Group Blog
 
All blogs
 
Tokyo Friend ยังจำความฝันแรกของคุณได้หรือเปล่า?



Tokyo Friend

อิวาสึกิ เร เด็กสาวบ้านนอกที่เปิดตัวออกมาด้วยผมม้าหน้าสั้นกับฉากโยนหินลงทะเลด้วยอารมณ์เซ็งๆ

โห่ย ... นางเอก นอกจากหน้าตาจะไม่สวยแล้ว ยังไม่น่ารักอีกต่างหาก ดูเป็นเด็กสาวบ้านนอกที่หน้าตา ธรรมด๊า ธรรมดา ผิดหลักจรรยาการดูละครอย่างแรง คือ พระเอกหน้าตาไม่หล่อไม่เป็นไร ขอให้นางเอกโอเคไว้เป็นใช้ได้ ... แต่เอาน่า ไหน ๆ ก็ซื้อมาแล้วนี่ ดูต่อสักหน่อยเถิดนะ

อะจ๊า ....อะจ๊า

ความน่ารักของนางเอก อยู่ที่รอยยิ้มที่ดูจะบริสุทธิ์สดใสนี่เอง เห็นรอยยิ้มแรกอคติใดๆ ก็หายไป ยิ่งพอเห็นพระเอกที่ว่า "ไม่หล่อ" คือ เอตะ ที่ไม่หล่อจริงๆ ด้วยแหละ แต่เค้าน่ารักดีนะคะ ถ้าเป็นเอตะ เป็นอันหมดข้อกังขา ดูต่อโลดดด ด้วยอารมณ์อันสุนทรีย์ เพราะชอบนักแสดงหน้าผากหยักคนนี้ ทั้งจากบท ริวทาโร่ ใน Nodame และ ทาเคชิ ใน Last Friend นี่ถ้ารู้แต่แรกว่าคนที่รับบทพระเอกคือ เอตะ คงจะดูให้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว (ทำยังกะว่า การดูซีรีย์นี่น่ะ มันเป็นภารกิจการงานอย่างหนึ่งเลยนะ)และนางเอกดูต่อๆ ไปก็น่ารักยิ่งขึ้นๆ เพราะผมม้าเริ่มอยู่ตัว เริ่มเกลี่ย และม้าก็เริ่มหายไป ตามวันเวลาในเรื่อง



อ่ะ ..ว่ากันต่อ

อิวาสึกิ เร เด็กสาวที่ว่าคนนี้ ก็เบื่อๆ เซ็งๆ ชีวิตบ้านนอกที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่มีความฝันอะไรกับใครเค้า หรืออาจจะเคยมีแต่จำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มีประโยคสำคัญที่ใช้ในการเปิดเรื่อง และใช้ตอกย้ำอยู่เสมอ เมื่อเรื่องดำเนินถึงจังหวะสำคัญ

คุณยังจำความฝันแรกของคุณได้หรือเปล่า...?

เรไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองต้องการอะไร หรืออยากทำอะไร จึงตัดสินใจจะไปค้นหาความฝันที่โตเกียว

หนีออกจากบ้าน! ด้วยการทิ้งจดหมายใบน้อยไว้ให้น้องชาย ช่วยรายงานต่อบิดรมารดา (นี่คือ ละครนะคะ โปรดอย่าได้เอาเยี่ยงอย่าง)

เรมาขออาศัยอยู่กับอาเคมิเพื่อนที่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน และสมัครทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ยูเมะ โนะ คุระ ได้รู้จักกับ มากิ ซึ่งเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนกัน เรียวโกะเป็นสาวทำงานออฟฟิศและเป็นลูกค้าขาประจำ และ ฮิโรโนะอีกหนึ่งสาว ตจว. ที่เข้ามาล่าฝันในโตเกียวโดยสมัครเข้ามาเป็นเด็กเสิร์ฟด้วยเหมือนกัน

ร้านยูเมะ โนะ คุระ เป็นแหล่งสิงสถิตของวงดนตรีอิสระวงหนึ่ง ชื่อวง Survival Company หรือ ซาบาคัง หนุ่มๆ นักดนตรีจะมารวมตัวกันดื่มกินอยู่ร้านนี้ และสมาชิกคนหนึ่งของวง คือ มิตสึโอะ ก็ทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านด้วย

