Group Blog
 
All blogs
 

คุณชายแสนร้าย - จำไว้ว่าให้อยู่ห่างจากคนแซ่ตู๋กูเข้าไว้ =='



คุณชายแสนร้าย โม่เหยียน _ เขียน   / เม่นน้อย _ แปล 
สำนักพิมพ์แจ่มใส   พิมพ์ครั้งที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘  


นับแต่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เป็นอาจารย์ครั้งยังเด็กจนกลายมาเป็นลูกศิษย์ เหลียงจิ้ง ไม่เคยย่างเท้าลงจากยอดเขารื่นรมย์ไปที่ใดเลย เพราะนางสุดแสนจะพอใจในชีวิตอันเรียบง่ายสงบสุขนี้อย่างยิ่ง แม้วันดีคืนดีอาจารย์จะคิดหาสารพัดเรื่องมาทดสอบนางกับศิษย์พี่ศิษย์น้องชวนให้ทุกคนต้องคอยอกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา

และแล้วในที่สุดอาจารย์ก็หาเรื่องมาทดสอบนางอีกจนได้ ทว่าภารกิจนี้ฟังดูจะไม่ยากเท่าไรนัก เพียงลงจากเขานำของขวัญไปมอบให้คนเท่านั้น ช่างผิดแผกแตกต่างจากงานอื่นที่อาจารย์เคยสั่งให้นางทำเหลือเกิน

แต่ว่า... นางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เหตุไฉนอาจารย์ถึงได้เตือนนางว่า ‘ให้อยู่ห่างจากคนแซ่ตู๋กูเข้าไว้’ ล่ะ และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายเกินการณ์แล้ว เพราะหนึ่งในบุรุษที่นางพบเจอกลุ่มแรกมีชายที่ชื่อ ‘ตู๋กูฮุ่ยอวี้’ รวมอยู่ด้วยเนี่ยสิ!




แนะนำตัวละคร

เหลียงจิ้ง : หญิงสาวกำพร้าผู้ถูกหลิงหูเจวี๋ยเก็บไปดูแลสอนสั่งเป็นลูกศิษย์ตั้งแต่เด็ก แม้วรยุทธ์จะอ่อนด้อย แต่นางกลับเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรและพิษ

นางเอก  ...  น่ารักมาก  เฉลียวฉลาด รอบคอบ ไม่กร่าง ไม่พูดมาก จิตใจดีมีเมตตา แม้ว่าจะเชี่ยวชาญเรื่องพิษระดับศิษย์รักผู้สืบทอดวิชาของ หลิงหูเจวี๋ย "คุณชายหมื่นพิษ" แต่ก็เลือกใช้พิษเบาพิษหนักตามสถานการณ์และมีเจตนาแน่วแน่ที่จะไม่ทำร้ายใครให้มากที่สุด

ตู๋กูฮุ่ยอวี้ : คุณชายแห่งบ้านสกุลตู๋กูผู้ยึกหลักใครไม่ล่วงเกินเขา เขาก็ไม่ล่วงเกินผู้นั้น อุปนิสัยเย็นชา เจ้าคิดเจ้าแค้น ลองหมายหัวใครแล้วจะตามล่าตัวอีกฝ่ายจนถึงที่สุด

พระเอก ฮีแรง ฮีร้าย แต่ไม่พาลเกเรนะคะ  เขาไม่ชอบยุ่งกับใคร และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขา เพราะฉะนั้นถ้าใครเผลอมาเผือกเรื่องของคุณชายเข้า มีหวังโดน ..เหยื่อของเขา-รักแล้วย่อมหวง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ  เก่งกาจเป็นยอดฝีมือ แรงอารมณ์และอันตรายแบบแบดบอยอย่างนี้เป็นพระเอกแนวที่ชอบอยู่แล้วค่ะ 

หลิงหูเจวี๋ย : อาจารย์ของเหลียงจิ้ง เขาวางมือจากเรื่องในยุทธภพมาเป็นเวลายี่สิบปี ไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ใดแล้ว แต่คนทั้งหลายยังคงจดจำชื่อเสียงของ "คุณชายหมื่นพิษ" ผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

รู้สึกว่า ตัวละครนี้ มีความผ่าเหล่าผ่ากอผู้ชายสายพันธุ์พระเอกอยู่เหมือนกันนะ จากที่ไม่เคยจะรู้สึกสนใจ "คุณชายหมื่นพิษ" ก็เริ่มจะสนขึ้นมาแล้วนิดๆ เพราะเราเป็นคนที่จะชอบนิยายได้ง่ายหากเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์แปลกแยก . . . หลิงหูเจวี๋ย ที่มีบทบาทอยู่แว่บๆ ในเรื่องนี้ ท่าทางจะเจ้าเล่ห์บวกกวนทีนพอใช้ได้ (ขออภัยถ้าไม่สุภาพค่ะ) แต่ก็เป็นแค่การคาดเดาเอาเองนะคะ 

ฮวาอี้หลุ่ย : ประมุขวังบุปผา รูปโฉมล้ำเลิศ แต่ตู๋กูฮุ่ยอวี้กลับไม่สนใจไยดีนาง ความรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นทันที

หลี่มู่ไหว :  ชายเก็บสมุนไพรผู้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาสามัญ 

ใครๆ ก็ชอบรุมชอบพระเอก- นางเอก .. (ก็เป็นพระเอก-นางเอกนี่เนาะ) โดยเฉพาะกับเหลียงจิ้งคนงาม คนมาชอบ จะชอบด้วยความรู้สึก หรือชอบที่ผลประโยชน์ ก็สรุปได้ว่านางเอกเนื้อหอมซะจริง 



ณ ยอดเขาอันเงียบสงบ ไม่ใช่ในยุทธภพอันสับสนวุ่นวาย  เหลียงจิ้งได้รับมอบหมายภารกิจจากอาจารย์สุดหล่อ หลิงหูเจี๋ยให้ลงจากเขาเพื่อเดินทางไปมอบของขวัญให้แก่คนผู้หนึ่ง 

"ระหว่างทางระวังตัวด้วย ดูแลตัวเองให้ดี"

"อ้อ .. ใช่แล้ว  จำไว้ว่าให้อยู่ห่างจากคนแซ่ตู๋กูเข้าไว้ด้วยล่ะ"

หนึ่งภารกิจที่ไม่มีการขยายความ และหนึ่งคำเตือน  "อยู่ห่างจากคนแซ่ตู๋กูเข้าไว้" .. ที่ไม่มีคำอธิบาย

แต่ด้วยโลกมันกลม และแคบ  ... คนที่เหลียงจิ้งได้พบครั้งแรก จึงเป็นชายหนุ่มแซ่ตู๋กูที่มีสีหน้าอันตราย ท่าทางหยายคาย เอาแต่ใจ แถมยังแผ่รังสีความชั่วร้าย แบบที่สมควรจะอยู่ให้ห่างเข้าไว้ดั่งที่อาจารย์ได้สั่งคำ

แต่นอกจากเหลียงจิ้งจะไม่อาจหลบเลี่ยงการพบเจอ "ตู๋กูฮุ่ยอวี้" ไปได้แล้ว ยังพลั้งพลาดไปล่วงเกินเขา เรียกได้ว่า งานเข้าเห็นๆ ... 

เขากล้าเรียกนางว่า "กระต่ายน้อย"  แล้วเช่นนั้นตัวเขาเล่า  "หมาป่าตัวโต"  น่ะสิ!

