Group Blog
 
All blogs
 

สาวน้อยร้อยเสน่ห์ พลอยดาว แปล


สำนักพิมพ์ แฟนซี  ไม่ระบุผู้เขียน  - ผู้แปล พลอยดาว


สาวปลาย่าง กับหนุ่มหง่าวแมวนอนหวด

เมื่อสาวน้องเล็กอยากมีคู่ เธอเลยต้องหาหนุ่มใจกล้า
พร้อมจะฝ่าด่านสี่พี่ชายจอมหวงน้อง

แล้วใครไหนเล่าจะดีกว่า
คนที่พี่ชายไม่ระแวงที่สุด

คลีโอ เป็นสาวน้อยที่อยากไปนิวยอร์ก แต่ก็กลุ้มว่าตัวเองยังไม่ประสาอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องแฟนๆ ซึ่งเห็นจะต้องขอบคุณพี่ชายจอมหวงน้องทั้งสี่ที่เหี้ยมได้ใจ จนไม่มีหนุ่มหน้าไหนกล้ามาจีบคลีโอเลยสักคน

เมื่อในที่สุดความสิ้นหวังมาเยือน คลีโอเลยหันไปหา แมค เพื่อนรุ่นพี่ที่โตมาด้วยกัน และขอให้แมคช่วย เธอต้องการให้เขาช่วยคัดเลือกหนุ่มที่ใช่ให้เธอที 

แมคยอมตกลง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เห็นใครดี เขาเลยเสนอตัวเองให้เธอได้ทดลองเสน่ห์ตามตำราที่เธออ่านมา เพื่อจะพบว่าสาวน้อยคลีโอมีเสน่ห์เหลือเฟือเกินคาดคิด 

ทั้งคู่สัญญาว่าจะปกปิดไว้จากพี่ชายทั้งสี่ ไม่งั้นแมคอาจต้องไปหาพระเจ้าก่อนวัยอันควร

และที่ตกลงกันอีกอย่างก็คือ เมื่อจบคอร์สแล้ว ต่างฝ่ายต่างจะแยกย้ายกันไปตามแผนเดิม

 แต่วันที่คลีโอไป หัวใจแมคก็ไปด้วย แมคเลยต้องยอมเสี่ยงตาย
 เผชิญหน้ากับสี่โหดเพื่อนเกลอคนกันเอง...




แมคส่งเสียงคราง มันแย่กว่าที่เขาคิดซะอีก แต่เล็กจนโต เมื่อคลีโอปักใจที่จะทำโครงการฤดูร้อนแล้วล่ะก็  ต่อให้บรรทุกระเบิดไดนาไมต์มาเต็มคันรถก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก  ถ้าแมครู้จักคลีโอดี 

และเขาก็คิดว่ารู้จักเธอดี  ถ้าการพร่าพรหมจารีถูกต้้งเป็นโครงการฤดูร้อนแล้วล่ะก็  ยัยแก่นแก้วคลีโอคงจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกต่อไปเมื่อฤดูร้อนครั้งนี้สิ้นสุดลง ไม่ว่าเขาจะยอมช่วยหรือไม่ เธอจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะได้ขีดฆ่าทุุกอย่างออกจากรายการที่ต้องทำเพื่อให้โครงการของเธอสำเร็จตามเป้าหมาย 

งานเข้าน่ะสิ!  ตั้งแต่คลีโอเอาเรื่องนี้มาปรึกษา แมคก็ต้องเอากลับมาคิดมากมาย 
และในความคิดทั้งหมดนั้นก็เป็นความคิดระดับเอ็กซ์ !!

บางทีเขาควรจะจัดหาหนุ่มบางคนให้เธอ แต่แค่คิดก็แทบทนไม่ได้ที่ผู้ชายเหล่านั้นจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ตรงไหนใกล้ๆ คลีโอ  แต่ถ้าเขาจะไม่ช่วย ก็บอกไม่ได้เลยว่าคลีโอจะทำเรื่องเหลวไหลอะไรอีก เขาเคยเห็นเธอมีความคิดประหลาดๆ มานานพอที่จะรู้ว่าเธอจะไม่ยอมเลิกโครงการฤดูร้อนไปง่ายๆ เธอจะไม่มีทางยอมแพ้

นับแต่คลีโอเอ่ยปากฝากความไว้วางใจ เป็นไปได้ว่าแมครู้มาตลอดว่าต้องทำอะไร และเขาแค่ต้องการเวลาให้ความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีค่อยๆ ซึมทราบลงไปในจิตใจตัวเอง แต่ขณะนี้เขามองไม่เห็นหนทางอื่นเลย มันอันตรายมาก อันตรายจริงๆ การตกลงที่จะวางเดิมพันยังคงเป็นคำตอบเดียว แล้วเขาก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับ ผลที่จะเกิดตามมาในภายหลัง

เขาสูดหายใจเข้าลึก    "ฉันไม่ได้มองหาใครหรอก ฉันรู้แล้วว่าใครจะเป็นคนทำ"



ต้องเข้าใจก่อนว่าเป็นนิยายโรมานซ์นะคะ  ฝรั่งเนี่ย อายุ 26 ปียังเวอร์จิ้นมันคงจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สามารถรอดปากเหยี่ยวปากกาโดยปราศจากรอยราคีมาได้  ซึ่งคลีโอถือมันเป็นเรื่องบกพร่องอย่างยิ่งสำหรับการจะเป็นคุณครูที่ปรึกษาของนักเรียนมัธยมปลาย เธอจะมีความน่าเชื่อถือสำหรับการให้คำปรึกษาแก่เด็กวัยวุ่นที่ต้องมีเรื่องเพศศึกษาเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร   ถ้าเธอยังขึ้นคานจากอุปสรรคของการเป็นสาวบริสุทธิ์  เธอจำเป็นต้องเสียมันไปโดยด่วนเพื่อมีประสบการณ์

คลีโอต้องการผู้ชายสักคนมาดูแลปัญหานี้  และเพราะมันจำเป็นต้องเป็นความลับ .. โดยเฉพาะสุดลับจากบรรดาพี่ชายสุดหวงทั้งสี่ของเธอเอง  คลีโอจึงมองไม่เห็นใครเลยที่จะช่วยเธอทำโครงการเสียความบริสุทธิ์ได้ นอกจากแมค  เธอหวังพึ่งเขาเต็มที่ ทั้งเรื่องการคัดเลือกผู้ชาย และทั้งการปกปิดเป็นความลับ

แต่ ... โอ๊ย  ให้ตายสิ กับแมคเนี่ยนะ  


ขอย้ำว่านิยายโรมานซ์นะคะ  ความรักย่อมมากับบทรักเอ็กซ์ติดเรท  หนังสือเค้าว่าสำหรับผู้อ่านวัย 18 ปี ขึ้นไป  (แต่เราให้ 25 ไปเลยได้ยิ่งดี) แต่ตัวเรานี้ แก่เกินกว่าจะใจแตกแล้ว จึงอ่านได้ 

แท้ที่จริง  ความรักอาจอยู่ตรงนั้นมานานมากแล้ว ...แค่เพียงรอเวลาแห่งการค้นพบ

ที่แมคเคยพยายามมองข้ามว่าคลีโอไม่ใช่เด็กหญิงจอมแก่นอีกต่อไป  ที่เคยละเลยต่อความจริงอันสะดุดใจว่าเธอเป็นสาวเต็มตัวมานานหลายปี ตอนนี้เขาคงจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว  เธอคือแรงกระตุ้นอันรุนแรง และมันทำให้เขาสติแตก กับความปรารถนาทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ไม่อยากจะยอมรับ

ไม่ว่าความรักหรือความใคร่ คลีโอ กับ แมค ไม่ต้องการใครอีกนอกจากกันและกัน 

แต่  คลีโอ กำลังจะจากไกลไปเป็นสาวเมืองใหญ่ที่นิวยอร์ก

ในขณะที่ แมค ไม่อาจไปไหนได้ไกลจากเมืองบ้านเกิดที่ คอปเปอร์วิล

แล้วไหนจะพี่ชายทั้งสี่ของเธออีก!