ริวจิ ( เอตะ ) เป็นมือกีตาร์และเป็นนักแต่งเพลงของวง บุพเพสันนิวาสเริ่มทำงานตั้งแต่บันดาลให้ริวจิ กับเร เดินสวนกันครั้งแรก ต่อมาบุพเพฯ เล่นงานหนักเพราะดันไปบันดาล ให้กำปั้นดุ้นๆ ของริวจิ กระแทกไปยังหน้าของเรเต็มๆ จนหงายหลังล้มไปกองกับพื้น มีไอ้หนุ่มตัวบักเอ้ล้มไปทับอีกต่างหาก เหตุเพราะ ริวจิ ทะเลาะ กับนักร้องของวงจนมีเรื่องชกต่อยกันเอง แต่คนที่โดนลูกหลงคือเรจัง กำปั้นอัดดั้งน้อยๆ เลือดกำเดาไหล ดังนั้น นอกจากจะมีรอยยิ้มอันสดใส ความน่ารักของเรยิ่งฉายชัดมากขึ้นเพราะความสามารถในการแสดงริมฝีปากที่เม้มและค่อยๆ ยกตัวขึ้น เป็นอาการ "เคือง" ที่น่ารักมากๆ (และเป็นอาการที่ทำได้เฉพาะเด็กๆ นะคะ ใครอายุเกิน 18 กรุณางด)

หลังร้านปิด มีเหตุให้ ริวจิ ต้องไปส่งเรกลับที่พัก แม้จะไม่เต็มใจทั้งคู่ แต่เรมาอยู่ใหม่ยังไม่ค่อยรู้ถนนหนทาง และถ้าให้เลือกระหว่างดูแลผู้หญิงเมาอย่างเรียวโกะ กับไปส่งเร ริวจิขอเลือกอย่างหลัง ดูมาถึงแค่นี้ ...ก็ยกคะแนนเทใจให้ความน่ารักของทั่งคู่ไปจนหมดแล้วล่ะ เพราะว่า แสดงออกมาน่ารัก ไม่ว่าจะอาการเย้าแหย่หน้าตายของริวจิ หรืออาการเคืองเล็กๆ ของเร ที่เคืองชัดเจนบนริมฝีปากงอนๆ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นจากวันนั้น และเริ่มเป็นความสัมพันธ์อย่างจริงจังเมื่อริวจิ เมาคอพับอยู่ในร้าน และเรต้องปลุกให้ตื่นเพื่อจะปิดร้าน จึงส่งเสียงร้องเพลงกรอกหู นักร้องของวงซาบาคังเพิ่งจะทิ้งวงไปเพราะความไม่ลงรอยกับริวจิไปหมาดๆ วงกำลังขาดนักร้องอยู่พอดีเลยเชียว ริวจิ จึงชวนเรมาเป็นนักร้องให้กับวง

เหตุผลน่ะเหรอ ..."ฉันชอบเสียงของเธอ"

ริวจิสอนเรร้องเพลง และหลังเลิกซ้อม ....ก็จะเดินมาส่งเรกลับที่พักทุกวัน(ซีนพ่อแง่แม่งอนภายใต้ร่มคันเดียวกันนั่นน่ะ น่ารักดี)



แต่การร้องเพลงครั้งแรกของเร ที่ลานข้างโตเกียวโดมมีคนฟังกันน้อยและไม่ค่อยให้ความสนใจ เป็นช่วงเดียวกับที่อาเคมิ เพื่อนที่เรมาอาศัยอยู่ด้วยและยังหางานทำไม่ได้ซะทีทั้งที่เรียนจบมาระยะหนึ่งแล้ว อาเคมิจึงรู้สึกท้อแท้และตัดสินใจจะกลับบ้านเกิดที่โคจิ ความรู้สึกหงอยเหงาและความท้อแท้สิ้นหวังของเพื่อนทำให้เรหดหู่ไปด้วยและบอกกับริวจิว่า จะไม่ไปร้องเพลงกับวงของริวจิอีก ที่ผ่านมาก็เพราะคิดว่าอยากลองดูเล่นๆ เพราะไม่มีอะไรทำ

พ่อมาตามเรกลับบ้าน แต่ก็ได้อาเคมิช่วยพูดให้เรได้อยู่ต่อ เมื่อถึงเวลาที่อาเคมิต้องลาจากกลับบ้านนอกไป บางสิ่งอย่างที่รับรู้จากความรู้สึกของอาเคมิและตัวของเรเอง ทำให้เรยอมกลับไปร้องเพลงให้กับวงซาบาคังอีกครั้ง