แล้วกระต่ายตัวน้อยที่ถูกหมายตา มีหรือจะรอดพ้นเงื้อมมือหมาป่าแซ่ตู๋กูไปได้

คนแซ่ตู๋กูคนนี้เป็นคนที่มีหลักการของตัวเองและไม่สนใจผู้อื่น ผู้ใดไม่ล่วงเกินเขา เขาไม่ล่วงเกินผู้นั้น แต่หากล่วงเกินเขาเข้า ย่อมต้องชดใช้ หากเขาได้หมายตาหมายใจ จะหนีไปไหนสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่รอด

คนๆ นี้ และยุทธภพ ช่างน่ากลัวและวุ่นวาย เหลียงจิ้งผู้รักสงบอยากรีบเร่งทำภารกิจและกลับคืนสู่เหย้า ณ เขารื่นรมย์ให้เร็วที่สุด  แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเร่งรีบยิ่งพบเจอเหตุให้ล่าช้า  ยิ่งหนี ก็ยิ่งถูกเขาคว้ากลับมาใกล้และแนบชิดมากกว่าเดิมมากขึ้นทุกที 

แต่จุดหมายปลายทางของทั้งคู่ ที่มีบุคคลไม่คาดคิดโผล่ขึ้นมา มีเหตุการณ์ไม่คาดเดาเกิดขึ้นที่มาพร้อมกับปัญหาให้ต้องแก้ไข การจะตะครุบเหยื่อของคนแซ่ตู๋กูชักจะลำบากขึ้นทุกที  แม้ว่าเหยื่อเองจะเริ่มออกอาการยอมจำนน .. อย่างยินยอมพร้อมใจ!


เนื้อเรื่อง  เบาโหวง  และคาดเดาได้แบบไม่ต้องลุ้น ไม่มีอะไรให้น่าสนใจมากกว่าไปกว่าการดำเนินเรื่องหลักคือ การตามล่ากระต่ายน้อยของหมาป่าตัวโต .  >< .  เดี๋ยวหนีเดี๋ยวจับได้ > < เดี๋ยวหนี เดี๋ยวก็จับกลับมาได้อีก ..เมื่อคนแซ่ตู๋กูตามไม่เลิกแล้วจะหนีไปไหนพ้นเล่า  ><    แต่ด้วยอาศัยความน่ารักของพระเอกนางเอก ทำให้เรื่องยังสนุกดีอยู่ อ่านไปก็ชวนอมยิ้มในความน่ารักน่าเอ็นดู

ความรัก  ที่เกิดขึ้นอย่างเผลอๆ  .. ไม่ว่าฝ่ายพระเอก หรือ นางเอก ไม่มีใครคิดมาก ฉงนสงสัย หรือต่อต้านไม่ยอมรับความรู้สึกให้วุ่นวาย  รู้จักกัน ขัดใจกัน เกี่ยวข้องกัน ร่วมมือกัน และรักกันไปอย่างเนียนๆ  

น่ารักดี  ชอบ .. 




 

Create Date : 03 กันยายน 2558    
Last Update : 11 กันยายน 2558 23:37:50 น.
Counter : 2621 Pageviews.  

จันทราในเรือนเร้น - ความรักดี๊ดี แต่ชอบมากคือคนนี้ 'จักรพรรดิอันธพาล'



จันทราในเรือนเร้น   
หูเตี๋ย _ เขียน / มดแดง _ แปล
พิมพ์คร้งที่ ๒ สำนักพิมพ์แจ่มใจ  สิงหาคม ๒๕๕๘


ด้วยบัญชาจากโอรสสวรรค์ สวี่จื่อซิ่ง ธิดาของขุนนางนอกสังกัดกรมอาญาจำต้องแต่งให้ ฝิงซานหลาง ผู้ถวายงานคนโปรดขององค์จักรพรรดิ

ทว่าเหตุใดต้องเป็นนาง...

เป็นเพราะชะตาหรือสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งนางใช่หรือไม่ นางจึงต้องมาเป็นภรรยาของชายผู้มีสภาพไม่ต่างจากซากศพเดินได้ เย็นชาไร้ความรู้สึกนัก มีชีวิตก็เหมือนไร้ชีวิต อีกทั้งยังมีข่าวว่าเขาคือผู้วางเพลิงเผาศาลบรรพบุรุษจนเป็นเหตุให้มีคนตาย

และตอนนี้นางเองก็ต้องเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่ถูกความผิดครั้งเก่าก่อนของเขาพันธนาการกักขังอยู่ในเรือนเร้น ไม่อาจไปไหนจนวันตายหรือ

ไม่! นางไม่ยอมหรอก ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา นางก็พร้อมยอมสละตัวเอง



อยากจะอ่านนิยายรัก ก็ได้อ่านนิยายรักสมใจ  ค่อยๆ รัก ค่อยๆ ผูกพัน ลึกล้ำล้นใจ 
แต่ ... จากที่อิ่มเอมสุดๆ ในเล่นแรก น่าเสียดายที่ความรู้สึกนั้นกลับค่อยๆ พร่องลงในเล่มหลัง แ

เป็นเพราะหลังจากพระเอกนางเอกรักกัน ก็ดูเหมือนมุกความรักจะหมดลง  คือ รักแล้วรักเลย  เต็มใจให้ด้วยรักและเข้าใจ ประหนึ่งสามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานจนถึงวัยไม้ใกล้ฝั่ง จึงรักใคร่ปรองดองกันดีไม่มีปัญหาอะไรกันอีกต่อไป แรงจูงใจในการอ่านจึงคลายลง  ผู้เขียนเค้า....ใจคอนะ  ไม่คิดจะใส่ดราม่า น้ำตานอง เข้าใจผิด โกรธเคืองกันบ้างเลย  สักนิด ...ก็ไม่มี ที่จะมีก็เพียงแต่ความขัดใจกระเง้ากระงอดพองามเพียงเล็กน้อย   ซึ่งถ้าใครชอบให้พระ-นาง รักกันมากๆ บรรยากาศระหว่างกันอบอุ่นดีงาม ก็ไม่น่าจะชอบเรื่องนี้นะคะ ร

สวี่จื่อซิ่ง เป็นคนมีจิตใจกว้างขวางมองโลกในแง่ดี ดังนั้นแม้นางจะถูกบังคับให้แต่งงานอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ของภรรยา ปรนนิบัติสามีให้ดีที่สุด แม้ .. จะไม่ได้รัก 

เฝิงซานหลาง คุณชายสามแห่งสกุลเฝิง ชายหนุ่มผู้มีบาดแผลลึกในใจ มีความผิดเรื่องใหญ่ติดตัวเป็นตราบาป ถูกครอบครัวรังเกียจเดียดฉันท์ แม้ยังอยู่ในตระกูลเดียวกัน และทอดทิ้งเขาเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว การมีชีวิตอยู่เป็นเพียงเพราะจำต้องมีชีวิตไม่มีความหมายอื่นใดนอกจากนั้น  เขาจึงเป็นคนเย็นชาหน้าตาย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกใด  ยิ่งประกอบกับที่มีใบหน้างดงาม และผิวขาวจัดคล้ายซีด เขายิ่งดูเหมือนซากศพเดินได้ ครั้นพอจะมีความรู้สึกให้เห็นบ้างอยู่รำไร ก็แลแล้วจะคล้ายเป็นผีสาวอมทุกข์เสียอย่างนั้น 

เช่นนั้นแล้ว จื่อซิ่ง มีหรือจะกล้าจะอ้อนวอนขอความความโปรดปรานจากเขาด้วย  เพราะความรู้สึกรักเป็นเพียงแค่ปุยเมฆที่ลอยล่องอยู่บนฟ้า จื่อซิ่งเพียงภาวนาแค่ให้ได้ผ่านวันเวลาอย่างสุขสงบ สามีให้เกียรติไม่รังเกียจเดียดฉันท์เท่านี้ก็พอแล้ว 