เฮ้อ ..อุปสรรค .. ไม่มีความรักที่ง่ายบนโลกนี้หรอก 

พลอตเรื่องน่ารักดี จึงเลือกหยิบมาอ่านเพลินๆ ในช่วงอ่านดะ เพื่อลดความสูงของกองดอง







 

Create Date : 04 กันยายน 2557    
Last Update : 5 กันยายน 2557 20:15:24 น.
Counter : 1364 Pageviews.  

Scoundrel In My Dreams ราตรีที่ฝังใจ

เซเลสต์ แบรดลีย์ เขียน  กัญชลิกา  แปล
สำนักพิมพ์แก้วกานต์  พิมพ์ครั้งที่ ๑ - ธันวาคม ๒๕๕๕


ราตรีที่ฝังใจ Smiley เป็นหนึ่งในนิยายชุดเจ้าสาวหนีรักที่มีอยู่ด้วยกัน ๓ เล่ม เล่มนี้เป็นเรื่องที่ ๓

เรื่องราวของความรัก เมื่อเด็กหญิงวัยสามขวบ "เมโลดี้" ถูกนำมาทิ้งไว้ที่คลับสุภาพบุรุษ

Smiley เล่ม ๑ สื่อรักร้อยใจ (Devil in my bed)  

เป็นไปได้หรือที่การโกหกอันน่าอัปยศอดสู 

จะนำพาให้ทั้งสองกลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เด็กหญิงวัยสามขวบที่นั่งอยู่บนบันไดหน้าของคลับเพื่อสุภาพบุรุษผู้ทรงเกียรติ
ยืนยันว่าสมาชิกคนหนึ่งของคลับนี้คือพ่อของเธอ
เอเดน เดอ ควินซีย์ รู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยเด็กน้อย
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกของเขาอย่างแน่นอน...หรือว่าใช่?
เพื่อที่จะหาคำตอบ ก่อนอื่นเอเดนต้องติดตามร่องรอย
ของสตรีสาวสวยที่เขาเคยสาบานว่าจะลืมให้ได้
เมื่อความสัมพันธ์เร่าร้อนระหว่างหล่อนกับเขาสิ้นสุดลงอย่างเจ็บปวด
และสิ่งที่ไม่ช่วยอะไรเขาเลยคือการที่ แมเดอลีน แชนด์เลอร์
ยังคงเย้ายวนใจและแสนหวานเช่นเคย...

สามปีมาแล้วที่แมเดอลีนเฝ้าฝันว่า
จะได้เห็นเอเดนยืนอยู่ที่บันไดหน้าบ้านหล่อน
ความลับที่ครั้งหนึ่งเคยบีบบังคับให้หล่อนจำต้องจากเขามา
กำลังบีบบังคับให้หล่อนต้องแกล้งยอมรับว่าเด็กน้อยน่ารักคนนั้นเป็นลูกของหล่อน...
ซึ่งเป็นคำโกหกที่เอเดนไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน
แต่กลางวันที่มีความสุขและกลางคืนที่งดงามซึ่งจะตามมา
คุ้มค่ากับการหัวใจแหลกสลายที่หล่อนรู้ว่าจะต้องเกิดขึ้น
ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย...และเมื่อมันเปิดเผย ก็จะต้องมีการชดใช้อย่างสาสม...


Smiley เล่ม ๒ ตามล่ารักเจ้าสาว (Rogue in my arms)

ท่ามกลางความอื้อฉาวในอดีต... 
ความเร่าร้อนได้เริ่มต้นขึ้น...

เมื่อ เซอร์คอลิน แลมเบิร์ต รู้ว่า
เด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดของคลับสำหรับสุภาพบุรุษ
เป็นลูกสาวของสมาชิกคลับคนใดคนหนึ่ง  เขาก็เต็มไปด้วยความหวัง 
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเมโลดี้เป็นลูกสาวของนักแสดงสาวสวยที่เคยหักอกเขา 

คอลินมุ่งมั่นจะหาคำตอบนี้ให้ได้โดยอาศัยความช่วยเหลือของ มิสพรูเดนซ์  ฟิลบี  

อดีตช่างเสื้อของคนรักที่เขาสูญเสียไป แต่ในไม่ช้า

บุคลิกอันอ่อนโยนและน้ำเสียงที่ไพเราะเร้าใจของพรูก็ทำให้เขาหวั่นไหว...
รวมทั้งกระตุ้นจินตนาการเพ้อฝันเย้ายวนใจ...

เหตุผลเดียวที่ทำให้พรูยอมช่วยคอลินก็คือ 
หล่อนอยากได้เงินค่าจ้างที่นักแสดงหญิงคนนั้นค้างหล่อนอยู่ 
ทว่าเวลาหลายวันหลายคืนของการเดินทางด้วยกัน
ดึงพวกเขาเข้าสู่ความสนิทสนมเร่าร้อน 
แต่ทันทีที่พรูล่วงรู้สถานะอันทรงเกียรติของคอลิน 
หล่อนก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลานัก  
เป็นเรื่องยากที่หล่อนจะเป็นได้มากกว่าแค่เพื่อนร่วมสนุก 
หล่อนจะกล้าหวังหรือไม่ว่าเขาจะต้องการหล่อนมากกว่านั้น 
เหมือนที่หล่อนโหยหาจะได้อยู่ในชีวิตเขา...ในอ้อมแขนของเขา...

และเล่มนี้ที่ได้อ่าน เล่ม ๓ ราตรีที่ฝังใจ (Scoundrel in my dreams)

ความผิดพลาดบางอย่างคุ้มค่ากับการทำซ้ำ...ครั้งแล้วครั้งเล่า...

เด็กคนนั้นเป็นลูกของเขา
แจ็ค ลอร์ดจอห์น เรดเกรฟ รู้ความจริงนี้ทันทีที่เห็นเด็กหญิงตาสีฟ้า
ซึ่งถูกนำมาทิ้งไว้ที่ขั้นบันไดคลับสุภาพบุรุษ
แม่ของเด็กคนนี้มาหาเขาที่ห้องนอนในคืนหนึ่งเมื่อกว่าสามปีที่แล้ว...
และปฏิเสธการขอแต่งงานของเขาในวันรุ่งขึ้น
แต่เมื่อแจ็คไปพบ อมาริลลิส คลาร์ก เพื่อขอคำอธิบาย
เขาก็ได้รับรู้เรื่องที่ทำให้ช็อก
เพราะผู้หญิงที่เขาใช้เวลาหนึ่งคืนอันสั่นสะเทือนถึงจิตวิญญาณนั้น
ไม่ใช่อมาริลลิสผู้แสนทะนงและมีประสบการณ์
แต่เป็น ลอเรล น้องสาวผู้มีความคลั่งไคล้ของหล่อน

ลอเรล อายุเพียงสิบหกปีเมื่อตอนที่หล่อนมอบความบริสุทธิ์ให้แจ็ค
และต้องชดใช้การกระทำนั้นด้วยราคาแพง
หล่อนอาจจะดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบกับเมโลดี้น้อย
แต่หล่อนจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความปรารถนาของตัวเองอีกแล้ว
ในเวลาเดียวกัน แจ็คไม่พร้อมจะสละลูกสาวที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมี
และเขาจะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงเย้ายวนใจคนที่ทำให้เขามีชีวิตชีวาด้วยความโหยหา
เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลอเรลยอมเชื่อและอยู่กับเขา
ถึงอย่างไร ทั้งสองก็เข้ากันได้ดีในเรื่องความเสน่หา
ใครเล่าจะต้านทานหนุ่มเสเพลที่ตกอยู่ในห้วงรักได้...


