทธเป็นเลิศ มีภาคส่วนของความเมตตาและไม่ใช่คนไร้คุณธรรม ใช่แต่เยลู่เสียที่นับถือหยางเย่แม่ทัพของต้าซ่ง ตัวหยางเย่เองก็ยกย่องแม่ทัพต้าเหลียว จึงไม่เคยวางใจในความเป็นคนหนุ่มน้อยประสบการณ์กว่า หรือประมาทในสติปัญญาของเยลู่เสียผู้นี้สักครั้ง

มาแนะนำสาวๆ ของหนุ่มๆ หยางกันบ้าง



องค์หญิงไฉ ธิดาของท่านอ๋ององค์หนึ่ง แต่ท่านพ่อของนางเสียชีวิตไปแล้ว นางเป็นพระญาติที่ว่ากันว่าฮ่องเต้ซงไท่จง ทรงรักองค์หญิงไฉดั่งพระขนิษฐาแท้ๆ ขององค์เอง เพราะความอยากรู้อยากเห็นของคนอยู่ไม่สุข องค์หญิงไฉกับลิ่วหลางจึงตกลงร่วมมือกันออกค้นหาขุมทรัพย์ในตำนานของราชวงศ์ซ่ง จนเป็นเหตุให้ค้นพบความลับสำคัญที่เกี่ยวพันถึงเบื้องหลังการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้ซงไท่จง เป็นมรสุมใหญ่ที่พัดเข้าโจมตีการยึดมั่นในความจงรักภักดีและหลักการคุณธรรมที่ขัดแย้ง สั่นคลอนถึงความศรัทธาอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวความจงรักภักดีของตระกูลหยาง รวมถึงคลอนแคลนความสามัคคีในครอบครัวด้วย

องค์หญิงไฉกับลิ่วหลางผ่านชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนจึงกลายเป็นคนรัก สองคนเข้ากันได้ รักกันดี เป็นรักเรียบง่ายไร้อุปสรรค มันเรียบง่ายเกินไป จนน่าสงสัยหรือพวกเราไม่ใช่รักแท้ .. แต่ก็นั่นแหละ อยากถามหารักแบบมีอุปสรรค อุปสรรคก็ผ่านเข้ามาให้ทดสอบ



แม่นางพานหยิงเอ๋อ ลูกสาวของอำมาตย์พานเหยินเม่ย นางถูกทอดทิ้งให้ไท่ซือที่วัดเลี้ยงดูจนเติบใหญ่เพราะท่านอำมาตย์รังเกียจลูกสาวกาลีที่เกิดมาก็ทำให้ฮูหยินที่รักต้องจบชีวิตลง เมื่อพานหยิงเอ๋อเติบใหญ่นางได้หวนคืนสู่จวนท่านอำมาตย์ จะเป็นวาสนาให้คุณหรือชะตากรรมให้โทษใครจะหยั่งรู้ ในเมื่อแม่นางเป็นสาวสองบุคลิกที่ยังไม่ได้ลงหลักปักฐานทางใดว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว องค์หญิงไฉและลิ่วหลางต่างให้ความเป็นเพื่อน คอยช่วยเหลือดูแลพานหยิงเอ๋อ แต่หยิงเอ๋อกลับเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเพราะมีใจแอบรักพี่ลิ่วหลาง



แม่นางหลอซื่อหนี่ ยาใจคุณชายสี่ ( Liu Shi Shi ที่เล่นเป็น รั่วซี นางเอกเรื่อง Bu Bu Jing Xin แม่ทัพเยลู่เสีย Yuan Hong ก็เล่นเป็นองค์ชายสิบสามในเรื่องนี้ด้วย - ทำหัวหางเปียในยุคหัวล้านครึ่งหัวซะหน้าจืดเกลี้ยง) แม่นางหลอเป็นหมอหญิงประจำกองทัพตระกูลหยาง ความที่เป็นหมอดีมีเมตตา จึงเป็นที่ต้องใจของ "พานเป้าเอ๋อ" ลูกชายอำมาตย์พานเหยินเม่ย ขุนนางหนุ่มที่มีนิสัยเสเพลเป็นอันธพาลชั่วช้า หยางซื่อหลางคนเย็นชาจึงต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแม่นาง พัวพันกลายเป็นความบาดหมางของสองตระกูล (หยาง VS พาน) ร้อนใจถึงฮ่องเต้ที่วางตัวลำบาก เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นมหาอำมาตย์คู่ใจ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นขุนศึกคู่บัลลังก์ ตอนแรกก็ว่าแม่นางหลอ งามน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับแม่นางอื่นๆ แต่ดูไปดูมา ความสงบนุ่มนวล ความเป็นโล้เป็นพายหนือหญิงอื่นใด เพราะเป็นหมอ เป็นผู้หญิงมีสติ ไม่เจ้าอารมณ์ ไม่ขี้งอน ไม่พูดมาก ไม่น่ารำคาญ หากจัดการประกวดสะใภ้ตระกูลหยาง แม่นางสะใภ้สี่ชนะขาด



แม่นางกวนหง แม่นางช่างตีเหล็กคนนี้เป็นที่พึงใจของทั้งแม่ทัพต้าเหลียวและคุณชายห้าหยางอู่หลาง แต่แม่นางเนื้อหอมดูเหมือนจะมีใจให้เยลู่เสียอยู่ลึกๆ แต่ติดกำแพงในใจที่ขวางกั้นไว้ด้วยความแตกต่างของเชื้อชาติ และความเกลียดชังฝังใจที่มีต่อชาวเหลียวในอดีต ดังนั้นเมื่อมีผู้ชายดีๆ อย่างหยางอู่หลางมาชอบพอใกล้ชิด รักแท้ของท่านแม่ทัพต้าเหลียวก็ส่อแววจะแพ้ระยะทาง

แม่นางเป็นตัวละครหญิงที่ชอบที่สุดในช่วงแรก แต่ความชอบก็ลดน้อยลง เพราะหัวใจที่ไม่ชัดเจนของแม่นาง แล้วยังถึงขั้นเกลียดไปเลยกับหนึ่งการตัดสินใจกระทำ ความรักที่ความหวังดีอย่างโง่ๆ นำมาซึ่งความอดสูกัดกร่อนจิตใจคุณชายห้า จนไม่อาจจะกอบกู้จิตวิญญาณของการเป็นลูกหลานสกุลหยางเพื่อสู้หน้ากับป้ายวิญญาณเหล่าบรรพชน



แม่นางเสี่ยวหลิน / แม่นางตู้จินเอ๋อ หวานใจคุณชายเจ็ด หนึ่งบทบาทคือหน่วยกล้าตายเป็นนางสายลับต่างแดนมาจากต้าเหลียว อีกหนึ่งคือผู้หญิงอีกคนที่มีหน้าตาเหมือนกัน เป็นลูกสาวที่รักสุดดวงใจของหัวหน้าหมู่โจร

หากคู่พี่หกคือรักเรียบง่าย คู่พี่สี่คือรักซึมลึก คู่พี่ห้าคือรักลุ่มๆ ดอนๆ (เพราะมีเยลู่เสีย) คู่น้องเจ็ดก็ต้องเป็นรักโลดโผน หนุ่มสาวแต่ละคู่และรักแต่ละแบบทำให้ซีรีย์เรื่องนี้กลมกล่อมยิ่งนัก



ฮ่องเต้ซงไท่จง โอ๊ย ชอบฮ่องเต้มาก เพราะฮ่องเต้ดีพอจะให้ตระกูลหยางกราบไหว้ด้วยความจงรักภักดี แต่ก็ไม่ประเสริฐศรีขนาดจะไม่หวั่นไหวกับอะไรเลย ถ้าหากจะตัดเอาความหวาดระแวงที่ทำให้ไม่หนักแน่นจนถึงที่สุดออกไป ก็เป็นฮ่องเต้ที่ดีมีความรับผิดชอบใช้ได้เลยนะ แต่โดนยุแยงอยู่ตลอดเช่นนั้น มันก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง เพียงแต่ "บ้าง" ขององค์ฮ่องเต้ มันต่างจากคนธรรมดาทั่วไป เพราะมันส่งผลรุนแรง ถึงขั้นสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียบ้านเมืองกันเลยทีเดียว

ขุนศึกตระกูลหยางเขารบกันตะลุมบอนฮึ่มๆ ในสนามรบ ตายยังถูกหยามศพทีละคน ก็ไม่ร้องไห้สะอื้นฮักเท่าแว่บหนึ่งของอารมณ์ที่ฮ่องเต้ซ่งรับรู้ว่าท่านแม่ทัพหยางสิ้นแล้ว ความตายของท่านแม่ทัพที่เรียกสติขับไล่ความโง่เขลาให้ฮ่องเต้ตาสว่าง สำนึกถึงความผิดพลาดใหญ่หลวงที่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไข คือความเสียใจที่ไม่อยากจะยอมรับแต่มันคือความจริง อีกฉากคือตอนฮ่องเต้เลิกม่านเกี้ยวมองดูศพขุนศึกตระกูลหยาง มันก็แค่นั้นแต่แต่ไหงสีหน้าของฮ่องเต้ทำร้องไห้ซะมากก็ไม่รู้



ปาเสียนอ๋อง ในซีรีย์เรื่องหนึ่งทำไมถึงได้มีตัวละครให้ชอบมากขนาดนี้ ปาเสียนอ๋องก็ท่านหนึ่งล่ะที่ "โปรดมาก" อ๋องหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ยุติธรรม ปากกับใจตรงไปตรงมา บางครั้งความตรงก็แทงใจฮ่องเต้ลึกไปมิใช่น้อย ปาเสียนอ๋องเป็นพระโอรสของกษัตริย์องค์ก่อน (พระเชษฐาของฮ่องเต้ซงไท่จง) แม้มีสิทธิ์โดยชอบธรรมในราชบัลลังก์แต่ท่านอ๋องก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นต่อเสด็จอา มีแต่ความจงรักภักดีถวายให้ ทว่าความเป็นอ๋องสายเลือดกษัตริย์นี้เองที่ทำให้ฮ่องเต้ไม่อาจวางใจได้สนิท ยิ่งท่านอ๋องวางตัวเป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่จวนให้ตระกูลหยางได้คอยพึ่งพาพระบารมีมากเท่าใด ฮ่องเต้ยิ่งระแวงว่าตระกูลหยางอาจจะอยากเปลี่ยนนายใหม่ด้วยการรวมหัวกับปาเสียนอ๋องก่อการกบฏ



มหาอำมาตย์พานเหยินเม่ย ลุงว่างมากกก วันๆ ไม่คิดทำอะไรนอกจากฝีเจาะปากมาคอยยุแยงฮ่องเต้ ความริษยาที่มี่ต่อความดีความชอบของตระกูลหยางมันช่างรุนแรง จะว่าไปก็สมควรจะให้ริษยาน่ะนะ เพราะได้ชื่อว่าเป็นตระกูลหยาง ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จได้หน้าได้ตา เป็นแม่ทัพ เป็นขุนศึก รบชนะปกป้องบ้านเมือง เป็นที่ชื่นชมของฝ่าบาทและประชาชนแซ่ซ้องสรรเสริญ ฮูหยินก็งาม ลูกก็ดก คนๆ เดียวออกศึกสงครามแทบไม่ได้หยุดพัก ไยมีลูกชายให้อบรมเลี้ยงดูตั้งเจ็ดคน คุณลักษณะก็ดี(หล่อทุกคน) คุณสมบัติก็เพียบพร้อม แล้วเหตุไฉนท่านอำมาตย์ที่มีลูกชายกับเขาแค่คนเดียว ยังเข็นให้เอาดีไม่ได้ (ก็พ่อไม่ดีน่ะนะ จะเอาอะไรนักหนา) สุดแสนจะพยายามหาโอกาสดีๆ มาให้ ไม่ว่าจะเรื่องราชการหรือเรื่องส่วนตัว ก็มักมีเหตุให้ล่ม ให้เสียหน้าพ่ายแพ้แก่ตระกูลหยางอยู่ร่ำไป ก็ทำไมบ้านเมืองนี้จะมีแต่ หยาง หยาง และ หยางล่ะน๊อ ทำไมจะเป็น พาน และ พาน บ้างไม่ได้ เหตุนี้หยางจึงเป็นเสี้ยนหนามตำใจพาน ชีวิตของพานจะสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อกำจัดหยางให้สิ้นไปจากแผ่นดินนี้



พานเป้าเอ๋อ ลูกชายของท่านอำมาตย์พานเหยินเม่ย ถึงเขาจะเลวทราม ..แต่เขาก็หล่อมากนะ ตามเสียงพากษ์ไทย เขามักจะถูกเรียกเป็นทางการว่า "หัวหน้าพาน" ประกอบกับหน้าที่ในวังที่เห็นช่วงแรกๆ เข้าใจว่าน่าจะเป็นหัวหน้าองครักษ์ (เดา) สองพ่อลูกนี้สมกันอย่างกับหมามุ่ยใบตำแย เพราะชั่วพอกันแต่ความโหดนั้นดูท่านพ่อจะเหนือกว่า อาจจะด้วยวัยที่สั่งสมความเลวมายาวนาน ความดีเพียงหนึ่งเดียวที่พอจะหาได้จากเขาคนนี้ คือเขารักน้องสาว-พานหยิงเอ๋อ แม้ว่าไม่อาจจะปกป้องนางได้ในฐานะพี่ชายที่แสนดี



เซียนหลิง กุนซือต้าซ่ง สมัยก่อนเรามักจะเรียกบทบาทตรงข้ามกันว่า "พระเอก" กับ "ตัวโกง" เยลู่เสียแม่ทัพต้าเหลียว เป็นพระรองเหลียว บทบาทน้องๆ พระเอกหยาง ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่ตัวโกง ตัวโกงตัวจริงอยู่นี่ เซียนหลิง ผู้มีบุคลิกดั่งจอมขมังเวทย์แต่ก็ไม่เห็นว่าตาเฒ่านี้จะเก่งสักเท่าไร แต่เพราะมันทั้งชั่วทั้งโกงก็เลยพ่นพิษใส่ตระกูลหยางให้เสียกระบวนได้ไม่ยาก



