Group Blog
 
All blogs
 
Marriage Hunting เสียงหัวใจจากคนใกล้ตัว



Title (romaji): Konkatsu!
Also known as: Marriage Hunting!
Genre: Romance
Episodes: 11
Viewership rating: 10.4 (Kanto)
Broadcast network: Fuji TV
Broadcast period: 2009-Apr-20 to 2009-Jun-29



อ๊ะ ดีนะที่สัปดาห์นี้อยู่ในโหมดอารมณ์เปลี่ยนแนวพอดี ไม่งั้นจะยิ่งเป็นการตอกย้ำตามคอมเมนท์ที่ได้รับในบล็อกก่อนว่ารีวิวแต่ซีรีย์ป่วยๆ ความจริงซีรีย์ปกติดีๆ ที่ไม่ป่วยก็คงจะพอมีอยู่กระมัง แต่คนดันไปเลือกดูแต่เรื่องป่วยๆ เอง แหม่..ท่านก็ จะเอาอะไรมากมายกับคนที่ดูซีรีย์จากการเลือกดูหน้าตานักแสดง (คนที่ชอบๆ ก็ไหงแสดงกันแต่เรื่องป่วยๆ ก็ไม่รู้เนาะ) อีกอย่างชีวิตช่วงนี้ก็จิตป่วยอยู่ไม่น้อย การดูซีรีย์ป่วยๆ จึงถือว่าเป็นเซรุ่ม

เปลี่ยนสุดโต่งกันก่อนเลยนะคะที่สัญชาติ ไปติดละครไทย "ดวงใจอัคนี" อยู่พักใหญ่ ตั้งใจจะย้อนกลับมาตั้งต้นที่ "ธาราหิมาลัย" ไล่กลับลงไปถึง ปฐพีเล่ห์รัก และวายุภัคมนตราเสียด้วยซ้ำ เพราะทนเสียงร่ำลือที่กรอกหูทุกวันไม่ไหว แต่เรื่องนี้ดูจะไม่แรงพอ จึงเบื่อๆ หันมาดูซีรีย์ฝรั่งกันบ้าง ตั้งใจเปิด Zombie แค่ดูไตเติ้ลยังไม่ทันได้เริ่มเรื่องเลย ก็พาลจะกินอาหารตรงหน้าไม่ลง ทั้งเลือดทั้งหนอง ..เฟะเชียว จะดู Robin Hood ก็เพิ่งดูเจ้าชายแคสเปี้ยนจากนาเนียร์มาหมาดๆ จะดูเกาหลีแต่ละเรื่องที่เขาว่ากันว่าสนุกก็สามสิบกว่าตอนขึ้นทั้งนั้น มิควรเสี่ยงดูในช่วงท้ายปีเดี๋ยวจะเสียสุขภาพมีผลกระทบต่อการทำงาน สุดท้ายจึงวกกลับมาตายรังที่ซีรีย์ญีปุ่นเหมือนเดิม

บ่อยครั้งที่ทำการตัดสินใจเลือกดูซีรีย์จากหน้าตาภายนอกของนักแสดง คัดสรรเอาแต่เฉพาะหน้าตาดีๆ ก็กลายเป็นเหตุให้เราพลาดโอกาสการได้ชมซีรีย์ดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น ก็ยังเลือกหน้าตามาก่อนอยู่ดี ก็นี่คือการดูละครเพื่อความบันเทิงนี่คะ ย่อมอยากดูหล่อๆ สวยๆ ให้ชื่นตาชื่นใจ ชีวิตจริงมันก็อีกเรื่อง แต่รู้สึกว่าระยะนี้ หนุ่มๆ ในสังกัด ตลอดจนนอกสังกัดที่ชื่นชอบดูจะขาดหายผลงานมาให้ชม เรื่องที่อยากดูก็เก็บดูไปจนหมดแล้ว ก็เหลือแต่เรื่องที่มีอยู่แต่ไม่น่าสนใจเอาซะเลย หรือไม่ก็เรื่องที่อยากดูแทบขาดใจแต่ยังหาดูไม่ได้ จึงต้องหันมาพึ่งพา "สาวๆ" กันบ้าง



หากถามถึงนักแสดงหญิงญี่ปุ่นที่เป็นคนโปรดก็พอจะมีอยู่หลายคน "อายะ อุเอโตะ" เป็นหนึ่งในนั้น ไม่ใช่คนสวยโดดเด่นอะไรมากมายหากเทียบกับนักแสดงหญิงคนอื่นๆ อาจจะสวยไม่สู้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่รู้ทำไม ไม่ว่าเธอจะอยู่ในบทบาทไหน ในลุกส์ใด ก็ชอบเธอ

Marriage Hunting หนึ่งในผลงานของอุเอโตะ จึงเป็นหนึ่งตัวเลือกในยามขัดสนที่บังเอิญเป็นที่พอใจอย่างยิ่ง เพราะเนื้อหาโดนใจเกินคาดหวัง เป็นแนวพล็อตเรื่องในดวงใจ "รักอยู่ในความเคยชิน" ที่อยากจะกรี๊ดด้วยความดีใจที่มีมาให้ได้ดูกันอีกแล้ว

*******


อามามิยะ คุนิยูกิ
( Nakai Masahiro ) เป็นลูกชายเจ้าของร้านทงคัตสึในย่านฮารุมิ แม้จะเติบโตมากับร้านทงคัตสึ แต่คุนิยูกิเป็นคนที่เกลียดทงคัตสึมาก เขาทนกลิ่นของมันไม่ได้ และไม่เคยแม้แต่จะคิดลิ้มลองในรสชาด ด้วยเหตุนี้การสืบทอดกิจการต่อจากพ่อจึงเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความคิดด้วยเช่นกัน "คุนิ" (ขอเรียกชื่อสั้นๆ เหมือนนางเอกในละครเรียกก็แล้วกันนะคะ) หางานอื่นทำด้วยการเป็นพนักงานบริษัท แต่พิษเศรษฐกิจเป็นเหตุทำให้คุนิตกอยู่ในภาวะตกงาน และการหางานทำก็เป็นเรื่องยากเย็น บังเอิญมีอยู่แห่งที่ทำท่าจะมีความหวังนั่นก็คือ สำนักงานตำบลฮารุมิ (เขียนตามการแปลซับที่บอกว่าฮารุมิเป็นตำบลนะคะ) ด้วยคำสั่งจากเบื้องบนในการสนันสนุนให้เกิดการจ้างงานเพื่อบรรเทาภาวะเศรษฐกิจ ท่านนายกเทศมนตรีตำบลฯ จึงเปิดรับสมัครพนักงานชั่วคราวในตำแหน่งพนักงานแผนกอัตราการเกิดซึ่งกำลังเผชิญปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีคุณสมบัติหนึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสมัครนั่นก็คือต้องแต่งงานแล้ว