ไม่ได้อ่านสองเรื่องแรกมาก่อนนะคะ  เลือกหยิบเรื่องนี้มาจ่ายตังค์เพราะอยู่ในโหมดอยากอ่านนิายรักแต่ไม่รู้จะอ่านอะไรดี เพราะอ่านนิยายไทยไปสองเรื่องก็ไม่อาจอ่านให้มันจบได้  ไม่ถูกใจเท่าที่ควร เลยเปลี่ยนมาแนวนี้ซะเลย .. เพราะจะได้อ่านแน่ "ความรัก" ที่แม้จะมาพร้อมกับฉากเลิฟซีนอันร้อนแรงตามประสานิยายโรมานซ์ แต่ก็มักจะมีเนื้อเรื่องที่สนุกชวนติดตามด้วย 

เรื่องราวที่เริ่มต้นจากคืนวันอันเจ็บปวดของ แจ็ค คืนเดียวกันกับที่เขาเกิดมีประกายแห่งความหวังในชีวิต  เพราะความอบอุ่นแสนหวานที่เขาได้รับจากเธอ  แต่แล้วเขาต้องตื่นมาพบกับความจริง ความผิดหวังที่แสนเจ็บปวดอีกครั้ง  แจ็คจึงจากไปอย่างที่ไม่คิดจะหวนกลับคืนมา

แต่.. เขาก็ถูกตามตัวกลับมา เพราะเด็กผู้หญิงผมสีเข้มตาสีฟ้า 
หนูน้อย"เมโลดี้" ที่เพียงพบหน้าแจ็คก็รู้ทันทีว่าเป็นเลือดเนื้อของเขากับเธอ

เขา เข้าใจว่าเธอทอดทิ้งลูกน้อย
เธอ เข้าใจว่าลูกของเธอตายไปแล้ว

ผู้ชายคนนั้น พรากเอาทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอไป  ความวัยเยาว์ ความฝัน ความรัก ลอเรลเหลืออยู่เพียงหัวใจที่แตกสลาย  แล้วเธอก็พบว่า ลูกของเธอยังมีชีวิตอยู่  เขารู้..  และเป็นเขานั่นเองที่พรากลูกของเธอไป

แจ็ค  ไม่ต้องการจะสูญเสียเมโลดี้ เช่นเดียวกับที่จะไม่ยอมปล่อยมือจากแม่ของเธอ  ลอเรล ผู้หญิงในราตรีที่ฝังใจ รอยตรึงตราที่ทำให้เขายังพอรู้สึกถึงการมีชีวิตจิตใจ และเขาโหยหาเธอเสมอ  แต่จะทำอย่างไรในเมื่อเขาผิดพลาด เขาเป็นคนทรยศที่ทำความเสียหายให้กับชีวิตของลอเรลเกินกว่าจะย้อนอดีตกลับไปแก้ไขได้  เธอจะไม่มีวันมอบความไว้วางใจให้เขา และเธอจะพาลูกไป   เขาต้องการเวลา ต้องการคิด ต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยอมอยู่กับเขา 

เขาจึงขังเธอไว้ที่ห้องใต้หลังคา  ..

เป็น "ความลับ" ในคลับสุภาพบุรุษ  ไม่มีใครรู้ว่าเขามี ราชินีบนหอคอย

เป็นพลอตที่สนุกดีค่ะ  เสียดายอยู่นิดว่ามีเรื่องราวน้อยไปสักหน่อย คงเพราะพื้นที่มันมีน้อย  เรื่องเกือบทั้งหมดจึงดำเนินอยู่ในคลับสุภาพบุรุษ  ตัวละครย้อนรำลึกความทรงจำในอดีต และมีความสัมพันธ์ในปัจจุบันแบบหาที่ลงตัวไม่ได้  ณ ห้องใต้หลังคา  และความรัก ที่อาจมีอยู่มานานแล้ว แต่แจ็คไม่เคยรับรู้ถึงมัน รวมถึงคืนนั้น  เขาควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจผู้หญิงคนนั้นคือ  ลอเรล 





 

Create Date : 24 สิงหาคม 2557    
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 11:37:37 น.
Counter : 1790 Pageviews.  

Shades of Twilight ปริศนาเงาอดีต .. นี่แหละโรมานซ์ที่ชอบอ่าน


สวัสดีค่ะ .. 

หลังจากห่างหายไปเสียนานกับการติดบอล "ฟุตบอลโลก 2014" ที่ทำให้ได้มีอารมณ์หลากหลาย แอคชั่น ดราม่า ชนะดีใจ สุข เหงา แพ้เศร้า เคล้าน้ำตา ซาบซึ้ง ประทับใจ ทั้งหมดนั้นไม่ได้อะไรกับเขาเลย  แต่ก็เป็นช่วงเวลาอดหลับอดนอน ที่มีความสุข เพราะการได้หมกมุ่นกับอะไรบางสิ่งเป็นเรื่องเป็นราวมันก็มีความหนุกหนานมากมาย  แล้วจากนั้นก็หันไปติดซีรีส์อีกพักนึง ( ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ ) จู่ๆ เมื่อวันอาทิตย์หลังจากดูซีรีส์ True Detective จบ ก็นึกอยากอ่านนิยายรักแบบซึ้งๆ หันไปสำรวจกองดองที่มีอยู่ ดูแล้วท่าทางจะไปตอบสนองนี้ดในขณะนั้น  ... อีกไม่กี่นาทีต่อมา หนังสือก็มาอยู่ในครอบครอง ข้อเสียประการสำคัญของการมีร้านหนังสืออยู่ใกล้ในสภาพแวดล้อม

โรอันนา  ดาเวนพอร์ท สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่เธอยังเล็ก  คุณย่าผู้มั่งคั่งจึงรับเธอเข้ามาสู่คฤหาสน์หลังงามในรัฐอลาบามา  สาวน้อยโรอันนามีความรักมากมายให้แก่ม้า  เป็นนักสร้างปัญหา  และมีความรักอันลึกซึ้งต่อ เวบบ์  แต่ทุกคนคาดหวังให้เวบบ์แต่งงานกับ เจสซี่  ลูกพี่ลูกน้องคนสวยของเธอ  เมื่อเขาแต่งงาน  ความปรารถนาของโรอันนาจึงกลายเป็นเพียงความฝัน...จนกระทั่งคืนที่เจสซี่ถูกสังหาร...

หลังคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของภรรยา  เวบบ์ออกเดินทางไปอริโซนา  ทิ้งมรดกที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเชื่อว่าคือทุกสิ่งที่เขาต้องการ  แต่แล้วโรอันนาที่เติบโตเป็นหญิงสาวก็เดินเข้ามาในบาร์โทรมๆ ของเมืองโนกาเลสเพื่อพาเขากลับบ้าน  เด็กน้อยแสนซนที่เขารู้จักเมื่อสิบปีก่อนหายไป...รวมทั้งเปลวไฟในตัวเธอ  สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือน้ำแข็งที่หลอมละลายต่อสัมผัสของเขา  เวบบ์ถูกดึงกลับไปสู่คฤหาสน์หลังเก่า  กลับไปหาโรอันนา...และฆาตกรที่ทำลายชีวิตของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง  และรอคอยโอกาสที่จะทำงานต่อให้จบ...