ความฝันที่ค้นพบ และความรักที่ก่อตัวขึ้นมา ทำท่าจะเดินทางสานรัก และสานฝันไปด้วยกันทีละก้าวดีๆ แต่แล้วมันก็มีอันสะดุด เมื่อเร เกิดอยากจะแต่งเพลงขึ้นมาบ้าง ริวจิ ชอบเสียงของเร และแต่งเพลงให้เรร้องในแบบที่เขาอยากได้ยินเสียงของเธอร้องออกมา แต่ริวจิ เป็นผู้ชาย มันไม่ง่ายนักสำหรับเร ที่จะถ่ายทอดอารมณ์ของผู้ชายในขณะที่ใจกายเป็นผู้หญิง เรน่าจะลองแต่งเพลงดูบ้าง วงซาบาคังจะได้มีเพลงหลากหลาย ริวจิปฏิเสธเพลงของเร และสองคนก็โกรธกัน

คนหนึ่ง อยากเล่นดนตรีในเพลงที่ตัวเองแต่ง อีกคนหนึ่ง ก็อยากร้องเพลงที่ตัวเองแต่งและมีส่วนร่วม(ขอคิดด้วยคน) ริวจิ เป็นคนเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่อยู่แล้ว จึงไม่ยอมรับความคิดของเร เป็นคนร้อง ก็แค่ร้องไป ร้องในเพลงที่แต่งให้ก็พอ ประจวบเหมาะกับมีวงใหม่มาชักชวน ริวจิจึงถือโอกาสทิ้งวงซาบาคังไป และบอกเลิกรากับเร ความสามารถในการแต่งเพลงของริวจิ ทำให้วง Flower Chilzs ที่ไปอยู่ด้วย เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้นและมีโอกาสได้รับการโปรโมต และการทำเดบิวท์ (Debut-การนำวงที่ผ่านการทดสอบความสามารถมาเตรียมตัวตั้งเป็นวงทำอัลบั้มเปิดตัว เข้าใจว่าอย่างงั้นนะคะ ถูกหรือเปล่าไม่รู้)

สาวน้อยเร เพิ่งจะค้นพบความฝันของตัวเอง แต่แล้วก็ถูกคนที่รัก คนที่สอนให้มีความรักและความฝัน ทิ้งลอยทะเล หันหลังให้ โบกมือลา และเดินจากไป ง่ายๆ!

เหมือนริวจิจะเห็นแก่ตัว ถ้าดูกันแค่ผิวเผิน แต่คิดลึกอีกสักน้อย จะว่าไปแล้ว...ก็ไม่เชิงเป็นอย่างนั้นนัก เพราะทัศนคติของริวจิในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นสมาชิกในวงนั้นแสดงชัดแล้วในตอนแรก อันสมภารย่อมมิควรกินไก่วัด ถ้าเลือก "ไม่" ได้ ก็คงไม่ดีกว่า การที่ริวจิมองเห็นพรสวรรค์ของเร และมองอนาคตต่อไปว่า ภาพของวงซาบาคังจะกลายเป็น "วงของเร" และริวจิก็จะกลายเป็นแค่มือกีตาร์คนนึงแค่นั้น ในฐานะผู้ชาย กับผู้หญิงที่ตัวเองรัก ริวจิไม่อยากจะแค่คอยยืนเล่นกีตาร์อยู่ข้างหลังเร..แต่จะต้องก้าวไปข้างหน้า (ถ้าไม่เหนือกว่า อย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมล่ะนะ )

คิดว่าเป็นเหตุผลที่รับได้นะคะ ดูดีกว่าจะมองว่า ริวจิไม่ชอบเห็นเรเด่นดังกว่าตัวเอง (ดูดีกว่าเยอะด้วย) มันเป็นเรื่องของ ศักดิ์ศรี (อันพิลึก) อย่างหนึ่ง ที่เคยเห็นมาแล้วในหนังญี่ปุ่นเรื่อง Love Collage พระเอกเป็นช่างภาพมือสมัครเล่น เพราะอยากจะอยู่ด้วยกันและอยากจะมองเห็นสิ่งเดียวกัน นางเอก (เรียวโกะ ขวัญใจเดี๊ยนเอง) จึงลุกขึ้นมาหัดถ่ายรูปบ้าง วันดีคืนดี ก็ดันสามารถมากกว่า ได้รางวัลมาแซงหน้า และผู้ชายก็รับไม่ได้ บอกเลิกรา ซะงั้น นี่ก็อย่างเดียวกัน กับแค่จะมองว่า ไม่ใช่วงของริวจิ วงของเร หรือวงของใคร แต่เป็น "วงของพวกเรา" เรื่องก็คงจะเป็นไปด้วยดี ..(งั้นก็ไม่มีเรื่องรักของริวจิกับเรให้ดำเนินต่อน่ะสิ งั้นแยกวงก็ดีแล้ว)