ชุยอิ้งหลง จอมยุทธต้าซ่ง อดีตศิษย์พี่ของหยางฮูหยิน และเคยร่วมสำนักเดียวกันกับกุนซือเซียนหลิง มีความแค้นส่วนตัวต่อกันในอดีตเรื่อง "ใครฆ่าอาจารย์" ที่เฝ้ารอโอกาสจะสะสาง เมื่อเซียนหลิงกลายเป็นกุนซือการศึกให้ต้าเหลียว ท่านชุยจึงเริ่มเป็นห่วงบ้านเมืองและความเป็นไปของตระกูลหยาง จอมยุทธผู้ปลีกตัวสู่วิเวกจึงต้องหวนคืนสู่ยุทธจักร



เสี้ยวหัวจ้าน ผู้เชียวชาญยาพิษ ดูจากหน้าตาและสรรพคุณ ขอคำจำกัดความสั้นๆ ว่า "มันเลว"

Yang Man Contest




ชนะเลิศ : หยางซื่อหลาง พี่สี่เป็นลูกถูกทิ้ง แม้มองในแง่คุณธรรมของการเป็นผู้นำกองทัพท่านพ่อไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัวก็ถูกแล้ว แต่ใครเล่าจะกล้าเถียงว่าการทิ้งลูกตัวเล็กๆ ไว้ในสนามรบจะไม่ผิดคุณธรรมของการเป็นพ่อแม่

อยู่ในบ้านเขาไม่สนิทใจกับพ่อแม่ ไม่ใกล้ชิดกับพี่น้อง อู่หลางน้องห้าก็สักแต่เป็นคนเกิดทีหลังหาได้ให้ความเคารพยำเกรงไม่ ไม่ยอมแม้แต่จะเรียกซื่อหลางว่าพี่ด้วยซ้ำ อยู่ในกองทัพ ลูกคนอื่นเป็นแม่ทัพนายกองรับหน้าที่สำคัญ เขาเป็นเพียงแค่พลทหารอยู่ใต้บัญชาการของน้องชาย ยามท่านพ่อและพี่น้องหารือการศึก เขาจะยืนห่างออกมารอบนอกและคอยฟังอยู่เงียบๆ แต่ด้วยสติปัญญามิด้อยกว่าใคร ความเห็นที่เขาเอ่ยแทรกก็ย่อมน่าฟัง เพียงแต่น้องห้าที่เป็นรองแม่ทัพไม่อยากยอมรับ ด้านวรยุทธกับเพลงทวนตระกูลหยาง น้องหกก็เห็นเป็นที่สงสัย พี่ห้าที่ว่าแน่กว่าใคร ก็ไม่แน่ว่าจะเหนือกว่าพี่สี่ไปได้ เพียงแต่ไม่อาจจะรู้แจ้งแก่ใจ ตราบใดที่ยังไม่มีการประลองตัดสินกันให้รู้ดำรู้แดงว่าใครคือสุดยอด



ลูกคนอื่นล้วนเคารพในอุดมการณ์อันสูงส่งของท่านพ่อ แต่ลูกสี่คนนี้คือคนที่ผ่านชีวิตในด้านลบจึงรู้ว่าโลกในความเป็นจริงมันยากจะยึดมั่นหลักการคุณธรรมได้สมบูรณ์แบบ เมื่อใดที่เขาได้เปล่งวาจาเชือดเฉือนเกี่ยวกับความเป็นตระกูลหยางและคำว่าคุณธรรม เมื่อนั้นแม้แต่ท่านพ่อหยางก็ยังพูดไม่ออก ชอบทุกฉากที่พี่สี่ปะทะอารมณ์กับท่านพ่อรวมถึงฉากเชือดหัวใจท่านแม่จนท่านแม่ร้องไห้ด้วย

แต่หยางซื่อหลางผู้เจ็บแค้นและทำตัวเป็นคนอื่นคือโฉมู่อี้ ก็ไม่อาจเพิกเฉยเป็นเลือดเนื้อที่อกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด ในยามคับขันอันตรายก็พร้อมจะออกโรงไปปกป้องด้วยชีวิต แล้วอย่างนี้จะไม่รักพี่สี่ยังไงไหว



ฉากนี้ก็ชอบ

ซื่อหลาง : "ข้าทำอะไรผิดเหรอ ข้าช่วยชีวิตน้องเจ็ด ปล่อยให้เค้าเป็นอิสระ ไม่ต้องได้รับความลำบาก ข้าทำแบบนี้มันผิดอย่างนั้นเหรอ"

ท่านพ่อ : "ผิดยิ่งกว่าผิด คนสกุลหยางต้องไม่รักตัวกลัวตาย ขี้ขลาดตาขาว เกิดเรื่องอะไรก็ต้องกล้าเผชิญหน้า"

ซื่อหลาง : "หรือว่าคนเป็นพ่ออย่างท่านรู้จักแต่รักหน้าตาตัวเองไม่ห่วงชีวิตลูก ยังมีหน้ามาพูดเรื่องคุณธรรมเหรอ"

ท่านพ่อ : "นี่เจ้า..!" (พูดไม่ออก)

ซื่อหลาง : "จะจับมัดก็ตามใจท่าน แต่ข้าไม่ผิดยังไงก็ไม่รับ"
.......
ใช่ๆ ต้องไม่รับ เพราะที่ทำเพื่อน้องเจ็ด ท่านพี่ทำดีที่สุดแล้ว



อู่หลาง : "มันเป็นความผิดของเจ้า ที่สอนวรยุทธพิศดารให้น้องเจ็ดจนเกิดเรื่องอย่างนี้"
ซื่อหลาง : "ถ้าข้าไม่สอนเค้า วันนี้คนที่ตายก็คือน้องเจ็ด"

ท่านพี่สี่ถูกต้องที่สุด

.......

อู่หลาง : "เจ้าคิดว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด ยิ่งใหญ่มากเป็นวีรบุรุษอย่างงั้นสินะ"

ซื่อหลาง : "หรือคนที่ไม่ห่วงชีวิตญาติพี่น้อง ถึงยิ่งใหญ่เป็นวีรบุรุษ"

พี่สี่ตอกหน้าน้องห้าหน้าอย่างนี้ ขอบอกว่าข้าสะใจ (เข้าข้างกันเต็มที่)

.....
......


ท่านแม่ : "ซื่อหลางทำเพราะไม่มีทางเลือกนะ"

อู่หลาง : "ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรฆ่าใคร กันไว้เป็นพยาน แต่ตอนนี้อาศัยลมปากเค้าข้างเดียว ใครจะไปเชื่อ"

ซื่อหลาง : "ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ข้าไม่ละอายใจก็พอแล้ว"

อารมณ์นี้ กับประโยคนี้ พี่สี่ได้ใจมาก!!

ท่านแม่ : "อู่หลาง หรือเจ้าไม่เชื่อเรื่องที่ซื่อหลางเล่ามา"

อู่หลาง : "ท่านแม่ ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าข้าเชื่อเค้ามั้ย แต่ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้น่ะ สกุลหยางของเราต้องพังพินาศเพราะเค้าแน่"

ซื่อหลาง : "ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะทำพวกเจ้าเดือดร้อนน่ะ ข้าจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ล่ะ"

ส่วนอารมณ์นี้อยากโดดตบพี่ห้าแล้วโดดกอดพี่สี่มากอ่ะค่ะ ก็ใช่ว่าพี่สี่ของข้าจะง้อ ไม่ต้องใช้แซ่หยาง ไม่ต้องนอนจวนหยาง พี่ข้าก็อยู่ได้ (หุหุ นานหลายปีหนเพิ่งได้กลับมาดูซีรีย์จีนแบบเต็มๆ สักเรื่อง เลยเป็นเอามาก แถมฟินเองก็เยอะ)





รอยยิ้มแรก เสียงหัวเราะแรกของพี่สี่ที่มีกับน้องน้อยปาเม่ย คำแรกที่ซื่อหลางเอ่ยปากเรียก เสอไซ่อัว "ท่านแม่" เรียกหยางเย่ "ท่านพ่อ" ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากยอมรับในตนเองว่าเขาคือใคร ทุกอย่างที่รวมกันเป็นพี่สี่ล้วนถูกใจข้ายิ่งนัก

ซื่อหลาง : "หยุดนะ! ถ้าข้าไม่อนุญาต เจ้าห้ามทำอะไรวู่วาม"
อู่หลาง : " นี่เจ้าจะสั่งข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมนะว่าตอนนี้ข้าคือรองแม่ทัพ เจ้าถือสิทธิ์อะไร"
ซื่อหลาง : "สิทธิ์ที่ข้าคือหยางซื่อหลาง สิทธิ์ที่ข้าคือพี่สี่ของเจ้า"

สายตาทุกคู่ของพ่อพี่น้อง โดยเฉพาะน้องห้า ที่เหลียวมองหยางซื่อหลางเป็นจุดเดียว มันได้ใจดีแท้



ความเป็นขุนศึกตระกูลหยางสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่พ่อและพี่น้อง ควบม้าฝ่าวงล้อมของข้าศึกเข้าเมืองหลวง มีใจตั้งมั่นยอมละทิ้งความหยิ่งในตัวเองยอมขอความช่วยเหลือจากท่านแม่และบรรดาพี่สะใภ้ มีสติแม้ในภาวะเสียขวัญจากการสูญเสียสามพี่ชาย ความห่วงใยที่ทำให้ควบม้าตะบึงหัวลู่ไปเพื่อปกป้องน้องชาย และพยายามแย่งชิงศพของพี่ชายเพื่อนำพวกเขากลับบ้าน ไหนจะยังมีท่ากังฟูปักทวนลงพื้นมือจับด้ามโหนตัวเหวี่ยงตีสุดเท้าแหวกข้าศึกกระจาย พี่สี่ข้าจึงเท่ได้โล่ห์ นี่ขนาดไม่ค่อยชอบชะตาสุดอาภัพของพี่สี่สักเท่าไหร่ เติบโตก็เดียวดาย ครั้นมีโอกาสเสพสุขก็แสนสั้น แล้วชีวิตกลับต้องพลันรันทด ถ้าพี่สี่จะต้องมีชีวิตว่างเปล่าขนาดนั้นให้เขาเป็นศพกลับบ้านมาสู่อ้อมกอดของท่านแม่และท่านเมียยังจะดีซะกว่า (คงเศร้าน้อยกว่านี้)



ตอนที่ตามดูยังไม่จบ ติดหนึบซะจนต้องแอบไปเปิดดูตอนท้ายเรื่องเพราะทนความอยากรู้จนอดใจไม่ไหว พบพี่สี่ในฉากที่ทำให้รู้สึกโมโห ตั้งป้อมจะเกลียดพี่สี่ให้ได้ แต่ว่านอกจากจะไม่สำเร็จ สิ่งที่แอบเห็นมันก็ไม่ได้เป็นอย่างสิ่งทีคิดแม้สักน้อย กลายเป็นว่าต้องเทใจให้พี่สี่มากกว่าเดิมซะอีก ออร่าของนักแสดงอาจเป็นส่วนหนึ่งของแรงดึงดูดนี้ แค่ฉากแรกมอซอออกมาก็รู้สึกว่าผู้ชายสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ปากหนาหน้าตึงคนนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดา





แล้วก็เป็นเช่นนั้น ทั้งบทบาทของตัวละครหยางซื่อหลาง และประวัตินักแสดง Peter Ho ที่ไปตรวจสอบ dramawiki หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้จบก็พบ(ตามคาด)ว่า เขามีผลงานการแสดงมามากมาย ก่อนหน้าปี ๒๐๐๖ ที่เล่นเรื่องนี้ก็มีผลงานมาแล้วสามสิบกว่าเรื่อง ขณะที่ Hu Ge เป็นรุ่นน้องที่อ่อนกว่าถึง ๗ ปี และผ่านการแสดงมาเพียง ๗-๘ เรื่องเท่านั้น ลองไล่ดูก็ใช่ว่าจะกิ๊กก๊อกแต่มีดรีกรีเป็นพระเอก-พระรองเกือบทั้งนั้นเลย เห็นรายชื่อผลงานมี Tree Kingdom (2010) ด้วยล่ะ แต่ดีใจได้วืดเดียว ก็ต้องสลดวูบลงทันที เพราะบทที่เขาเล่น คือ ลิโป้ ไ-อ้ลูกสามพ่อที่ชั่วช้า (ถ้าข้าจำไม่ผิดตัว ) แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ตั้งใจจะทอดทิ้งองค์ชายแปดใน Jade Palace lock Heart เพื่อจะขอติดตามท่านพี่ไป เพราะต่อให้ท่านพี่เล่นบทชั่ว ข้าก็ยังจะเชื่อในศักดาความสนุกของสามก๊ก



รองอันดับหนึ่ง : หยางชีหลาง ช่วงแรกๆ ความชอบก็สูสีกันอยู่กับพี่หก แต่บทบาทของชีหลางก็ค่อยๆ เขี่ยพี่หกพ้นทางไป เพราะเหตุทำดีถูกใจหลายประการ น้องเจ็ดรักพี่สี่ตั้งแต่ยังไม่รู้เป็นพี่ชาย ไม่ถือสาความกระด้างเย็นชา แถมยังพยายามหนักหนาที่จะลากพี่สี่เข้าบ้าน เขาปกป้องชีวิตพี่สี่ และพี่สี่ก็ปกป้องชีวิตเขาแม้จะต้องขัดแย้งกับอุดมการณ์ลูกผู้ชายของคนทั้งตระกูลก็ตาม (แค่เพราะคำว่า "พี่สี่" คำเดียว ชี่หลางก็ชนะแล้ว 55) ความรักของน้องเจ็ดกับแม่นางหวานใจก็สนุกสนานน่าสนใจดี ส่วนความโดดเด่นเข้าตาอีกประการ คือ..น้องเจ็ดตายแบบทำสะอื้น