เคยอ่านในรีวิวใน Bloggang นี่แหละคะ จำได้ว่าสนใจเอาเรื่องอยู่ แต่พอไปดูที่ร้าน นี่ไม่ใช่ New York Time Bestseller  แต่เป็น New York Times Bestselling Author   โดยส่วนตัวมักจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษกับ หนังสือขายดี  แต่จะไม่ค่อยได้สนใจเท่าไรนักกับคำว่า นักเขียนหนังสือขายดี .. เหตุผลคือ นักเขียนในดวงใจของเราเอง  ยังมีเรื่องที่สนุกมาก กับเรื่องที่น่าเบื่อมาก ดังนั้น การเขียนเรื่องอื่นขายดี ไม่ได้หมายความว่าจะต้องดีทุกเรื่อง แต่ในกรณีที่นึกอยากซื้ออยู่แล้วแต่ยังเหลือความลังเลใจอยู่บ้าง ก็ช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอีกนิด   

Shades of Twilight  ตามคาด ถูกใจใช่เลย ไม่ทำให้ผิดหวัง โรมานซ์ ดราม่า น้ำตาริน อินเลิฟลักษณะแบบนี้ล่ะค่ะ ที่ทำให้ชอบอ่านนิยายโรมานซ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งเก่าก่อนที่ยังต้องอ่านแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนของต้อมห้าม เพราะปกหนังสือนิยายโรมานซ์สมัยนั้นไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกกว่า 18 อย่างแรง  .. (แต่เค้าก็ป่าวใจแตกนะ อะหึอะหึ)

เรื่องนี้ดราม่าสนุกดี  ชอบคาแรคเตอร์นางเอก โรอันนา หญิงสาวแสนเศร้าผู้ทนทุกข์ทางจิตใจจนส่งผลทางร่างกาย  ไม่กิน ไม่นอน ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ  พระเอก ..เว็บบ์ ชอบความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ตลอดจนความมั่นใจในความคิดและความรู้สึกของตนเอง  

และที่นิยายเรื่องนี้ให้ความรู้สึกจับใจได้ แม้ไม่ใช้ Bestseller นั่นคือ "ความผูกพัน" 



เว็บบ์  เจสซี่ และ โรอันนา เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก

เมื่อ เว็บบ์ และ เจสซี่ เติบโตเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ร้อนแรง ..ทั้งคู่ต่างรับรู้ถึงการเป็นอนาคตของกันและกัน ที่จะต้องลงเอยด้วยการแต่งงานครองคู่ชีวิต   ขณะที่ โรอันนา ยังเป็นเด็กหญิง เป็นน้องน้อยที่เว็บบ์ยังคงโอบกอดปลอบโยน เขาเป็นฮีโร่ผู้ปกป้อง เป็นที่พึ่งพา เป็นเสาหลักให้จิตใจที่เคว้งคว้างได้ยึดเหนี่ยว และเขาเป็นเช่นนั้นเสมอมา  ยังเป็น ..แม้เว็บบ์และเจสซี่จะแต่งงานกัน และโรอันนาเริ่มจะเติบโตเป็นเด็กสาววัยรุ่น

ขณะที่ความบาดหมางของเว็บบ์กับเจสซี่ส่อความร้าวฉานจวนเจียนจะถึงขีดสุดของความอดทน

เว็บบ์ กับ โรอันนา ยิ่งมีความสนิทสนมคุ้นเคย ความผูกพันใกล้ชิด

ความรักของเด็กน้อยโรอันนา เป็นเพียงเรื่องน่าขบขันในสายตาของใครๆ

แต่สำหรับเว็บบ์มันคือความภาคภูมิใจในการได้เป็นฮีโร่ในดวงใจของใครสักคน

เหมือนที่คนเป็นพี่ชายจะรักน้องสาวของตัวเอง  เว็บบ์รักโรอันนา รักเธอเสมอมา

จนไม่ทันเตรียมตัวรับมือ. กับวันที่เธอเติบโตขึ้นมา โรอันนาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว


แค่เพียงจูบเดียว   ...โลกพลิกคว่ำ

ชีวิตที่เขาต้องการ ความหวัง ความฝัน 

อนาคตที่พากเพียรก่อร่างสร้างฐาน..พังพินาศ

เจสซี่ตาย..สูญหายไปจากชีวิต ชีวิตที่แม้ไม่ทำให้มีความสุข

แต่เว็บบ์ก็รักเธอในแบบที่เขารัก และเขาเสียใจ


สิบปีที่เว็บบ์จากไป พร้อมกับความคลางแคลงใจในตัว โรอันนา

เธอคือความฝัน ความทรงจำ ที่ฝังรอยความเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ

ความรู้สึกของการถูกทรยศ  และโรอันนาคือฆาตกรที่ฆ่าเจสซี่ใช่หรือไม่


แล้วโรอันนาน้อยในอ้อมกอดวันนั้นเมื่อสิบปีก่อน ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า 

ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง  ความจริงที่เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

มีบางอย่างเกิดขึ้น และเธอไม่ใช่โรอันนาคนเดิมอีกต่อไป

................

แน่ล่ะย่ะ เพราะนั่นคือโรอันนาที่แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า

และครั้งสุดท้ายที่เว็บบ์จากมา เธอไม่อาจฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาได้อีกเลย

.................

อ่านไปก็น้ำตารินเป็นสายตอนเว็บบ์ได้รู้ความจริงว่า

โรอันนามีชีวิตมาได้อย่างไรตลอดสิบปีที่เขาหันหลังให้เธอ   

แค่ความสงสาร ความเมตตา ความเอื้ออาทร

หรือ คือความรักที่ห่วงหาอาวรณ์เสมอมา 


แม้ว่าปมฆาตกรรมของฆาตกรจะอ่อนไปนิด

และปมอัปยศอันมืดหมองของเรื่องก็น่าอนาถเกินไป .. แรงซะ 

แต่โดยรวมก็ยังได้ดั่งใจ ลึกซึ้งถึงต่อมน้ำตา.. ชอบ


ใครรู้จักนิยายโรมานซ์ซึ้งๆ น้ำตาซึมสายแบบนี้อีก แนะนำกันบ้างนะคะ






 

Create Date : 04 สิงหาคม 2557    
Last Update : 6 สิงหาคม 2557 21:35:22 น.
Counter : 2083 Pageviews.  

Flags of our Fathers ยุทธภูมินรกอิโวจิมา - เกียรติศักดิ์อันลือลั่นคือสามัญแห่งวินัย

JAMES BRADLEY with Ron Powers เขียน

ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล

The # 1 New York Times Bestseller


นาวิกโยธินปักธงเหนือยอดซือริบาฉิ

"ภาพนั้น" ฉายแสงเจิดจ้าลงขับไล่ความรู้สึกเหนื่อยหน่าย เศร้าโศก เป็นทุกข์ กลัดกลุ้มกับสงคราม ออกจากใจชาวอเมริกันนับหมื่นๆ และได้กลายเป็นเครื่องรางศักดิ์ศิทธิ์อันรวมเอาความหวัง เรื่องลี้ลับ ความกล้าหาญ และประวัติศาสตร์แห่งชาติไว้ในที่แห่งเดียว

และเพราะเป็นเช่นนั้น ชาวอเมริกัน พร้อมใจกันมองข้ามความจริงของผืนธง

ใช่ละ ... ภาพนั้นสวย สง่างาม ให้กำลังใจและเต็มไปด้วยความรู้สึก

เป็นภาพที่ได้รับการอัดซ้ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์

กลายเป็นอนุสาวรีย์บรอนซ์ที่สูงใหญ่ตระหง่านง้ำที่สุดของโลก

กระนั้นก็ยังเป็นที่เข้าใจผิด ...