แต่แล้ว ... ความนุ่มนวลอ่อนโยนของจื่อซิ่งที่ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของซานหลางโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่ามกลางความเกลียดชังและการแก่งแย่งอำนาจของคนรอบตัวและในราชสำนัก  ได้ค่อยๆ ฟูมฟักความอบอุ่นให้กับซานหลาง จนความตายด้านค่อยๆ คลายลง  จากที่หัวใจชาดำเย็นไร้ความรู้สึก  แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ก็เริ่มรู้สึกรู้สา และเกิดเป็นความรัก

เล่มแรก นอกจากจะชอบความรักความสัมพันธ์ และอุปนิสัยของทั้งพระเอกนางเอก ที่ต่างเป็นคนเฉลียวฉลาดทั้งคู่ และต่างก็เป็นคนไม่ยอมคน  จื่อซิ่งนั้นแม้โดยวิสัยจะเป็นคนนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างที่ได้ปรนนิบัติสามีและปฏิบัติตนต่อผู้อื่น  แต่หากใครคิดร้าย  นางก็ร้ายตอบอย่างเหมาะสม ไม่หนักไป ไม่เบาไป  ไม่ยอมให้ใครมารังแก และไม่ปล่อยให้คนคิดร้ายย่ามใจว่าจะมารังแกกันได้ง่ายๆ   ซานหลางก็เช่นกัน  การถวายงานรับใช้จักรพรรดิไม่อาจจะเป็นเพียงคนดีใจสะอาดมือสะอาด เพื่อความมั่นคงของบัลลังก์ สิ่งใดควรทำก็ต้องทำ หากต้องฆ่าก็คือลงมือฆ่า เขาจึงมีฉายาว่า "พญายมหน้าตาย" 


หลังจากจื่อซิ่งได้รับความรักจากสามีเป็นอย่างดี นางก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงวางตนเป็นศรีภรรยาช้างเท้าหลังที่พร้อมจะเคียงข้างและสนับสนุนสามีในทุกๆ ด้าน แม้จะเป็นด้านที่นางไม่ชอบใจนักอย่างการเป็นเสาช่วยค้ำจุนบัลลังก์ให้จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ  เพราะต้นตระกูลของนางกับตระกูลราชนิกูลมู่หลงขององค์จักรพรรดิ มีเรื่องแค้นเคืองกันมาแต่อดีต ตระกูลสวี่ ของจื่อซิ่งจึงไม่สนิทใจกับ ตระกูลมู่หรง ซึ่งเป็นตระกูลราชนิกุลสืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิต้าเยียน

อดีตที่อาจไม่เป็นที่รับรู้หรือจดจำของใคร แต่ลูกหลานตระกูลสวี่ ที่กล่าวได้ว่าเป็นสายเลือดหงส์ ไม่เคยลืมอดีตของบรรพบุรุษต้นตระกูลมู่หรง โดยเฉพาะจื่อซิ่ง สตรีผู้สืบทอดวิชาท่านฟู่ซื่อของตระกูล ไฉนเลยจะทำใจยอมรับจักรพรรดิเจิ้งเต๋อสายเลือดมังกรผู้สอบทอดบัลลังก์คนนี้ได้ง่ายๆ    

วิชาท่านนฟู่ซื่อ ได้แก่ วิทยายุทธ์ วิชาแพทย์ การใช้พิษ ยุทธวิธีทางการทหาร ซึ่งได้รับการสั่งสมปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยผู้สืบทอดรุ่นต่อๆ มา จนมาถึง รุ่นของจื่อซิ่ง ที่แม้จะได้รับถ่ายทอดวิชาทางทฤษฎีเสียส่วนมากเพราะแม่ของนางล้มป่วยอยู่ตลอด เมื่อต้องฝึกฝนตนเองโดยไม่มีใครให้เปรียบเทียบ จื่อซิ่งจึงคิดว่าตนนั้นจะต้องเป็นผู้สืบทอดที่ฝีมืออ่อนด้อยที่สุด  แม้จะทำโน่นทำนี่ได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยรู้ตัวเลยว่านั่นคือความเก่งกาจสามารถจนน่าตะลึง เข้าใจไปเองอยู่ตลอดว่าตนนั้นไม่มีความสามารถอะไรโดดเด่น จึงต่างจากนางเอกที่คุ้นเคยที่มักจะกระโจนเข้าไปในทุกสถานการณ์  ..โดยสำคัญให้เป็นความกล้าหาญ   แต่จื่อซิ่งคนนี้จะรอดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อยากจะช่วยนะ แต่ก็กลัวจะเป็นภาระ ครั้นได้หยิบจับอะไร ก็จะทอดถอนใจว่านางทำได้เพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านี้เอง  หาได้รู้ตัวไม่ว่าแต่ละอย่างที่ทำนั่นล้วนเป็นคุณประโยชน์ใหญ่โตทั้งสิ้น  ทำให้จื่อซิ่งเป็นคนมีนิสัยกล้าแกร่งที่ผสมผสานกับความอ่อนน้อมถ่อมตน ... น่ารักมาก   

ซานหลางได้ภรรยาผู้งามพร้อม ทั้งกาย วาจา และจิตใจ มีหรือจะไม่หวั่นไหว ไม่รัก ลึกซึ้งสุดหัวใจ  

 แต่ ..ถ้ารักกันดีขนาดนั้น ความรักเบ่งบานไม่มีเหี่ยวเฉากันอยู่ทั้งเล่ม มันก็ไม่ใช่ความรักที่น่าสนใจแล้วน่ะสิ

ยังดีที่ว่า  เรื่องราวการแย่งชิงอำนาจทั้ง "ศึกนอก-ศึกใน" ที่จักรพรรดิเจิ้งเต๋อต้องเผชิญในเล่มสอง ไม่ได้พลอยน่าเบื่อเพิ่มเข้าไปด้วย ประกอบกับชอบแนวนี้เป็นการส่วนตัว เมื่อตัวละครที่ชอบมากที่สุดอย่างจักรพรรดิเจิ้งเต๋อมีบทบาทเด่นโขมยซีนไปจากพระเอกในเล่มสอง จากที่สนุกมากในเล่มแรก เล่มหลังแม้จะไม่สนุกเหมือนเดิมแล้วเพราะความรักราบรื่นจนจืดสนิท อีกทั้งวิธีการดำเนินเรื่องในเล่มสองทำให้รู้สึกว่าหนักไปทางการเล่าบรรยายเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงเสียอรรถรสไปนิดหน่อย แต่ก็ยังคงอ่านได้เรื่อยๆ     



จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ -- โอรสสวรรค์เจ้าสำราญ โปรดปรานผู้ถวายงานคนสนิทอย่าง เฝิงซานหลางมาก มักจะเรียกหาเขาตลอดเวลาจนกระทั่งเกิดข่าวลือไม่งามระหว่างทั้งคู่ เล่าลือกันว่าจักรพรรดิองค์นี้นั้นทรงหาความสุขสำราญจากหญิงก็ได้จากชายก็ดี 

มีพระปรีชาสามารถในการปกครองเป็นเลิศ แต่ก็เจ้าสำราญเหลวไหลอย่างเหลือเชื่อ  เป็นจักรพรรดิที่จับพลัดจับผลูมาเป็น เพราะพี่น้องคนอื่นๆ เข่นฆ่ากันตายไปหมดแล้ว เมื่อแผ่นดินต้าเยียนได้ผู้ไม่อยากเป็นจักรพรรดิมาเป็นจักรพรรดิ  ไม่ปรารถนาในอำนาจแต่ในการปกครองต้องใช้อำนาจ  ไม่มีพรรคพวกขุนนางใหญ่น้อยใดหนุนหลัง แต่ถึงอย่างนั้นจักรพรรดิเจิ้งเต๋อก็ใช่ว่าจะเกรงกลัวใคร ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องประกอบกับนิสัยหยาบคาย อันธพาล จึงได้ลับดาบเล่นงานพระประยูรญาติอย่างอึกทึกครึกโครม 