คุนิยูกิ ผู้รู้สึกอยู่เสมอว่า ตัวเองนั้นเกิดมากับความโชคร้ายตั้งแต่เด็ก ต้องเผชิญกับความซวยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งนี้ก็เริ่มรู้สึกถึงความซวยด้วยเช่นกัน ใบปลิวรับสมัครงานที่เขาพบโดยบังเอิญนั้น มีส่วนหนึ่งขาดหายไป เขาจึงไม่รู้ว่าคุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องเป็นคนที่แต่งงานแล้ว ในห้องสัมภาษณ์เมื่อถูกถามถึง คุนิยูกิจึงเอาตัวรอดเฉพาะหน้า ด้วยการโกหกว่าเขากำลังจะแต่งงาน

นั่นยังไม่ถือว่าซวยหรอก ความซวยมันอยู่ตรงนี้ เมื่อท่านนายกเทศมนตรีออกรายการทีวี "นายกเทศมนตรีพบประชาชน" ( เป็นรายการประจำเหมือนรายการท่านอภิสิทธิ์เลยนะ) ท่านนายกฯ นำเรื่องของคุนิมาพูดออกรายการเอาความดีความชอบว่า เพราะการสนับสนุนการจ้างงานของเธอ ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชะลอการแต่งงานเอาไว้เนื่องจากผลพวงของเศรษฐกิจกำลังจะมีโอกาสได้แต่งงาน หรือจะพูดให้ตรงคือท่านนายกฯ ได้ทำการประกาศการแต่งงานของคุนิออกรายการทีวี

เท่านั้นแหละชาวบ้านทั้งย่านฮารุมิต่างแห่แหนมาที่บ้าน มาแสดงความยินดีปรีดากับการประกาศแต่งงานของคุนิยูกิ ชั่วข้ามคืนเขาได้รับของขวัญแสดงความยินดีและเงินช่วยเหลืองานแต่งร่วมล้านเยน โดยที่คุนิยูกิตกอยู่ในอาการน้ำท่วมปาก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะถ้าหากพูดความจริงออกไปแน่ใจได้ว่าเขาต้องตกงานทันที



ฟุคาซาวะ ชิเงรุ ( Sato Ryuta ) เพื่อนสนิทเจ้าของร้านเหล้าฝั่งตรงข้าม เพราะเขาไม่มีเงินจึงถึงกับลงทุนขายรถมอเตอร์ไซด์สุดรักเพื่อนำเงินมาช่วยงานแต่งให้กับเพื่อนสุดเลิฟ คุนิซาบซึ้งใจเกินกว่าจะทนนิ่งเฉยต่อไปได้ เขาสารภาพความจริงกับชิเงพร้อมทั้งขอร้องให้เก็บเป็นความลับ แล้วสองหนุ่มก็ปรึกษาหารือกัน มองหาทางออกด้วยการหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยจริงๆ ให้เร็วที่สุด เพราะหลังจากออกรายการท่านนายกฯ ก็ได้กำชับกับเขาเอาไว้แล้วว่าเพื่อให้คำพูดของเธอไม่ไร้ความหมายคุนิต้องไม่ล่าช้าและรีบจัดงานแต่งให้เกิดขึ้นจริงๆ ภายในสามเดือน ทั้งท่านนกยกฯ ยังเตรียมชุด เตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานแต่งคุนิไว้รอเรียบร้อยแล้ว

บริษัทจัดหาคู่น่าจะช่วยได้ สองหนุ่มจึงสมัครไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทซึ่งดำเนินการนัดหมายพบปะ จัดปาร์ตี้ในรูปแบบต่างๆ ให้คนหนุ่มสาว คนแก่ คนอ่อน ใครก็ตามที่ไร้คู่และอยากจะหาคู่ได้มาชุมนุมเพื่อมองหาคนที่ใช่และดำเนินความสัมพันธ์ไปสู่การแต่งงาน สองหนุ่มก็พบว่าคนที่เป็นประธานบริษัทจัดหาคู่ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน คือ ทาคาคุระ มาโกโตะ ( Ryo) ที่เป็นเพื่อนเก่าและสนิทกันในวัยเด็กของคุนินั่นเอง การบังเอิญได้พบกันอีกครั้งทำให้ทั้งสองคนกลับมาคบหาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกหน มาโกโตะบริหารงานบริษัทจัดหาคู่ก็จริง แต่ชีวิตส่วนตัวของเธอนั้น เธอเป็นหญิงหม้ายที่หย่าร้างสามีและเลี้ยงลูกสองคนตามลำพัง

ที่ปาร์ตี้หาคู่ พวกเขาได้พบสาวสวยคนหนึ่งผู้มีฉายาว่า "ราชินีแห่งปาร์ตี้จัดหาคู่" มุราเสะ ยูโกะ (Shaku Yumiko) เธอคือผู้หญิงที่มุ่งมั่นและจริงจังกับการตามหาผู้ชายเพอร์เฟ็คต์ในอุดมคติที่เธอได้ตั้งมาตรฐานกำหนดไว้ (อย่างเลอเลิศ) คุนิที่เป็นเพียงพนักงานชั่วคราว ไม่มียอดเงินเก็บไม่มียอดรายได้ต่อปีที่แน่นอนพอจะเขียนลงไปในโพรไฟล์ได้ จึงถูกยูโกะเมินตั้งแต่แรกพบ ส่วนชิเงเขาได้รับความสนใจจากยูโกะ เพราะชิเงบอกว่าเขาเป็น CEO ในกิจการของตัวเอง มีคลังเก็บเหล้าและยังเป็นเจ้าของบาร์อีกด้วย ชิเงเริ่มคบหากับยูโกะและท่าทางจะไปด้วยกันได้ดีต่างคนต่างดูมีความสุข



ฮิดะ ฮารุโนะ (อายะ อุเอโตะ) สาวน้อยละแวกบ้าน เธอสนิทกับคุนิและชิเง แม้อายุจะห่างกันมาก (คุนิ 34 ชิเง 30 ฮารุโนะ 22 ) แต่จะว่าความสัมพันธ์เป็นแบบเพื่อนก็คือเพื่อน จะว่าเป็นเหมือนพี่น้องก็ใช่อีก สามคนจะอยู่ด้วยกันเสมอไม่ต่างจากเพื่อนและพี่น้องคนสนิท ฮารุโนะก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังหางานทำและไม่ง่ายเลยที่จะได้งาน