เข้าใจผิดกันอย่างรุนแรงมาตั้งแต่ต้น!


ภาพการยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่เกาะอิโวจิมา

 (ด้านหลังคือยอดเขาซือริบาฉิ)    ที่มา – iwojima.com


Stephen Ambrose ผู้เขียน Band of Brothers

นี่คือหนังสือสงครามเล่มดีที่สุดที่ผมเคยอ่าน เรื่องราวทั้งหมดของหนุ่มทั้งหก นับแต่วันถูกเรียกเข้าประจำการ ผ่านการฝึกบ้าเลือด กระทั่งฝ่าพายุกระสุนยกพลขึ้นบก จนถึงวัน "ปักธง" ลงเหนือดินแดนอิโวจิมานั้น "สุดๆ"

The New York Times

บอกได้เลยว่าอ่านเรื่องที่บรรจุอยู่ในนี้แล้วยากจะลืม ตัวหนังสือที่ลุกขึ้นยกพลแทนเหล่าทหารช่างทรงพลัง เต็มไปด้วยข้อเท็จจริงที่น่าสะเทือนใจ เรื่องนี้ใกล้เคียงกับ Saving Private Ryan ในแง่ของความน่าตระหนก รวมทั้งความเป็น "ประวัติศาสตร์" ที่ยังอยู่ใกล้ตัวเราเหลือเกิน

USA Today

หนังสือหลายพันเล่มเอ่ยถึงการยกพลขึ้นบกของทหารอเมริกันสู่ฐานที่มั่นสำคัญที่สุดของญี่ปุ่นในครั้งนั้น แต่ "ยุทธภูมินรกอิโวจิมา" ให้ภาพครบสมบูรณ์ของทั้งสมรภูมิโชกเลือก และ "ตัวตนที่แท้จริง" ของคอหนังอเมริกันชุด "ผู้ปักธง"

Chicago Sun-Times

"ยุทธภูมินรกอิโวจิมา" คืนชีวิตและเลือดเนื้อแก่ผู้ปักธงทั้งหก ทำให้เราได้รู้จักคอหนังหนุ่มที่เดินลงจากอนุสาวรีย์ไร้นาม เพื่อมาเล่าเรื่องจริงเกี่ยวกับสงครามสุดโหดครั้งนั้น

Library Journal

วิธีการเล่าอย่างตรงไปตรงมาหากน่าเร้าใจและให้ภาพอันเต็มไปด้วยลมหายใจ ทำให้ "ยุทธภูมินรกอิโวจิมา" ของเจมส์ แบรดลีย์ เต็มไปด้วยพลังแห่งความห้าวหาญ ความถ่อมตัว และเรื่องสะเทือนใจ นี่คือข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมด้วยอรรถรส

Milwaukee Journal Sentinel

หนังสือเล่มนี้ "ไม่ธรรมดา" เพราะบอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดาๆ ที่มีพฤติกรรมเยี่ยงวีรบุรุษท่ามกลางสถานการณ์โหดสยองของสงคราม

The Boston Globe

ตัวอักษรทรงพลังที่บอกเล่าถึงพฤติกรรมหาญกล้าท้าความตายในหนังสือนี้ จะไม่ทำให้ผู้อ่านคนไหนลืม "ยุทธภูมินรกอิโวจิมา" ลงได้ง่ายๆ ทั้งข้อเท็จจริงและลีลาการเล่าเรื่องเป็นไปอย่างสอดผสานกลมกลืน

National Reveiw

หัวใจต้องถอนสะอื้นเมื่อโลกได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของ "วีรบุรุษทั้งหก" ของชาวอเมริกัน "ยุทธภูมินกอิโวจิมา" ทำให้ภาพอันโด่งดังภาพนั้นฟื้นคืนชีวิต เฉกที่ผู้เป็น "พ่อ" ยังคง "อยู่" ในหัวหัวใจของลูกชายซึ่งเป็นผู้ประพันธ์

สำนักพิมพ์มติชน

นี่คือยุทธภูมิที่ถึงเลือดถึงเนื้อที่สุดแห่งหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารหนึ่งแสนคนฟาดฟันกันชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันนานหนึ่งเดือน หนุ่ม ๆ อเมริกัน 80,000 นาย รุกไล่อยู่ด้านบน ส่วนหนุ่มญี่ปุ่นอีก 20,000 รับมืออยู่ด้านล่าง ภายในอุโมงค์ซึ่งขุดเจาะทะลุถึงกันไปทั่วเกาะ นาวิกโยธินสหรัฐหลายต่อหลายนาย ไม่เคยเห็นหน้าทหารญี่ปุ่นตอนยังเป็น ๆ บนเกาะอิโวจิมาเลยด้วยซ้ำ ต่อสู้กันฆ่าฟันกันทั้ง ๆ ไม่เคยเห็นหน้า เสี้ยวหนึ่งของสงครามบนเกาะนั้น ทหารหนุ่ม 6 คน ขึ้นปักธงบนยอดเขาซือริบาฉิบนเกาะอิโวจิมา และต่อมาปรากฏเป็นภาพประวัติศาสตร์อเมริกา ประวัติศาสตร์โลก

แต่ขณะเดียวกันมันได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของความจริงบางด้าน จนเป็นที่มาของการตามรอยวีรบุรุษ

เด็กหนุ่ม 6 คน ที่มอบภาพประวัติศาสตร์แก่อเมริกาในปี 1945 กรรมกรหนุ่มจากนิวอิงแลนด์ เกษตรกรยาสูบจากเคนตั๊กกี้ ลูกชายคนทำเหมืองจากเพนซิลวาเนีย หนุ่มจากทุ่งน้ำมันเท็กซัส หนุ่มจากทุ่งวัวนมแห่งวิสคอนซิน และอินเดียนแดงจากอริโซน่า

3 คน เท่านั้นที่รอดชีวิต โดยอีก 2 คน สามารถเดินออกจากเกาะแห่งนี้ ในขณะที่อีกคนถูกหามออกไปพร้อมเศษกระสุนปืนใหญ่ที่ผังอยู่แน่นตามสีข้าง

ที่เหลืออีก 3 คน ไม่มีโอกาสกลับบ้าน

เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากการตามรอยวีรบุรุษครั้งนั้น เจมส์ แบรดลีย์ ผู้เขียน ซึ่งเป็นลูกชายคนหนึ่งของ ด็อค แบรดลีย์ หนึ่งในวีรบุรุษ "ผู้ปักธง" จากยุทธภูมิอิโวจิมา เขาเป็นวีรบุรุษคนสุดท้าย แต่กลับเป็นคนที่ไม่เคยปริปากเรื่องการปักธงกับใครเลย แม้กระทั่งคนในครอบครัว