เจียนสิ้นใจมือยังคว้าด้ามทวนมาค้ำอกตัวเอง แม้ตายก็ไม่ขอล้มลงต่อหน้าศัตรู กระทั่งแววตาเยลู่เสียยังปรากฏแววสะเทือนใจ หนุ่มน้อยหยางชีหลางที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาววัย ๑๘ ได้เพียงวันเดียว ก็ต้องออกศึกมารบกับกองทัพตระกูล ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงที่พกติดตัวถูกลมพัดสะบัดขึ้นคลุมหน้าศพที่กรำเลือด ชายผ้าถูกกำไว้แน่นในอุ้งมือก่อนลมหายใจสุดท้ายจะขาดหาย ....แน่นจนกระทั่งศพถูกส่งถึงจวนตระกูลหยาง ให้ท่านแม่ปลอบประโยนก่อนจะแกะออกจากมือ "ชีหลาง เจ้าอย่าดื้ออีกเลย ปล่อยมือเถอะ" โอย..แค่เขียนตอนนี้ยังปวดใจ พี่หกแพ้น้องเจ็ดราบคาบ เพราะเหตุเหล่านี้ก็ยุติธรรมดีแล้ว



รองอันดับสอง แม่ทัพเหล็กหยางเย่: ตำแหน่งรองอันดับสองต้องขอยกให้ท่านพ่อหยางเย่ที่ก็โดดเด่นมาตลอด แถมยังขโมยซีนลูกๆ ไปได้อีกเยอะในช่วงท้ายๆ

บางครั้ง ความยึดมั่นในหลักการคุณธรรมของหยางเย่ จะดูเหมือนเป็นคนโง่ แต่ก็นี่แหละ "คนดี" ที่หากเขายอมไหวเอนไปตามแรงลมของอุปสรรค เขาก็จะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ยืดหยุ่นโดยยอมละทิ้งคุณธรรมไป "บ้าง" ตามสถานการณ์จำเป็น แต่การที่เขายังคงปักหลักต้านทานแรงลมอย่างไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ "ทำศึกแพ้ได้ แต่ต้องไม่ละทิ้งคุณธรรม" ตราบใดที่เขายังยืนหยัด ความคิดที่ว่าเขาโง่ก็จะหายไป แล้วเขาก็จะกลายเป็นวีรบุรุษ



ส่วนแม่ทัพเยลู่เสีย เพราะเขาคือ "เย" ไม่ใช่ "หยาง" แต่ดูจากปริมาณการเก็บรูปแล้ว เอาไปเลยตำแหน่งขวัญใจช่าง(จับ)ภาพ

เกือบทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำ มันเท่ มันแมน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องความรัก เขาแมนที่สุด เขารักผู้หญิงต่างแดนในต้าซ่ง ผู้หญิงคนเดียวกันที่เป็นนางในดวงใจของคู่ปรับคนสำคัญอย่างหยางอู่หลาง แต่รักก็คือรัก หน้าที่ก็คือหน้าที่ หากรักและหน้าที่ไม่อาจไปด้วยกันได้ ลูกผู้ชายย่อมไม่ทิ้งหน้าที่เพื่อความรัก ไม่ได้รักโง่ๆ แบบคนดีที่ไม่ต้องการอะไร เพราะเขารักแบบตั้งใจและคาดหวัง แต่หากไม่สมดั่งหวังก็ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างทะนงตน

"ดื่มเหล้าจอกนี้แล้ว ถือว่าข้าและเจ้าขาดกัน"

ยามรัก..รักอย่างแน่วแน่มั่นคงเสมอ ยามเลิกรา..เราขาดกัน จึงหมายถึงขาดกันแน่นอน (วุ้ยๆ เท่สุดๆ)



อยากจะบอกว่าซีรีย์เรื่องนี้ ทำถูกทุกข้อเลย

ถ้าจะให้การตายของขุนศึกตระกูลหยางมันสะเทือนใจสุดๆ ก็ต้องปูพื้นฐานมาด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ที่ต้องผ่านบททดสอบความยึดมั่นในอุดมการณ์และหลักคุณธรรมที่ยึดถือ ต้องปูความผูกพันของคนในครอบครัวที่ต้องผ่านความขัดแย้งหมางใจไปสู่ความรักใคร่กลมเกลียวและสามัคคีกันมากขึ้น ความเป็นครอบครัวหยางคงค่อนข้างจะราบเรียบเกินไป หากไร้ซึ่งคุณชายสี่มาแปลกแยก ลูกชายตระกูลหยางก็จะพากันเพอร์เฟ็คต์จนเกินไป หากไม่มีวัยและประสบการณ์เป็นเครื่องชี้นำความคิดให้เกิดทัศนคติในมุมมองที่แตกต่าง และประสบการณ์เรียนรู้จะช่วยขัดเกลาให้เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกและพึ่งพาได้ ความขัดแย้งระหว่างหน้าที่กับความรู้สึก หากต้องเลือกสักทางระหว่างส่วนตนที่รัก กับส่วนรวมที่ต้องเสียสละ มันไม่ง่ายนักจะตัดสินใจ ทั้งหมดนี้หลอมรวมไปสู่อารมณ์ "หยางพ่าย" และตายเกือบสิ้นในช่วงท้ายๆ ได้ดีมาก..เศร้าอย่างสมเจตนารมณ์



นอกเหนือจากบทบาทตัวละครแล้ว สิ่งที่ชอบมาในซีรีย์เรื่องนี้คือฉากสงคราม อลังการคนมากแบบหนังจีนที่ไม่ทำให้ผิดหวัง

และอีกอย่างคงเป็นเรื่องของการกำกับภาพ (ไม่รู้ควรใช้ศัพท์ที่ถูกว่าอย่างไรหรอกนะ) ยกตัวอย่างฉากควบม้าหนีศัตรูนักฆ่า ถ้าถ่ายแบบธรรมดาก็แค่ควบม้าวิ่งฝุ่นตลบไป แต่นี่มันไม่ธรรมดา เพราะเขาถ่ายปลายเชือกม้วนที่กองกับพื้น (เชือกที่ศัตรูใช้ดักจับ รุมทำร้าย ) แล้วภาพคนขี่ม้าก็ควบวิ่งตะลุยเป็นภาพใหญ่ไกลออกไปจนกลายเป็นจุดเล็กๆ จากใจกลางของวงเชือกนั้น ..โห ..เริ่ด การใส่ใจในรายละเอียดของภาพมันช่วยในแง่ของการสื่ออารมณ์ได้เยอะเลยนะ หนังบ้างเรื่องนักแสดงพูดน้อยแต่ถ่ายทอดอารมณ์ได้มากก็เพราะเรื่องของการสื่ออารมณ์ด้วยภาพทำนองนี้แหละ ภาพที่ถ่ายโต้งๆ ธรรมดา มันย่อมต่างกันกับภาพที่ถ่ายแบบมีชั้นเชิง มุมกล้อง แสง เงา และลูกเล่นต่างๆ จะทำให้มันน่าสนใจ เรื่องนี้ไม่ถึงกับเห็นมายมาย แต่เท่าที่เห็นโดยรวมๆ ก็รู้สึกชอบซะจริงๆ



เก็บคมคำคิดมาบ้างนิดหน่อย

"คนสิบปีใหญ่ ไม้ร้อยปีแกร่ง ทุกสิ่งล้วนต้องเป็นไปตามลำดับ"

"คนเราทำอะไร ขอเพียงรู้จักหน้าที่ ย่อมไม่มีวันละอายใจ"

"สกุลหยางเราที่ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ ไม่ได้อาศัยใครเพียงลำพัง
แต่เพราะพวกเราทุกคนสามัคคี ดูแลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะพวกเรา
ที่เป็นพ่อแม่ต้องตั้งสติให้มั่น เป็นตัวอย่างให้กับลูกๆ และเหล่าสะใภ้"

"ถ้าไม่มีประเทศที่มั่นคง ไฉนเลยจะมีบ้านที่อบอุ่นได้"



"คนเรามีเรื่องไม่สมหวังตั้งมากมาย เรื่องใดไม่อาจแก้ไขได้ก็ต้องยอมรับ
ทำในสิ่งที่ไม่ทำให้ตนต้องละอาย ให้ชีวิตของตนมันมีค่าและมีสีสันมากที่สุด"

"แต่บางครั้งข้ารู้สึกว่าสวรรค์ใจดำให้คนบางคน ต้องพบกับความลำบากตลอดชีวิต"

"อยู่ที่เจ้าคิดอย่างไรกับคำว่าลำบาก กับคนที่กล้าเผชิญความจริงย่อมไม่รู้จักกับคำว่าลำบาก
แต่ว่ากับคนที่อ่อนแอเอาแต่หนี สำหรับคนพวกนั้นอะไรก็ลำบากทั้งนั้น"

"ลูกพ่อ พวกเจ้าชอบพูดว่าภูมิใจที่ได้เป็นลูกพ่อ
แต่วันนี้พ่ออยากบอกว่าพ่อรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นพ่อพวกเจ้า"

โอ้ ท่านพ่อ..ข้านับถือท่าน แม้ว่าข้าจะแฮปปี้อยู่กับใบหน้าหล่อๆ ของแม่ทัพเหลียวเยลู่เสีย แต่ที่ข้ารักที่สุดกลับเป็นลูกท่าน ได้โปรดรับข้าเป็น "ซื่อเหนียง" สะใภ้สี่ตระกูลหยาง แล้วข้าจะสืบทอดปณิธาณรักชาติยิ่งชีพ กับวิทยายุทธเพลงทวนตระกูลหยางให้ท่านเอง





คลิปนี้ ลองมั่วซั่วทำเองเพื่อง่ายต่อการเก็บรวบรวมภาพ



ส่วนคลิปนี้ของมือโปรท่านหนึ่งที่อ่านชื่อไม่ออก ชอบเพลงประกอบซีรีย์
ที่เพราะมาก โดยเฉพาะท่อนฮุคฟังแล้วได้อารมณ์



ขอบคุณ

Dramawiki / //www.doo-series.com




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2555    
Last Update : 15 ธันวาคม 2556 20:01:44 น.
Counter : 19804 Pageviews.  

The Innocent Man / Nice Guy ร้ายเดียงสาของชายบริสุทธิ์



■ Title : The Innocent Man/ Nice guy
■Genre: Melodrama ■ Episode : 20
■Director: Kim Jin-Won ■Writer: Lee Kyeong-Hee
■Broadcast : KBS2 Sep 12 - Nov 15, 2012 Wed. & Thu. 21:55


กว่าจะดูจบได้สักที ต้องบอกว่าซีรีย์เรื่องนี้มีอุปสรรค ไม่มากมายแต่ก็มีความหมายพอให้ผู้เขียนออกอาการตีจาก หันเหความสนใจจากไปได้ไม่ยากนัก




อุปสรรค ๑ : อ่านชื่อนางเอกไม่เคลียร์ มองผ่านๆ เห็น มุนๆ นึกว่า 'มุนกึนยอง' หนึ่งในนักแสดงบัญชีดำ ผู้ไม่ต้องชะตาต่อกันเอาซะเลย ต่อให้มีพระเอกหน้าหล่ออย่างซงจุงกิก็เอาไม่อยู่ มีมุนกึนยองเรื่องไหนเรื่องนั้นไม่คบ กว่าจะหายเซ่อว่าไม่ใช่มุนกึนยอง แต่เป็น 'มุนแชวอน' ละครก็ออนไลน์ไปแล้วพักนึง



อุปสรรค ๒ :- พลอต 'ความจำเสื่อม' ยังไม่ทันจะลองดู สารแอนตี้มันก็ทำท่าจะหลั่งรออยู่ในสายเลือดแล้วล่ะ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางจะหนีพ้นเรื่องทำนอง เดี๋ยวลืม เดี๋ยวจำ เดี๋ยวระลึกได้ลางเลือน ลืมง่ายหายเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ



อุปสรรค ๓ :- "หากเอาซงจุงกิและมุนแชวอนมาชั่งรวมกัน ยังไม่หนักเท่า'จองเรียววอน'คนเดียวเลย" ซีรีย์เรื่องนี้จึงโดนนางเอกจองเรียววอนเบียดบังแย่งคิวไปถึง 3 เรื่องทั้ง Princess Ja myung Go , History of the Salary Man แล้วก็ล่าสุดคือ The King of Drama ที่กำลังออนแอร์ผ่านไปครึ่งเรื่องและกำลังทำให้ผู้เขียนเป็นโรค "จองเรียววอนลิซึ่ม" อยู่ในช่วงนี้ ทำให้ไม่ได้ติดตามดู Innocent Man อยู่ทุกสัปดาห์ ซีรีย์จบไปเดือนนึงจึงเพิ่งจะดูจบ



อุปสรรค ๔ :- เนื้อเรื่องมันอึดอัด ยิ่งค่อยๆ ผ่านเหตุการณ์ความเป็นไปมันก็ยิ่งเศร้าหม่นหมอง คับข้องใจอยู่ตลอดเรื่อง แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ร้องไห้เลย อย่างนี้ไงถึงเรียกว่าอึดอัด ดังนั้น จึงดูๆ หยุดๆ พักไปดูเรื่องอื่นๆ ซะก่อน ขนาดว่าดูอยู่ตอนที่ ๑๙ ก็ยังพักไปสอดส่องซีรีย์เรื่องอื่นได้ ซึ่งโดยปกติถ้าติดตามกันมาถึงขนาดนี้มันค่อนข้างจะหยุดได้ยากมากเลยนะ

แต่ในที่สุด ก็ดูจบซะที เย้!!!