ช่วงที่คุนิหางาน ยูโกะหางาน พวกเขาสามคนต่างปรับทุกข์กันเสมอ ต่างพากันยินดีเมื่อคุนิได้งานทำที่สำนักงานตำบล เมื่อสามคนพูดเรื่องการแต่งงาน ฮารุโนะจะฝันถึงการแต่งงานกับผู้ชายดีๆ ที่เธอรัก ชิเงก็เริ่มคิดเรื่องการแต่งงานเมื่อได้พบกับยูโกะ ส่วนคุนิเรื่องการแต่งงานไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่มีอยู่ในหัว แต่เขาเป็นคนแรกที่ต้องเดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อมองหาเจ้าสาว ซึ่งก็ดูจะไม่คืบหน้าเท่าไรนักกับปาร์ตี้จัดหาคู่ที่บริษัทของมาโกโตะ

ชีวิตหนุ่มโสดไม่มีใคร ทำงาน กลับมาบ้าน พบเจอเพื่อนๆ เจอกันทุกวัน คุยกันทุกวัน ฮารุโนะมักมาช่วยงานร้านทงคัตสึที่เป็นบ้านของคุนิตั้งแต่เล็ก ทงคัตสึที่คุนิเกลียดเป็นอาหารจานโปรดของฮารุโนะ เธอเป็นเพื่อนของอานามิยะ คุนิยาสึ (น้องชายของ คุนิยูกิ) เป็นเหมือนทั้งเพื่อนและน้องสาวของ คุนิยูกิ จึงไม่ต่างอะไรกับเป็นลูกสาวของคุนิโอะด้วย (พ่อของคุนิยูกิ) จะว่าไปแล้วฮารุโนะที่เดินเข้าๆ ออกๆ ระหว่างร้านทงคัตสึและร้านเหล้าของชิเงมาตั้งแต่เล็กก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา เป็นน้องสาวคนเล็กที่เห็นกันมาตั้งแต่แรกเกิด ความสัมพันธ์อันยาวนานก็นับไม่ยาก เพราะมันก็ยาวเท่ากับอายุของฮารุโนะนั่นแหละ

แต่ฮารุโนะในวัย 22 ปีไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ความในใจที่มีมาตอนเยาว์วัย ได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้วในวัยสาว แต่จะเปลี่ยนไปอย่างไร ไม่มีใครสักคนที่มองรู้และดูออก



ยูโกะวาดหวังชีวิตการแต่งงานไว้เต็มที่กับชิเง แต่เมื่อได้รู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่ CEO ในแบบที่เธอคิด ไม่ใช่เจ้าของบาร์ในแบบที่เธอฝัน เป็นเพียงเจ้าของร้านขายเหล้าเล็กๆ ในย่านฮารุมิ ความผิดหวังทำให้เธอโกรธและตำหนิชิเงด้วยคำพูดแรงๆ ฮารูโนะที่แอบฟังด้วยความเป็นห่วงชิเงไม่พอใจคำพูดของยูโกะ เธอจึงพรวดพราดเข้ามาในร้านเพื่อต่อว่ายูโกะ

"คนอย่างเธอต่างหากที่ไม่คู่ควรกับชิเง"

ชิเงประทับใจมากที่ฮารุโนะออกมาพูดจาปกป้องเขาเต็มที่ เป็นเหตุให้เพื่อนและพี่ชายคนเดียวกันนี้ตกหลุมรักฮารุโนะเข้าอย่างจัง

เมื่อมีความรู้สึกรักในแบบอื่นผุดขึ้นมา อะไรๆ ก็เริ่มจะไม่ลงตัว พากันตุปัดตุเป๋ไปซะหมด

คุนิประทับใจมาโกโตะที่หย่าขาดจากสามีแต่ยังทำงานเลี้ยงตัวเองเลี้ยงลูก และเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกๆ สองคนได้ เป็นคนเก่งเป็นผู้ใหญ่ที่คอยให้คำปรึกษาดีๆ และเป็นคนที่คุนิยูกิเริ่มรู้สึกว่าคนแบบนี้แหละที่เขาอยากจะอยู่เคียงข้าง

ฮารุโนะ ที่แอบมีใจพิเศษให้คุนิมาตั้งแต่เวลาไหน ไม่มีใครรู้ ได้แต่เฝ้ามองตามคุนิด้วยสายตาเศร้าๆ เพราะคุนิเริ่มจะมีแต่ชื่อของมาโกโตะติดอยู่ที่ปาก อะไร ๆ ก็มาโกโตะไปซะหมด

ชิเง ที่หลงรักฮารุโนะมากขึ้นทุกวันและเพ้อฝันถึงการแต่งงานอยู่ด้วยกัน มีฮารุโนะเป็นศรีภรรยาช่วยกันทำมาค้าขายต่อไปในอนาคต



ไม่ใช่แต่เรื่องรักที่ค้างใจ เพราะพวกเขายังมีเรื่องใหญ่ที่ค้างคา

ไม่ใช่คุนิยูกิคนเดียวที่โกหกว่าเขากำลังจะแต่งงาน ลุงซากุราดะ ชูโกโร่ ( Hashizume Isao ) ที่เข้ามาทำงานพร้อมกันกับคุนิยูกิถึงจะเป็นชายแก่วัย 61 ปี แต่เขาก็โกหกเช่นกันว่าแต่งงานแล้ว เพราะแท้จริงลุงเป็นหนุ่มแก่ขึ้นคานมายาวนาน เมื่อต่างคนต่างพบความลับของกัน พวกเขาจึงร่วมมือกันในการตามล่าหาคู่วิวาห์ให้เกิดขึ้นในเร็ววันก่อนที่ความลับจะแตก

ที่แผนกอัตราการเกิดยังมี นิเฮอิ ทาคุมิ ด้วยอีกคน ( Tanihara Shosuke) เขาถูกลดขั้นมาเป็นหัวหน้าแผนกนี้ เป็นแผนกที่ทาคุมิมองว่าไม่มีอะไรให้ทำ ได้แต่อยู่อย่างซังกะตายไปวันๆ แต่พอมีลูกน้องมาใหม่สองคนดูท่าทางจะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุข มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นให้ทาคุมิต้องคอยจ้องจับผิด แต่ทาคุมิก็มีจุดอ่อนที่ทำให้ต้องยอมปล่อยเลยตามเลยเมื่อจับได้ว่าลูกน้องทั้งสองคนต่างโกหกเข้ามาเพื่อจะได้มีงานทำ โกหกว่าแต่งงานแล้ว และอีกคนก็โกหกว่ากำลังจะแต่งงาน (แต่เจ้าสาวอยู่ไหนก็ไม่รู้)