ในเล่มสอง เขาจึงเป็นตัวละครเด่น เพราะเรื่องราวก็เน้นการช่วงชิงอำนาจ บทบาทของจื่อซิ่งกับซานหลางที่รักกันดีตลอดเวลาได้เปลี่ยนไปเป็นการช่วยเหลือจักรพรรดิกำจัดขุนนางฉ้อฉล ปราบบรรดาศัตรูผู้แข็งข้อ จนจักรพรรดิสามารถจะปกครองบ้านเมืองด้วยอำนาจในมือของตนเองได้อย่างแท้จริง 

ชอบจักรพรรดิเรื่องนี้มากค่ะ ทั้งความคิด คำพูดจา และอารมณ์ไม่ว่าจะยามสำราญ หรือยามโมโหโกรธา  จักรพรรดิไม่ใช่คนเลว แต่ก็ไม่ใช่คนดี  และเขาเองก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องปฏิเสธหากใครจะขนานนามว่าเขาเป็น "ทรราช"  ... ทั้งยังชอบใจเป็นอย่างยิ่ง หากผู้ถวายงานคนสนิทอย่างเฝิงซานหลาง จะได้เป็น "ขุนนางสอพลอ" ถูกเล่าขานไว้เป็นประวัติศาสตร์ด้วยกัน

ยกตัวอย่างนะ 

จักรพรรดิทรงบุ่นอุบในพระทัย เจ้าเด็กน้อยนั่นดีแต่เกิดมาหน้าตาสะสวย สมองกลับดื้อรั้นอย่างกับลา รู้จักแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่รู้จักหาผลประโยชน์ใส่ตัว เช่นนี้จะให้ขุนนางอาลักษณ์ในยุคหลังเขียนถึง "ขุนนางประสบสอพลอ" คู่บารมีของว่าว่าอย่างไรกัน ทิ้งข้อมูลไว้ให้คนรุ่นหลังเขียนบ้างได้หรือไม่ ...

... เจ้ากำเริบเสิบสานวางอำนาจสักหน่อยไม่ได้รึ  ทำตัวเช่นนี้จะไปสร้างความลำบากใจให้แก่ขุนนางอาลักษณ์เอานะ  ดูอย่างข้าสิ เวลาราชอาลักษณ์เขียนถึงประวัติทรราชอย่างข้าจะต้องยืดยาวสิ้นเปลืองกระดาษและน้ำหมึกมากมายกายกองทีเดียว

***

ความสัมพันธ์ระหว่างจักพรรดิกับเหล่าเสนาอำมาตย์ปัจจุบันอยู่ในขั้นเลวร้าย ถึงขนาดที่ว่าขาดแต่ม้วนแขนเสื้อขึ้นต่อยตีกันเท่านั้น ช่วยไม่ได้ จักรพรรดิองค์นี้เป็นเจ้าเหนือหัวที่พวกขุนนางเกลียดขี้หน้าที่สุด ทั้งตรัสถ้อยวาจาป่าเถื่อน มีความประพฤติเหลวไหลไร้เหตุผล แต่กลับฉลาดปราดเปรื่องผ่านตาครั้งเดียวไม่ลืมเลือน โน้มน้าวใจ หลอกลวงไม่ได้ คิดจะใช้ลูกไม้ทัดทานด้วยความตายก็ไม่สำเร็จ เพราะพระองค์จะโก่งพระศอตวาดอย่างพิโรธ  

'ปล่อยให้มันเอาหัวโหม่งเสาตาย ไม่ต้องห้าม จะได้จบๆ ! อ๊ะ ไม่ได้ ...โหม่งเสาตายไหนเลยจะถือว่าจบ .. ไปคิดกับครอบครัวมันด้วย! เสาในท้องพระโรงของเราจะปล่อยให้ใครมาเอาเป็นที่โหม่งศรีษะตายตามใจชอบได้อย่างไร สั่งประหารมันทั้งตระกูล คนในครอบครัวต้องตายไปตามกัน!'

พบเจอจักรพพรดิที่ประพฤติองค์เป็นอันธพาลเช่นนี้  น่าเศร้าใจและน่าขายหน้าจริงๆ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงกล้าโยนสารกราบทูลทิ้งด้วย

'อย่านึกว่าเราปัญญาอ่อน! พวกเจ้ากระทั่งบัญชียังคิดผิดไปตั้งไกล  จะชี้กวางว่าเป็นอาชา ใช่หรือไม่  เรามันหลอกง่ายขนาดนั้นเชียวรึ ทรงเดือดดาลเข้าก็โยนพระมาลิงทิ้ง ร่ำร้องแต่ว่าไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้ว' (ไม่เป็นจักรพรรดิแล้ว)

....

ยามเข้าร่วมประชุมในท้องพระโรงเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างก็กลัดกลุ้มกังวลใจ ฝีพระโอษฐ์ของจักรพรรดิช่าง ... ทั้งจ้องจับผิด ทั้งประชดประชัน เย้ยหยัน ทั้งยังชอบเขวี้ยงปาสารกราบทูล  ถูกบริภาษจนเลือดสาดเช่นนี้ใครบ้างจะไม่กลัดกลุ้ม ถ้าหากทำงานได้ดีทรงยกยอปอปั้นคนคนถูกชมหวาดหวั่นโขกศรีษะขอบพระทัยแล้วขอบพระทัยอีก รู้สึกว่าเมื่อกลับไปหากไม่ทำดีให้มากขึ้นอีกสักหน่อยจะต้องละอายใจต่อองค์จักรพรรดิ อาณาประชาราษฎร์ พระภูมิเจ้าที่และบรรพบุรุษทุกยุคทุกสมัยของแคว้นต้าเยียน

เหล่าขุนนางอยากได้จักรพรรดิที่อ่อนโยนละมุนละม่อม ติดจะเลอะเลือนเล็กน้อย และเดินตามกรอบของจักรพรรดิองค์ก่อนๆ มากกว่า


จักรพรรดิที่ถูกมองว่าหยาบคาย อันธพาล ถ่อยสถุล คนนี้จึงถูกพวกขุนนางชังน้ำหน้านัก  ไหนจะความเก่งกาจปราดเปรื่อง จนพวกขุนนางตบตาไม่ได้ หาประโยชน์ก็ได้ไม่ได้ และสารพัดอย่างที่จักรพรรดิพูดหรือทำ  พร้อมด้วยคำสบถได้ใจเป็นระยะ   "มารดามันเถอะ!" จึงกลายเป็นตัวละครทีนอกจากจะชอบมากแล้วยังช่วยประคับประคองให้นิยาย 'รักกันเสมอ' เรื่องนี้ไม่กลายไปเป็นความน่าเบื่อ 