หนังสือเล่มนี้กำลังเผยผลพวงจากบาดแผลสงครามจากก้นของจิตใจผู้ถูกเรียกว่าวีรบุรุษ

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันได้ดูหนังเรื่อง Flags of our Fathers ถ้าเพียงแต่หนังยังดีอย่างน่าจดจำ (ดู Awards ได้ที่  IMDB) ที่ไม่ใช่เพราะฉากแอคชั่นสู้รบ แต่เป็น "เนื้อหา" และ "ความรู้สึก" น่าสะเทือนใจกับความจริงที่อยู่เบื้องหลังภาพประวัติศาสตร์นี้ ตามประสาคนย้ำคิดย้ำทำที่เชื่อว่าหนังไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่่อยู่ในหนังสือได้ทั้งหมด ไม่ว่ารายละเอียดเหตุการณ์ หรือความรู้สึกนึกคิด ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยุทธภูมินรกอิโวจิมา จึงต้องหามาอ่าน

ใช่เลยล่ะ มันคือ ยุทธภูมิ "นรก" ของแท้

...นี่จะเป็นการฆ่าฟันชนิดเอาเลือดล้างเกาะ เป็นการรบอันปราศจากแนวหน้าและแนวหลัง มีแต่ผู้บุกรุกที่ลุยเข้ามาในที่โล่ง ส่วนผู้ตั้งรับก็แอบอยู่ตามป้อม หลุมหลบภัย หรือ "บ้านใต้ดิน" ฝ่ายญี่ปุ่นย่องเงียบรุกคืบเข้าหาในยามดึก หินทุกก้อน หล่มทุกหล่ม แนวกั้นทุกแนวอาจมีศัตรูซุกซ่อนอยู่พร้อมระเบิดติดตัวอย่างพร้อมยอมสละชีพ ส่วนเหล่าคอหนังที่ใจหาญที่ผ่านการฝึกก็รุกคืบไปข้างหน้าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร แต่ละหลาที่ได้มาแลกด้วยเลือดและเนื้อสดๆ ที่ขาดรุ่งริ่งของหนุ่มอเมริกัน...

...ตัวเลขของกองพันที่ 2 ของพันเอกจอห์นสัน

ทหารยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ (19 กุมภาพันธ์ 1945) 1,400 นาย

กำลังสับเปลี่ยนระหว่างการบ 288 นาย (รวมเป็น 1,688 นาย)

เสยชีวิตระหว่างรบหรือได้รับบาดเจ็บ 1,511 นาย

มีเพียง 177 นาย ได้กลับออกจากอิโวจิมา

...ในจำนวน 1,364 วัน นับจากวันเกิดเหตุที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ จนถึงวันที่ทหารญี่ปุ่นคนสุดท้ายยอมวางอาวุธ มีทหารอเมริกันนับล้านๆ ต่อสู้ในสมรภูมิต่างๆ ทั่วโลก แต่มีเพียง 353 นายที่ได้รับ "เหรียญกล้าหาญ" อันเป็นอิสริยาภรณ์สูงสุดของประเทศ ในจำนวนี้ 84 เหรียญ เป็นของเหล่านาวิกโยธิน แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือ เหล่านาวิกโยธินได้รับเหรียญ 27 เหรียญจากปฏิบัติการเพียงหนึ่งเดือนบนเกาะอิโวจิมา นั่นเป็นสถิติที่ยังไม่เคยมีทหารจากสมรภูมิที่อเมริกาเข้าร่วมรบสมรภูมิไหนทำลายได้...

"ใครอยู่ที่นั่นแล้วไม่โดนกระสุน ก็เหมือนอยู่กลางห่าฝนแล้วพยายามไม่ให้เปียกนั่นแหละ"

หมายเหตุ : ไม่ว่าทหารกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ หรือหน่วยนาวิกโยธิน  สำหรับคอหนังแล้ว พวกเขาต่างเป็น "นาวิกโยธิน" ดังนั้น  บ่อยครั้งที่นาวิกโยธินในหนังสือเรื่องนี้ถูกเรียกว่า "คอหนัง"

Flags of our Fathers อ่านแล้วเร้าอารมณ์สุดอินไปกับเรื่องราว เข้าใจว่าสิ่งกระตุ้นหนึ่งนั้นคือการได้มีโอกาสดูหนังก่อนการอ่านหนังสือ ภาพสงครามสุดโหดบนเกาะอิโวจิมา ปากกระบอกปืนที่โผล่ขึ้นมาจากปากอุโมงค์ใต้ดินอย่างเงียบเชียบนั้นยังชัดเจนติดตา การวางแผนอย่างหลักแหลมของฝ่ายญี่ปุ่นที่รอสังหารหมู่ทหารอเมริกันอย่างเยือกเย็น .. เหมือนต้องต่อสู้กับภูติผี บนเกาะกำมะถันอันว่างเปล่า ไร้เงาทหารญี่ปุ่นให้เห็น  

นี่คือเรื่องราวของ"  "ผู้ปักธง" กับภาพประวัติศาสตร์อันลือลั่น ที่ทำให้ทหารหนุ่มทั้ง 6 คน กลายเป็นวีรบุรุษในสมรภูมิอิโวจิมา และ 3 คน ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องแบกรับภาระหน้าที่ของการเป็น "วีรบุรุษ" ของชาติ โดยที่ในหัวใจของพวกเขา "ปฏิเสธ" คำนั้น

คนส่วนใหญ่เรียกเราว่า "วีรบุรุษ" แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

เราไม่ใช่วีรบุรุษอย่างแน่นอน

มันมีเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น และรอคอยให้คุณค้นหาคำตอบ (ถ้าสนใจ) 

เป็นคนที่ชอบเรื่องสงคราม แต่ไม่เคยสนใจจะมองหาเรื่องราวของวีรบุรุษสงครามระดับนายพล หรือผู้นำระดับโลก ที่จะต้องมองในภาพรวมของนโยบาย วางแผนกลยุทธิ์ระดับกองทัพของประเทศเพื่อเอาชนะศัตรูของชาติ เพราะมันก็มีเรื่องของมุมองต่อสงครามและอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง  สงครามที่คลาสสิคของเรา คือ การออกรบของชีวิตทหารเล็กๆ โนเนม  ที่หลั่งเลือดนองสมรภูมิ บาดเจ็บ พิการ ล้มตายอย่างไร้การจดจำยกย่อง  ทหารที่เป็นคนธรรมดามีคนที่รักที่รออยู่ข้างหลัง มีความรักตัวกลัวตาย แต่ก็ต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทำตามจิตสำนึกที่ดีของการเป็นผู้ปกป้อง ทำอย่างที่คนอื่นออกไปทำ ไม่ได้ทำเพราะต้องการแสวงหาความเป็นวีรบุรุษหรือเกียรติยศชื่อเสียง 

แค่..สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องทำ มันเป็นเรื่องสามัญธรรมดาแค่นั้นเอง  

ทว่าการปักธงลงเหนือสมรภูมิก่อให้เกิด "ภาพนั้น"  ที่มาพร้อมกับน้ำหนักของ มงกุฏเกียรติยศ "วีรบุรุษ" ที่่ยิ่งตอกย้ำบาดแผลความเจ็บปวดจากสงคราม  นานเท่านานกว่าที่พวกเขาจะข้ามผ่านเส้นกั้นพรมแดนแห่งความเป็นปถุชน มาเป็น "ตัวแทนแห่งอุดมคติ"  ที่ประกาศให้โลกรู้ถึงความภาคภูมิ ณ อิโวจิมา และต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ชั่วกาลนานของประเทศ

คือ ชัยชนะที่ได้มาจากเลือดเนื้อของทหารกล้าทุกคน

ไป .. อย่างที่ได้รับการฝึกมา

ไป.. เพราะความกล้าหาญอยู่เหนือหวาดสยอง

ไป.. ทั้งที่หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกแต่ยังยึดมั่นในระเบียบวินัย

ไป..เพราะท่าทีของรุ่นพี่ที่เคยผ่านสมรภูมิทำให้พวกเขาคลายใจ

ความโหดเหี้ยมของสมรภูมิอิโวจิมา  ใช่แต่จะแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละของทหารอเมริกันเท่านั้น แต่รวมถึงทหารญี่ปุ่นที่พร้อมยอมสละชีพเพื่อชาติเป็นราชพลี เกียรติภูมิแห่งชายชาติทหารที่ไม่มีคำว่ายอมแพ้ แต่จะต่อสู้เพื่อปกป้องชาติจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

"ต้องตายแล้วเท่านั้น จึงจะนับว่าเป็นวีรบุรุษ"

"ห้ามทหารคนใดตาย จนกว่าจะได้ฆ่าอเมริกันอย่างน้อย 10 คน"

"เราจะเข้ารังควานศัตรูด้วยยุทธวิธีแบบกองโจรจนกว่าชีวิตสุดท้ายจะสูญสิ้น"

"อิโวจิม่าคือแนวหน้าของญี่ปุ่น ข้าพเจ้าขอสละชีวิตที่นี่"

....