ใช่แต่จะวุ่นวายเรื่องการหาคู่วิวาห์และการปกปิดความจริงเท่านั้น ยังมีปัญหาใหญ่กว่าให้หนักใจ เมื่อทาคุมิพบว่า อิโตะ มาซารุ (Kitamura Yukiya) ที่ถูกเรียกตัวมาจากบริษัทดัง เพื่อหวังนำคนมีฝีมือมาช่วยแก้วิกฤตทางการเงินของสำนักงานตำบลฮารุมิที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของท่านนายกเทศมนตรี อิโตะกำลังยื่นเสนอแผนปรับปรุงเศรษฐกิจระยะยาวของตำบลฮารุมิด้วยการเปลี่ยนย่านการค้าเก่าแก่ที่ซบเซาให้กลายเป็นย่านช็อปปิ้งสมัยใหม่ และแผนในการรื้อสร้างถนนก็คื้อต้องรื้อทิ้งย่านที่อยู่อาศัยในย่านนั้นบางส่วนและให้ชาวบ้านย้ายที่อยู่ออกไป ซึ่งก็มีร้านชิเงและร้านทงคัตสึรวมอยู่ในพื้นที่นั้นด้วย

**



ส่วนเรื่องงานแต่ง นายกเทศมนตรีก็คอยติดตามถามข่าวจนคุนิจนมุม หวุดหวิดจวนจะสารภาพความเกือบแตก แต่ฮารุโนะที่เป็นห่วงกลัวคุนิจะถูกไล่ออกก็โผล่พรวดเข้ามาขัดจังหวะจนตรอกของคุนิ อ้างตัวเป็นคู่หมั้นคู่หมายที่กำลังจะแต่งงานกัน แถมมาโกโตะยังโผล่มาอีกคนในฐานะคู่หมั้นตามที่คุนิโทรไปขอความช่วยเหลือเกิดเป็นรถไฟชนกันขบวนใหญ่ต่อหน้าท่านนายกแบบมิได้นัดหมายหรือให้สัญญาณ แต่เรื่องแต่งงานกำมะลอก็คลี่คลายไปได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดด้วยความเข้าใจของท่านายกที่ลงเอยว่า ฮารุโนะคือว่าที่เจ้าสาวของคุนิยูกิ

วิกฤตผ่านไปด้วยความโล่งใจ ด้วยความช่วยเหลือของใครหลายคน แต่แล้วชิเงก็ไม่สบายใจที่ฮารุโนะอ้างตัวเป็นคู่หมั้นของคุนิ จึงทำการขอฮารุโนะแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บต่อหน้าคนใกล้ชิดทุกคนที่กลายเป็นพยานการขอแต่งงานแบบไม่ได้ตั้งตัว แม้แต่คุนิก็มีสีหน้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ชิเงเฝ้ารอคำตอบ ฮารุโนะลังเลใจเพราะที่ได้รู้จักกับยูโกะและกลายมาเป็นเพื่อนกันหลังจากนั้น เธอก็พูดกรอกหูอยู่เสมอว่า ความรักกับการแต่งงานเป็นคนละเรื่องกัน คุนิก็มีมาโกโตะอยู่แล้ว และถ้าฮารุโนะปฏิเสธชิเงก็กลัวชิเงจะเสียใจ และกลัวความสัมพันธ์ต่อไปจะไม่เหมือนเดิม แต่ครั้นจะรับก็ติดอยู่ที่ว่าฮารุโนะไม่ได้รักชิเงในแบบที่จะแต่งงานกันได้

"แล้วคุนิล่ะ รู้สึกยังไงกับเรื่องนั้น"
"ฉัน อืม ตอนที่ชิเงขอเธอแต่งงาน ฉันตกใจมาก ฉัน..ที่จริงแล้ว ความ..จริง ฉันรักเธอนะฮารุโนะ"

เมื่อถามกับคุนิ เขาทำเหมือนจะสารภาพรัก แต่ประโยคที่ตามมา จะไม่ทำให้นางเอกของเราน้ำตาคลอได้อย่างไร

"ฉันรักเธอมาก พอๆ กับที่รักชิเง ฉันก็คิดถึงความเป็นพี่น้องของพวกเรานะ
แตว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เราใกล้ชิดกันแล้วมีความรู้สึกที่เราไม่เคยรู้จักผุดขึ้นมา มากมาย
พ่อฉันชอบพูดว่ามันคือปาฏิหารย์ และปาฏิหารย์นั้น ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับชิเงนะ"



ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ไม่ว่าเรื่องจริงหรือในละคร ถ้าไม่มีใจแล้วก็คงยากจะตกลงใจแต่งงานด้วย ฉากฮารุโนะให้คำตอบปฏิเสธการขอแต่งงานของชิเงเป็นหนึ่งฉากที่น่าจดจำสำหรับซีรีย์เรื่องนี้ ผู้ชายคนหนึ่งที่ใจกว้างพอจะกล้ำกลืนน้ำตาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องเสียใจ และไม่ต้องกลัวอะไร ทุกอย่างระหว่างเราจะเหมือนเดิม

"ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ นะ"

เป็นคนถูกปฏิเสธแท้ๆ แต่กลับเป็นฝ่ายยิ้มปลอบใจคนที่ปฏิเสธเสียเอง การขอแต่งงานจบลงด้วยดี แม้หลังจากนั้นทั้งฮารุโนะและชิเงจะยังเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ความผูกพันอันยาวนานก็นำทั้งสองกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไม่ยาก และคงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของชิเง เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะรับความผิดหวังไม่ได้ เขาจึงเป็นลูกผู้ชายหัวใจใหญ่และทำให้สถานการณ์อึดอัดระหว่างกันคลี่คลายลง

สามคน ชิเง ฮารุโนะ และคุนิ กลับมาพบเจอกันดังเช่นชีวิตปกติหลังเลิกงาน

แต่ยิ่งคุนิสนิทสนมกับมาโกโตะมากขึ้นเท่าไร ฮารุโนะดูจะเก็บอาการยากยิ่งขึ้น และในที่สุดชิเงก็ค้นพบสายตาและอาการปวดใจของฮารุโนะเข้าจนได้ ฮารุโนะขอให้ชิเงสัญญาจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร สัญญา ..ตลอดไป ชิเงรับปากแต่ก็คอยเฝ้ามองฮารุโนะด้วยความห่วงกังวล เราสามคน แต่รู้เรื่องกันอยู่สองคน เพราะคุนิไม่เคยระแคะระคายอะไรเลย