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้องเป็นปมประเด็นของเรื่อง

เฝิงเอ้อร์หลาง  พี่ชายฝาแฝดของเฝิงซานหลาง แต่มีบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้ว  ซานหลางเหมือนฤดูหนาวที่เย็นชาผู้คนหวั่นกลัวไม่อยากเข้าใกล้ ส่วนเอ้อร์หลางดั่งวสันต์ฤดูที่สดใสต้องตาต้องใจผู้พบเห็นจนได้ชื่อว่าเป็นบุรุษรูปงามของแผ่นดิน  หากซานหลางเป็นคนที่ไม่เคยต้องการสิ่งใดนอกจากรับใช้จักรพรรดิที่แม้จะเป็นนายแต่ก็เป็นเหมือนสหายสนิท เอ้อร์หลางก็กลับเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง และทำได้ทุกอย่างเพื่ออำนาจที่ต้องการ     เขาเป็นคนที่พ่อแม่ ครอบครัวตระกูลเฝิง รักและต้องการจะฝากความหวังไว้ให้เป็นผู้เชิดชูวงศ์ตระกูลนำความรุ่งเรือง มีฐานะ มีความนับหน้าถือตามาสู่พ่อแม่และคณาญาติ เพื่อจะสมหวังดังต้องการ ซานหลางต้องถูกสละทิ้ง (อย่างไร้เยื่อใยไมตรี)

นิยายเรื่องนี้ จึงไม่ใช่มีแค่รัก แต่มีอะไรหลายอย่างที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดออกมาจนเรียกได้ว่ามีเนื้อหาแน่นดีเลยทีเดียวล่ะ นอกจากความรักที่ราบรื่นเกินไปสักนิด กับปมบางอย่างที่อยากให้เข้มข้นขึ้นอีกสักหน่อยแล้ว  ..Smiley ยังถือว่าเป็นนิยายที่น่าอ่านมากกว่า เล่มบางๆ ที่พลอตเบาๆ ของ 'มากกว่ารัก' เรื่องอื่นๆ อยู่ไม่น้อยค่ะ  





 

Create Date : 26 สิงหาคม 2558    
Last Update : 11 กันยายน 2558 22:25:02 น.
Counter : 2302 Pageviews.  

ฟาห์เรนไฮต์ 451 - เผาหนังสือให้หมดโลก



ฟาห์เรนไฮต์ ๔๕๑  ( FAHRENHEIT 451)  
เรย์ แบรดเบอรี_เขียน  ต้องตา สุธรรมรังษี_แปล 
แพรวสำนักพิมพ์   พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม ๒๕๕๘ 



กล่องไม้ขีดอมตะ   รับประกันการจุดไฟหนึ่งล้านครั้งภายในกล่องนี้!   

กาย มอนทาก เป็นนักผจญเพลิง ในโลกของเขา ที่ซึ่งโทรทัศน์เป็นใหญ่และวรรณกรรมใกล้จะสูญพันธุ์ นักผจญเพลิงมีหน้าที่จุดไฟแทนที่จะดับไฟ หน้าที่ของมอนทากคือทำลายโภคภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายที่สุด นั่นคือหนังสือ รวมถึงบ้านที่หนังสือเหล่านั้นถูกซุกซ่อนไว้ มอนทากไม่เคยตั้งคำถามถึงการทำลายล้างและความพินาศที่เป็นผลจากการกระทำของเขา แต่แล้วเมื่อเขาได้พบกับแคลริส สาวน้อยเพื่อนบ้านผู้แปลกประหลาดที่แนะนำให้เขาได้รู้จักกับอดีตที่ผู้คนมิได้มีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว และปัจจุบันที่ผู้คนเห็นโลกผ่านทางความคิดในหนังสือ แทนที่จะเป็นการพูดคุยไร้สาระในโทรทัศน์ มอนทากก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยรู้จักมา เขาเริ่มเก็บซ่อนหนังสือไว้ที่บ้าน และเมื่อการกระทำอันลักลอบของเขาถูกค้นพบ มอนทากก็ต้องหนีเอาชีวิตรอด...
.....

"นัยแฝงเร้นของเรื่องช่างน่าหวาดกลัวนัก ... เรื่องราวของโลกอันแสนวิกลของแบรดเบอรีนี้ 
ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับโลกของเราเองจนน่าตกใจช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจนัก" - เดอะนิวยอร์กไทมส์
.....

ในร้านหนังสือ ปกหน้ากากกันควัน เปลวไฟ และชื่อเรื่องสีเลือด ฟาห์เรนไฮต์ ๔๕๑  ดึงดูดสายตา  หยิบขึ้นมาอ่านปกหลังก็ดึงดูดความสนใจอย่างแรง   นักผจญเพลิง  หนังสือเป็นโภคภัณฑ์ผิดกฏหมายที่ต้องซุกซ่อน และเป็นอันตรายต่อผู้เป็นเจ้าของครอบครอง ?  นี่ันเป็นเรื่องราวแบบไหนกันหนอ

"ต้นฉบับไม่มีวันมอดไหม้" ครั้งหนึ่ง ประโยคนี้เคยเรียกร้องความสนใจให้กับนิยายรัสเซียเรื่อง มาสเตอร์กับมาร์การิตา  ได้อย่างไร  ครั้งนี้.. ก็เช่นเดียวกันที่ การเผาหนังสือ เทำให้ไม่อาจตัดใจได้ แม้ว่าจะใช้งบซื้อหนังสือล่วงหน้าไปแล้วสองเดือน และเดินหนีไปแล้วรอบนึงก่อนจะวกวนกลับมาใหม่ ( เพลียตัวเอง ณ จุดนี้   ) ก็นี่มันเรื่องอ่อนไหวสำหรับคนรักหนังสือนะ (  เซนซิทีพสูงมิใช่น้อย

ในอนาคตเมื่อไหร่ไม่รู้ .. ที่โลกได้เปลี่ยนไปเป็นสังคมที่ทุกสิ่งเลวร้ายอย่างยิ่ง
หนังสือ เป็นภัยคุกคามเพราะ จะทำให้เกิดความคิด ความสงสัย และตั้งคำถาม  
มันจึงเป็นสิ่งผิดกฏหมาย ที่ต้องถูกเผาทิ้งให้สิ้นซาก

"คนผิวสีไม่ชอบ ลิตเติลแบล็กแซมโบ  เผามันซะ  คนขาวรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับ กระท่อมน้อยของลุงทอม  เผามันซะ  มีคนเขียนหนังสือเก่ยวกับยาสูบและมะเร็งปอด  พวกคนสูบบุหรี่ร้องไห้เหรอ เผาหนังสือเล่มนนั้นซะ   ความร่มเย็น มอนทาก ความสงบสุข มอนทาก  ออกไปต่อสู้ข้างหนอก หรือจะให้ดีกว่านั้น โยนเข้าเตาเผาขยะ งานศพมีแต่ความห่นหมองและเป็นพิธีนอกรีตงั้นเหรอ กำจัดมันด้วย หลังจากคนตายไปได้ห้านาที เขาก็จะถูกส่งไปยังเตาใหญ่ เป็นบริการเผากำจัดศพโดยเฮลิคอปเตอร์ทั่วประเทศ ตายไปได้สิบนาที คนนั้นก็จะกลายเป็นอณูฝุ่นสีดำ ไม่ต้องพูดพล่ามรำลึกถึงคนนนั้นให้ยืดยาว  ลืมมันให้หมด เผาให้หมด เผาทุกสิ่งทุกอย่าง เปลวไฟสว่างสดใส และเปลวไฟเป็นสิ่งสะอาด"

และในยุคนี้ที่บ้านทำจากวัสดุกันไฟทั้งหลังกันหมดทั้งโลกแล้ว  แต่ถ้าบ้านไหนซุกซ่อนหนังสือ นักผจญเพลิงก็มีวิธีที่จะเผาบ้านให้วอดวายไปพร้อมกับมันได้  เพราะการ "เผาหนังสือ"  คือหน้าที่ความรับผิดชอบของนักผจญเพลิง  ที่ไม่ได้พ่นน้ำดับไฟ แต่พ่นน้ำมันก๊าดจุดเพลิง