"พ่อครับ โลกเรากำลังมีสงคราม คนหนุ่มๆ ต่างก็รบอยู่ในสงครามนั่น และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากผม"

"แด่ 'เพื่อน' ที่มีแต่เกื้อกูลให้แก่ชีวิตผม คนเดียวที่พร้อมจะฟังทุกข์สุขทุกอย่าง ต่อให้ผมตามหาไปจนสุดโลก ก็จะไม่มีวันพบใครเสมอเหมือน แม่ของผมเอง .. รักแม่สุดหัวใจ"

"ไม่ต้องห่วงนะครับแม่ ..ผมต้องได้กลับบ้านแน่นอน"

----

แต่ด้วยเหตุแห่งความกล้าหาญ  วีรบุรุษมากมาย ไม่ได้กลับบ้าน

นี่คือหนึ่งในหนังสือสงครามที่อยากแนะนำ

---

 และก็ตามธรรมเนียมที่ต้องมีพาดพิงถึงหนังกันสักเล็กน้อย

จอห์น แบรดลีย์ หรือที่เพื่อนทหารเรียกเขาว่า ด็อค แบรดลีย์  เขาคือ เสนารักษ์ผู้อุตสาหะทุ่มเทแบบไม่ห่วงชีวิตตัวเอง   ตอนดูหนังสงสัยว่าทำไมไม่มีเครื่องหมายกากบาทสีแดงบนท่อนแขนอันเป็นสัญลักษณ์ของเสนารักษ์  เพิ่งมีคำตอบจากหนังสือ (เห็นมั้ยล่ะว่าบางอย่างหนังตอบไม่ได้)  ทหารญี่ปุ่นมีกติกาที่แตกต่างจากทหารในสมรภูมิยุโรป  ในซีรีย์ Band of Brothers  มีอยู่ฉากหนึ่งที่ทหารเยอรมันไม่ยิงทหารอเมริกันเพราะเข้าใจผิดคิดว่าร่างที่ก้มๆ เงยๆ อยู่กับศพทหารคือเสนารักษ์  เข้าใจว่าทหารในสมรภูมิยุโรปไม่ยิงเสนารักษ์เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนแพทย์ (จริยธรรมในสนามรบมั้งนะ) แต่ทหารญี่ปุ่นจะมีกฏพิเศษสำหรับเสนารักษ์ คือต้องสังหารพวกเขา (ตายก่อนเลยได้ยิ่งดี) โดยขั้นแรกจะต้องยิงให้เพียงบาดเจ็บ  เพราะเสนารักษ์มีความสำคัญต่อชีวิตและเป็นขวัญกำลังใจของเพื่อนทหาร  หากเสนารักษ์ล้มลง  เพื่อนทหารจะต้องรีบกรูเข้ามาช่วย แล้วค่อยสังหารรวมทีเดียว (โหดจัง)    นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสมรภูมินี้ไม่มีเครื่องหมายเสนารักษ์

ความแตกต่างอีกประการคือ ทหารอเมริกันต่างหวังจะรอดชีวิตกลับบ้าน แต่ทหารญี่ปุ่นทุกคนมีสูตรสำเร็จตายตัวฝังหัว  พวกเขาต้องพร้อมพลีชีพในสนามรบ  หากถูกปิดล้อมทหารเยอรมันจะยอมแพ้ ทหารญี่ปุ่นจะลุยต่อ หากได้รับบาดเจ็บทหารอังกฤษจะยอมถูกจับเป็นเชลย แต่ทหารญี่ปุ่นจะคอยจนกว่าผู้เข้าจับกุมจะเข้ามาใกล้ จากนั้นระเบิดซะให้แหลกไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย คำพูดที่ว่า  "ผมอยากรบกับพวกนาซีมากกว่าทหารญี่ปุ่น" นั่นจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ 

จำเขาได้ไหม Barry Pepper  พลแม่นปืน (สไนเปอร์) จาก Saving Private Ryan  เรื่องนี้เขารับบท สิบเอกไมค์ สแตรงค์   หรือ จ่าไมค์ ผู้มีฉายาว่า "ไมค์ ผู้พิทักษ์"  "สุดยอดนาวิกโยธิน"   พร้อมคำบอกเล่าจากอดีตเพื่อนร่วมหมวด " เป็นคนดีที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก"   "ดีที่สุด เท่าที่ คน จะดีได้  "  " นี่แหละแบบฉบับของนาวิกโยธินที่เขาเอาไปเขียนในหนังสือ แบบที่เอาไปสร้างหนัง  แบบไมค์นี่แหละ"   คือความเป็น "ผู้นำ" กับ "ความรัก" ที่แท้จริง ที่ทำให้เพื่อนนาวิกโยธินยังคงจดจำเขาได้แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 50 ปี

คิดว่าเห็น  พอล วอล์คเกอร์  แต่ไม่ค่อยแน่ใจ  เพราะขมุกขมอมซะขนาดนั้น  แต่ตรวจสอบรายชื่อแล้ว ใช่เขาจริงๆ  พอล วอร์คเกอร์ ร่วมแสดงอยู่ในหนังเรื่องนี้  รับบท แฮงค์ แฮนเซน หนึ่งในผู้ปักธงผืนแรก

ไอรา เฮย์ส  หนุ่มอินเดียนเผ่าพีม่าจากรัฐอริโซน่า

เรนี แก็กนอน  หนึ่งใน "ผู้ปักธง"

ชื่อหนัง ภาษาไทย  ตั้งได้โดนใจจริงๆ  "ยุทธภูมิศักดิ์ศรี ปฐพีวีรบุรุษ"   ความสำคัญของเกาะอิโวจิมา ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นยุทธภูมิศักดิ์สิทธิ์  ความหาญกล้าของทหารทั้งสองฝ่าย ญี่ปุ่น-อเมริกัน ฝ่ายตั้งรับที่ไม่ยอมแพ้  และฝ่ายรุกที่ไม่ยอมถอย  ดุเดือดเลือดล้างเกาะ  เมื่ออ่านหนังสือแล้วจึงคิดว่า ปฐพีวีรบุรุษ ไม่ได้หมายถึงแค่ฝ่ายอเมริกา และไม่ได้แทนค่าด้วยการปักธง






 

Create Date : 16 มิถุนายน 2557    
Last Update : 19 มิถุนายน 2557 1:29:14 น.
Counter : 8895 Pageviews.  