แต่เมื่อมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีวงซาบาคัง จึงขาดมือกีตาร์ และขาดคนแต่งเพลง ในวันที่รอคอย และเรลุกขึ้นมาบอก มิตจัง มือเบสของวงว่า ช่วยสอนกีตาร์ให้หน่อย เพราะไม่อยากจะเป็นผู้หญิงที่เฝ้าแต่รอคอยอีกต่อไปแล้ว อาการนี้ของเร มันโดนเลยค่ะโดนต่อมน้ำตา Smiley

ใน Tokyo Friend จึงชอบวิธีที่ริวจิกับเรรักกัน ริวจิ แม้จะจากไปและเริ่มมีชื่อเสียง แต่ก็ยังคงรักเรและวงซาบาคัง พยายามใช้ความมีชื่อเสียงของวงตัวเองคอยผลักดันโอกาสให้วงซาบาคังอยู่เงียบๆ วงซาบาคัง มีโอกาสจะได้รับเดบิวท์กับเค้าบ้างแล้ว เย้! เรที่เริ่มจะเล่นกีตาร์เป็น ก็เริ่มแต่งเพลงใหม่ ( แต่ในการออกเล่นดนตรี ฮิเดะ แสดงโดย ยูตะ ผู้น่ารักเสมอไม่ว่าเล่นซีรีย์เรื่องใด จะเป็นคนเล่นกีตาร์หลักให้กับวงแทนริวจิ) แต่ค่ายเพลงที่จะทำเดบิวท์ให้ ปฏิเสธเพลงใหม่ของซาบาคัง เพราะต้องการให้ใช้เพลงที่ริวจิแต่งไว้ก่อนออกจากวงไป ซึ่งริวจิได้อนุญาตกับค่ายเพลงแล้วว่าให้ใช้เพลงที่เขาแต่งได้ ความจริงคือ ที่ค่ายเพลงให้ความสนใจกับวงซาบาคัง ก็เพราะวง Flower Chilzs ของริวจิกำลังจะได้รับการโปรโมตใหญ่โต และเมื่อเขาเคยเล่นและแต่งเพลงให้ การเดบิวท์อีกวงของอีกค่ายตามกระแสไป ก็น่าจะทำให้ซาบาคังเป็นวงที่พอขายได้

เดบิวท์เป็นความใฝ่ฝันของสมาชิกทุกคนในวง เรจึงก้มหน้าก้มตากล้ำกลืนศักดิ์ศรี และซ้อมเพลงของริวจิ เพื่อจะทำเดบิวท์ใหม่ ...แต่ในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจร่วมกันที่จะปฏิเสธการทำเดบิวท์หากต้องใช้เพลงและอาศัยเกาะกระแสของริวจิ เป็นจุดหนึ่งที่ซึ้งใจ ในมิตรภาพของเพื่อนร่วมวง ไม่ใช่แค่เพราะเห็นใจเรที่ต้องทนเจ็บช้ำกับการร้องเพลงของริวจิ แต่สมาชิกทุกคนย่อมอยากจะก้าวไปด้วยความทะนงองอาจจากบทเพลงของตัวเอง

ความฝัน วางไว้ก่อนได้ ถ้ามันต้องเป็นไปในหนทางลัดที่ไม่เต็มใจจะให้เป็น

ริวจิ มีความกังวลอยู่ลึกๆ ภายในใจที่วง Flower Chilzs ออกตัวเร็วและแรง ทุกอย่างดูจะราบรื่นไปหมด ความฝันที่กำลังจะได้มามันดูง่ายดายเกินไปจนน่ากลัว หากว่าจู่ๆ มันเกิดพังขึ้นมาล่ะ เร กับวง ซาบาคัง ( Survival compay ) ตัดสินใจปฏิเสธการเดบิวท์ และยังคงยังเล่นดนตรีที่ลานข้างโตเกียวโดม กับที่ไลฟ์แห่งหนึ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนไปเข้าตาวาดะ เจ้าบริษัทเพลงเล็กๆ เข้าน่ะสิ เป็นบริษัทรก ๆ จนๆ และสภาพดูแล้วไม่น่าจะเป็นบริษัททำเพลงได้ แต่ซาบาคังก็ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไปอย่างต้วมเตี้ยมๆ วงซาบาคัง ทำให้นึกถึงกลอนบทหนึ่ง

