2012 วันสิ้นโลก : คำเตือน ถ้ากลัว อย่าอ่าน!
อารัมภบทจากปกหลัง
เตรียมตัว... เตรียมใจ...
เวลานับถอยหลังของโลกเรามาถึงแล้ว...ลอว์เรนซ์ อี. โจเซฟ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราต้องหันกลับมามองถึงความหายนะของโลกในอนาคตอันใกล้ของเรามากยิ่งขึ้น
อะไร??? .. คือสาเหตุแห่งความวิบัติที่ไม่สามารถหลบได้หรือหนีพ้น
เมื่อ 60 ล้านปีที่แล้ว ไดโนเสาร์ได้หายสาบสูญจากโลกนี้ และในปี 2012 คือช่วงเวลาแห่งการเวียนบรรจบของการล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่
สนามแม่เหล็กโลกที่คอยปกป้องเราจากรังสีอันตราย กำลังเกิดรอยปริแตกที่ไม่สามารถหาสิ่งใดประสานได้
ระบบสุริยะของเรากำลังเคลื่อนตัวสู่อวกาศซึ่งมีสภาวะที่ไม่เป็นมิตร
ภูเขาไฟที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ นั่นหมายความว่า มนุษย์โลกต้องพบกับฤดูหนาวนิวเคลียร์ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตตายเกือบหมดโลก
กัมมันตภาพรังสีของดวงอาทิตย์เข้าสู่จุดห้วงแห่งความวิกฤตอีกครั้ง (ในปี 2012) ช่วงนั้นพายุบนดวงอาทิตย์จะมีความรุนแรงและปั่นป่วน พัดโหมกระหน่ำเข้าถล่มโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อุบัติภัยธรรมชาติทั้งปวงจะรุนแรงยิ่งกว่าเฮอร์ริเคนหลายร้อยลูกรวมกัน
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ล้วนสอดคล้องกับคำทำนายของชาวมายา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชนชาติที่แม่นยำที่สุดในเรื่องของเวลา พวกเขาพยากรณ์เอาไว้ว่างทุกสิ่งจะสิ้นสุดลงในปี 2012
คุณ........พร้อมจะเผชิญกับมันหรือยัง ...!?!?
หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ยืนยันว่าในปี 2012 โลกจะถึงกาลอวสานอย่างแน่นอน แต่หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราวมากมายที่บ่งชี้ว่า อีก 3 ปี โลกจะแตก!
เรื่องราวของปี 2012 ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราได้ยินว่า
"ปฏิทินของชาวมายา หรือ "คำทำนายของชาวมายา"
แต่เป็นทั้งความเชื่อ และเป็นทั้งหลักฐานจากนักวิทยศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ทั้งผืนดิน ผืนน้ำ ท้องนภา อากาศ อุณหภูมิ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี คัมภีร์ และศาสนา
ทุกอย่าง ล้วนเบนเข็มชี้อภิมหาอลังการภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในปี 2012 ซึ่งอาจนำโลกใบนี้ไปสู่กลียุค และสิ้นสุดสมัยของมวลมนุษย์ เช่นที่เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์เหลือไว้แต่เพียงซากฟอสซิลให้เห็นต่างหน้าแต่งเติมจินตนการใส่เนื้อหนังแล้วทำออกมาเป็นหนัง Jurassic Park ให้เราดู
ดูท่าจะไม่ใช่แค่เพียงเรื่องล้อกันเล่นๆ ขำๆ ของชาวมายาซะแล้ว เพราะเป็นหนังสือที่อธิบายถึง
ความยิ่งใหญ่ของเอกภพ และหายนะของโลก ที่แม้แต่ความไร้ขอบเขตของจินตนาการก็ไม่อาจจะคิดไปถึง หนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลกน่ะหรือ? เด็กๆ ไปเลย
รอยปริแตกของสนามแม่เหล็กโลกที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีวิธีการแก้ไข ระบบสุริยะ กับสภาวะอวกาศที่ไม่เป็นมิตร ระบบสุริยะใหญ่โตแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่เพียงส่วนย่อยๆ ที่โคจรไปในห้วงอวกาศกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่ามนุษย์ ดาวเทียม ยานอวกาศ หรือเครื่องมือใดจะรู้ได้ว่ามันไปสิ้นสุดที่ตรงไหน เพราะเอกภพเป็นเอกพันธ์ (ไม่สามารถระบุได้) รู้แต่เพียงว่าระบบสุริยะกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ "เส้นทางอันตราย"
ภูเขาไฟมหึมา ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงบอกชาวโลกให้รู้ว่าพร้อมแล้วสำหรับการระเบิด เพียงแต่ไม่รู้จะเลือกวันเวลาไหน และหากระเบิดขึ้น ความพิโรธของเทพแห่งไฟจะส่งควันและเขม่าขึ้นปกคลุมชั้นบรรยากาศโลกครอบคลุมทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ทำลายการเกษตร เศรษฐกิจ และจะมีผู้เสียชีวิตนับร้อยล้านคน