Parce Que Je t'aime ห้วงลวงรัก

กีโยม มุสโซ เขียน  จรัมพร หาญพล แปล 
แพรวสำนักพิมพ์  พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2557


สาส์นจากผู้เขียนก่อนเริ่มอ่าน:

พื่อเก็บรักษาความตื่นเต้นเอาไว้
โปรดอย่าเฉลยตอนจบของหนังสือเล่มนี้กับเพื่อนๆ ของคุณ

สาสน์จากแพวสำนักพิมพ์ :

โปรดอย่าพลิกไปอ่านตอนจบก่อน 
และเมื่อรู้บทสรุปของเรื่องแล้ว ก็โปรดอย่าเผลอไปเล่าให้ใครฟัง 


รู้สึกเหมือนเป็นสาห์นชวนเปิดใจที่ก่อให้เกิดการเพิ่มค่าความสนุก  เพราะความจริงแล้ว ไม่เห็นจะต้องบอก-ตอกย้ำ เพราะมันสุดแสนจะเป็นเรื่องปกติ  ถามหน่อย.. ใครกัน จะพลิกไปอ่านตอนจบ เปิดเผยปม หรือเฉลยบทสรุปของนิยายแนวนี้ให้ตัวเอง (หรือคนอื่น) รู้ก่อนอ่าน ? เพราะถ้ารู้คำตอบอันเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องแล้ว จะต้องอ่านเอาอะไรอีกล่ะหนอ


ชีวิตของ 'มาร์ค' และ 'นิโคล แฮธาเวย์' ลงตัวดีทุกอย่าง  ทั้งคู่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

และทั้งคู่มีลูกสาวแสนน่ารักวัยห้าขวบที่ชื่อว่า 'เลย์ลา' แต่ชีวิตผกผันรวดเร็ว  เมื่อวันหนึ่งเลย์ลาหายตัวไปจากกลางย่านธุรกิจของลอสแอนเจอลิส  บิดามารดาที่หัวใจแตกสลายของเธอต้องลงเอยด้วยการแยกทางกัน


ห้าปีต่อมา มีผู้พบเด็กหญิง ณ จุดเดิมที่เธอหายตัวไป เธอดูสบายดีทุกอย่าง ทว่ากลับอยู่ในสภาพเบื้อใบ้อย่างน่าฉงน  ถัดจากความยินดีที่ได้พบตัวเธออีกครั้ง คำถามต่างๆ ก็ตามมา  หนูน้อยเลย์ลาไปอยู่ที่ไหนระหว่างช่วงเวลานั้น? อยู่กับใคร?  และเหนืออื่นใด ทำไมเธอจึงกลับมา?


เรื่องราวความรักอันจับใจ หนังสือที่เข้าถึงแก่นแท้ของมนุษย์ซึ่งจะพาเราดำดิ่งสู่ปริศนาและความตื่นเต้น บทอวสานที่คุณจะไม่มีวันลืม


"ค็อกเทลสูตรจัดจ้านของความตื่นเต้นและจินตนาการ" (Elle)


"กีโยม มุสโซ มีศิลปะชั้นยอดในการร้อยเรียงเรื่องราวโรแมนติก

 ด้วยท่วงทำนองสุดระทึกประหนึ่งนักเขียนนวนิยายสืบสวนสอบสวน" (L' Express)


"คุณมีนัดกับความฝัน และจินตนาการอันบรรเจิดก็รออยู่ไม่ไกล

 มุสโซอาจเปรียบได้กับสปีลเบิร์กแห่งโลกวรรณกรรมร่วมสมัยของฝรั่งเศส" (Nostalegle)


บังเอิญว่าปมสำคัญของเรื่อง "เด็กหญิงที่หายตัวไป" มีคำตอบที่เหมือนกับนิยายญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มี "ชายคนหนึ่งหายตัวไป" ทั้งเหตุ ทั้งบรรยากาศตอนเกิดเหตุ ทั้งผู้ช่วยเหลือ ทั้งการตัดสินใจ และวิธีการลับลวงพราง พอพบจุดที่เหมือนกันดังนั้นแล้ว ก็เลยชักนำให้รู้สึกไปว่ายังมีอย่างอื่นที่เหมือนกันอีกเป็นเค้าลางๆ คือ "วิธีการ" ประเภทเดียวกัน แม้จะถูกนำมาใช้ต่างกันคนละขั้ว -เป็นคำตอบ กับเป็นการหาคำตอบ  และ  "การนำเสนอแก่นแท้ของมนุษย์" ที่นำพาจิตใจให้ดำดิ่ง  อยากหยิบมาเลียบเคียงให้เห็นความคล้ายคลึงจริงๆ  (เพื่อยืนยันว่าเราไม่ได้มั่วนะ  Smiley ) แต่ถ้าแม้แค่เอ่ยชื่อนวนิยายญี่ปุ่นเรื่องนั้น คนที่เคยอ่านมาก่อน น่าจะรู้ได้ทันทีว่าเด็กหญิงที่หายตัวไปในเรื่องนี้ หายไปเพราะอะไร  ละไว้ในฐานที่เข้าใจ สปอยล์ไม่ได้..เดี๋ยวไม่หนุกนะคะ 

แต่เหล่านั้นก็เป็นความคล้ายคลึงเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น 

ตัวละคร เรื่องราว และการดำเนินเรื่อง แตกต่างกันแน่นอน

เพียงแต่ คะแนนที่ตั้งใจให้ไว้ซะเยอะแต่แรก     ต้องมีการปรับลงสักนิดหน่อย 
เพราะมุกอึ้งทึ่งนี้เคยมีคนเขียนมาก่อนหน้าแล้ว  ความสร้างสรรค์จึงไม่เต็มร้อยในความรู้สึก

ตัวละคร

มาร์ค และ นิโคล แฮธาเวย์ สองสามีภรรยาที่แยกทางกัน เพราะไม่อาจประคับประคองชีวิตคู่ท่ามกลางความเศร้าโศกอาดูร ที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป ต่างคนต่างต้องแยกกันไปสู่หนทางเยียวยาตัวเองที่หัวใจสลาย

คอนเนอร์  เพื่อนสนิทของมาร์ค ชายหนุ่มที่ทนทุกข์เพราะมีอดีตคอยหลอกหลอน

เอวี่  เด็กสาวผู้สิ้นหวังและหัวใจกำลังหลงทาง

อลิสัน  หญิงสาวผู้ไม่อาจหลุดพ้นจากบาป

พวกเขาและเธอมาพบกัน "ในค่ำคืนที่ทุกอย่างอุบัติขึ้น"

ขอบคุณผู้เขียนมากเลยนะ  สำหรับเรื่อง Smiley ความรัก Smiley

หากไม่ดำเนินไปตามสัญญาณพรหมลิขิตนำทาง ..

ตั้งแต่ครั้งแรกพบกันที่คิดว่า "ใช่"  

ต่อมา ทั้งสายตา เยื่อใยของความรู้สึก แน่ใจว่า "ใช่"

แม้แต่ภาพวาดหญิงสาวปริศนา เราก็เชื่อมั่นว่า  "ใช่" 

หากต้องลงเอยว่า "ไม่ใช่" คงจะต้องโกรธเคืองและตัดคะแนนความดีความชอบไม่มีเหลือ

ความรักของพ่อ (แม่ก็รักนะแต่พ่อเด่นกว่า) ความรักของเพื่อน 
และความรักของเขาและเธอ  (ปลื้ม)  ทำให้นิยายเรื่องนี้โรแมนติกถูกใจ

อ่านสนุกดี  การันตีด้วย International Bestseller






 

Create Date : 09 มิถุนายน 2557    
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 19:55:29 น.
Counter : 1575 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.