ก้าวนี้แม้ก้าวช้า แต่ก้าวหน้าอย่างมั่นคง
ก้าวนี้แม้ไม่ตรง ก้าวหน้าคงจะงดงาม


ริวจิเองก็มีส่วนสนับสนุนให้วงซาบาคังได้มีโอกาสมาเล่นดนตรีเปิดเวทีในงานคอนเสิร์ตเปิดตัวของ Flower Chilzs นี่ก็ซึ้ง ที่ริวจิยังคงสนับสนุน ยังคงเฝ้าดูและยินดีกับความสำเร็จในแต่ละก้าวเล็กๆ ของเรกับวงซาบาคัง มีคนรู้จักมากขึ้น มีแฟนเพลงมากขึ้น ชอบตอนที่ริวจิยืนฟังเรร้องเพลงอยู่ข้างเวทีคอนเสิร์ต สีหน้าบอกชัดว่าภูมิใจในความสามารถของเร และอีกตอนที่น้องชายมาตามเรกลับบ้าน แต่พอเห็นเรร้องเพลงท่ามกลางคนดู ทำหน้าอึ้ง ทึ่ง และภูมิใจ พี่สาวเราก็มีความสามารถเป็นชิ้นเป็นอัน และกำลังไล่ตามความฝันด้วยความพยายามอยู่นะครับพ่อ (โทรรายงาน)



แต่ริวจิ ผู้ชายที่ยอมวางความรักเพื่อมุ่งมั่นไปให้ถึงฝั่งฝันของตัวเอง การสังกัดค่ายเพลงที่ทุ่มทุนโปรโมต การเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ และอัลบั้มที่กำลังจะออกจำหน่าย อีกแค่ก้าวเดียว ก็จะเอื้อมคว้าฝันมาอยู่ในมือ แต่ว่ามันมีจุดหักเห บางทีมันก็พลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตคนจริงๆ ก็มีที่เป็นอย่างนั้น ชื่อเสียงและความดังที่ทำให้เรมองเห็นริวจิเป็นคนที่อยู่ห่างไกลออกไปทุกที แต่จู่ๆ ริวจิก็ตกบันไดดาวร่วงผ่านหน้าเรที่กำลังพยายามปีนต้วมเตี้ยมติดตามไปหงายหลังลงสู่ดินแบบไม่มีใครคาดคิด

เร เป็นคนที่จะยอมวางความฝัน เพื่อความรัก ถ้าเพียงแต่ริวจิจะยอมรับได้แต่ริวจิที่ละทิ้งวงซาบาคังมา จะพรากความฝันของเร เพียงเพราะเหตุผลว่ารักและจะอยู่ด้วยกันคงใช่ที่ เพราะนี่ไม่ใช่ปกติวิสัยของพระเอก และด้วยศักดิ์ศรี จึงไม่มีหนทางให้หวนกลับซาบาคัง ที่พยายามด้วยตัวเองมาไกลแล้วจากจุดเดิม (ถึงเอ็งจะทิ้งข้าไปก็ไม่เป็นไรหรอกเว้ย ซาบาคังยัง Survival สมชื่อวง)

แล้วจะลงเอยอย่างไร ...ต้องติดตามไปจึงถึง Tokyo Friend the movie โน่นแน่ะ ก็ดูต่อไปเลยรวดเดียวทีเดียวจบ ไม่งั้นคงอารมณ์ค้างคา ถ้าไม่รู้ว่าเรจะจัดการอย่างไรกับริวจิที่หายไป

Tokyo Friend จึงเป็นหนึ่งในซีรีย์ในดวงใจด้วยเรื่องราวเท่ห์ๆ ของหนุ่มสาวเช่นนี้แล นี่เป็นแค่เพียงส่วนที่อินเลิฟจัด ในเรื่องราวของความรัก



ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่ทำให้ Tokyo Friend เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง

อีก 3 สาว ที่มีความฝันและพยายามจะก้าวไปคว้าฝันของตัวเอง

เรียวโกะ สาวออฟฟิศ ทำงานในบริษัทชั้นดี หวังจะได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ มีฐานะ การแต่งงาน การฮันนีมูน การเป็นเจ้าสาวและชีวิตครอบครัวสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นความหวังสูตรสำเร็จของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เพราะไม่มีใครเพอร์เฟ็คท์และเรียวโกะก็ไม่ได้ตระหนักในสัจธรรมของชีวิตนี้ เธอจึงค้นหาและ"คบหา"ผู้ชายไปเรื่อย จนเมื่อพบกับ "รักจริง" ที่มันไม่ใช่อย่างที่ฝัน จะยอมเสียไปเพื่อยังคงมองหาสูตรสำเร็จ หรือจะรักษาไว้แล้วมีความสุขกับชีวิตที่ขาดๆ เกินๆ บกพร่องไปบ้าง ต่างจากที่ฝันไปสักครึ่งสักค่อน มันจะเป็นไรมั้ยหนอ