จุดดำบนดวงอาทิตย์ที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ และพายุบนดวงอาทิตย์ที่สัมพันธ์กับมหาภัยพิบัติทางธรรมชาติบนโลกที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น เฮอร์เคนพิฆาตแคทรีนา ริตา และวิลมา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย และมหาพายุลูกใหญ่ๆ ลักษณะนี้ดูท่าจะไม่มีอะไรไปหยุดยั้งหรือป้องกันไหว (ก็อิทธิพลมันส่งมาจากดวงอาทิตย์โน่น ใครล่ะจะไปทำโล่ห์บังมันไว้ได้)
อ่านแล้วรู้สึกเครียดกันบ้างมั้ยคะ เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องเครียด
แต่เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้คำอุทานอันไม่สุภาพว่า "พับผ่าสิ! อ่านแล้วมันสนุกจริงๆ"
แม้ไม่อาจเข้าใจคำศัพท์ทางวิทยาศาตร์มากมายในหนังสือเล่มนี้ แต่อ่านโดยรวมแล้วก็ไม่ยากแก่การเข้าใจว่าผู้เขียนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
วิทยาศาตร์เป็นเรื่องของ "ความฉลาด" ที่มิบังอาจไปทำความเข้าใจหรือเสนอหน้าไปร่ำเรียน ในสายวิชาเหล่านั้น แม้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัว หากมองให้ดี คิดให้ลึกลงไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกิดจากวิทยาศาตร์
เพราะวิทยาศาสตร์ คือ ความรู้ และความรู้เป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขต
ซึ่งมนุษย์อย่างเราๆ ไม่อาจจะรู้ไปซะทุกเรื่อง (ต่อให้เป็นคนชอบเรียนรู้ หรือชอบยุ่งเรื่องของชาวโลกก็ตามเถอะ)
และหนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วยังเผลอรำพึงกับตัวเองว่า "ไม่เห็นเคยรู้เรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย"
ชาวมายา ? ก็เพิ่งเคยได้ยินมาพร้อมๆ กับการเปิดตัวของหนังเรื่อง 2012 นี่แหละ
ดวงอาทิตย์ป่วย ? จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตอนนี้ดวงอาทิตย์ของเรากำลังไม่ฉะบาย โซลาร์มินิมัม และโซลาร์แมกซิมัม ซึ่งสัมพันธ์กับความปั่นป่วนบนดวงอาทิตย์คืออะไร และในปี 2012 ดวงอาทิตย์จะเข้าสู่ช่วงโชลาร์แมกซิมัม และความปั่นป่วนที่ดวงอาทิตย์เป็นอยู่ขณะนี้ ไม่อาจเทียบได้กับอาการป่วยไข้ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น
แม้แต่พระเจ้าแห่งจักรวาลผู้ทรงพลานุภาพอย่างดวงอาทิตย์ ก็หนีไม้พ้นวัฏจักรแห่งอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐที่พระพุทธเจ้าของชาวพุทธเราทรงตรัสรู้ เกิด ( Bigbang) แก่ (เต็มไปด้วยจุดดำ เป็นกระขึ้นทั่วดวง) เจ็บ (สภาวะที่ไม่เป็นมิตรของอวกาศ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน และอาจทำให้ดวงอาทิตย์ประสบกับโรคภัยหรืออุบัติเหตุขั้นร้ายแรง) ถ้าเป็นอย่างนั้น ดวงอาทิตย์ที่มนุษย์เคยเชื่อว่าจะไม่มีวันดับสูญ จะเป็นแสงสว่าง ให้ความอบอุ่น ให้พลังงาน ให้ชีวิตและการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ไปชั่วนิรันดร์ ก็ถูกสั่นคลอนเสียแล้ว ดวงอาทิตย์ก็เป็นหนึ่งในสรรพสิ่งที่มีมีอายุขัย และวันหนึ่งวันใดก็อาจตายได้เหมือนกัน ไม่ต่างจากสิ่งใดๆ ตามกฏของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
อย่าเพิ่งสิ้นหวังค่ะ .. เพราะหากโลกรอดพ้นไปจากปี 2012 ในอนาคตอาจมีการค้นพบวีธีจุดไฟบนดวงอาทิตย์ก็ได้
ว่าแต่ขั้นแรก ต้องคิดวิธีการเดินทางไปถึงดวงอาทิตย์ให้ได้ก่อน
ภาค 1 .. เวลา
คำทำนายของชาวมายา
"คำทำนาย" เป็นคำที่ใช้กันถูกต้องแล้วหรือ เพราะสำหรับชาวมายาดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่คำทำนาย แต่เป็นความรู้จากการเฝ้าสังเกตท้องฟ้าของชนเผ่าที่หลงใหลและทุ่มเทในด้านดาราศาสต์ ผ่านการคิดคำนวณด้วยภูมิปัญญาเกินกว่าจะเห็นมันเป็นความเชื่อ และไม่กล้าจะคิดว่ามันเป็นเพียงความเหลวไหล
ที่น่าแปลกคือ ชาวมายา ดูจะไม่นิยมเล่าเรื่องลึกลับทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาของตัวเอง และไม่ชอบพูดถึงปี 2012 มากนัก เพราะชาวมายามองปี 2012 เป็นแค่ปีแห่งการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว
ชาวมายามองเห็นวัฏจักรของท้องฟ้าและดวงดาราอย่างลึกซึ้งก็จริง แต่วันเวลาที่ผ่านมายาวนาน อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้บางสิ่งบางอย่างบิดพลิ้วไปจากปฏิทินโบราณเก่าแก่ที่คำนวนล่วงหน้ามากว่าสองพันปี วัฏจักรอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ชาวมายาเคยมองเห็น และนี่คือความหวังเดียวของมนุษย์เรา หวังว่าชาวมายาจะคำนวณผิด!