The Innocent Man เป็นเรื่องราวของ คังมารู (ซงจุงกิ) ชายหนุ่มหน้าใส อุปนิสัยเป็น nice guy ผู้ใฝ่ดี และมีความรักมั่นคงให้กับนูน่า ฮันแจฮี (ปาร์คซียอน) สาวรุ่นพี่ที่อาศัยอยู่ละแวกบ้านเดียวกัน สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เติบโตเป็นความรักไปพร้อมกับอายุของพวกเขาเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ฮันแจฮีเป็นนักข่าวสาวผู้รายงานข่าวคมคายด้วยความรักในอุดมการณ์ คังมารู เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่กำลังฝึกหัดเป็นแพทย์อินเทิร์น นักศึกษาแพทย์ไอคิวสูงอย่างคังมารู ไม่ทันไรความสามารถก็ฉายแววเป็นที่น่าจับตา ในอนาคตอันใกล้ แพทย์ฝึกหัดคนนี้ก็จะสำเร็จการศึกษาออกไปเป็นแพทย์อย่างแท้จริง และท่าทางจะรุ่งในวิชาชีพอย่างรวดเร็ว



แต่แล้ว ชะตาชีวิตก็พลิกผัน ในกลางดึกคืนหนึ่งที่ฮันแจฮีโทรเรียกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่คังมารูไม่อาจจะทนเห็นนูน่าที่รักต้องเผชิญหน้าทนทุกข์กับมัน ดังนั้น ผู้ชายคนนี้ที่รักเธออย่างคังมารูจึงขอแบกรับภาระทั้งหมดเอาไว้เอง

คังมารูผู้บริสุทธิ์จึงต้องติดคุกในข้อหา "ฆาตกร"



คังช้อคโก้ (ตั้งชื่อมาจากการชอบกินชอคโกแลต) น้องสาวคนเดียวของคังมารู สองพี่น้องอยู่อาศัยกันตามลำพังเพราะไร้พ่อขาดแม่ ช้อคโก้ก็เป็นเด็กขี้โรคที่ป่วยออดๆ แอดๆ เมื่อมารูต้องไปติดคุก พัคเจกิล (อีกวางซู) เพื่อนสนิทรุ่นพี่ของคังมารู จึงรับทำหน้าที่พี่ชายคอยดูแลช็อคโก้แทน แต่ช้อคโก้เป็นน้องสนิทคิดไม่ซื่อที่ชอบพอเจกิลโอปป้าอย่างเปิดเผย



๖ ปีต่อมา หลังจากคังมารูต้องไปติดคุกนานกว่า ๕ ปี ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก นักศึกษาแพทย์ที่เรียนไม่จบ คนขี้คุกที่มีน้องสาวเป็นคนป่วยขี้โรคต้องใช้เงินรักษาและทำมาหาเลี้ยง วิถีทำกินของคังมารูจึงไม่ได้ใสสะอาดเหมือนดั่งหน้าตา ความแค้นความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจดั้งเดิมยังไม่ทันจางหาย ความแค้นความเจ็บช้ำครั้งใหม่ก็โถมทับเมื่อเขาได้พบกับฮันแจฮีอีกครั้ง แล้วก็ถูกกระทำให้ตกเป็น "แพะรับบาป" ดังประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยเดิมอีกหน

คนรักเก่าฮันแจฮีที่ได้กลายเป็นภรรยาน้อยของมหาเศรษฐีแห่งแทซานกรุ๊ปและมีลูกชายกับเขาหนึ่งคนคือเด็กชาย ซออึนซอก แม้ภรรยาหลวงแม่ของซออึนกีจะเสียชีวิตพ้นทางไปนาน แต่ฮันแจฮีก็ยังคงวางท่าทีสงบเสงี่ยมรอคอยวันเวลาอย่างอดทนที่จะขึ้นแท่นเป็นคุณผู้หญิงออกหน้าออกตาเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่โอกาสนั้นก็ไม่มีทีท่าจะเป็นไปโดยง่าย เพราะสามีแก่ขาพิการของเธอนั้นเป็นคนที่ไม่เคยไว้วางใจใคร เขาปกป้องกีดกันทุกสิ่งอย่างที่อาจจะกลายเป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มตำชีวิตของซออึนกี ลูกรักที่เขาได้พยายามจะปูเส้นทางโรยกุหลาบเอาไว้ให้



คนเคยรัก คนเคยสัญญาว่าจะรอ แล้วไม่รอ
คนเคยเสียสละทุ่มเทให้ ทิ้งน้องสาว ทิ้งอนาคตตัวเอง
แต่ทั้งหมดที่ได้รับตอบแทนมีเพียงแค่ การทรยศ
คนรักที่เคยไว้ใจ ความรักที่เคยเชื่อมั่น แหลกสลายไม่มีชิ้นดี

เป็นธรรมดาที่คังมารูต้องคั่งแค้นแทบกระอักเลือด

ทั้งรักทั้งแค้นจึงฝังแน่นยากจะถอดถอน ยากเกินกว่ายอมตัดใจและยอมรับในความโง่เขลา ความเป็นไก่อ่อนของตัวเองที่ถูกรักทำให้ตาบอดจนมองไม่เห็นความทะเยอทะยานเห็นแก่ตัวของคนๆ หนึ่ง จึงทุ่มเทให้หมดทั้งชีวิตจิตใจ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ที่ใดมีแค้นที่นั่นต้องมีการชำระสะสาง

และเธอคือคน "เหยื่อ" ที่ผ่านเข้ามา




ซออึนกี (มุนแชวอน) ทายาทมหาเศรษฐี ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานซอแห่งแทซานกรุ๊ป ลูกสาวที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการและจะต้องรับช่วงต่อการเป็นประธาน CEO ของกลุ่มแทซานในอนาคต เธอเป็นคนฉลาดจึงมองขาดว่าฮันแจฮีที่หน้าซื่อตาใสต่อหน้าพ่อของเธอ คือศัตรูตัวร้ายหมายเลขหนึ่งที่เธอต้องจับตามองอย่างระมัดระวัง และไม่มีวันจะยอมลดราวาศอกให้ ผอ.ซออึนกี ลูกเลี้ยงสาวของฮันแจฮี จึงเป็นหนทางของคังมารูที่จะป่ายปีนขึ้นที่สูง เพื่อจะลากดึงเอาฮันแจฮีกลับคืนลงมาสู่ที่ต่ำ ที่ๆ เธอควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาตั้งแต่แรก



ผอ.ซออึนกี เธอเป็น working woman ที่การศึกษาดีมีความสามารถสูง แต่ความที่เธอเป็นหญิงสาวอ่อนวัย ด้อยประสบการณ์ จึงไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริหารคนอื่นๆ มากนัก บวกกับอุปนิสัย ตามที่พระเอกคังมารูได้ว่าไว้ เธอจึงไม่มีพรรคพวกของตัวเองมากนักในกลุ่มแทซาน

"หยาบคาย หยิ่งยโส ขี้จุกจิก แสนจะเย็นชา
ไม่มีเพื่อนหรืองานอดิเรก ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์
พิพิธภัณฑ์ สนามกอล์ฟ นี่คือสังคมชีวิตของเธอทั้งหมด"


ภายใต้เปลือกของความยโสที่เย็นชา อาจจะเป็นความโดดเดี่ยวของเด็กขาดแม่ หรือจะเป็นความอ้างว้างเพราะขาดความอบอุ่นจากพ่อผู้ใช้วิธีเลี้ยงดูอย่างเหินห่าง ที่ทำให้ซออึนกีตกหลุมพรางที่คังมารูขุดล่อเอาไว้อย่างง่ายดาย เธอจึงหลงรักเขาหมดใจ รักมาก ถึงขั้นทิ้งทุกอย่างในชีวิตได้ เพียงเพื่อผู้ชายคนเดียวที่ชื่อคังมารู



แต่แล้วซออึนกีก็ต้องพบกับความเป็นจริงที่โหดร้าย รักที่เธอทุ่มเทให้ไป ทั้งหมดก็แค่การหลอกใช้ ผู้หญิงที่คังมารูรัก คือ ฮันแจฮี แม่เลี้ยงสาวแสนสวยผู้เป็นศัตรูของเธอเอง และความจริงที่ทำให้ร้าวรานยิ่งกว่าคือในวันเดียวกันนั้น พ่อของเธอเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันเพราะถูกฆาตกรรม



อะไรมันจะรันทดปานนั้น ถ้าคุณจะคิดอย่างนี้ อย่าเพิ่ง เพราะความรันทดมันยังไม่จบเท่านี้ หลังจากหัวใจสลายเพราะชายที่รัก มันยิ่งเคว้งคว้างเพราะการเสียชีวิตของพ่อที่เธอทิ้งเขาไว้ข้างหลังกับเหล่าศัตรู เพียงเพื่อต้องการจะรักจะอยู่กับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าเพียงคนเดียว มิหนำซ้ำเขายังเป็นคนเลวที่หลอกลวงเธอ เกินกว่าจะควบคุมอารมณ์ความโกรธแค้นเสียใจ ซออึนกี่จึงขาดสติที่จะยับยั้งการหาเรื่องใส่ตัวเอง อุบัติเหตุจากเจตนารถพุ่งชนจึงเกิดขึ้น อาการกระทบกระเทือนสาหัส สมองเสียหาย และสูญเสียความทรงจำ (รันทดพอมั้ย ?)



อาการป่วยของเธอถูกปกปิดไม่ให้คนทั่วไปรับรู้ถึงสภาวะที่แท้จริง แล้วซออึนกีก็หายตัวไปจากโรงพยาบาลอย่างไร้ร่องรอย ฮันแจฮีจึงฉวยโอกาสขึ้นแท่นเป็นผู้รักษาการตำแหน่งประธาน CEO ของแทซานกรุ๊ปชั่วคราว เธอเพียรพยายามจะสืบเสาะหาตัวซออึนกีเพื่อเขี่ยให้พ้นทางไปตลอดกาล และเตรียมการจะฮุบทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง

ซออึนกีลืมสิ้นทุกอย่าง กระทั่งทักษะความรู้ วิธีอ่านออกเขียนได้
แต่สิ่งเดียวที่เธอไม่ลืม คือความรักที่เธอมีต่อ คังมารู (เว่อร์มาก)

เขาได้พบแล้ว คังมารูพบแล้วกับซออึนกีที่หายไป ซออึนกีที่เขาเฝ้ารอ




ก่อนหน้านี้ไม่นาน เพิ่งจะเขียนถึงกษัตริย์จูมงและพระมเหสียีโซยาในบล็อก ซีรีย์ Crime Squad เกี่ยวกับเรื่อง "คือความรักหรือแค่ความรู้สึกผิด" ที่ผู้เขียนฟันธงว่า ความรู้สึกผิดก็เป็นบ่อเกิดของความรักได้ มาเจออีกแล้วในซีรีย์เรื่องนี้ หัวใจแสนดีของผู้ชายคนดีชื่อคังมารู เมื่อได้ตัดสินใจทำร้ายซออึนกีผู้หญิงที่รักตนอย่างจริงใจ มีหรือจะไม่เจ็บปวด ไม่เสียใจ และไม่เจ็บจมอยู่กับความรู้สึกผิด ถึงภายนอกเธอจะเป็นคนเก่งกร้าน ยโสหยาบคาย เย็นชาเป็นภูเขาน้ำแข็งอย่างนั้น แต่มีหรือหัวใจที่อ่อนโยนของคังมารูจะไม่รับรู้ถึงความบอบบางที่อยู่ลึกภายใน เธอเคยอยู่ได้ด้วยตัวเอง เคยปกป้องตัวเองเป็นด้วยเปลือกเหล่านั้นที่ห่อหุ้ม แต่คังมารูได้ทำลายมันไปจนหมดสิ้น นั่นคือฝันร้าย คือความรู้สึกผิดที่เขาไม่เคยลืม และนั่นคือ'ความรัก' (วิ้วววว)





หลังจากคังมารูทำผู้เขียนเสียอารมณ์อยู่เป็นนานสองนาน หงุดหงิดอยู่เรื่อยที่พระเอกยังสะท้านสะเทือนในอารมณ์กับคนรักเก่า แม้ว่าจะถูกกระทำปานนั้น ก็หาได้หมดสิ้นเยื่อใยไม่ แต่หลังจากนี้ชีวิตของคังมารูจะมีแค่ซออึนกี (ดีใจแท้หล่า)

ที่ไม่เคยรัก จะรักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี
ที่ไม่เคยใส่ใจ จะทนุถนอมคอยดูแลไม่ห่าง
ที่เคยต้องเสียอะไรไป จะนำทุกสิ่งกลับมาคืนให้
(เว้นแต่คุณพ่อ ที่ไม่อาจจะเสกให้ฟื้นคืนน่ะนะ)



เขาจะคืนความเป็น "ซออึนกี" ให้ตัวตนของเธอได้กลับคืนมา
แม้ว่านั่นจะหมายถึง การกลับมาพร้อมกับความทรงจำที่เลวร้าย

ความทรงจำเที่เขาได้เคยทำร้ายเธอ

และเมื่อวันนั้นมาถึง หากเธอจะโกรธเกลียดและไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
เพื่อทุกสิ่งแด่ซออึนกี คังมารูคนนี้พร้อมแล้วจะยอมแลก



การดำเนินเรื่องหลักๆ ของซีรีย์เรื่องนี้ จึงเป็นการต่อสู้ของคนรักเก่าสองคน ฮันแจฮี กับ คังมารู เพื่อช่วงชิงสมบัติพัสถานของ ซออึนกี

ฮันแจฮี ร้ายละโมบ เพราะเธอโลภจึงต้องสู้เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตัวเอง ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็ก่อเกิดมาจากความขมขื่นในพื้นเพชีวิตที่ลำบากยากจน เมื่อปล่อยให้มือเปื้อนเลือดมันก็เป็นตราบาปฝังแน่นในจิตใจ เมื่อยอมเอาตัวเข้าแลกยอมเป็นภรรยาน้อยมันก็เป็นความกดดันในชีวิต เพราะต้องคอยเก็บกดความรู้สึกเพื่ออดทนเป็นคนดี ต้องคอยปรนนิบัติเอาใจใส่สามีแก่ขาพิการที่อารมณ์ร้าย แต่กลับไม่เคยได้รับการเปิดเผยฐานะ"ภรรยา"ให้คนยกย่องชื่นชม ซ้ำร้ายลูกชายของเธอก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากสามีเท่าไรนัก แม้เขาจะเลี้ยงซออึนกีในวิธีที่ต้องการให้เธอแข็งแกร่งแต่เขาก็รักลูกสาวคนนี้และตระเตรียมทุกอย่างไว้ยกให้ซออึนกีเพียงผู้เดียว จะว่าไปก็น่าสงสาร แต่ก็สงสารไม่ค่อยลง แพ้ใจตัวเองทำเรื่องชั่วก็แย่แล้ว แต่ที่ไม่รับผิดชอบความชั่วของตัวเองนั้นแย่ยิ่งกว่า

คังมารู ร้ายเดียงสา เพราะว่าฮันแจฮีอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ โลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง เพื่อซออึนกีที่เขารัก ความยุติธรรมที่เธอควรได้รับเขาจะสร้างมันให้เธอเอง ติดแต่ว่าร้ายไม่ค่อยจะจริง เพราะโดยจิตใจเนื้อแท้เขาเป็น nice guy ที่ innocent