ในอดีตเมื่อนานมาแล้วมีคนเคยได้ยินว่า  นักผจญเพลิงมีหน้าที่ดับไฟ ?  เรื่องเหลวไหลสิ้นดี เพราะตามคู่มือการปฏิบัติงานและประวัติศาสตร์โดยย่อของนักผจญเพลิงแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มีประวัติว่าก่อตั้งในปี ๑๗๙๐ เพื่อเผาหนังสือซึ่งได้รับอิทธิพลจากอังกฤษในอาณานิคมทั้งหลาย นักผจญเพลิงคนแรกคือ เบนจามิน แฟรงกลิน

ข้อบังคับ 
๑. ตอบสนองต่อสัญญาณเตือนอย่างรวดเร็ว
๒. จุดไฟเผาโดยเร็ว
๓. เผาให้ราบ
๔. รายงานกลับสถานีดับเพลิงในทันที
๕. พร้อมเตรียมสำหรับสัญญาณเตือนครั้งอื่น

พร้อมเพื่อจะ .. เผาหนังสือให้หมดโลก!

แต่การได้พบกับสาวน้อยเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ เธอมีบุคลิกและความคิดแปลกประหลาดต่างจากคนในสังคมทั่วไป สิ่งที่เธอมองอย่างสังเกตออกไปยังโลกและผู้คนนอกตัวเอง สิ่งที่เธอคิด สงสัย สิ่งที่เธอพูดคุย บอกเล่า และสิ่งที่เธอตั้งคำถาม "คุณมีความสุขไหมคะ"

เขาเริ่มจะตั้งคำถามเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยรู้จักมา 

"เมื่อคืนนี้ผมนึกถึงน้ำมันก๊าดทั้งหมดที่ผมใช้มาตลอดสิบปี  และผมนึกถึงหนังสือ และเป็นครั้งแรกที่ผมตระหนักว่ามีคนคนหนึ่งอยู่เบื้องหลังหนังสือแต่ละเล่ม คนคนหนึ่งต้องคิดมันขึ้นมา คนคนหนึ่งต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะเขียนมันลงบนกระดาษ และผมไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน"

"บางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตในการรวบรวมความคิดของตนมาเขียนเป็นเล่มจากการมองดูโลกและชีวิต แล้วจากนั้นผมก็โผล่มาภายในสองนาทีและตู้ม! พินาศสิ้น"

สังคมในจินตนาการที่เป็นโลกในอนาคต ไม่ได้ถูกบรรยายอะไรไว้ละเอียดชัดเจนนัก แต่ก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียด  ความรุนแรงน่ากลัวบางอย่าง  ผู้คนไม่ค่อยคิด ไม่ค่อยรู้สึก ไม่ค่อยพูดคุยกัน เหมือนกับมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีความหมาย ความรู้สึกอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น  ทุกผู้ทุกคนล้วนเป็นคนแปลกหน้า แม้แต่คนรู้จักใกล้ชิด ก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยหรือรู้จักกันจริงๆ  

ที่เดอะนิวยอร์กไทมส์ให้คำนิยมว่า ... มีส่วนคล้ายคลึงกันกับโลกของเราเองอย่างน่าตกใจ  ก็ไม่ทราบนะคะว่าหมายถึงสังคม เผด็จการ เสรีนิยม อะไรหรือเปล่า  แต่โดยส่วนตนคำนิยมนี้ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า อืม...จริงสิ .. โลกทุกวันนี้ ก็เป็นสังคมก้มหน้า ผู้คนก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ไม่ค่อยพูดค่อยจากัน จะว่าไปแล้วก็คงไม่ต่างกันนักกับสังคม "ผนังภาพ" ในเรื่องนี้ (อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องหามาอ่านเองนะคะ) 

ฟาห์เรนไฮต์ ๔๕๑  ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ๖๒ ปีก่อน คือ ค.ศ. ๑๙๕๓  โลกอนาคตในจินตนาการของผู้เขียน เรย์ แบรดเบอรี   คือ สังคมที่วิทยุโทรทัศน์มีอิทธิพลเป็นใหญ่ต่อการรับรู้ของผู้คน  รวดเร็ว กระชับ ฉับไว เป็นมาเป็นไป สรุปให้เรียบร้อย  ไม่ต้องเสียเวลาขบคิดหาเหตุผลรายละเอียดอะไรให้มากความทั้งสิ้น   ซึ่งอนาคตต่อมาในความเป็นจริง ก็มีบางสิ่งคล้ายคลึงกับผนังภาพของเขาเหมือนกันนะ  เพียงแต่ย่นย่อมาในหน้าจอที่เล็กกว่า เผลอๆ อาจจะน่าเป็นห่วงกว่าก็ได้ เพราะมันสามารถพกพาติดตัวได้ตลอดเวลานั่นก็คือ โทรศัพท์มือถือ กับ โซเชียลเน็ตเวิร์ค   



ภาพจาก korbooks.com


เรื่องนี้เคยถูกแปล และตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์  (ผู้แปล กรกฎ ) ซึ่งประโยคที่พิมพ์โปรยบนปกหนังสือ โดนใจเราเข้าอย่างจัง  เพราะนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชอบเรื่องนี้ อยากจะกล่าวถึงใจจะขาด แต่ก็ไม่อาจสปอยล์ไปมากกว่านี้ได้ 


"เปลวไฟที่ลามไหม้กระดาษ ไม่อาจทำลายอัตถะแท้ของหนังสือได้"


ระหว่างอ่านไป ก็คิดไปพลาง ตั้งคำถามสงสัยให้ต้องติดตาม  
"หนังสือ" จะหมดไปจากโลกจริงๆ หรือ 

ถ้าคำตอบคือไม่  ..

 ถ้า กาย มอนทาก สามารถจะหนีรอดไปได้จริงๆ   แล้วจะเป็นอย่างไร   ?

ฟาห์เรนไฮต์ ๔๕๑ จึงเป็นหนังสือ ที่อยากแนะนำให้คนรักหนังสือได้อ่าน 





 

Create Date : 22 สิงหาคม 2558    
Last Update : 23 สิงหาคม 2558 9:26:48 น.
Counter : 3664 Pageviews.  

ขอให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน - สึนามิ กับ หัวใจแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย


 เคน โมริ _เขียน / มารินา โคาบายาชิ _แปล
สำนักพิมพ์ แพรวเยาวชน  พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน ๒๕๕๘ 



ขอให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน
เรื่องจริงของเด็กๆ และครอบครัวในเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น
และการข้ามผ่าน ภัยพิบัติครั้งใหญ่ไปด้วยกัน


เหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นท่ากลางหิมะเดือนมีนาคม แต่ระหว่างที่ผมได้ฟังเรื่องราวของพวกเขา ฤดูกาลก็ผันเปลี่ยนไปด้วยจากฤดูใบไม้ผลิใบอ่อน ผ่านพ้นฤดูร้อนอันร้อนจิตไม่กินไรเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงซึ่งมีเสียงแมลงร้องระงบ ในวันที่ 11 กันยายน หลังเหตุแผ่่นดินไหวผ่านไปได้ครึ่งปี มีครอบครัวจำนวนมากร่วมไว้อาลัย ทุกคนต่างมุ่นมั่นบูรณะและฟื้นฟูเมืองในที่สุดการเริ่มก้าวแรกหรือเพี่ยงครึ่งก้าวแรกคงเกิดขึ้นจริงแล้ว อย่างไรก็ตาม  ในช่วงครึ่งปีนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน

มีทั้งผู้ใหญ่ที่พยายามมองไปข้างหน้าทั้งที่จิตใจยังมีบาดแผล  เด็กๆ ที่กลับมาสดใสร่าเริงจนน่าตกใจและผู้คนที่ต่อสู้เพื่อฟื้นฟูท้องถิ่น กิจการ และครอบครัวขึ้นมาอีกครั้ง  ผมเชื่อว่าการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้  จะช่วยให้ผู้คนรู้จักวิธีรับมือ การช่วยเหลือเกื้อกูล และการก้าวผ่านภัยพิบัติ  จากผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อย


๑๑ มีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๑  

เกิดการเคลื่อนที่ครั้งใหญ่ของสองแผ่นเปลือกโลก อเมริกาเหนือ และ แปซิฟิก ที่ความลึก ๒๔ กิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งซันริกุ ๒๐๐ กิโลเมตร  รอยเลื่อนเป็นบริเวณกว้าง ยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ ๕๐๐ เมตร กว้างจากตะวันออกสู่ตะวันตกประมาณ ๒๐๐ กิโลเมตร วัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ขนาด ๙.๐ ริกเตอร์  พลังงานมหาศาลที่ก้นสมุทรนี้ เทียบเท่ากับขนาดของระเบิดปรมาณูที่ถล่มจังหวัดฮิโรชิมะ ๓๒,๐๐๐ ลูก และมากกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด ๗.๓ ที่เขตฮันชิน (โอซากา-โกเบ) และ อาวาจิ ถึงหนึ่งพันเท่า

เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ๔๖ นาที  ประเทศญี่ปุ่นครึ่งตะวันออกถูกเขย่าด้วยแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก
เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ๔๖ นาที สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยสึนามิ

จากการประกาศเตือน ครั้งแรก ๓ เมตร และ ๖ เมตร
ต่อมาได้ปรับเป็น  ๖ เมตร และ ๑๐ เมตร 
หลังจากนั้นอีกประมาณ ๔๕ นาที ... สูงกว่า ๑๐ เมตร

คลื่นกระแทกจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อน ได้เคลื่อนข้ามท้องทะเลด้วยความเร็วสูงสุด
เทียบเท่าได้กับความเร็วของเครื่องบินไอพ่น .. ๘๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สึนามิลูกใหญ่ ได้พัดถล่มพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น 
คร่าชีวิตผู้คน และทำลายบ้านเมือง  สูญหายและเสียชีวิต ๑๙,๕๐๔ คน 
สิ่งปลูกสร้างเสียหายทั้งหลัง ๑๒๐,๑๔๒ หลัง
เสียหายครึ่งหนึ่ง ๑๘๘,๕๗๐ หลัง เสียหายบางส่วน ๖๐๐,๐๐๐ หลัง
ช่วงที่มีการตั้งศูนย์อพยพมากสุดมี ๒,๔๔๔ แห่ง 
มีจำนวนผู้อพยพทันทีหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวมากกว่า ๓๘๐,๐๐ คน

ในจังหวัด ฟุกุชิมะ นอกจากผู้คนจะหวาดกลัวภัยจากแผ่นดินไหวและสึนามิ  พวกเขายังต้องหวาดกลัวจากกัมมันตภาพรังสีเมื่อเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิได้เกิดการระเบิดของก๊าซไฮโดรเจนขึ้นในวันรุ่งขึ้น และอีกสามวันต่อมา 

ช่วงเวลาครึ่งปีหลังจากสึนามิพัดถล่ม  เหล่าผู้คน  ในพื้นที่ประสบภัย ได้ลุกขึ้นมาเพื่อจะมองไปข้างหน้าทั้งที่จิตใจยังมีบาดแผลให้ทนทุกข์ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะต้องข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดนั้นไปให้ได้  เพื่อคนที่รัก เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว ทุกคนต่างมุ่งมั่นบูรณะและฟื้นฟูเมือง  

ในที่สุด...พวกเขาก็ได้เริ่มก้าวแรก หรือแม้เพียงครึ่งก้าวแรก เพื่อจะสร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นมาอีกครั้ง

บนผืนแผ่นดินถิ่นเกิดที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ผืนเดิม
แม้อดีต และ ปัจจุบัน (๒๐๑๑) จะมีสึนามิมาเยือนแล้ว
และในอนาคต สึนามิ ก็อาจจะยังมาเยี่ยมอีก   

ประเทศไทยของเราก็เคยพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงจากภัยสึนามิ 2004
ขอคนไทยอย่าลืม สึนามิ  ระบบเตือนภัย เส้นทางอพยพ 
หากเกิดเหตุต้องตื่นตัว รับมืออย่างไร  อย่าได้ละเลย  ..

'อยากให้มีชีวิตอยู่ด้วยกัน' คือเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของคนญี่ปุ่น
ในท่ามกลางภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่กวาดล้างทำลาย ... ถอนรากถอนโคน  
การต่อสู้ฝ่าฟันภัยพิบัติเพื่อให้มีชีวิตรอด ตลอดจนการสร้างชีวิตขึ้นใหม่หลังจากนั้น
พลังของความรักในครอบครัว  พลังของความรักในผืนแผ่นดินถิ่นเกิด อยู่อาศัย

โดยเฉพาะพลังจากพวกเขา ผู้เป็นความหวัง เป็นอนาคต 
และจะกลายเป็นผู้พิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินสืบทอดรุ่นพ่อรุ่นแม่ต่อไป

"เด็กๆ ในพื้นที่ประสบภัย"

อยากให้คุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัว
ความสำคัญของการคิดคำนึงถึงผู้อื่น น้ำใจ การช่วยเหลือเกื้อกูล 
สายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ -- เป็นสิ่งมีค่าเพียงใด 

ซึบซับน้ำใจ ความรัก และความหวังจาก "หัวใจ" แข็งแกร่งเหล่านั้นเอาไว้ 
เผื่อวันหนึ่งวันใดที่ต้องพบกับความสูญเสียหรือความย่ำแย่อื่นใดในชีวิต 
คุณจะไม่เศร้าจะไม่ล้มอยู่นาน แต่จะลุกขึ้นมาให้เร็วที่สุด และก้าวต่อไปข้างหน้า
ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยแรงพลังทั้งหมดที่คุณมี 
เพื่อทุกคนและทุกสิ่งที่คุณรัก

"แม้เมืองคอนกรีตจะพังทลายลง แต่หากยังหลงเหลือผู้คนอยู่ ก็มีโอกาสฟื้นคืนขึ้นอีกครั้ง"

อ่านแล้วขอมีกำลังใจต่อสู้กับทุกปัญหาในชีวิตที่คุณมี Smiley




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2558    
Last Update : 20 สิงหาคม 2558 23:45:59 น.
Counter : 2070 Pageviews.  

ใยรักโยงใจ - มากกว่ารัก แนว "สุดแค้นแสนรัก" ของเตี่ยนซิน

ใยรักโยงใจ   เตี่ยนซิน _ เขียน  ปุยเมฆ_ แปล

หัวใจเขาเปลี่ยนไป ที่ปันมันให้ใครอีกคนนั้นนางพอทนได้ แต่นี่เขากลับทำเหมือนคนไม่เคยรักกัน...