แต่ ความจริงก็คือ เราไม่ควรเหยียบย่ำภูมิปัญญาที่ว่านั้น ว่าเป็นเรื่องไร้สาระและมองข้าม เพราะปี 2012 ของชาวมายา จะเป็นเพียงแค่คำทำนาย หรือ สารจากความเมตตาของพระเจ้า (ที่พระองค์บอกกล่าวไว้) ใครล่ะจะรู้ได้
ชาวมายา ไม่ได้มีแค่ปฏิทินชวนโลกผวา ที่น่าสนใจคือ คัมภีย์นับพันเล่มของชาวมายา ที่ถูกเผาทำลายไปในสมัยสเปนเข้ายึดครองดินแดนนั้น คัมภีร์เก่าแก่หลงเหลือและตกมาอยู่ในมือของชาวตะวันตกเพียง 4 เล่มจริงหรือ? ว่ากันว่ายังมีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อีกมากซึ่งผู้พิทักษ์บันทึกและผู้เฒ่าของเผ่าต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขาห่างไกลเก็บรักษาเอาไว้ ( ผู้พิทักษ์คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ? นี่มันหนังฮอลลีวู้ดเลยนะเนี่ย ..นึกถึงซีรีย์ฝรั่งเรื่อง Legend of the seeker ขึ้นมาตระหงิดๆ )
วันที่ 13.0.0.0.0 ของชาวมายา คือวัน 21/12/12 ในปีปัจจุบัน 13 คือรอบ Baktuns หรือช่วงเวลา 400 ปีของชาวมายา ซึ่งเท่ากับ 144,000 วัน เลข 13 เป็นเลขอัปมงคลของฝรั่ง แต่เลข 13 เป็นเลขศักดิ์สิทธ์ตามหลักจักวาลของชาวมายา 1 ปีของดวงอาทิตย์คือ 1,872,000 วัน หรือเท่ากับ 13 X 144,000 หรือเท่ากับ 5,200 ปี เมื่อนับตามปี 360 วันตามแบบของชาวมายา
....ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เลข 144,000 นั้น ปรากฏอยู่อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์วิวรณ์ โดยกล่าวว่าเป็นจำนวนของมนุษย์ที่จะได้รับการปกป้องและได้ไปรับใช้พระผู้เป็นเจ้าในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายก่อนที่พระคริสต์องค์ที่สองจะลงมาจุติ.. ( หน้า 45 )
พระคัมภีร์วิวรณ์ คือ คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ที่กล่าวถึงการกลับมาของพระเยซู และถ้าทั้งโลกจะเหลือกันอยู่แค่ 144,000 คน ขอวอนเถิดพระผู้เป็นเจ้า ลูกขอสมัครใจอยู่ในกลุ่มของคนส่วนใหญ่และอยู่เคียงข้างบุคคลอันเป็นที่รัก
... เมื่ออาทิตย์สิ้นสุดลงหนึ่งรอบ ปฏิทินลองเคาท์ก็จะเริ่มต้นรอบใหม่ ดังนั้นวันที่ 22/12/12 .. ..หนึ่งวันหลังจาก 21/12/12 วันที่โลกสิ้นสุด ซึ่งหามันมาถึงชาวมายาก็จะเริ่มนับใหม่เป็นวันที่ 0.0.0.0.1 (หน้า 45)
หวังว่าจะยังมีชีวิตเหลืออยู่ให้เริ่มนับนะ หากแม้ว่าเราไม่ได้อยู่จนเห็นยุคใหม่ เอาเถอะ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะได้เป็นซากฟอสซิล
เรื่องของชาวมายาและการคำนวณต่างๆ นี้ ถูกเปิดประเด็นไว้เป็นภาค 1 ของหนังสือเล่มนี้เลยทีเดียว เพราะต้นเรื่องวันสิ้นโลกเท่าที่รู้น่าจะบูมมาจากปฏิทินนี้ และจากการศึกษาทางวิทยาศาตร์ของผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ หลากหลายแขนง อะไรๆ ในโลกใบนี้ ดูจะเข้าข่ายลางแห่งหายนะในปี 2012 ด้วยกันทั้งสิ้น อาจเรียกได้ว่าเฮโลเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับชาวมายา
21/12/12 ระบบสุริยะซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางจะบังศูนย์กลางของทางช้างเผือก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้จากโลก และเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบ 26,000 ปี
นักดาราศาสตร์ชาวมายาโบราณเชื่อว่า จุดดังกล่าวเป็นมดลูกของทางช้างเผือก (มดลูกคือสิ่งให้กำเนิด)
......ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีหลักฐานหลายชิ้นสนับสนุนว่า จุดดังกล่าวเป็นต้นกำเนิดของดวงดาวต่างๆ ในกาแล็กซี นักดาราศาสตร์ปัจจุบันตั้งข้อสงสัยว่า ตรงกลางนั้นมีหลุมดำซึ่งจะดูดกลืนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสสาร พลังงาน และเวลา ซึ่งจะกลายเป็นวัตถุดิบในการก่อให้เกิดดาวดวงใหม่ๆ ในอนาคตได้.. (หน้า 56)
ดูสิ เหนือฟ้ายังมีฟ้า แม้แต่ดวงอาทิตย์ที่ว่าแน่ ยังมีสิ่งยิ่งใหญ่ทรงพลังกว่า หนึ่งในนั้นคือ ศูนย์กลางของทางช้างเผือกที่อาจมีหลุมดำอำพรางไว้ล่อลวงทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