ส่วนซออึนกี เธอร้ายสู้คน ถือเป็นเสน่ห์ชูโรงตัวหลักสำหรับผู้เขียนเลย ทั้งที่บทความจำเสื่อม อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำของเธอ มันควรจะน่ารำคาญ การเป็นสาวสองบุคลิก คือยามปกติเธอเป็นคนฉลาดรู้ นิสัยมุนินทร์แรงเงา มีพิษสงรอบตัว ยิ่งเคลือบความเย็นชาเอาไว้ด้วย ยิ่งดูแล้วไม่น่าคบหา กับอีกซออึนกีตอนความจำเสื่อม ความอ่อนแอ ความอ้างว้างจากความทรงจำที่ว่างเปล่า สัญชาตญาณที่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดทำให้เธอปิดกั้นตัวเองจากความทรงจำในอดีต (แต่ว่าไม่บื้อเหมือนยัยมุตตาแรงเงา) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบุคลิกไหน สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนคิดว่ามุนแชวอนเล่นบทนี้ได้ดีมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นคาแรคเตอร์ก่อนหรือหลังความจำเสื่อม หรือกระทั่งตอนฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ เธอก็ยังเป็น "ซออึนกี" ที่ดูแล้วแสนจะเปราะบาง



โดยปกติผู้เขียนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับการดูซีรีย์พระเอกหน้าตาเทพบุตรได้จบเรื่อง เพราะหล่อเกินไป จนรู้สึกว่ายากที่จะหานางเอกมาเป็นคู่กันได้ลงตัว เมื่อพระเอกหน้าหวานปานดอกไม้ไปคนนึงแล้วก็ย่อมอดไม่ได้จะรู้สึกว่ามันข่มความงามของนางเอกและทำให้เสียความสมดุลของการเป็นคู่พระ-นางไปน่ะสิ



มุนแชวอน รับบทเป็นนางเอกของซงจุงกิ ตอนแรกยังคิดว่าน่าเป็นห่วงซะจริงๆ เพราะในสายตาของผู้เขียนเธอไม่ใช่นักแสดงหญิงที่สวยมากถึงขั้นจะดูเหมาะสมกับพระเอกหล่อระดับเทพได้ เธอเป็นประเภทสวยจืดๆ ต้องดูไป อินไป แล้วจะเริ่มรู้สึกว่าเธอสวยจัง สวยจังเลย ดูไม่เบื่อ แบบนี้ล่ะมั้งที่เค้าเรียกว่า "สวยพิศ" ก็ขนาดคิดว่าเธอเป็นคนไม่สวยมากนัก ยังทำตัวประหนึ่งเป็นเลสเบี้ยนด้วยการแคปรูปหน้าเธอมาเยอะมากกกกกก จากนางร้ายน่าชัง (แต่ฉันชอบ) ใน Brilliant Legacy นางเอกน่าหมั่นไส้เพราะนิสัยไม่ดีใน It's Ok daddy's girl นางเอกผู้หนักแน่นกับการบูชาความรักใน The Princess's man และมาถึงเรื่องนี้ Innocent Man นางเอกที่ยามปกติเย็นชา ยามไม่ปกติ(ความจำเสื่อม)ยิ่งเย็นยะเยือกอย่างน่าใจหาย มีผลให้นับจากนี้ผู้เขียนขอปักใจยกมุนแชวอนให้เป็นนางเอกฝีมือระดับจัดจ้านคนหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะบทไหนเธอก็เข้าถึงบทบาทได้ดีเหลือเกิน



ซงจุงกิ ยิ่งไม่ต้องกลัวความผิดหวัง เพราะเคยทำผลงานประทับใจมาแล้วในเรื่องรากไม้ Deep Rooted Tree ที่แม้จะออกมาแค่ ๔ ตอน แต่เป็น ๔ ตอนที่ยังจดจำเอาไว้ชื่นชมกันอยู่ และจุงกิก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งใน Innocent Man ที่แต่ต้นจนจบได้สวมวิญญาณคังมารูแบบไม่มีหลุดคาแรคเตอร์แม้สักแว่บเลย นิ่มๆ เย็นๆ แต่เล่นแรง มิเสียแรงที่อุตส่าห์ตัดใจยอมออกจากรายการเรตติ้งยอดนิยมอย่าง Running Man เพื่อหันมาทุ่มเทให้กับงานการแสดงอย่างเต็มที่ ปีนี้ซงจุงกิยังตบท้ายความฮอทส่งท้ายปีด้วยภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ Wolf boy เข้าไปอีกเรื่อง ช่วงนี้ต้องถือว่าเขาเป็นนักแสดงหนุ่มหล่อที่กำลังรุ่งสุดๆ



ปาร์คซียอน จากรองอันดับ ๒ มิสเกาหลีปี ๒๐๐๐ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังดูสาว ดูสวยไม่สร่างในปี ๒๐๑๒ ทั้งที่มันก็เนิ่นนานมาแล้วจากที่เคยเห็นซียอนใน My Girl เมื่อ ๖ ปีก่อน ว่ากันตรงๆ เธอในตอนนี้สวยกว่าเธอในตอนนั้นที่ยังเอ๊าะๆ มากมาย เธอโดดเด่นมากใน Innocent Man และซียอนก็เล่นได้ดี มิมีเสื่อมเสียศักดิ์ศรีของการเป็นรุ่นพี่ผู้คลุกคลีในวงการมานานกว่าแม้แต่น้อย ซงจุงกิอายุ ๒๕ มุนแชวอนอายุ ๒๖ มันน่าอิจฉาจริงๆ ที่ปาร์คซียอนอายุ ๓๓ ในสถานภาพสมรสแล้ว แต่ยังดูสวยใสและดูเหมือนวัยไม่แตกต่างกันนักกับนักแสดงหลักที่เป็นรุ่นน้องทั้งสอง อยากรู้จริงๆ เธอกินอะไรเป็นอาหาร?



แม่เหล็กดึงดูดให้ดูซีรีย์เรื่องนี้จนจบ สำหรับผู้เขียนก็มีแค่เพียงพลอตเรื่อง ที่เล่นอยู่กับความรู้สึกและความทรงจำของตัวละครหลักที่แสดงโดยทั้งสามคนนี่แหละ ชอบพลอตเรื่องมากเลยนะคะ แม้ว่าจะเสียอารมณ์นิดหน่อยที่ซออึนกีดันจำความรักที่มีต่อพระเอกได้ เพราะที่คาดหวังตั้งตารอเอาไว้คือซออึนกีความจำเสื่อมจำอะไรเกี่ยวกับมารูไม่ได้เลย แล้วมารูก็จะต้องเป็นฝ่ายเพียรพยายามปลูกต้นรักให้เติบโตด้วยการเริ่มต้นรดน้ำใส่ปุ๋ยขึ้นมาใหม่ ต้องอย่างนั้นถึงจะสะใจผู้เขียน อุตส่าห์รอสมน้ำหน้าพระเอกอยู่ตั้งนาน ผิดหวังซะงั้น



เรื่องนี้ได้นักเขียนบท Lee Kyeong-Hee ที่มีผลงานสร้างชื่อใช้เป็นพาดหัวโฆษณาหากินได้ตลอดคือ I'm sorry I love you และ Will It Snow For Christmas? ที่ผู้เขียนเองก็ยังไม่เคยดูสักเรื่องหนึ่ง แต่ก็กำลังเล็งๆ เรื่องแรกไว้อยู่เพราะอยากจะมีประวัติเคยรับชมผลงานของพระเอกหน้าหยก "โซจีซบ" กับเขาสักเรื่อง แถมเรื่องนี้ยังมี "จองคยองโฮ" ตอนเอ๊าะๆ รับบทพระรองเป็นน้องชายพระเอกอีกด้วย แต่ไหงตัวเองกลับคิดว่าดู Innocent Man แล้วพาลลดทอนความอยากดู I'm sorry ไปไม่น้อย ยังคงยืนยันว่าชอบพลอตเรื่อง Innocent Man แต่เพราะไม่ค่อยชอบการเขียนบทสักเท่าไหร่ บางทีมันก็มึนๆ งงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละครบ้าง สะดุดกับบทบาทของตัวละครสมทบบ้าง เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยไหลรื่นไปด้วยกันกับอารมณ์ของเรื่องและตัวละครหลัก



ทนายปาร์คจุนฮา (Lee Sang-Yeob) ทนายหนุ่มประจำตระกูล และเป็นผู้ช่วยฯ ของ ผอ.ซออึนกีในแทซานกรุ๊ป ในอดีตพ่อของเขาเป็นเลขาฯคนสนิทของท่านประธานซอ (พ่อของอึนกี) เขาจึงเติบโตมาพร้อมกับซออึนกีและเป็นที่ไว้วางใจของท่านประธานซอมากพอที่จะทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้ ..'ต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้อึนกี แต่เธอจะต้องไม่ไปไหน และอยู่เคียงข้างอึนกีตลอดไป' (คำพูดประมาณนี้แหละ)




เป็นบทพระรองที่ควรโดดเด่นเป็นน้องๆ พระเอกตามธรรมเนียมซีรีย์เกาหลีโดยทั่วไป แต่บทบาทของทนายปาร์คดันเบาบางขาดน้ำหนักน้อยกว่าที่อยากจะเห็น คาแรคเตอร์ของทนายปาร์ก็ตามสูตรพระรองเกาหลีคือ แสนดี รักเธอเท่าฟ้า ใจกว้างเป็นน้ำทะเล ไม่เคยต้องการสิ่งใดแค่ได้เห็นเธอมีความสุขก็พอ พ่อพระปาร์คจึงเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ไม่อาจฝืนชะตาของการเป็นพระรองไปได้คือ "แห้ว"



ทนายอันมินยอง (Kim Tae-Hun) ทนายอาวุโสประจำตระกูลที่รับใช้ท่านประธานซอโดยตรง แต่แอบมีใจให้คุณผู้หญิงฮันแจฮีของบ้าน คิดว่าบททนายอันแคสติ้งนักแสดงมาไม่สมบทบาทเท่าไหร่ ทั้งที่เป็นบทสำคัญมาก แต่กลับเล่นแล้วดูแข็งๆ ทื่อๆ ดูแล้วไม่ชวนอินสักเท่าไร



พัคเจกิล (Lee Kwang Soo) กับ คังช้อคโก้ (Lee Yoo-Bi) เพื่อนสนิทและน้องสาวของมารู คู่นี้แหละที่ไม่รื่นที่สุด จะจริงจังก็ไม่ใช่ จะเฮฮาก็ไปไม่ถึง มันเลยฝืดๆ เห็นหน้ากวางซูก็คาดหวังไว้มิใช่น้อยว่าคงจะเป็นตัวเฮฮาสร้างบรรยากาศหมองๆ ให้ผ่อนคลาย เอาเข้าจริงเห็นคนไม่หล่อ เล่นบทเก๊กหล่อแอ๊บเท่แล้วก็แสนจะขัดตา เข้าใจว่าคงตั้งใจจะให้ฮา แต่มันดันฮาฝืดไปซะ ช้อคโก้ก็บทจะดีก็สดใสไม่เป็นอะไรเลย บทจะป่วยเธอก็ป่วยขึ้นมาดื้อๆ (ไม่รู้ป่วยเป็นอะไรด้วย) คังมารูต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ลำบากเพื่อน้องสาวที่ป่วยขี้โรค แต่ก็ไม่รู้ชัดอีกเช่นกันว่ามันขมขื่นอย่างไร เพราะซีรีย์แสดงจุดนั้นเพียงติ๊ดเดียว แต่จิ้นเอาจากคำพูดและคาแรคเตอร์หมองๆ ของตัวละครว่ามันคงจะขมขื่นม๊าก



พัคเจกิลทั้งเรื่องไม่มีงานทำ ความเป็นมาก็น่าสับสน ด้านหนึ่งชวนให้ดูเหมือนเป็นเพื่อนเก่าแก่ รู้จักมักคุ้นกับคังมารู คังช้อคโก้และ ฮันแจฮี มาเนิ่นนาน แต่อีกด้านก็ทำให้เห็นเป็นลูกคุณหนูไฮโซที่หันหลังให้กับความร่ำรวยของตัวเอง ถูกตามตัวไปรับช่วงต่อธุรกิจบ้าง ไปเคารพศพพ่อบ้าง จะทำเพื่ออะไรให้เปลืองบทเปลืองเวลาทำไมก็ไม่รู้ ให้เป็นเพื่อนบ้านเดียวกัน รักกันสนิทกัน อย่างที่ควรจะเป็นตามที่เห็นอยู่ซะก็จบเรื่อง พัฒนาการความสัมพันธ์กับช้อคโก้ก็ดูแล้วไม่เนียนเท่าไหร่ แทนที่จะดูน่ารักเป็นความรักอีกคู่แบบที่เกาหลีชอบทำ สำหรับผู้เขียนบอกได้คำเดียวว่าน่ารำคาญ (หรือเป็นที่ตัวเราเองนะ ที่ยึดติดกับความเป็นซีรีย์เกาหลี อิอิ)



เลขาโจ เลขานุการลูกน้องคนสนิทของทนายอันมินยอง ทำหน้าที่เป็นเบ๊รับใช้ในเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใช่เรื่องดีๆ

เลขาฮยอน เลขานุการลูกน้องคนสนิทของผู้อำนวยการซออึนกี เลขาแสนดีที่ดูแลเจ้านายเหมือนญาติสนิท ไม่ทอดทิ้งไปในยามยาก

คุณหมอมินฮยอก นายแพทย์ผู้รักษาอาการทางสมองของซออึนกี

ฮันแจซิก พี่ชายนักเลงของฮันแจฮีที่มีอดีตเป็นคนคุก มีบทบาทคอยรีดไถน้องสาว หรือไม่ก็รับทำเรื่องชั่วๆ เพื่อแลกกับเงินที่หวังจะได้จากน้องสาวฮันแจฮี ถ้าไม่ได้จากแจฮี ก็ยังมีทนายอันมินยองอีกคนที่เรียกใช้

และต้องไม่ลืมตัวละครคนนี้



ท่านประธานซอ (Kim Young-Chul) รับบทโดยคิมยังชอล กษัตริย์เซโจจากเรื่อง The Princess's man กลับมารับบทพ่อให้กับมุนแชวอนอีกครั้ง ด้วยบทบาทที่เหมือนกันเลย พ่อที่คอยกดดัน คอยกีดกันความรัก กับลูกที่ดื้อรั้น ตอบโต้ด้วยนิสัยที่ "แรงส์" เล่นได้เครียดดีส่งความกดดันได้ถึงหมดทั้งลูกสาวซออึนกีและภรรยาสาวฮันแจฮี