ทั่วทั้งเมืองเฟิ่งเฉิงต่างรู้ดีว่ามีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่งซึ่งแต่งงานอยู่กินกันมาแปดปี แต่ความรักระหว่างทั้งสองก็ยังหวานชื่นราวกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน เป็นที่กังขาพร้อมกับเลื่อมใสของใครต่อใคร

‘เซี่ยโหวอิ๋น’ สามีคือพ่อค้าวาณิชผู้เฉียบแหลม รู้รอบเท่าทัน ‘ฮั่วเหมย’ ภรรยาก็ละเอียดลออรอบคอบ นางงดงามทั้งภายนอกภายใน ดังนั้นพอเห็นคนถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม ย่อมต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่ลังเล เด็กสาวคนนั้นจึงได้กลายเป็น ‘อนุ’ ซึ่งภรรยาหลวงเป็นผู้หามาให้สามีด้วยตัวเอง

หากเพียงแค่นางจะรู้ล่วงหน้า...ว่าละครตบตาจะผันกลายเป็นเรื่องจริง...วันนั้นนางคงยอมเป็นคนแล้งน้ำใจ เมื่อวันนี้หน้าที่ในฐานะฮูหยินของคฤหาสน์ และหน้าที่ในฐานะภรรยา กำลังเปลี่ยนถ่ายจากมือนางไปสู่มือผู้หญิงอีกคน เหตุผลของเขาที่บอกว่าต้องการให้นางได้แบ่งเบาภาระและได้พักผ่อน นางมิอาจยอมรับจริงๆ...

ฮั่วเหมย ภรรยาของเซี่ยโหวอิ๋น นางไม่เพียงแค่ดูแลจัดการเรื่องในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี แต่สามารถบริหารคลังข้าวของตระกูล จัดทำบัญชี เจรจาการค้าได้อย่างคล่องแคล่ว เฉลียวฉลาดเก่งกาจไม่แพ้ผู้เป็นสามี 

เซี่ยโหวอิ๋น  เพราะเกิดปีขาล  จึงมีฉายาว่า "ท่านเสือ" ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ร่างกายผอมบางทว่าแข็งแรง มีเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบ รู้เท่าทันคน เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ และไม่เคยมีประวัตินอกใจภรรยาจนกระทั่งรับต่งเหมียนเป็นอนุ

ต่งเหมียน เด็กสาวอายุเพียงสิบหกปี ฮั่วเหมยช่วยนางไว้จากขุนนางมักมาก โดยให้นางแต่งเข้าตระกูลเซี่ยโหวในฐานะอนุภรรยาของท่านเสือ



ณ จุดหักเหของชีวิตคู่ ในตอนกลางเรื่อง คิดว่าผู้แต่งทำเสียพลอตไปนิดนะคะ  การเผยให้รู้ว่าพระเอกมีความจำใจ  ทำให้เดาทางได้เลยว่า ถ้าปิดไว้ก่อนให้คนอ่านมีเอ๊ะ มีอ๊ะ ตกลงพระเอกนี่อะไร ยังไง  จะด่าเลยดีมั้ย  หรือยั้งๆ ใจไว้รอดูท่าทีก่อน  แม้โดยความเป็นพระเอกย่อมไม่มีเปลี่ยนใจไปเป็นอื่นง่ายๆ แต่การจะมีลูกเล่นนี้สักเล็กน้อย ก็น่าจะก่อให้เกิดความลังเลสงสัย ใช่ ไม่ใช่ ให้เรื่องมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น  

พฤติกรรมของตัวละคร ค่อนข้างขัดกับความรู้สึก ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลการกระทำของพระเอกมากนัก เพราะพื้นฐานความเชื่อของเรานั้น การเป็นครอบครัวไม่มีอะไรดีเท่าการร่วมสุขร่วมทุกข์แบ่งปันกันทุกความรู้สึกค่ะ ไม่ชอบที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาคิดเองเออเองตัดสินแทนอีกฝ่าย แม้ว่าจะทำไปเพราะความเป็นห่วงก็เถอะ จุดนี้เรามักจะมีปัญหาขัดใจด้วยเหมือนกันเวลาที่ดูซีรีส์เกาหลี ยามที่ตัวละครมีปัญหาจะหาวิธีผลักไส เช่นเจ็บป่วย จะหนีไป เวลามีชีวิตที่ยากลำบากไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบากด้วย จะแกล้งเลว เพื่อจะได้เกลียดกันไป พยายามที่จะแบกทุกข์ไว้คนเดียว โดยให้อีกคนมีความสุข หรือ ถึงต่อให้ทุกข์ก็คิดว่าคงจะทุกข์น้อยกว่า   กรณีในเรื่องนี้พระเอกมีเหตุผลที่ดีกว่าสักหน่อยนั่นคือคำนึงถึงชีวิตและความปลอดภัย  มันก็ดีนะ แต่ก็ไม่เห็นด้วย

ในชีวิตจริงนั้น เรื่องราวสามารถพลิกผันไปได้หลายอย่าง  บางทีการคิดเอง เออเอง ตัดสินใจเอง เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเดือดเนื้อร้อนใจ ปัญหามันอาจบานปลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้น แถมสุดท้ายยังไม่พ้นต้องเดือดร้อนกันทั้งหมด โดยที่ปัญหานั้นยากจะยอมรับและแก้ไขยิ่งกว่าเดิม   แม้แต่เนื้อเรื่องในนิยายก็เหอะ  ถ้าหากมันไม่ใช่นิยายแล้วพระเอกเกิดซี้แหงแก๋ไปไม่หวนกลับมา   แล้วนางเอกล่ะ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างขมขื่นว่าถูกสามีที่รักทรยศไปทั้งชีวิตน่ะเหรอ  อย่างน้อยถ้าทุกข์ด้วยกันแล้วต้องอายุสั้น ตายขณะยังเป็นสุดที่รักในหัวใจของกันและกันน่าจะดีกว่านะ  

แต่ถึงจะไม่เห็นด้วยกับตัวละคร  เราก็ชอบเรื่องนี้   ชอบมากกว่าเรื่องแค้นสุดรักด้วย  เพราะปมของเรื่องมันดูมีเหตุผล มีคนมาเกี่ยวข้องให้น่าสนใจมากกว่าการแค้นเพราะความเข้าใจผิดจากคำพูดคน ตอนที่สามีภรรยาเค้ารักกัน เค้ากุ๊กกิ๊กกัน น่ารักดี แม้บางจังหวะจะไม่ชอบสำนวนบรรยายบทเลิฟซีนของเตี่ยนซินเท่าไรนัก ชอบแบบที่น้อยกว่านี้ ... แบบสำนวนของ สีเจวี้ยน ที่เขียนจักรพรรดิบัญชา, กรงผีเสื้อ คือ ไม่ต้องมาก แต่นึกภาพได้ (  อะหึ อะหึ  Smiley หัวเราะเสียงต่ำๆ ในลำคออย่างมีเลศนัย  )

ใยรักโยงใจ กับ แค้นสุดรัก  ทั้งสองเรื่องเป็นพลอตนิยายที่อ่านสนุกดีทีเดียว  แต่สำนวนยังไม่มีอะไรให้ติดอกติดใจเป็นพิเศษ  จึงไม่มีคำพูด ความรู้สึกไหน จะคัดมาเขียนเป็นชื่อบล็อก ที่ปกติจะไม่ได้ตามด้วยชื่อคนแต่งไว้แต่แรก เพราะจะชอบนำประโยคโดนใจมาใส่ไว้แทน แต่นิยายสองเรื่องนี้ไม่มีตรงไหนที่อ่านแล้วจี๊ดใจจนอยากจะยกมาแปะไว้เลย  ถ้าจับความรู้สึกด้วยสำนวนได้อีกชั้นนึง พลอตที่สนุกอยู่แล้วก็น่าจะทำให้ถูกใจได้มากขึ้นกว่านี้ค่ะ





 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 11 กันยายน 2558 22:25:13 น.
Counter : 1565 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.