ถ้าดวงอาทิตย์หายเข้าไปในนั้น ? นั่นคือหลุมที่ที่ดวงอาทิตย์จะถึงแก่ความตายหรือ? ชาวมายาเชื่อว่า เมื่อพลังงานของดวงอาทิตย์ถูกบดบัง การที่มนุษย์ถูกตัดขาดจากพลังงานที่เป็นศูนย์กลางของกาแล็คซีนี้ กลไกที่สำคัญของโลกและร่างกายของคนเราจะหยุดทำงาน
วัฒนธรรมลึกลับของชาวมายาที่พยากรณ์ถึงวันสิ้นโลกเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน จะไม่เขย่าขวัญสั่นประสาทเท่าไรนัก ถ้าหากความคิดของชาวมายาไม่ได้ชื่อว่า เต็มไปด้วยตรรกะ และความเที่ยงตรง แล้วแม่นยำเรื่องวันเวลายิ่งนัก
มาดูกันค่ะ ระหว่างชาวมายา กับนอสตราดามุส ใครจะแน่กว่ากัน
นอกจากเรื่องของชาวมายาแล้วต่อไปนี้คือเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ที่น่าสนใจและสนุกจนลืมเครียด
อสรพิษกับเสือดาว จักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม
กล่าวถึงสองพี่น้องคนทรงชาวมายา คาร์ลอส กับเจอร์ราโด ความหลงตัวเองของนักวิชาการ (ที่ไม่ใช่ชาวมายา และหนีไม่พ้นเป็นชาวตะวันตก) อคติที่มีต่อวัฒนธรรมทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่ของชาวมายาผู้ทรงภูมิปัญญาถูกเหยียบย่ำ ประวัติศาตร์และวัฒนธรรมแท้จริงถูกบิดเบือน
ภาค 2 ... โลก
ปากทางสู่ปี 2012
... หากพระเจ้าหรือสิ่งใดก็ตามที่มีอำนาจเหนือกว่านั้น หรือสิ่งใดก็ตามที่เรานับถือ เสนอสิ่งที่เราสมควรจะได้รับไปตลอดชีวิต ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น เราจะรับข้อเสนอเหล่านั้นหรือไม่ ... (หน้า 74)
นักฟิสิกส์ธรณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญ กับเรื่องราวของ สนามแม่เหล็กโลกที่อ่อนกำลังลง ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของการพลิกขั้วแม่เหล็กโลก หรือจะเรียกว่าการสลับขั้วแม่เหล็ก ที่เข็มทิศจะชี้กลับตาลปัตร นกจะหลงทิศ ปลาจะหลงทาง แสงออร่าที่ขั้วโลกเหนือจะเปลี่ยนมาเกิดที่บริเวณเส้นศูนย์สูตร สภาพอากาศจะวิปริต เส้นทางความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคน ทอร์นาโดและพายุแม่เหล็กจะเปลี่ยนไป
ในเมื่อมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อ 780,000 ปี ตอนนี้มันกำลังจะเกิดอีกหรือไม่ การเคลื่อนตัวของผิวโลกที่เป็นอยู่ (แคนาดาและทวีปแอนตาร์คติกาเคลื่อนที่ถึงปีละ 20-30 กิโลเมตร) อาจจะทำให้ขั้วโลกเกิดการเคลื่อนที่ได้อย่างง่ายดาย
ข่าวดีคือ วันนั้นจะไม่เกิดขึ้นให้เราได้พบเห็น เพราะข่าวร้ายคือ ก่อนจะถึงจังหวะนั้น พวกเราตายกันไปหมดแล้วเพราะโรคมะเร็ง เนื่องจากการอ่อนกำลังของสนามแม่เหล็ก ทำให้วงแหวนรังสีแวนอัลเลน ( ที่เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็กคอยเบี่ยงเบนรังสีจากดวงอาทิตย์) จะปั่นป่วน เป็นอันตราย และความสามารถของสนามแม่เหล็กในการป้องกันรังสีให้แก่โลกจะลดลงด้วย รังสีต่างๆ จากอวกาศจะกระหน่ำใส่เรา (คงจะแบบรัวเร็วแบบเอ็มสิบหก หรือไม่ก็หนักหน่วงแบบเอ็มเจ็ดสิบเก้า)
การสลับขั้วอาจเป็นเพียงข้อสงสัย ที่ไม่มีใครรู้ได้แน่นอนในอนาคต (อันใกล้) แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจโล่งใจ เพราะมีเรื่องใหญ่พอกันเป็นความจริงอยู่แล้วขณะนี้ รอยแยกของสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้น 9 ชั่วโมงต่อครั้ง ครั้งละประมาณ 100,000 ไมล์ เกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทรที่อยู่ระหว่างประเทศบราซิลกับแอฟริกาใต้ (ชื่อ รอยแยกแอตแลนติกใต้) รอยแยกจะทำให้รังสีจากดวงอาทิตย์และอวกาศทะลุเข้ามา กระทบต่อสารเคมีในชั้นบรรกาศ ก่อเกิดอุณภูมิความร้อนและช่วยเผาชั้นบรรยากาศให้บางลง และคงทำให้การเผายางในกรุงเทพมหานครกลายเป็นเรื่องดีงามไปเลย
ไฟโลกันต์
เกาะเซิร์ทซี แผ่นดินใหม่ล่าสุดที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากท้องทะเลในปี 1963 มันเกิดขึ้นมาเพราะการระเบิดของภูเขาไฟกว่าสี่ปีลึกลงไปใต้ทะเล เกาะขนาดครึ่งตารางไมล์ที่โผล่ขึ้นมาในมหาสมุทรภายใต้อณาเขตของไอร์แลนด์นี้ นอกจากจะไม่จมลงไปยังทำให้แถบนั้นเป็นเขตที่มีพายุมากที่สุดในโลก