****

เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะถังแตก แผนเปลี่ยนแปลงย่านฮารุมิให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งได้รับการอนุมัติจากท่านนายกเทศมนตรี และชาวบ้านส่วนหนึ่งก็เห็นดีเห็นงามกับค่าชดเชยที่จะได้รับ สาเหตุที่พวกเขาตัดใจที่จะย้ายไปจากที่อยู่อาศัยที่อยู่มาแต่ดั้งเดิมไปอย่างง่ายๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินชดเชยอย่างเดียว แต่เพราะไม่มีหวังในวันข้างหน้าด้วยต่างหาก เพราะลูกหลานไม่ได้คิดจะสืบทอดกิจการจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ เมื่อเรียนจบก็ต่างไปทำงานบริษัทใหญ่มีหนทางของตัวเอง การที่คุนิพยายามปลุกระดมขอความร่วมมือจากชาวบ้านเพื่อต่อต้านแผนพัฒนาของสำนักงานตำบลจึงไม่เป็นผล ในเมื่อตัวเขาเองเป็นลูกชายของร้านทงคัตสึ ยังเกลียดทงคัตสึ ไม่เคยกินและไม่คิดสืบทอดกิจการ แล้วจะมาทำพูดดีให้ชาวบ้านยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาย่านฮารุมิเอาไว้ได้แบบไหน ในสายตาของชาวบ้าน คุนิจะพูดอะไรก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงคุนิก็ไม่มีส่วนได้เสียกับความเป็นไปของฮารุมิอยู่แล้ว



ทางด้านความรัก จะโดยฐานะเพื่อน พี่ชาย หรือแม้แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ชิเงก็อยากให้ฮารุโนะสมหวังและมีความสุข เขาจึงอยากช่วยให้ฮารุโนะได้สมหวังในความรัก วันเกิดครบรอบ 23 ปีของเธอ ชิเงนัดกันสามคนจะไปเที่ยวด้วยกัน แต่ชิเงก็แอบบอกกับฮารุโนะว่าเขาจะไม่ไปตามนัด และให้เธอถือโอกาสนี้เป็นการเดทกับคุนิและสารภาพความจริงที่อยู่ในใจ

แต่วันนั้นได้เกิดเรื่องยุ่งๆ ขึ้นที่ย่านฮารุมิ คุนิจึงไม่ได้ไปตามนัด เมื่อชิเงมาพบเข้าจึงโกรธคุนิมากและเผลอหลุดปากเรื่องความรู้สึกของฮารุโนะออกมา ต่อหน้าทุกคน เพื่อน ญาติพี่น้อง และลุงป้าน้าอาชาวถิ่นฮารุมิ ณ ที่แห่งนั้นได้รับรู้แล้วว่า แม่หนูฮารุโนะแอบรักอานามิยะ คุนิยูกิลูกชายเจ้าของร้านทงคัตสึ คำพูดหลุดออกไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ชิเงก็รู้สึกได้ว่า งานนี้เขาต้องตายแน่แล้ว

"นายพูดว่าอะไรนะ นายล้อเล่นใช่ไหม"

แม้ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่คุนิก็รับรู้ได้อย่างแน่ใจถ้าฮารุโนะรู้สึกกับเขาแบบนั้น ที่ผ่านมาทั้งหมดเธอต้องรู้สึกแบบไหน คุนิหุนหันวิ่งออกไปจากร้านพร้อมภาพของฮารุโนะที่ประเดประดังเข้ามาในหัว สายตา คำพูด อารมณ์ที่โกรธกรุ่นๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลของเธอ คุนิเพิ่งจะเข้าใจ แต่เรื่องราวมันกระทันหันเกินกว่าจะคิดอะไรออก เมื่อเขาไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าฮารุโนะ มันก็ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจและพูดอะไรออกไปได้

คุนิที่อธิบายเหตุผลของการผิดนัดและฮารุโนะรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ทั้งสองคนกลับมาฉลองวันเกิดร่วมกันสามคนที่ร้านของชิเง ทุกคนต่างพยายามทำตัวปกติโดยที่คุนิได้ขอร้องชิเง อย่าบอกให้ฮารุโนะรู้ ว่าเขารู้เรื่องแล้ว

ฮารุโนะพยายามฝืนยิ้มทำตัวเป็นปกติ แต่เมื่อรุ่งขึ้นชาวบ้านก็เริ่มมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ (น่าสงสารจัง) รวมถึงท่าทีอึดอัดลำบากใจของคุนิด้วย ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าความแตกเข้าแล้ว อยากจะโกรธและเล่นงานชิเงแต่ก็โกรธไม่ลงเพราะทั้งหมดที่ชิเงทำลงไปก็เพื่อช่วยเหลือเธอ

ฮารุโนะ รัก คุนิยูกิ และเขารู้ความจริงแล้ว เหมือนกับที่ชาวบ้านร้านตลาดเขารู้กันไปทั่วทั้งบาง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีคำพูดออกมาจากปากของคุนิสักคำว่าเขาคิดอย่างไร ดูเหมือนฮารุโนะจะไม่มีหวัง เธอจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพยายามทำตัวเป็นปกติ ฝืนยิ้มร่าเริง พูดคุยกัน แต่ไม่ว่าพยายามสักเท่าไร ท่าทีลำบากใจก็ไม่ได้หายไปจากสีหน้าของคุนิยูกิ



ในงานเทศกาลคู่รัก ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการฟื้นฟูฮารุมิที่คุนิยูกิร่วมกันกับชาวบ้านร่วมมือกันจัดขึ้นมาหลังจากเทศกาลนี้ได้ถูกลืมเลือนไปในอดีตมาชั่วระยะหนึ่ง ฮารุโนะตัดสินใจสารภาพความในใจกับคุนิยูกิด้วยตนเองตอนที่ทั้งสองคนออกไปเล่นดอกไม้ไฟด้วยกัน สารภาพเพื่อให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ ไม่ต้องอึดอัด ไม่ต้องลำบากใจ จากพรุ่งนี้ต่อไปทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม เธอจะกลับมาเป็นน้องสาวคนเดิมของชิเงและคุนิ

วันรุ่งขึ้น เหมือนเช่นทุกวันที่ฮารุโนะเดินผ่านร้านทงคัตสึและร้านเหล้าของชิเงออกไปทำงานพิเศษ ยิ้มแย้ม ทักทาย ดูมีความสุขดี แต่สีหน้าของคุนิยูกิก็ไม่เหมือนเดิมแบบที่เคยเป็น จากวันนั้นฮารุโนะก็หายหน้าไปจากทุกคน