บุคลิกที่ชอบมากของเรียวโกะ คือ การบ่น ....เมื่อเรียวโกะเริ่มต้นบ่น สรรพสิ่งรอบตัวจะค่อยๆ ชะงักและหยุดนิ่ง ค้างง จากนั้นสรรพสิ่งก็จะเริ่มสลายโต๋ค่อยๆ ถอยห่างหนีออกไป เพราะไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อ

มากิ นักศึกษาศิลปะมีพรสวรรค์เลิศในการเป็นจิตรกร เป็นคนเรียบร้อย พูดจาซื่อๆ ตรงๆ แต่ก็เป็นพวกสับสนในตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบวาดรูปหรือไม่ แต่เมื่อมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุด ก็.. ทำๆ มันไป มากิแอบรักผู้จัดการเจ้าของร้านยูเมะที่ทำงานอยู่ แม้ว่าเขาจะมีภรรยาแล้ว แต่รักก็มิอาจห้ามใจ ... นอกจากจะช้ำรัก ยังช้ำในความสามารถของตัวเอง

เพื่อจะไปเรียนต่อศิลปะที่ปารีส มากิต้องทนวาดภาพในแบบที่อาจารย์ต้องการแต่ความจริงไม่มีใจอยากวาด สุดท้ายก็ตัดสินใจวาดภาพตามความคิดของตัวเอง อาจารย์จึงไม่พอใจ และเลือกนักศึกษาคนอื่นไปเรียนต่อแทนมากิ สุดช้ำ.. ก็แค่ไม่อยากวาดแบบที่คนอื่นเค้าวาดกัน ก็แค่อยากจะสร้างสรรค์งานศิลปะในแบบของตัวเอง มันผิดตรงไหนเหรอ

แต่เส้นทางของมากิ ยังไม่ปิดตายซะทีเดียว เมื่อหนุ่มนักตกปลาเข้ามาได้จังหวะ เขานั่งอยู่ริมน้ำในสวนสาธารณะ ใกล้ๆ กันกับที่จิตกรสาวมากิมานั่งปลดปล่อยอารมณ์ทุกข์สุขกับการวาดรูปอยู่ตรงนั้น โป๊ะเชะ!

ฮิโรโนะ สาวแก้มบุ๋ม ตาโต เพราะตกหลุมรักรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยแสดงโรมิโอ&จูเลียดด้วยกัน เขามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในวิชาการแสดงที่โตเกียว จึงขอลาจากบ้านนอกไล่ตามมาด้วย จนมาได้พบ มีโอกาสอยู่ด้วยกัน และจะได้สานรักสานฝันในคณะละครด้วยกันอยู่แล้วเชียว

แต่ ...(ชีวิตมันย่อมมี 'แต่' เสมอ) และการเอาชีวิตไปผูกติดกับใครสักคน มันก็ผันผวนได้ง่ายตามกระแสคลื่นลมที่เปลี่ยนแปลงไป จนวันหนึ่งฮิโรโนะก็ค้นพบว่า ผู้หญิง (อย่างเราๆ ) เพื่อที่จะได้หยัดยืนและก้าวไปอย่างมั่นคง ต้องปล่อยมือจากการเกาะเกี่ยว และอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง

รู้สึกกับ Tokyo Friend เหมือนเป็นเรื่องของ "ผู้หญิงๆ" น่ะค่ะ ผู้หญิงสี่คนที่พยายามจะค้นหาความรักความฝันของตัวเอง ในขณะที่ "ผู้ชายๆ" ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงเหล่านี้ เขามีความฝัน มีความมุ่งมั่นอยู่ในใจกันอยู่แล้วเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น