ในความคิดที่สายตาอาจจะเห็นและรู้สึกเฉพาะตัวเองคือ เรื่องนี้มันไม่ค่อยรื่นในเรื่องบทบาทของตัวละครและการดำเนินเรื่อง มันมึนๆ ยิ่งช่วงท้ายยิ่งทำมึนไปหลายตลบ โดยเฉพาะคังมารูที่แค้นๆ จะลากแจฮีลงมาจากบัลลังก์อยู่หยกๆ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาสำนึกผิดโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้นางฟ้าแจฮีในอดีตต้องแปรเปลี่ยนไป เขาผิดเองที่โง่เขลาและกระทำผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยการยอมรับผิดแทนแจฮีคราวนั้น เธอจึงต้องดิ้นรนอยู่ลำพัง หลงเดินทางผิดและเตลิดไปไกลจนกลายเป็นนางปิศาจร้าย เป็นเขาเองที่ผลักไสเธอไปสู่เส้นทางผิดๆ นั้น เอ่อ ..ฉันก็มึนๆ แต่ก็พยายามจะเข้าใจ เพราะตัวเราก็เคยเป็นนะยามที่เสียใจกับการกระทำของใครสักคนและรู้สึกว่าบางทีมันอาจเป็นตัวเราเองที่เป็นต้นเหตุเป็นตัวกดดันบีบคั้นให้ใครคนนั้นต้องหันเหไปเลือกเส้นทางที่ไม่ควรเดิน



แต่ที่คังมารูไปสัญญิงสัญญา แม้ว่าไม่อาจจะให้ความรักได้อีกต่อไป แต่ทั้งชีวิตที่เหลือ จะรอ จะอยู่เคียงข้าง จะคอยดูแลตลอดไป อ้าว ..! แล้วอึนกีของฉันล่ะ ? ยังไม่ทันหายคาใจนัก คังมารูก็ไปชวนอึนกีหลบหนีไปจากโลกที่วุ่นวายอยู่กับการแก่งแย่ง แล้วเริ่มต้นใหม่กับการใช้ชีวิตเราสองร่วมกัน อ้าว! แล้วสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับแจฮีล่ะ เธอยังไม่ทันจะให้คำตอบเลย หลังจากนั้นก็กลับไปพูดถึงสัญญากับแจฮีอีกแล้ว เฮ้ย นาย ? ตกลงนายเอาไงว๊า ชีวิตเดียวของนายเนี่ย ตกลงจะหายใจอยู่เพื่อใครกันแน่ ช่วยเอาให้หนักแน่นสักทาง ไม่งั้นฉันมึน

ไหนๆ ก็จะรันทดแล้ว ความจริงจะจบไปด้วยฉากรันทดที่กะหลอกคนดูให้ใจหายฉากนั้นไปเลยจริงๆ มันก็โอเคนะ จะได้เศร้าแบบซาดิสก์ดี (แค่อาจจะโดนแฟนๆ ส่วนใหญ่ด่าอย่าซาดิสก์) เพราะตอนจบเนี่ย มันคนละอารมณ์เป็นหนังคนละม้วนอย่างที่คุณ Nikanda ว่าเอาไว้จริงๆ เล้ย



แต่ก็บ่นไปงั้นๆ เพราะถ้าลองชั่ง ความไม่รื่นของ Innocent Man กับความสุดประทับใจของ Thank you แล้ว ผู้เขียนบท Lee Kyeong-Hee ก็ยังมีภาษีเหลืออยู่อีกมากนัก ยิ่งได้รู้ว่าเขียนความสะเทือนใจเรื่อง Sangdoo, Let's Go to School! ด้วย เชื่อเลยว่าท่านเค้าถนัด "ความรันทด" ในระดับตัวแม่ นี่ยังไม่นับ A Love to Kill อีกเรื่องที่ยังไม่เคยดู เพราะพลอตมันออกรันทดชัดเจน "แค้นเพื่อรัก"

ไหนๆ ก็ซึมซับความเศร้าของท่านนักเขียน Lee Kyeong-Hee มาตั้ง ๓ เรื่องแล้ว ดังนั้น ผลงานรันทดระดับขึ้นหิ้งอย่าง I'm sorry I love you ก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าลอง















































ขอบคุณภาพใบปิดและข้อมูลละครจาก AsianWiki




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2555    
Last Update : 24 มกราคม 2556 22:45:10 น.
Counter : 48525 Pageviews.  

The Princess's Man รักแบบโรมิโอกับจูเลียต โรแมนติกหรือไร้สติ




Title: The Princess' Man
Director: Kim Jeong-Min, Park Hyun-Suk
Writer: Jo Jung-Joo, Kim Wook
Network: KBS2 July 20, 2011 - October 6, 2011 Wed. & Thu. 21:55
Episodes: 24 TV Ratings: 23.8% (TNmS Nationwide Weekly Average)





The princess's man เป็นซีรีย์เกาหลีย้อนยุคของสถานีโทรทัศน์ KBS ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงถึง ๒๓.๘ % ครองเรตติ้งอันอับหนึ่งของกลุ่มซีรีย์ที่ออกอากาศทุกวันพุธ พฤหัส ในช่วงนั้น แม้ว่าตัวองค์หญิงอิเซรยอง (นางเอก) พระราชธิดาของกษัตริย์เซโจจะมีหลักฐานบันทึกไว้ในพงศาวดารน้อยมากจนไม่เป็นที่แน่ใจว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ (และคนเขียนบทละครก็เขียนได้สอดคล้องดีนะที่กษัตริย์เซโจได้มีราชโองการให้สำนักราชเลขาลบชื่ออิเซรซองออกจากบันทึกประวัติของราชวงศ์) แต่ซีรีย์เรื่องนี้ก็ยังถือเป็นซีรีย์แนวประวัติศาตร์ที่ตัวละครสำคัญหลายๆ คน เคยมีตัวตนอยู่จริง เช่น พระเจ้ามุนจง พระเจ้าทันจง พระเจ้าเซโจ กษัตริย์องค์ที่ ๕-๖-๗ แห่งราชวงศ์โชซอน (ค.ศ. ๑๔๕๕ -๑๔๖๘) อัครมหาเสนาบดี คิมจองโซ องค์หญิงคยองเฮ พระราชธิดาของพระเจ้ามุนจง และเป็นพระพี่นางของพระเจ้าทันจง องค์ชายบางคนที่เป็น "เสด็จอา" และถูกองค์ชายซูยางหรือต่อมาคือพระเจ้าเซโจกำจัดไปทีละคนสองคน เพื่อปัดกวาดหนทางสู่การขึ้นครองราชย์ จนทรงเป็นกษัตริย์ที่ถูกประณามมากที่สุดพระองค์หนึ่งเพราะทรงแย่งชิงราชบัลลังก์มาจากพระนัดดาคือ พระเจ้าทันจง ที่ยังทรงพระเยาว์อย่างไม่เป็นธรรม




เป็นที่เข้าใจกันดีว่าการเอาเกร็ดประวัติศาสตร์มาทำละคร ไม่ได้หมายความว่าละครคือประวัติศาสตร์ แต่หากมันมีต้นตอมากจากประวัติศาสตร์ แม้การเขียนบทอาจจะเกี่ยวพันแค่เล็กน้อย สอดคล้องแค่นิดหน่อย ก็เชื่อว่าซีรีย์เรื่องนั้นๆ จะยังมีความน่าสนใจที่ดึงดูดผู้ชมไว้ได้พอสมควร และหากทำละครออกมาได้ดีชวนติดตามเรตติ้งก็จะดีตามมาด้วย เรื่องนี้ถ้าอ่านประวัติอย่างสั้นในวิกิพีเดีย ถือว่าเขียนเค้าโครงเรื่องส่วนที่เป็นเรื่องราวการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์เซโจได้สอดคล้องกับเหตุการณ์คร่าวๆ ตามประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าอิน




ว่ากันว่าเรื่องนี้คือ โรมิโอกับจูเลียต ฉบับโซซอน ณ เมืองเวโรนามี ๒ ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลคาปุเล็ตและมอนตะคิวที่ไม่ถูกกันมาช้านาน ณ เมืองโซซอนก็มี 2 ตระกูลใหญ่ที่ไม่ลงรอยกัน คือ ตระกูลของอัครเสนาบดี-คิมจองโซ กับตระกูลเชื้อพระวงศ์-องค์ชายซูยาง พระราชโอรสของกษัตริย์เซจงและพระมเหสีโซฮอนจากตระกูลชิม



คิมซึงยู (รับบทโดย พัคชิโฮ) เป็นบุตรชายคนเล็กของคิมจองโซ อัครเสนาบดีผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ แต่ตามประวัติศาสตร์อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ เพราะคิมจองโซ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การแผ่ขยายอำนาจในราชสำนักที่ไปชนเข้ากับการขยายอำนาจขององค์ชายซูยาง ใครจะรู้ว่าเป็นการจงรักภักดีเพื่อปกป้องกษัตริย์ หรือเป็นพยายามกุมอำนาจไว้ในมือของตนเอง แต่ตามเรื่องนี้คิมจองโซเป็นขุนนางผู้จงรักภักดีที่คอยค้ำจุนบัลลังก์



อิเซรยอง (รับบทโดย มุนแชวอน) ธิดาคนโตขององค์ชายซูยางผู้ต้องการเป็นใหญ่ในแผ่นดินแทนกษัตริย์องค์ปัจจุบันที่เป็นพระเชษฐาของพระองค์เองคือพระเจ้ามุนจง ต่อมาเมื่อพระเจ้ามุนจงสวรรคต องค์ชายรัชทายาทโนซานจึงขึ้นครองราชย์สืบต่อบัลลังก์จากพระบิดา โดยมีคิมจองโซเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แวดล้อมด้วยขุนนางภักดีที่คอยสนับสนุนจากสำนักปราชย์จีพยอนจอน





อิเซรยองมีศักดิ์เป็นน้องสาว (ลูกพี่ลูกน้อง) และเป็นเพื่อนขององค์หญิงคยองเฮ พระพี่นางขององค์ชายรัชทายาทโนซาน ส่วนคิมซึงยูเป็นนักปราชญ์หนุ่มคนสำคัญแห่งสำนักจีพยอนจอน ผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น "พระอาจารย์" คนล่าสุดขององค์หญิงคยองเฮ หลังจากที่พระอาจารย์คนก่อนๆ มักมีอายุงานแสนสั้น เพราะโดนองค์หญิงคยองเฮกลั่นแกล้งสารพัด กิตติศัพท์ขององค์หญิงผู้เย่อหยิ่งตัวแสบจึงเข้าหูคิมซึงยูเป็นอย่างดี





เมื่อเขามาเป็นพระอาจารย์ขององค์หญิง คิมซึงยูจึงมิได้ปฏิบัติต่อนางอย่างนอบน้อมนัก เพราะคิดจะกำราบลูกศิษย์กันไว้เสียแต่วันแรก แต่องค์หญิงผู้อยู่หลังม่านการศึกษา ไม่ได้เป็นอย่างที่คิมซึงซูเคยได้ยินค่ำร่ำลือ ตั้งแต่แรกรู้จักพระพักตร์ องค์หญิงเป็นผู้ฉะฉานด้วยวาจาคมกริบ เฉลียวฉลาดและกล้าหาญเกินความเป็นหญิง ยิ่งได้พบกันนอกรั้วกำแพงวัง ความสัมพันธ์ของลูกศิษย์กับพระอาจารย์ก็กลายเป็นความรัก โดยที่คิมซึงยูไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า องค์หญิงที่เขาพบแท้จริงคือ อิเซรยอง ธิดาคนโตขององค์ชายใหญ่ซูยางผู้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของราชวงศ์



องค์ชายซูยางต้องการจะให้โอกาสคิมจองโซเลิกเป็นปฏิปักษ์ต่อตน และหันมาผูกมิตรเพื่อสนับสนุนเส้นทางสู่อำนาจ จึงทาบทามสู่ขอบุตรชายคนเล็กของคิมจองโซมาเป็นบุตรเขย เป็นที่ทราบกันดีว่าการสู่ขอจากเชื้อพระวงศ์นั้นเป็นเรื่องยากจะปฏิเสธได้ อิเซรยองอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าว ประจวบกับองค์หญิงคยองเฮก็เบื่อหน่ายการเรียน สองนางจึงตกลงสับเปลี่ยนตัวกัน องค์หญิงคยองเฮแอบหนีออกนอกวัง ส่วนอิเซรยองปลอมตัวเป็นองค์หญิงไปนั่งเรียนกับพระอาจารย์คิมซึงยูอยู่หลังม่านกั้น ด้วยเหตุหลายประการ อิเซรยองจึงไม่อาจจะบอกคิมซึงยูได้ว่านางเป็นเพียงธิดาขององค์ชายซูยาง ไม่ใช่องค์หญิงคยองเฮผู้สูงศักดิ์แห่งโซซอน



พระเจ้ามุนจง กษัตริย์โซซอนในขณะนั้น รู้ดีว่าพระอนุชาซูยางจ้องจะแย่งชิงบัลลังก์ไปจากตน จึงพยายามขัดขวางไม่ให้องค์ชายซูยางได้เกี่ยงดองกับขุนนางใหญ่อย่างคิมจองโซ โดยมีพระบรมราชโองการให้คิมซึงยูอภิเษกสมรสกับองค์หญิงคยองเฮ เสนาบดีคิมจองโซสบโอกาสรอดพ้นจากการคุกคามขององค์ชายซูยางจึงมิได้ขัดข้อง และคิมซึงซูเองก็หลงรักองค์หญิงคยองเฮ(ตัวปลอม) การจะอภิเษกเป็นราชบุตรเขยจึงเป็นความยินดีที่น่าสุขใจยิ่งนัก