ชิเงนั่งนับนิ้ว

"สามวันแล้วนะที่ไม่เห็นฮารุโนะ เธอเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่านะ"
"เธอไปทำงานยังไง ถ้าไม่เดินผ่านหน้าร้านเรา หรือฮารุโนะจะเปลี่ยนไปใช้ทางอื่น"

"ที่จริง ฉันก็รู้สึกแย่นะ ที่ฮารุโนะไม่มาป้วนเปี้ยนแถวนี้เลย"

"นี่คุนิ ฮารุโนะไม่ใช่เด็กเล็กๆ อีกต่อไปแล้วนะ"

"ฉันรู้ดี .. แต่ฉันก็เห็นเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ตอนฮารุโนะขึ้นชั้นประถม พวกเราก็เรียนวิทยาลัยกันแล้วนะ ฉันเลยเห็นเธอเป็นน้องสาวคนเล็กมาตลอด จนถึงตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเธอยังไง"


ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เพราะคุนิยูกิไม่ได้มองฮารุโนะเป็นอื่นไปเลย จู่ๆ ก็มารู้ความจริงตู้มเดียวแบบไม่มีจังหวะให้ตั้งตัวติด เขาจึงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะไม่รู้ตัวเองควรรู้สึกยังไง และการไม่พูดอะไรออกไปก็ยิ่งทำให้ฮารุโนะเสียใจและถอยห่าง แต่จะให้ตอบรับหรือปฏิเสธไปเลยคุนิก็ทำไม่ได้อีก เพราะไม่ใช่ไม่รัก เขาก็รักฮารุโนะมากอยู่แล้ว รักมาตลอด แต่ถึงตอนนี้ดูเหมือนเขาต้องแยกแยะให้ออกชัดเจนระหว่างรักอย่างน้องหรือรักอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้ามีเวลาให้พิจารณาสักนิดก็คงจะดีกว่านี้ แต่นี่มันกระทันหันเกินไปสำหรับคุนิยูกิ และยิ่งเขาต้องมีเวลาชั่งใจตัวเองมากเท่าไร ฮารุโนะก็ห่างออกไปและมีเวลาให้คิดและตัดสินใจ"ตัดใจ"

"ฉันไม่อยาก กลับไปเป็นน้องสาวอีกแล้ว
ฉันจะไม่กลับไป เป็นน้องสาวของเขาอีก"

แต่เธอก็กลับมา ในวันที่เธอพร้อม กลับมาด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะเป็นน้องสาวให้ได้เเหมือนเดิม แต่คุนิยูกิก็ดันจะมาเปิดปากพูดเรื่องความรู้สึกขึ้นมาตอนนี้ (ช้าตลอด) จะไม่ให้ฮารุโนะโกรธได้ยังไงไหว

"คุนิ พอแล้วล่ะ"

"ฉันยอมแพ้แล้ว"

"เพราะฉะนั้น อย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก"



เฮ้อ...กว่าจะลงล็อค และลงเอย เล่นเอาลุ้นกันเหนื่อย ก็รู้แหละว่าเรื่องจะต้อง Happy Ending แต่ในความสัมพันธ์ที่สนิทสนมก็ทำให้มองไม่เห็นแววเลยว่าพระเอกจะมีใจให้นางเอกได้ตอนไหน เพิ่งจะมีใจชื้นขึ้นมาหน่อยกับสีหน้าตกใจตอนชิเงขอฮารุโนะแต่งงาน แล้วยังเก็บมานั่งครุ่นคิดซึ่งก็ไม่รู้ว่าคิดด้วยความรู้สึกแบบไหน รู้สึกกลัวความสัมพันธ์ที่อาจเปลี่ยนไป หรือรู้สึกหวั่นไหวที่จู่ๆ คนใกล้ตัวทั้งสองคนจะกลายเป็นคนสำคัญของกันและกันโดยที่เขาไม่มีเอี่ยว

เป็นซีรีย์แนวรักอีกเรื่องที่มีเนื้อหาถูกใจ แล้วยังมีสาระน่าชมอีกด้วย พูดง่ายๆ คือ ซีรีย์เรื่องนี้ให้ข้อคิดในเรื่อง "ชุมชนเข้มแข็ง" การเปลี่ยนแปลงอะไรในชุมชนของคนหมู่มาก ในชีวิตจริงคงไม่สำเร็จได้ง่ายๆ เหมือนในละคร 11 ตอน แต่ก็เป็นแบบอย่างแนวความคิดที่ชวนให้อยากจะเชื่อว่า หากคนในชุมชนไม่ละทิ้งความพยายาม ร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้ในสิ่งที่ต้องการจะเห็น สิ่งที่ต้องการจะเป็น ปัญหาที่มีจะต้องพบทางออก และอีกคนที่สำคัญก็คือผู้นำชุมชนที่ต้องยืนหยัด เป็นหลักที่มั่นคงให้กับประชาชน เหมือนเช่นนายกเทศมนตรีคนนี้ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาแก้ไขปัญหาภาวะซบเซาของชุมชน แต่การให้ชาวบ้าน "ย้ายออก" เป็นจุดที่ทำให้เธอต้องคิดหนัก และสุดท้ายเธอก็เลือกในทางที่จะไม่นึกย้อนกลับมาเสียใจภายหลัง




การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ คือการร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟูชุมชน จากที่เกิดภาวะซบเซาร้านรวงต่างๆ พากันปิดกิจการไป คุนิยูกิ ชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำบลที่เกี่ยวข้อง ได้ช่วยกันมองหาวิธีที่จะทำให้ตำบลฮารุมิกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง เนื่องจากตำบลฮารุมิมีตำนานความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ได้ก่อร่างสร้างตัวและก่อเกิดเป็นการตั้งชุมชนขึ้นที่นี่จนมีการสร้างรูปปั้นเป็นอนุสรณ์แห่งรักเพื่อระลึกถึงคนคู่นั้น พวกเขาจึงคิดจะใช้ตำนานเหล่านี้สร้างตำบลฮารุมิให้เป็น Marriage town การจัดกิจกรรมปาร์ตี้หาคู่ขึ้นในชุมชน ปรับปรุงร้านรวงต่างๆ ให้เหมาะสมกับเป็นบรรยากาศเมืองแห่งความรักที่คนหนุ่มสาวจะออกมาพบปะกัน การทำอาหารให้มีรสชาดอร่อยและออกแบบให้สวยงามน่ารัก การทำของที่ระลึก ตลอดจนสินค้าต่างๆ ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของการเป็นเมืองคู่รัก และกลายเป็นเอกลักษณ์ที่จะดึงดูดผู้คนให้แวะเวียนเข้ามาและทำให้ย่านฮารุมิมีชื่อเสียงเป็นที่ที่ใครๆ เอ่ยถึงและอยากมาเยือน จากนั้นการค้าขายก็จะดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาวฮารุมิให้กลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง




ทำให้นึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมืองไทยบ้านเรา อย่างเช่น เมืองปาย ที่เต็มไปด้วยร้านสีสันตกแต่งสวยงามตามถนนคนเดินชอปปิ้ง ร้านไปรษณียบัตรมากมายที่ผุดขึ้น ตู้ไปรษณีย์สีแดงๆ และหลักกิโล กลายเป็นฉากยอดนิยมในการถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว การตกแต่งถนนร้านค้าให้น่ารักน่าเดินเล่น หรือแม้แต่สินค้าที่ระลึกที่บ่งบอกความเป็นปาย เชียงคานก็ดูจะคล้ายๆ กันในลักษณะการตกแต่งย่านตลาดให้สวยงามมีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดผู้คน แม้ว่าคนที่ไปปายในระยะหลังจะพูดออกมาให้ได้ยินว่า "ไม่ค่อยสวยแล้ว" และยังได้ยินคำพูดต่อๆ มาอีก "ถ้าใครยังไม่ได้ไปเชียงคาน ให้รีบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอีกไม่นาน เชียงคานอาจจะพังเหมือนปาย" ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปายในระยะหลังเป็นอย่างไร ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวในตอนที่ไป ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าไม่เห็นมีอะไรมากนัก แต่ด้วยอาศัยเที่ยววัดวาและวิวทิวทัศน์ของภูเขาแววล้อมย่อมถือว่าโอเคแล้วล่ะสำหรับการนั่งรถลำบากลำบนฝ่า 1,864 โค้งไปจนถึง แต่ถ้าใครถามไปไหนมา เปลี่ยนจากตอบว่า "ไปปาย" เป็น "ไปปางอุ๋ง" หรือ "ไปแม่ฮ่องสอน" น่าจะตรงตามความจริงมากกว่า เพราะไม่ได้ประทับใจในความเป็นปายสักเท่าไร แต่ถ้าใครจะไปเพื่อเที่ยวแม่ฮ่องสอนย่อมถือว่าคุ้ม เพราะความจริงแล้วการท่องเที่ยวบางทีมันก็สำคัญอยู่ที่เที่ยวกับใคร ถ้าเป็นเพื่อนสนิทร่ำเรียนมาด้วยกัน ไปไหนไปกันเป็นตัวของตัวตูเองแบบสุดๆ พูดจาไม่ต้องภาษาดอกไม้ วะ โว้ย มึง กู ด่าทอกันเล่นด้วยศัพท์แสงเฉพาะกลุ่มได้ล่ะก็ ไปไหนก็สนุกแถมยังต้องไม่ให้ความสนุกเกินเลยไปรบกวนชาวบ้าน โดยเฉพาะเรื่องเสียงดังแปดหลอด




นึกถึงบ้านหอมเทียน ที่สวนผึ้งราชบุรี หากไม่ใช่ขาอึดที่จะไปเที่ยวธรรมชาติเดินป่าหาน้ำตกชมทะเลหมอกที่เขากระจง ก็ไม่คิดว่าสวนผึ้งมีอะไรมากนัก แต่การที่รีสอร์ทต่างๆ สร้างสถานที่ บรรยากาศสวยงาม เอาใจนักท่องเที่ยวสมัยนี้ที่โลกออนไลน์กลายเป็นส่วนย่อยในชีวิตสำหรับการแชร์ชีวิตส่วนตัวบางส่วน สำหรับใครหลายคนการถ่ายรูปจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าจะสนใจพินิจพิเคราะห์ความงามของสถานที่แบบดื่มด่ำมากนัก (ขอแค่มีรูปฉันกับฉากตรงนี้เป็นพอ) แค่เพียงบ้านหอมเทียนแห่งเดียวก็คงดึงนักท่องเที่ยวไว้แล้วกว่าครึ่งวัน ทุกๆ มุมน่ารักสวยงามน่าถ่ายรูป ใครเห็นก็อยากจะเอาตัวเองไปแหมะติดด้วยในภาพถ่าย สินค้า อาหาร ห้องขายของ ห้องน้ำ ทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ภาชนะใส่อาหาร ถุงหีบห่อ ตลอดไปจนถึงถังขยะคงความเป็นธีมเดียวกันเป็นสไตล์ที่น่าหลงใหลให้แวะเวียนไปชม เส้นทางรีสอร์ทและร้านกาแฟแถวๆ วังน้ำเขียวก็คล้ายคลึงกัน อย่างที่ทำให้รีสอร์ท A cup of Love หรือ ร้าน coffee love hill มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักใครผ่านไปเส้นนั้นต้องแวะไป กาแฟจะอร่อยหรือไม่ไม่สำคัญ ขอให้ได้ถ่ายรูปกับมุมต่างๆ ของร้านกาแฟที่สวยงามน่ารักเป็นพอ (เท่าที่ชิมก็บอกไม่ได้ เพราะทุกวันนี้บริโภคกาแฟจนจะกลายเป็นอาหารหลัก มันอยู่ในสายเลือดจนไม่รู้ถึงความแตกต่างในรสชาดกาแฟแต่ละแก้วสักเท่าไร) ธรรมชาติอาจสวยสู้ที่อื่นไม่ได้ไม่เป็นไร แต่สู้กันด้วยบรรยากาศและสไตล์ เหมือนที่สวนผึ้งทำรีสอร์ทเป็นบ้านตุ๊กตาแต่ละตัวในเรื่อง Princeton นั่นอาจทำให้คนไปสวนผึ้งออกอาการคลั่งได้ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปกับตุ๊กตายักษ์เหล่านั้น และอาจจะลงแดงไปเลยถ้าไม่ได้แวะเข้าบ้านหอมเทียน ( ไอติมกะทิโปะหน้าลูกชิดใส่กระบอกไม้ไผ่อร่อยมากกกกก)

การที่ซีรีย์เรื่องนี้พยายามทำกิจกรรม หรือสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างให้ตำบลฮารุมิมีชื่อในการเป็น Marriage town จึงเป็นเรื่องที่ดูไม่เว่อร์ เพราะการจะสร้างเมืองสักเมืองหนึ่งให้ก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาน่าจะทำได้อย่างเป็นรูปธรรม เพียงแต่ในชีวิตจริงจะทำให้สำเร็จอาจต้องใช้เวลาและอะไรอีกมากมายที่ไม่ง่ายอย่างในละคร