ภาพเกาะเซิร์ทซีในไอร์แลนด์ จาก //www.thebestinsure เกาะแปลกๆ บนโลกนี้
ภูเขาไฟยักษ์เยลโลว์สโตน เทพโลกันต์ที่รอวันระเบิดอัคคีองค์นี้สถิตอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกา (ชื่ออุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน) หากเกิดการระเบิดขึ้น ลาวาคงไม่อาจเผาน้ำในมหาสมุทรข้ามมาถึงเมืองไทยได้ก็จริง แต่ถ้าเพื่อนมนุษย์ถูกย่างเกรียมไปเกือบครึ่งโลก บรรยากาศก็คงไม่น่าอยู่สักเท่าไร ภูเขาไฟที่เคยไว้ใจได้ลูกนี้ กำลังไว้ใจไม่ได้อีกต่อไป
ประวัติศาสตร์ของมันคือการระเบิดทุกรอบ 600,000- 700,000 ปี และปัจจุบันเรากำลังอยู่ในตารางเวลาของการระเบิดครั้งต่อไป ซึ่งไม่ทันแล้วที่เราจะเกิดให้เร็วกว่านี้
ภาพ Rumbling hits Yellowstone จาก //redgreenandblue.org/tag/swarm/
ข่าวดีคือ ขณะนี้มีการติดตั้งระบบเตือนภัยที่แจ้งข้อมูลได้รวดเร็วที่สุดไว้รอบๆ อุทยานแห่งชาติ ทั้งเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหวและตรวจจับอุณภูมิ (แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้อมูลจะถูกรายงานไปที่ไหน และใครเป็นผู้ตัดสินใจ)
แต่ข่าวร้ายคือ ปัจจุบันไม่มีวิธีใดที่จะหยุดยั้งการระเบิดของภูเขาไฟยักษ์ได้ อีกทั้งขนาดและความรุนแรงของมันก็มากเกินไป เกินกว่าจะหาทางป้องกันไหว
ข่าวร้ายมากกว่าอีก เทพโลกันต์อีกองค์ที่มีชื่อว่า ลองวัลเลย์ในรัฐแคลิฟอเนียร์ก็กำลังพิโรธกรุ่นๆ มี "ความเคลื่อนไหว" และ "ไม่สงบ" มากกว่าเยลโลว์สโตน และไม่รู้จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อมนุษย์ขึ้นมาวันไหน อำนาจทำลายล้างของท่านเทพองค์นี้ อาจไม่ทรงฤทธาเท่าเยลโลล์สโตน แต่ก็มากพอจะทำให้ซีกโลกเหนือทั้งหมดตกอยู่ในภาวะฤดูหนาวนิวเคลียร์
นี่ยังไม่นับภูเขาไฟยักษ์ทั่วโลกที่ยังมีอยู่อีก และยังไม่ได้นับจำนวนที่ไม่รู้ของภูเขาไฟใต้สมุทร ซึ่งอาจระเบิดขึ้นมาทำให้ทะเลเดือด และช่วยกันโหมไฟย่างเกรียมโลกได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาจากดาวหางหรือดวงอาทิตย์มาจุดไฟให้
Giant Volcano Under Yellowstone Park Stirring To Life - Five Inch Increase At The Uplift Anomaly ภาพจาก //www.lampholderpub Volcano watch
สู่ทะเลสาบอติลัน พบ ฮวน มานูเอล เมนโดซา ดาวรุ่งในวงการจิตวิญญาณของชาวมายา ( คนทรง) การถามถึงปี 2012 กับชาวมายา คำตอบยังคงเป็นไปในแง่ดี (ที่ทำใจเชื่อว่ามันจะดีได้ลำบาก) สำหรับชาวซานดิอาโก อาติลัน ที่ประชากร 95% เป็นชาวมายาเผ่าชูทูฮีล ยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างสงบ ความกลัวเกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะชาวมายารู้สึกว่ามันไม่มีอันตราย "ราวกับอยู่ในรังนก ราวกกับอยู่ในอ้อมกอดโลก"
...แต่อย่างไรก็ตาม ในจิตวิญญาณของชนพื้นเมืองที่ผูกพันอยู่กับสิ่งแวดล้อมนั้นมีบางสิ่งที่เชื่อถือได้ แม้ว่ามันจะดูไร้สาระก็ตาม ในความเชื่อที่ผิดจากกความเป็นจริงนั้น อาจมีภูมิปัญญาที่แท้จริงซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้ (หน้า 114)
และถ้าคุณรู้ถึงวิธีฝึกคนทรงชาวมายา คุณจะรู้สึกว่า ..คำพยากรณ์ใดๆ มีความน่าเชื่อถือกว่าที่เคยเป็น
และไม่ว่าจะเพียรพยายามถามชาวมายาสักกี่ครั้ง มนุษย์เราคงไม่ได้รับคำจากชาวมายาเพื่อยืนยันความหวาดกลัวของตัวเองให้แน่ชัดได้
ภาค 3... ดวงอาทิตย์
รูปภาพจาก //www.vcharkarn.com/vcafe/102291/4
รูปภาพจาก //www.vcharkarn.com/vnews/5811
ดวงอาทิตย์และจุดดำ
ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของจุดดำบนดวงอาทิตย์กับพายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นทั่วอเมริกาเหนือ ที่นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเอ่ยคำ "ใครจะไปบอกได้!" มหกรรมของการศึกษาดวงอาทิตย์ในช่วงนี้ ที่ต้องระดมทุนทั้ง เวลา เงิน และมันสมองจำนวนมาก เป็นสัญญาณแห่งการค้นพบและมีความกลัวที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?