แต่องค์หญิงที่คิมซึงยูรักไม่ใช่คนเดียวกันกับองค์หญิงที่จะต้องอภิเษกด้วย

แล้วจากนั้นทุกอย่างก็พลิกตาลปัตรไปหมด จากผู้ที่กำลังจะเป็น "ราชบุตรเขย" โดยไม่เต็มใจ คิมซึงซูกลับต้องกลายเป็นนักโทษ คิมจองโซผู้เป็นบิดาต้องออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดี องค์หญิงคยองเฮต้องอภิเษกกับ "จอง" เพื่อนรักของคิมซึงยูแทน กษัตริย์ทันจงสวรรคต องค์ชายโนซานต้องขึ้นครองราชย์ทั้งที่ยังทรงพระเยาว์





หลังจากนั้นองค์ชายซูยางก็วางแผนทำเรื่องต่างๆ นา เพื่อแย่งชิงบัลลังก์จากพระนัดดาของตัวเอง และท้ายที่สุดได้กำจัดขวากหนามสำคัญอข่างคิมจองโซรวมถึงครอบครัวทั้งหมดเพื่อก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอำนาจ

พ่อของเขาถูกสังหารตายไปต่อหน้า คิมซึงยูหนีรอดไปได้พร้อมกับไฟแค้นแสนสาหัสที่สุมอก เขาจึงต้องกลับมาเพื่อแก้แค้นองค์ชายซูยางและครอบครัว สุดท้ายแล้วความรักของทั้งคู่จะจบลงด้วยความศร้าเช่นเดียวกับโรมิโอกับจูเลียตหรือไม่ (ประโยคท้ายนี้ตั้งใจลอกมาจากเรื่องย่อของของ series8-fc.com โดยเฉพาะ)

เนื้อหาของซีรีย์ที่ผู้เขียนมองเห็นมีหลักๆ อยู่ ๔ ประการ

๑. ความรักของพระเอกนางเอก ประเด็นหนึ่งเดียวที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนมีอารมณ์อยากเขียนถึงซีรีย์เรื่องนี้

๒. การแย่งชิงบัลลังก์ขององค์ชายซูยาง ......ด้าน ไร้ยางอายจริงๆ เลยนะพ่อของนางเอกเนี่ย สามารถเข่นฆ่าผู้คน ทำวิธีสกปรกได้ทุกวิถีทางเพื่อจะริดรอนอำนาจบรรดาขุนนางราชบัณทิตที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ องค์ชายโนซานก็น่าสงสาร เพราะว่ายังเป็นเด็กไร้อำนาจ ขาดที่พึ่ง บรรดา "เสด็จอา" ที่เป็นพระญาติพระวงศ์ก็ถูกสังหารหรือประทานยาพิษตายสิ้น แม้แต่คิมจองโซเสนาบดีที่เป็นขาใหญ่ในราชสำนักผู้แข็งแกร่งที่สุดก็หนีเล่ห์เหลี่ยมการคุกคามจากองค์ชายซูยางไปไม่พ้น







๓. ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสาม ราชบุตรเขยจอง ผู้ตกหลุมรักองค์หญิงคยองเฮตัวจริง ตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งนางสลับตัวกับอิเซรยองแล้วเสด็จออกจากวัง ลูกชายจากตระกูลขุนนางเก่าที่จงรักภักดี เพียงแต่เมื่อสิ้นบิดาของเขาฐานะของตระกูลก็ตกต่ำลง จองเป็นบัณฑิตยากไร้ทั้งเงินและอำนาจ ที่ศึกษาอยู่ในสำนักปราชญ์จีพยอนจอนเช่นเดียวกับเพื่อนสนิททั้งสอง ชินมยอน และ คิมซึงยู



ชินมยอน ลูกชายของท่านมหาบัณทิตแห่งราชสำนัก ขุนนางที่อยู่ในตำแหน่งราชบัณทิตนอกจากจะเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินแล้วก็ไม่มีอำนาจใดและไม่มีโอกาสจะเป็นใหญ่เป็นโตไปกว่านั้นได้ บิดาของชินมยอนจึงเข้าร่วมกับองค์ชายซูยางในการวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ โดยมีตำแหน่ง "ราชบุตรเขย" ที่องค์ชายซูยางจะยกให้กับชินมยอนเป็นเครื่องล่อใจ มยอนที่เป็นนายตรวจการ (หรือตำรวจในสมัยนั้น) จึงได้กลายเป็น "ว่าที่ราชบุตรเขย" คอยรับใช้ใกล้ชิดขององค์ชายซูยางและรับผิดชอบการตามล่า-ฆ่าเพื่อนรัก คิมซึงยู



จองอภิเษกกับองค์หญิงคยองเฮ อยู่ฝ่ายจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ แต่พ่อของมยอนเลือกอยู่ฝ่ายคนทรยศอย่างองค์ชายซูยาง ทำให้มยอนไม่มีทางเลือก เพื่อปกป้องพ่อของเขา และการที่เขาหลงรักอิเซรยองพร้อมกับถูกจับจองให้รับตำแหน่ง "ราชบุตรเขย" หลังองค์ชายซูยางขึ้นครองราชย์ ทำให้มยอนที่แม้ส่วนลึกในใจจะขมขื่นเพียงใด ทั้งเรื่องของเพื่อนรักทั้งสอง เรื่องของท่านอาจารย์หัวหน้าสำนักจีพยอนจอนที่เป็นแกนนำคนสำคัญในการต่อต้านองค์ชายซูยาง แต่ความทะเยอทะยานเล็กๆ ที่สุมซ่อนอยู่ในใจ ที่เคยเป็นรองเพื่อนรักคิมซึงซูซึ่งเป็นบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีใหญ่ ทำให้มยอนเลือกที่จะอยู่ฝ่ายองค์ชายซูยางอย่างเต็มตัว

ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสามที่อาจารย์แห่งสำนักปราชญ์จีพยอนจอนเคยชื่นชมและสอนสั่งให้เป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือดูแลกันตลอดไป จึงถึงคราวแตกหัก เมื่อมยอนเป็นผู้นำกองกำลังทหารบุกเข้าจวนคิมจองโซและสังหารคนในตระกูล มีเพียงคิมซึงยู พี่สะใภ้และหลานสาวที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างครั้งนี้



๔. การแก้แค้นของคิมซึงยู หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นการพยายามทวงคืนบัลลังก์ให้กังองค์ชายโนซานที่ถูกปลดจากการเป็นกษัตริย์ การแย่งชิงบัลลังก์ การถูกเนรเทศ การถูกตามฆ่า และการแก้แค้น และการก่อกบฏ ทำให้ตัวละครเหล่านี้มีบทบาทเกี่ยวข้องอยู่ในเรื่อง

ขุนนางกังฉิน ทรยศ ฝักใฝ่อำนาจและสอพลอ ลุงคนแรกนี่เค้าเป็นตัวเบ้งที่เห็นหน้าอยู่ในละครพีเรียดบ่อยครั้งเลย





หากมีองค์หญิงต้องมีนางกำนัลคนสนิทผู้เกิดมามีชีวิตแค่เพียงเพื่อเป็นบ่าวถวายการรับใช้ เพราะก็ไม่เคยเห็นนางกำนัลในละครพีเรียดทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากรับใช้เจ้านายอย่างเดียวไม่ว่าจะเรื่องดีเรื่องชั่ว ไม่ว่าต้องเป็นหรือตาย เรื่องนี้จึงมี อึนกึม นางกำนัลขององค์หญิงคยองเฮ และโยรี นางกำนัลขององค์หญิงอิเซรยอง (โยรีน่ารักดี)





โจซกจู (Jo Suk Joo) และ..จำชื่อไม่ได้ สองนักโทษเนรเทศที่หลบหนีความตายมาด้วยกันกับคิมซึงยู หลังจากนั้นจึงมีความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ดีขึ้น และคอยให้ความช่วยเหลือคิมซึงยูดุจดังเป็นพี่น้อง





เมฮาง หัวหน้าหอนางคณิกา และนางคณิกาสองสาวคนสนิท เมฮางเป็นคนรักของโจซกจู และได้ยอมให้ที่พักพิงกับคิมซึงยู ชอบคาแรคเตอร์ของเมฮางค่ะ วาจาเชือดเฉือนเย็นชา หน้าตาใจร้าย สายตาดุ ยิ้มยากมากกกก แต่ที่จริงเป็นคนใจดีที่ปากปฏิเสธการช่วยเหลือตลอดแต่ใจและการกระทำกลับตรงกันข้าม





นักเลงประจำถิ่นย่านท่าเรือมาโป



ครอบครัวที่เหลืออยู่ของคิมซึงยู พี่สะใภ้และหลานสาว "อาคัง" (เด็กน้อยน่ารักมาก)





แนะนำตัวละครสำคัญๆ หมดละ อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นพวกมาแล้วจากไป (ตาย) แม้บรรดา "เสด็จอา" ที่พยายามจะช่วยรักษาบัลลังก์ หรือพวกแกนนำของกลุ่มกบฏจะหน้าตาสง่าราศีในฐานะนักแสดงอาวุโสมีฝีมือกันอยู่หลายคน ก็ปล่อยๆ พวกเขาไป (บล็อกเราจะได้ไม่ยาวไปกว่านี้ไง)



"ขอเตือน จากนี้ มี.. สปอยล์ "

มาพูดถึงประเด็นที่ผู้เขียนบังอาจใช้คำว่า "ไร้สติ" กับซีรีย์เรื่องนี้ จนทำให้ซีรีย์ที่ทำท่าจะได้เป็นระดับ "ประทับใจ" ในครึ่งเรื่องแรก ต้องหลุดโผไป และกลายเป็นเพียงซีรีย์ที่ดูจบไป "เรื่องหนึ่ง" เพราะก็หลวมตัวดูมาเกินครึ่งค่อนแล้ว เชื่อว่าซีรีย์เรื่องนี้คงเป็นที่ซาบซึ้งประทับใจของใครหลายๆ คน ที่จะบ่นต่อไปนี้จึงขอออกตัวไว้ก่อนว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่บางครั้งเราก็มีจุด "แตกหัก" หรือ " ประทับใจ" กับซีรีย์เรื่องหนึ่งๆ แตกต่างกันไป เพื่อนทางเมลผู้เขียนท่านหนึ่งดู Shut up flower boy band ซีรีย์ที่ผู้เขียนชอบนักหนา แต่เพื่อนคนนี้เธอเล่าว่าทันทีที่พระเอกคุกเข่าลง ณ จุดนั้น เธอเกิดอาการรับไม่ได้ขึ้นมาทันทีและเธอจึงเลิกดูซีรีย์เรื่องนี้ไปเลย ผู้เขียนเองก็มีอาการเช่นเดียวกันนี้กับหนึ่งการกระทำของตัวละครใน The princess's man ที่ทำให้ร่ำๆ จะเลิกดูซีรีย์เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ ดูมาเยอะแล้ว บังเกิดอาการเสียดายจึงต้องดูต่อให้จบ



ก่อนอื่น อยากจะย้ำอีกครั้งว่า The princess's man เป็นซีรีย์ "เรตติ้งสูง" เป็นเนื้อหา "ความรัก" ระหว่างองค์หญิงอิเซรยอง และคิมซึงซู ที่น่า "ซาบซึ้ง" และหลายคนคง "ถูกใจ" แต่จะถึงขั้นเป็นที่ประทับใจของคนส่วนใหญ่หรือเปล่านั้น ผู้เขียนเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะตอนจบของซีรีย์ไม่ใช่ทั้งอย่างที่คิด (เอวัง..มรณะเยี่ยงวีรบุรุษ) และก็ไม่ใช่ทั้งอย่างที่หวังอยากจะให้เป็น ซึ่งถ้าจะจบอย่างที่มันจบ ขอเปลี่ยนเป็นแบบที่คิดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย คงจะโดนใจผู้เขียนมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ลดทอนคะแนนความชอบพอของซีรีย์เรื่องนี้หรอกนะคะ เหตุผลจริงๆ มันอยู่ที่ ๓ ประการต่อไปนี้ต่างหากล่ะ



๑. คือ ๓ การกระทำของนางเอก หลังจากที่องค์ชายซูยางขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เซโจ และอิเซรยองได้รับการแต่งตั้งเป็น "องค์หญิง" คิมซึงยูกลับมาเพื่อหาทางแก้แค้น

การกระทำที่ ๑ "ฉากแห่งความกังขา" เมื่อคิมซึงยูยิงธนูปักอกกษัตริย์เซโจ องค์หญิงอิเซรยองอึ้ง ตกใจ แต่หันไปเห็นที่ชายป่าฝั่งลำธารอีกด้านจึงพุ่งเอาตัวไปบังธนูของเหล่าทหารที่ยิงใส่คิมซึงยู ฉากนี้มัน เอ่อ .. ก็เข้าใจนะที่นางเอกรักและเป็นห่วงพระเอกมาก แต่ว่าฉากนี้มีพ่ออยู่ด้วย พ่อที่ยอมเอาตัวเองมาเสี่ยงตายถึงที่ แค่กังขาว่า ตอนที่คิมซึงยูยืนเล็งธนูใส่กษัตริย์เซโจอยู่ตรงนั้น คนเป็นลูกทำไมถึงไม่เอาตัวไปขวางบังพ่อของตนไว้? โอเค้! อิเซรยองอาจคิดว่าคิมซึงยูไม่กล้ายิงพ่อของตนจริงๆ ไม่เป็นไร แต่ทันทีที่ธนูปักอก เธอได้แต่ตกใจตาโต ณ จุดนั้น ธรรมชาติของคนจะไม่กรีดร้องเรียกพ่อ ไม่พุ่งไปหาผู้เป็นพ่อที่ล้มลงไปด้วยความตกใจและเป็นห่วงสักนิดเลยเหรอ? แต่กลับมีหางตาไปแลเห็นทหารที่ซุ่มตัวอยู่อีกด้านที่ชายป่า ทันใดนั้น ก็พุ่งไปเอาตัวเข้าบังให้คิมซึงยูโดยอัตโนมัติ เอ่อ .. แล้วพ่อล่ะ ? จริงๆ ฉากนี้ไม่ต้องให้กษัตริย์เซโจโดนยิงก็ได้นะ ถ้าแค่จะให้อิเซรยองแสดงความรักที่สามารถพลีชีพให้คิมซึงซูได้ อิเซรยองจะได้โกรธแค้นพ่อของตนที่วางแผนฆ่าคนรักให้สาสมไปเลย