ริวจิของเร ที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และมุ่งมั่นจะทำให้ได้ หนุ่มคนรักเก่าของเรียวโกะที่เป็นนักเล่นวินเซิร์ฟ เพราะเขาต้องไปเพื่อความฝัน และเรียวโกะปฏิเสธที่จะติดตาม จึงต้องเลิกรากัน และอดีตย่อมไม่หวนคืนให้มีโอกาสตัดสินใจใหม่ หรือเคทาโร่คนรักใหม่ที่เป็นพนักงานธนาคาร เขารู้ตัวว่ามันเป็นงานที่ทำให้ไม่มีความสุขและตัดสินใจลาออกเพื่อหาหนทางใหม่ แม้ว่ามันจะทำให้กลายเป็นผู้ชายที่ดูไม่มั่นคงทางอาชีพและฐานะในสายตาของเรียวโกะ แต่ก็เชื่อมั่นว่าเขาสามารถหาอาชีพอื่นได้ รุ่นพี่ของฮิโรโนะ ถึงจะบ้าๆ บวมๆ ก็ยังคงมุ่งมั่นกับการแสดงและการนำพาตัวเองไปหนทางที่มุ่งหวัง

ลักษณะคือ ผู้ชายยอมวางความรักเพื่อความฝัน

ลักษณะคือ ผู้หญิงยอมวางความฝันเพื่อความรัก


แล้วจุดของความพอดี มันอยู่ตรงไหน ที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่ต้องเสียใจกับการเสียอะไรไป ไม่ว่าจะความรัก หรือความฝัน และต่างฝ่ายต่างก็มีความสุขเท่าๆ กัน

เรื่องนี้น่าสนใจ .... และต้องคิดเอาเอง เพราะมันไม่ได้ happy ending ชัดเจน แต่ละไว้ในแบบที่ ฝันยังอยู่อีกไกลให้ก้าวเดินไปหา และชีวิตยังคงต้องดำเนินกันต่อไป .....

แปลกใจก็คือ .... นักแสดงวัยรุ่นทั้งคณะ ไม่สวย ไม่หล่อกันนักในสายตาเอตะ ที่เล่นเป็นพระเอกคือ ชินทานิ ริวจิ ก็ เป็นคนไม่หล่ออยู่แล้ว แต่ยกป้ายผ่านให้เลยในฐานะคนชอบพอกัน Smiley

โอสึกะ ไอ รับบทนางเอก อิวาสึกิ เร และเป็นผลงานการแสดงครั้งแรกของเธอ ก็เต็มใจผ่านให้ เพราะรอยยิ้มที่สดใสเบิกบาน ริมฝีปากงอนๆ อันน่ารักและเสียงที่ร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง สมฐานะเป็นนักร้องชื่อดังตัวจริงเสียงจริง (แต่ไม่รู้จักมาก่อนหรอกนะ ว่ากันตามข้อมูลทีอ่านพบ)



ที่เหลือ อีก 3 สาวช่างฝัน

มากิ ยูโกะ รับบท ฟูจิกิ เรียวโกะ

มัตสึโมโต้ ริโอะ รับบท ฮายามะ ฮิโรโนะ

โคบายาชิ มาโอะ รับบท อาบิโกะ มากิ

หนุ่มสมาชิกวงซาบาคัง Survival Company

ฮิราโอตะ ยูตะ รับบท ทานากะ ฮิเดโตชิ หรือ ฮิเดะจัง (มือกีตาร์)เคยเห็นหน้าอยู่บ่อยๆ ก็มียูตะ สมาชิกในวงซาบาคังนี่แหละค่ะ เล่นซีรีย์เยอะมากเหมือนกันนะคะคนนี้ ในเรื่องยังหน้าตาละอ่อนอยู่เลย

นากามูระ ชุนตะ รับบท นางาเสะ มิตสึโอะ หรือ มิตจัง ( มือเบส..)ดูเบื้องหลังการถ่ายทำ เห็นว่าเป็นนักแสดงอายุมากกว่าคนอื่นๆ (27 ปี) จึงเป็น พี่ชายของน้องๆ ที่ถูกวิจารณ์ว่า หน้าตา (มึนๆ ของเฮียแก) ไม่น่าเชื่อว่า 27 แล้ว (ยังดูรุ่นเดียวกันกับสมาชิกในวง)

อิโต้ ทาเคชิ รับบท โอคุ หรือ โอ๊คจัง (มือกลอง)

ยืนยันว่า ไม่สวย ไม่หล่อกันแบบจริงจัง แต่ดูไปดูมา น่ารักในแบบของตัวเองกันทุกคน

ร่วมด้วย ซาโต้ เรียวตะ รับบท ซาโตมิ เคนอิจิ (รุ่นพี่คนรักของ ฮิโรโนะ)
คัตสึมูระ มาซาโนบุ รับบท ซาซาคาว่า คาสึโอะ ( เจ้าของร้านยูเมะ ที่มากิแอบรัก)