เฮอร์เคนแคทรีนา พายุหมุนเขตร้อนที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา 25 Aug 2005 ภาพจาก //www.wikipedia เฮอร์ริเคนแคทรีนา
น้ำแข็งละลาย / อุณภูมิของอากาศที่ร้อนที่สุดในรอบ 50,000 ปี (ภาวะโลกร้อน) / กรรมวิธีการวัดอายุเพื่อตอบคำถามที่ว่า "เรารู้ได้อย่างไรว่าเมื่อพันๆ ปีก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นไม่มีการบันทึกอะไรทั้งสิ้น"
เมื่อดาวพฤหัสเรียงกับดาวอังคาร เต้นแทงโก้ไปด้วยกัน เรารู้จักเรื่องของปี 2012 จากเรื่องของดาวทั้งหมดเรียงตัวกันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย นอกจากพูดถึงแรงดึงดูดระหว่างดวงดาวในทางทฤษฏีว่าน่าจะมีผลมากที่สุดเมื่อดาวทั้งหมดเรียงตัวกันและทำมุม 0 องศา หรือทำมุมฉาก 90 องศา
พลังแห่งดาวเคราะห์ ของดาวแต่ละดวงจะส่งผลให้เกิดแรงดึงดูดกระทบต่อลูกไฟมโหฬารอย่างดวงอาทิตย์ให้เกิดการประทุของพื้นผิวและระเบิดรังสีออกมาหรือไม่ ดาวจะเรียงตัวในปี 2012 และในช่วงนั้นเป็นช่วงที่จะเกิดจุดดำมากที่สุดบนดวงอาทิตย์ เทพเจ้าดวงนี้จึงถือได้ว่าจะเข้าสู่ภาวะป่วยขั้นโคม่า
ภาค 4 ...อวกาศ
เมฆหมอกพลังงานและจุดปั่นป่วนระหว่างดวงดาว
การเคลื่อนที่ของเฮลิโอสเฟียร์ (แสงทรงกลมของระบบสุริยะที่มีศูนย์กลางอยู่ตรงจุดที่สว่างที่สุดคือดวงอาทิตย์) ทำให้เกิดคลื่นกระแทก (เมื่อเคลื่อนที่ผ่านบรรยากาศ) นานมาแล้วที่การเคลื่อนที่นี้เคยราบรื่น แต่ปัจจุบันเฮลิโอสเฟียร์กำลังเข้าสู้เส้นทางขรุขระของอวกาศ และทำให้คลื่นกระแทกมีความรุนแรงทะลวงเข้ามาในพื้นที่ระหว่างดวงดาวและก่อกวนดวงอาทิตย์ของเราให้ปั่นป่วน
... เรากำลังโดยสารอยู่บนเครื่องบินยักษ์ที่ชื่อว่าระบบสุริยะ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่พายุ หรือพูดให้ถูกก็คือ จุดปั่นป่วนระหว่างดวงดาว.. (หน้า 177)
ดาวยูเรนัสกับเนปจูนเกิดการเปลี่ยนแปลงของขั้วแม่เหล็กแล้ว อาจเป็นไปได้ตามข้อสงสัยของนักวิทยาศาตร์ว่าโลกของเราเองก็กำลังส่อแวว ดวงจันทร์ของดาวเสาร์เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ที่มีลักษณะคล้ายเยลโลว์สโตนขึ้นเป็นครั้งแรก ดาวพฤหัสได้รับอิทธิพลจากคลื่นกระแทกและทำให้สนามแม่เหล็กขยายตัวขึ้นสองเท่าจนขยายไปถึงดาวเสาร์ และการเกิดพายุแม่เหล็กขึ้นบนพื้นผิวอย่างไม่มีวันจบสิ้น ภูเขาไฟบนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสก็เกิดระเบิดขึ้นแล้วเช่นกัน
วิวัฒนาการอันชาญฉลาดของสายพันธุ์ในโลกมืด ที่ก้าวล่วงเข้าสู่โลกแห่งแสงสว่าง ไซยาโนแบคทีเรีย ที่พบจุดยืนของการเป็นภัยมรณะให้กับโลกนี้
การขุดเจาะทำลายทรัพยากรธรรมชาติจากมวลมนุษย์ที่ไม่เคยคำนึงถึงระบบนิเวศและรู้จักคำว่าหยุดยั้ง อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โลกจะหันหลังให้กับเราเสียแล้วหรือ
แสงแห่งนูสเฟียร์ กัปตันชราแห่งไอซ์แลนด์ ฐานใต้ดินแห่งไซบีเรียและการทดลองทางจิต
ภาค 5 ...การล้างเผ่าพันธุ์
ไม่เหลือ
วิทยาศาสตร์แห่งยุค ข่าวร้ายเรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการสูญพันธ์ วัฏจักรความแตกต่างของซากฟอสซิล ที่นักฟิสิกส์ผู้เชี่ยวชายค้นพ้นหลักฐานที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ว่า ...โดยปกติแล้วเหตุการณ์สูญพันธ์ครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทุกๆ 62-65 ล้านปี และโชคร้ายที่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งก่อนที่เป็นการล้างพันธุ์ไดโนเสาร์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 65ล้านปีก่อน เราจึงกำลังอยู่ในช่วงที่ครบกำหนดอีกครั้ง ...(หน้า 219)
เกิดช้าไปอีกแล้ว
อันตรายบนฟ้า ดาวหาง อันธพาลครองจักรวาล และการเสนอระบบป้องกันการพุ่งเข้าชนโลกที่ถูกหัวเราะเยาะ