พระเอก นากาอิ มาซาฮิโระ เขาเป็นใครไม่รู้ ไม่เคยรู้จัก แต่เท่าที่เปิดไปดูประวัติดูเหมือนรายชื่อผลงานของเขาจะยาวเป็นหางว่าวเพียงแต่ไม่เคยเข้าสู่วงโคจร อาจเป็นเพราะหน้าตาพระเอกนี่แหละที่หล่อไม่ใช่แนว เรื่องนี้ก็พลาดการชมมาซะนาน แต่พอมาดูเข้าจริงถึงตอนที่สามที่สี่ก็เริ่มเคยชินและหน้าตาของพระเอกก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เนื้อเรื่องถูกใจแบบนี้แทบไม่ต้องอาศัยพลังของ อายะ อุเอโตะด้วยซ้ำไป ได้ซาโต้ เรียวตะ มาอีกคนถือว่าเป็นของแถมสมนาคุณที่เกินคุ้ม ( อาจารย์คาวาโต้ จากเรื่อง Rookies ) เรียวตะเรื่องนี้ก็เป็นคนตลกๆ ที่น่ารัก ใจกว้างยังกับน้ำทะเล และเป็นพระรองที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดกับเรื่องรักของเราสองสามคนเลยสักนิด คงเป็นเพราะซีรีย์ญี่ปุ่นดำเนินเรื่องไว เพราะถ้าเป็นซีรีย์เกาหลีคนดูจะต้องเผชิญกับอาการอกหักรักคุดของพระรองอยู่ย้ำๆ ซ้ำๆ สงสารจนพาลไม่อยากจะดูอะไรที่เป็นรักสามเส้า

ถ้าใครมองหาซีรีย์แนวความรัก Marriage Hunting เป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่อยากแนะนำค่ะ รักที่ไม่มากไป ไม่น้อยไป คลุกเคล้าไปกับสาระในอัตราส่วนที่พอดีกัน แม้แต่ในมุมของยูโกะ สาวสวยคนสำคัญที่พยายามสุดชีวิตกับการตามล่าหาผู้ชายในอุดมคติให้ตรงตามมาตรฐานสูงส่ง แต่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่เพอร์เฟ็คต์ และที่รู้ยิ่งกว่านั้น ความรักไม่มีมาตรฐานแต่เป็นความสุขที่จะวัดค่าหาทฤษฏีกันไม่ได้

เพราะความสุขของคนเราไม่เท่ากัน


เรื่องนี้ อายะ อุเอโตะ น่ารักมาก

ภาพและข้อมูล>

//wiki.d-addicts.com/Konkatsu!



Create Date : 26 ธันวาคม 2553
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:46:08 น. 5 comments
Counter : 1290 Pageviews.

 
นาคาอิ เป็น leader ของวง SMAP นั่นเองค่ะ (วงเดียวกับทาคุยะ) เชียร์ให้ review ดวงใจอัคนีนะคะ อยากอ่านความเห็นของคุณปรายแสงต่อละครไทยมั่งค่ะ ^^


โดย: primary girl IP: 223.207.48.132 วันที่: 1 มกราคม 2554 เวลา:8:30:47 น.  

 
ดูจะเป็นเรือ่งน้ำผึ้งหยดเดียวที่แฝง
ความเป็นชุมชนนิยมอย่างที่ท่านว่า

แต่ยอมรับว่าผู้เขียนเก่งมากนะครับ
ที่เอาปัญหาทางสังคมญี่ปุ่น
ทั้งเรือ่งประชากรศาสตร์ ปัญหาประกันสังคม
สาธารณสุข อัตราค่าครองชีพ
ที่เป็นปัญหาหนักๆ มาเล่นเป็นแนวคอเมดี้โซเชียลเน็ตเวิรกแบบบ้านๆได้

ยอมรับว่าดาราตัวหลักทั้งชาย หญฺง
ก็ไม่ค่อยจะรู้จักทั้งคู่เท่าไร
แต่ดารารองนี้ เจ้าฝีมือทั้งน่าน
ไม่ว่า จะเป็นพี่ยุตะ ป้าเรียว ลุงฟุมิโยะ
พี่โชสุเกะ
ถือว่าเป็นซีรีย์ที่น่าสนใจ
ไม่ป่วยอย่างที่ใครมาครหาท่านแล้วครับ

อย่าให้รู้จะดักตีหัวนักเลยเชียว
อืม หวัดดีปีใหม่้ดวยนะครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:2:14:38 น.  

 
เออลืมพิธีกรรมในทุกๆปี
สวัสดีปีเถาะ หวังว่าคงเหลือไฟ
อัพบล็อกอยู่นะครับ ตามอ่านไม่เคยขาด



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:20:30:22 น.  

 
มาแจมการจัดความนิยมที่เหลือของท่านต่อดีกว่า


ใย ท่านไม่คิดจะมาจัดอันดับความสุโค้ยย์ในใจท่านบ้างละครับ

ทั้งๆที่ ทรัพยากรการรีวิวซีรีย์ก็มีอย่างล้นเหลือ

เหลือพอชนิด ที่เอาไปให้ผมทำมาหากินได้ตั้งสองเรือ่งแนะ


code blueสองดู แล้วนะครับ
ชอบมากกว่าภาคหนึ่งสักอีก อันนี้ไ่ม่รู้เพราะ
ภาคหนึ่งดูทาง ไทยพีบีเอสรึเปล่า
แต่ความเข้มข้นของภาคสองดูอิ่มกว่ามาก
อาจเพราะ สมาชิกในทีมทุกคนดูเติบโต
ไม่ออกอาการลูก
งี่เง่าให้เห็น

ส่วน Jin นี้ก็น่ารีบดูนะครับ เพราะใกล้จะเอามาฉายในโรง
ร่ำมะรอแล้ว

หรือกำลังเตรียมตังค์รอ Battle yamato ของป๋ายะแน่แท้เลย เห็นว่าเข้าโรงเก็บตังค์เมืองไทย
น่าจะเข้าโรงกว้าง
ไม่มุดตามลิโด้หรืออาร์ซีเอแน่เลย


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 4 มกราคม 2554 เวลา:21:35:16 น.  

 
hermes bags buy windows xp Marriage Hunting เสียงหัวใจจากคนใกล้ตัว
hermes vintage bags //alex.skalberg.dk/images/big-names-tout-their-hermes-vintage-bags-bags.aspx


โดย: hermes vintage bags IP: 192.99.14.36 วันที่: 13 มีนาคม 2557 เวลา:1:17:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.