การกระทำที่ ๒ "ฉากที่รับไม่ได้" เมื่อองค์หญิงอิเซรยองหั่นผมของตัวเองทิ้งต่อหน้ากษัตริย์เซโจเพื่อเป็นเครื่องหมายของการ "ตัดขาด" จากการเป็นพ่อลูกกัน พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด หากพ่อแม่จะตัดขาดลูกเพราะความเกลียดชังมันก็เป็นสิทธิ์ของพ่อแม่ (แต่ก็หายากนะพ่อแม่ที่เกลียดชังลูกน่ะ) แต่ลูกที่ตัดขาดพ่อแม่นั้น เป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่คิดว่าจะได้เห็นจากพฤติกรรมของตัวละครที่ได้ชื่อว่าเป็น "นางเอก" ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าผู้เขียนบทต้องการอะไรจากการกระทำนั้น หากอิเซรยองจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือรับรู้การกระทำของพ่ออีกต่อไป จะไม่เป็นองค์หญิง จะไปอยู่นอกวัง ก็แค่ออกจากวังไป ทำไมลูกต้องทำร้ายหัวใจคนเป็นพ่ออย่างนั้น จริงอยู่กษัตริย์เซโจไม่ใช่คนดี ขึ้นครองราชย์ด้วยวิธีการสกปรก แต่นั่นคือสิ่งที่เขาทำกับคนอื่นๆ ทว่าในความสัมพันธ์ระหว่างเราสอง อิเซรยองคือลูกรักที่รักเสียยิ่งกว่าโอรสที่เป็นรัชทายาทซะอีก ลูกที่พ่อคนนี้เคยได้รักษาชีวิตเอาไว้เมื่อได้กระทำผิดพลาดครั้งใหญ่ต่อราชวงศ์ ในตอนที่เขายังเป็นเพียงองค์ชายซูยาง

" ถ้าลูกของกระหม่อมต้องตาย คนที่เอาชีวิตลูกของกระหม่อมไป
ลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจของกระหม่อม
กระหม่อมจะทำให้เจ็บจนทุกข์ทรมานอย่างเท่าเทียมกัน"


ฉากตัดขาดความเป็นพ่อลูกด้วยการหั่นผมทิ้งนี้ ต้องยอมร้องไห้ให้กษัตริย์เซโจเลย มันดูรุนแรงเกินกว่าเหตุในความคิดของผู้เขียน เพราะต่อให้อะไรมันเลวร้ายกว่านั้น ต่อให้ทั้งชีวิตเกิดมาพ่อแม่มีแต่รังแกฉัน ลูกก็ยังต้องเป็นลูกที่ต้องกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดอยู่ดีนั่นแหละ ฉากนี้ทำให้ผู้เขียนเครียดเว่อร์ และลังเลอย่างมาก ว่าสมควรจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่







การกระทำที่ ๓ "ฉากแห่งความผิดหวัง" หลังจากดูมาค่อนเรื่องใกล้จะจบอยู่อีกไม่กี่ตอน ก็เลยต้องยอมข่มใจทำไม่รู้ไม่ชี้กับสองการกระทำแรก และดูต่อมา (ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ววะ) เป็นตอนที่ "ซอง" องค์ชายรัชทายาท (น้องชายของอิเซรยอง) กำลังป่วยหนักและคาดว่าอาจจะสิ้นลมในไม่ช้า การที่อิเซรยองดึงดันที่จะจากไปเพื่ออยู่เคียงข้างคิมซึงยูอีกครั้ง โดยที่ไม่แม้แต่จะคิดไปเยี่ยมน้องชายสักหน เป็นอะไรที่ผู้เขียนสุดจะผิดหวังในตัวนางเอก



ผู้ชายนั้นสำคัญก็จริง (ผู้เขียนเห็นด้วย 555) แต่ครอบครัวและพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ไม่มีความหมายให้ห่วงหาอาทรสักนิดเลยเหรอ แม้อิเซรยองจะกลับมาอยู่กับซองในวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ว่ามันต่างกันนะ ถ้าจะปล่อยผู้ชายไปสักพักแล้วหันไปดูแลน้องชายก่อน กับการที่ไม่อาจจะติดตามคิมซึงยูไปได้เพราะอยากจะเสียสละเพื่อเขา แล้วจึงค่อยหันกลับมาดูแลน้องชาย ถ้าหากองค์ชายซองเป็นคนเลวร้ายเหมือนพ่อ เป็นพี่น้องไม่ถูกกันมาก่อน ผู้เขียนก็จะไม่ว่าอะไรอิเซรยองสักคำนิด แต่องค์ชายซองนั้นเป็นคนที่รักและเป็นห่วงพี่สาวมาก ทั้งยังเคยช่วยเหลืออิเซรยองเกี่ยวกับเรื่องของคิมซึงยูมาก่อนด้วย การกระทำของนางเอกแบบนั้น ผู้เขียนรู้สึกอัดอั้นและนึกออกอยู่เพียงประโยคเดียวว่าแม่คุณเอ๋ยช่าง "ใจดำแท้" ทีผู้ชายยังห่วงได้ห่วงดี



๒. คาแรคเตอร์ไร้ชีวิตชีวาของพระเอก ช่วงแรกๆ นั้น คิมซึงยูเป็นคนที่สุดจะสดชื่นแจ่มใส มีหน้าตาและรอยยิ้มพิมพ์ใจหล่อลากดิน ผู้เขียนเข้าใจที่ลักษณะเหล่านี้ต้องหายไปเพราะโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัว จากประสบการณ์การดูซีรีย์พีเรียดผ่านมา มันก็หายากนะ ที่พระเอกนางเอกจะไม่มีชีวิตรันทด ยิ่งถ้าเป็นองค์ชายเชื้อสายกษัตริย์ด้วยแล้ว ความรันทดจะเพิ่มดีกรีความสาหัสไปอีกสักสองสามเท่า แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ดูไร้ชีวิตชีวา ซังกะตายเหมือนพระเอกเรื่องนี้ที่ดูแล้วคอนข้างจะเนิบนาบไร้พลัง คงไม่ใช่ที่การแสดงแต่เป็นการเขียนบทมากกว่าที่ให้ภาพลักษณ์การเป็นคนเก่ง เป็นผู้นำฝ่ายกบฏที่พยายามต่อสู้ทวงคืนบัลลังก์ (ให้กษัตริย์องค์เดิม) แก่คิมซึงยูน้อยไป ดูสิ้นไร้ไม้ตอก หัวเดียวกระเทียมลีบ จะทำอะไรก็ต้องอาศัยบารมีคนอื่นๆ ซึ่งพอพระเอกเข้าก๊กไหน ก๊กนั้นก็ตายเรียบ ถ้าเปลี่ยนเป็นว่าให้ตระกูลของพระเอกยังพอมีอำนาจ พระเอกกลายเป็นผู้นำตระกูลที่ดึงดูดเหล่าผู้คนที่ยังจงรักภักดีเข้ามาหา มารวมตัวกันเป็น "กบฏ" ที่แข็งแกร่งกว่านี้ มี "บารมี" ที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกษัตริย์เซโจมากกว่านี้ พระเอกคงจะได้เท่อีกมาก





๓. รักนี้มากเกินไป สำหรับผู้เขียน ไม่ว่าจะการกระทำของนางเอก หรือคาแรคเตอร์ของพระเอก ผู้เขียนคิดว่ามันเป็นเพราะการเขียนบทที่เน้น "ความรัก" เพราะรักมาก การกระทำของนางเอกจึงเป็นแบบ "อยู่เพื่อรักเธอ" ส่วนพระเอก เป้าหมายคือการแก้แค้นและต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แต่ก็ต้องเกลียดตัวกินไข่เพราะ "ยังรักเธอ" ตลอดเวลาด้วย เรื่องมันจึงผิดไปจากความคาดหวังที่ผู้เขียนคาดไว้ตอนอ่านพลอตเรื่องไปไกลโข คิดว่าจะได้อารมณ์แนวเดียวกับ Princess Jamong Go รักส่วนรัก หน้าที่คือหน้าที่ สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องทำ ตอนอ่านพลอตจึงคิดว่า The princess's man จะเป็นแบบ พระเอกมุ่งมั่นจะแก้แค้น แต่ขณะเดียวกันก็ขมขื่นเพราะไม่อาจจะร่วมทางเดินกับลูกสาวของศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าพี่ชายของตัวเอง และเป็นศัตรูที่ต้องแก้แค้นกำจัดให้สิ้น ส่วนนางเอกคือผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางระหว่างชายสองคน คนหนึ่งคือบิดาบังเกิดเกล้า และอีกคนหนึ่งคือคนรักที่รักสุดหัวใจ ต้องคอยชั่งน้ำหนักในการตัดสินใจกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตลอดเวลาเพื่อปกป้องทั้งสองฝ่าย และมันคงปวดใจน่าดู



ดังนั้นการที่เรื่องเป็นไปในแนวนี้ คือพระเอกตั้งหน้าตั้งตาจะฆ่าพ่อของนางเอก คนรักที่คอยช่วยเหลือปกป้องชีวิตของตนมาตลอด หรือนางเอกที่ตั้งหน้าตั้งตาจะอยู่เคียงข้างพระเอกที่วางแผนจะลากพ่อของตนลงมาจากบัลลังก์และฆ่าทิ้งเสีย จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าประหลาดสำหรับผู้เขียน ดูรวมๆ แล้วมันเป็นการเทใจให้พระเอกอยู่ข้างเดียว โดยที่ให้น้ำหนักของเนื้อหาด้านความรักของพ่อกับลูกน้อยกว่ามาก ความรักในฐานะลูก และความรักในฐานะหญิงสาว ควรจะเป็นความลำบากใจสาหัสของนางเอกให้เรื่องมันสุดเข้มข้น ให้นางเอกได้แสดงความเข้มแข็งที่ต้องอดทนกับรักต้องห้าม และต้องปกป้องทั้งพ่อและผู้ชาย กลายเป็นว่าดูเธอไม่ค่อยจะลำบากใจเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะที่องค์หญิงอิเซรยองเลือกอยู่ตลอดทั้งเรื่องคือ คิมซึงยู (ที่บ่นขนาดนี้ หากจะมีคนว่า บ่นนักไปเขียนบทเองเลยไป ผู้เขียนก็จะขอน้อมรับความหมั่นไส้นั้นไว้อย่างจำยอม ^^)





แต่ที่จริงมันก็เป็นแค่การมองต่างมุมนะคะ เพราะอีกมุมนึง ความรักที่อิเซรยองมีให้กับคิมซึงอยูก็เป็นเรื่องน่าซาบซึ้งที่บางคนอาจจะบอกว่ารู้สึกอิ่มเอมใจกับความรักที่นางเอกมีให้พระเอก แถมยังปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่ามุนแชวอนผู้รับบทอิเซรยอง เธอแสดงได้ดีจริงๆ สมแล้วที่เธอมัดใจผู้เขียนได้ตั้งแต่เล่นเป็นนางร้ายประชันบทบาทกับนางเอกแสนสวยมากฝีมืออย่างฮันฮโยจู ใน Brilliant Legacy และบทนางเอกนิสัยเสียเอาแต่ใจกับเรื่อง It's ok dady's girl



ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา The princess's man สำหรับผู้เขียนจึงไม่อาจเป็นละครรักประทับใจ แต่เป็นละครรักเรื่องหนึ่งในคอนเซ็ปต์ที่ว่า

"ความรักคือสิ่งที่เราไม่ลังเลเพื่อยอมพลีชีพและตายให้แก่กัน"

ประโยคนี้แหละที่ทำให้ผู้เขียนคิดหัวข้อบล็อกออกได้โดยพลันกับคำว่า "ไร้สติ" เพราะผู้เขียนเป็นผู้นิยมมากกว่ากับความรักแบบมีสติ "รักไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต" หากมันมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญกว่า "เราสองคน" ที่จะรักและอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้ ความจริงก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะมันก็มีเหตุที่ว่าพ่อของนางเอกเป็นคนไม่ดี แค่รู้สึกว่าในบางฉาก มันน่าน้อยใจแทนพ่อแม่อย่างน่าใจหายตามที่กล่าวมานั่นแหละ



ฉากที่ทำผู้เขียนร้องไห้จึงไม่ใช่ฉากของพระเอกนางเอกเลย แต่กลับเป็นฉากที่กษัตริย์เซโจคนเลวร้ายคนนั้นร้องไห้ และแม้แต่ตอนจบสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนร้องไห้ก็หนีไม่พ้นความรักของบุพการี ทั้งกับการกระทำของพระมเหสียุน "การปกป้องของแม่ผู้ให้กำเนิด" และ "น้ำตาของพ่อ"



แต่ถึงจะไม่ถูกใจตนมากนัก ผู้เขียนก็ยังคิดว่าซีรีย์เรื่องนี้เหมาะกับคนชอบดู "ความรักโรแมนติก" ไม่งั้นโรมิโอกับจูเลียตดื่มยาพิษจะกลายเป็นวรรณกรรมรักสุดคลาสสิคระดับโลกได้อย่างไร ทั้งยังมีความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความทุกข์ความเห็นอกเห็นใจระหว่าง ราชบุตรเขยจองกับองค์หญิงคยองเฮอีกคู่หนึ่งด้วย คุณอาจจะอยู่ในกลุ่ม "คนส่วนใหญ่" ที่รักและประทับใจซีรีย์เรื่องนี้นะ แต่ถ้าใครอยากจะดูเอามันส์แบบซีรีย์แย่งชิงบัลลังก์ ขอเตือนว่ามันไม่มันส์อย่างที่คิด









ตัวละครที่ชอบมากสุดในเรื่องจึงกลายเป็น กษัตริย์เซโจและองค์หญิงคยองเฮ





มันมีความจริงอย่างหนึ่งว่า ถึงไม่ชอบบทบาทขององค์หญิงอิเซรยองในเรื่องนี้มากอย่างที่คิด แต่ความชอบที่มีต่อมุนแชวอนไม่ได้ลดลงซักกะนิ๊ดนึง เราจึงจะพบกันอีกใน Innocent Man ^^









และมุนแชวอนก็สวยที่สุดในฉากนี้เลย



ขอบคุณ Dramawiki , Asianwiki, Series8-fc




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2555    
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 22:10:47 น.
Counter : 21738 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.