...ชาวมายาทำนายว่า 2012 ระบบสุริยะจะทำคราสกสับศูนย์กลางแรงดึงดูดของกาแล็กซีซึ่งเป็นหลุมดำ วัตถุที่รู้กันว่ามีแรงดึงดูดมากที่สุดในจักรวาล และนั่นจะนำไปสู่การสิ้นโลก...(หน้า 223)
ภาค 6 ....สงครามศักดิ์สิทธิ์
นับถอยหลังสู่จุดจบ
เมกกะ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และการบูชาดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์จะลงโทษมนุษย์ทุกผู้ที่บังอาจจ้องมองแต่ดวงจันทร์ ที่ส่องแสงล่อลวงมนุษย์และเปลี่ยนรูปร่างไปทุกคืน เรื่องราวของศาสดามูฮัมหมัดและอาบู จาฮาล ศัตรูของพระเจ้า
ถอดรหัสไบเบิล ลางแห่งสงคราม กล่าวถึงสงครามอาร์มาเกดดอน ระหว่างผู้ยอมรับพระเยซูคริสต์กับผู้ไม่ยอมรับพระองค์
.. มีการตีความคัมภีร์ไบเบิลที่พยากรณ์ไว้ว่า โลกจะถึงจุดจบในปี 2012 ชาวมุสลิม คริสต์ และยิว จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อเข้าสู่สงคราครั้งสุดท้าย ..(หน้า38)
การตอบแทนแห่งพระผู้เป็นเจ้า ปิศาจสีเขียวผู้เข้มแข็ง ผู้นำในการประสานความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของโลก กำจัดฝีอักเสบ เพื่อสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง
ชอบเนื้อหาตรงนี้มากเลยค่ะ
มันคงไม่มีค่าอะไร...แต่หากกลียุคหรือการเปิดเผยครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนโลกในวันที่ 21/12/12 ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ฉวยเอาช่วงเวลาแห่งความสงบในหตุการณ์อันน่าพิศวง ซึ่งทุกคนที่นับถือในคัมภีร์ไบเบิลและกุรอานจะรู้สึกเมื่อได้ประสบกับคำพยากรณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติซึ่งทำนายโดยคนนอกศาสนาแห่งดินแดนโดดเดี่ยวในอเมริกากลางอุบัติขึ้น พวกหัวดื้ออาจยืนยันว่าวันสิ้นโลกนั้นพยากรณ์ไว้ในรหัสลับของคัมภีร์ไบเบิล
แต่ในความเป็นจริงก็คือ คำพยาการณ์ของชาวมายานั้นเป็นคำพยากรณ์แรกสุดเกี่ยวกับวันที่ 21/12/12 บางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจปกป้องเราจากกลียุคครั้งนี้ได้ แต่คงไม่สามารถปกป้องเราจากความผิดพลาดและความหวาดกลัวที่สุดในชีวิต เราทุกคนต่างตาสว่างได้ แต่ผู้คลั่งศาสนาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และมุ่งหวังความขัดแย้งแห่งดินแดนตะวันออกกลางนั้น ยังคงสรุปเอาเองว่า ตนเป็นพวกที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด... (หน้า 257)
อ้อนวอนให้คงเดิม เทมเพิลเมาท์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์และอิสลาม พระเมซไซอาห์ใกล้เสด็จ เพื่อมาจุติแล้ว ฝืนคำพยากรณ์
แรงดึงดูดประหลาดแห่งปี 2012 คัมภีร์อี้จิงกับคลื่นของเวลา ความลี้ลับแห่งโลกตะวันออก ดาวศุกร์ และระบบตัวเลขของฮินดู 6/6/12 2012 รอบโลก การสูญหายของ ทวีปแอตแลนติส ชาวอียิปต์ มายา อินเดียนแดงเผ่าเชอโรกี และคำทำนายต้องห้ามของเผ่าโฮปิ
..ปี 2012 เป็นเส้นตายแห่งความหายนะที่กำลังจะมาถึงอย่างรวดเร็ว และการพยากรณ์ถึงจุดจบแห่งเวลาของทุกสำนักดูจะมุ่งหน้าไปตามตารางเวลาที่ชาวมายาวางเอาไว้.. (หน้า 290)
วาระสุดท้ายที่ถูกใจ ปี 2012 มิใช่ประตูสู่ความตาย ในมุมมองของชาวมายาก็ไม่ใช่เรื่องของความตาย Lisa จะนำเราไป สามเหลี่ยมด้านเท่าขนาดยักษ์ขององค์การ NASA ออกแบบมาเพื่อร่อนไปตามคลื่นแรงโน้มถ่วงเมื่อโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ จะถูกส่งขึ้นไปในปี 2011 เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงของทฤษฏีบิ๊กแบงด้วยการตรวจจับแรงดึงดูดที่ยังเหลืออยู่จากการระเบิดที่สร้างสรรพสิ่งครั้งนั้น
คลื่นไมโครเวฟ รูปแบบของรังสีที่หลงเหลืออยู่จากการระเบิดบิ๊กแบงทั่วท้องฟ้าและค้นพบช่องว่างของคำที่เต็มไปด้วยรหัส นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา และนักเทววิทยาชั้นยอดของโลกทำงานร่วมกันเพื่อค้นคว้าสิ่งนี้ แต่ก็ไม่สามารถถอดรหัสออกมาได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร
... ข้อเท็จจริงที่เป็นไปได้คือ มันอาจเป็นสารจากพระเจ้า จักรวาล หรือพระผู้สร้าง เป็นแรงบันดาลใจ และแสงสว่างให้แก่ผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งเป็นพลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอบรมให้มีความนับถือต่อธรรมชาติ
......บางทีสิ่งที่เบนฟอร์ดเห็น อาจเป็นสิ่งเดียวกับที่ชาวมายาเห็นมาโดยตลอด ...บางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจดีดสายเลเซอร์ของ LISA เล่นเป็นเพลงแห่งความอมตะแห่งพระองค์ (หน้า 300)
บางทีพระผู้สร้าง อาจอนุญาต ให้มวลมนุษย์ได้ล่วงรู้จุดกำเนิดอันเป็นความลับของเอกภพ เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจในวันที่พวกเราต้องถึงคราวดับสูญไปก็ได้นะคะ
บทสรุป
ภาวนา ...กราบเรียนพระผู้เป็นเจ้า... เสนอสิ่งสังเวย การเดินทางสู่นอกโลก อาจนำมาซึ่งการลงโทษของพระแม่ธรณี พันล้าน เพื่อการวิจัยการควบคุมปฏิกิริยานิวเคลียร์ หรือพันล้านเพื่อป้องกันหายนะของปี 2012 เตรียมใจให้พร้อม ใจกว้างกับความมืดมน (หากมันเกิดขึ้น) และเผชิญหน้ากับมันอย่างสงบ หลีกทางให้ชาวมายา และดึงผู้เฒ่าออกมาจากถ้ำ สู่หุบเขา แห่งความเชื่อที่ว่า "พระผู้เป็นเจ้าสร้างมนุษย์บนโลกขึ้นมาด้วยสายเลือดเดียวกัน"
และ
ขอให้ปลอดภัย
...ขอให้คุณใส่ใจกับเรื่องปี 2012 แต่อย่าตื่นกลัว วางแผนให้พร้อม แต่อย่ารีบร้อน จากวันนี้ถึงวันนั้นเรามีเรื่องต้องทำ ต้องเตรียมตัว ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม เพื่อรอรับการทดสอบที่จะมาถึง หากเราพบว่าเรากำลังรอคอยให้มันมาถึง เราก็น่าจะพบหนทางก้าวผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ ..(หน้า 320)
****
ที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านสนุก ไม่ใช่คำพูดเกินจริงเลย เพราะถึงแม้เนื้อหาจะเครียด แต่เป็นความเครียดที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันของผู้เขียน และทำให้อดยิ้มไม่ได้ ถ้าคุณมีโอกาสได้อ่าน คุณจะรู้ว่ามันตลกจริงๆ
อ่านแล้ว อย่าเผลอคิดไปว่ากำลังอ่านนิยายอยู่ เพราะหนังสือเล่มนี้คือสารคดี หลายสิ่งหลายอย่างฮอลลีวู้ดนำประเด็นไปสร้างหนังแล้วไม่ว่าเนื้อหาจะถูกต้องมากหรือน้อยก็ตาม อาทิเช่นหนังเรื่อง The Core หรือ The day after tomorrow ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ตัวจริงท่านหนึ่ง เป็นต้นแบบของคุณพ่อในเรื่องนี้ หรือแม้กระทั่ง 2012 ที่สร้างความวินาศสันตะโรไว้อย่างน่าระทึก แต่ขอโทษเถอะ ไม่อาจเทียบเคียงความวินาศที่บรรยายไว้ในหนังสือเล่มนี้ได้เลย
จริงๆ แล้วอยากแนะนำให้ฮอลลีวู๊ด สร้างเรื่องนี้ขึ้นมอีกสักเรื่อง รับรองว่าต้องเป็นไอเดียอันบรรเจิด
"ไซยาโนแบคทีเรีย ภัยมรณะตัวจิ๋วจอมพิฆาต"
รับรอง .. .บูม ฮ่าฮ่า อ่านแล้วชอบจริงๆ นะเรื่องวิวัฒนาการของเจ้าแบคทีเรียผู้น่ารัก!
ประวัติผู้เขียน
Lawrence E. Joseph เป็นนักข่าวและผู้ให้คำปรึกษาด้านวิทยาศาตร์ อีกทั้งยังเขียนหนังสืออย่างกว้างขวางในหลากแขนก อาทิเช่น วิทยาศาตร์ สิ่งแวดล้อม การเมือง และเศรษฐกิจโลก เพื่อตีพิมพ์ใน New York Time , Salon และ Audobon
ปัจจุบันเขาเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาของแอโรสเปซ คอร์ปอร์เรชั่น ในอับลูเควอร์ก รัฐนิวเม็กซิโก
ชื่อหนังสือ : 2012 วันสิ้นโลก ผู้เขียน : LAWRENCE E. JOSEPH ผู้แปล : ทรงพล ศุขสุเมฆ สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์บุ้คส์ 2552 จำนวน : 336 หน้า
Create Date : 05 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 22:13:10 น. |
Counter : 2139 Pageviews. |
| |
|
|
|