ความเท่ของเรื่อง Tokyo Friend ที่กลายเป็นซีรีย์ในดวงใจ


** ชอบเรื่องความฝันของคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่อยากเป็นนักร้องนักดนตรี มันเท่ห์ค่ะ ตอนเด็กๆ ชอบดูการประกวดโฟล์คซองก็เพราะเห็นว่ามันเท่ห์ อยากเล่นดนตรีเป็นบ้าง และสายตาจะยกความเท่ห์ที่หนึ่งให้มือกลอง ที่สามารถใช้มือเท้า ซ้าย ขวา ทั้งสี่ ตีจังหวะสร้างเสียงดนตรีให้เข้ากับเสียงเพลงและเสียงดนตรีอื่นๆ ถึงแม้พระเอกในเรื่องนี้จะเป็นมือกีตาร์ไม่ใช่มือกลองก็เถอะ

**ชอบบุคลิกของพระเอกนางเอก ... คู่รักหนุ่มสาวที่ดีกันบ้าง งอนกันบ้าง เป็นกำลังใจให้กัน บางทีก็พูดจากันเรื่อยเจื้อยไปเรื่อยทั้งที่กำลังพูดเรื่องจริงจังกันอยู่ จะเห็นได้จาก ตอนที่ริวจิขอคืนดีกับเร ทำเหมือนทีเล่นทีจริง แต่ความจริงแล้วจริงจัง ตอนที่เหงาแต่ยังทำเป็นเจ๋ง ตอนที่เรไปตามหา ริวจิบอกว่า เธอเป็นใคร ? จำไม่ได้เพราะความจำเสื่อม และผมชื่อ "โจจิ" ไม่ใช่ ริวจิ เรเองก็เล่นตามน้ำ แกล้งคุยกันเหมือนเพิ่งรู้จักครั้งแรก (โคตรจะชอบเลย แสดงได้น่ารักมากมาย)



** ชอบ ที่นางเอกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ บางๆ ดูบางมากๆ เลย ไหล่ก็เล็กนิดเดียว ฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักของพระเอกนางเอกเรื่องอื่นๆ ก็มีอยู่แล้วทั่วไป แต่ที่ชอบเป็นพิเศษเรื่องนี้เพราะนางเอกตัวเล็ก และพระเอกก็สูงซะด้วย เวลายืนหัวเรี่ยๆอยู่แถวไหล่ ฉะนั้นเวลากอดหัวเล็กๆ ก็จะซุกอยู่ที่อก และตัวเล็กๆ ก็จะดูเหมือนรวบได้หมดทั้งตัว กอดไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแบบเต็มๆ เพราะคางของพระเอกก็จะโอบหัวนางเอกเอาไว้ด้วย size การกอดเช่นนี้ดูอบอุ่นมากๆ (ผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่ดูน่าทะนุถนอมดีจัง) ดูเบื้องหลัง โอสึกะ ไอ ก็พูดถึงเรื่องฉากกุ๊กกิ๊กอยู่เหมือนกันว่า เพราะเอตะตัวใหญ่เวลากอดจึงรู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก 5555

จากการดูเบื้องหลังการถ่ายทำ ที่ให้นักแสดงสาวทั้งสี่กับ เอตะ มาคอยคอมเม้นท์ จะมีเสียงสามสาวสอดแทรกอยู่บ่อยๆ ว่า "สมกันจริงน๊า" "น่ารักกันจัง" "สนิทกันจัง ไม่ลองคบกันดูล่ะ" "รับส่งมุขกันดีจริงนะ จะไม่ลองคบกันหน่อยเหรอ" จะมีเสียงชมโอสึกะไออยู่บ่อยๆ ว่า "ดูเด็กจัง น่ารักเนาะ" โดยเฉพาะฉากดึงเสื้อก็พูดเหมือนกันว่า "น่ารักเนาะ" (เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยฉากนั้น ไอจังทำกริยาหน้าตาได้น่ารักจริงๆ) ในเบื้องหลังการถ่ายทำ โอสึกะ ไอ ดูซนๆ และเหมือนเป็นดอกไม้ประจำกองถ่ายเลย เพราะร่าเริง แจ่มใส จะเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ตลอด อ่านเจอว่า ทั้งคู่ถูกเชียร์ให้เป็นแฟนกันจริงๆ นอกจอด้วยล่ะ ก็เพราะน่ารักทั้งคู่

** ชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อนหนุ่ม ความฝันแม้จะเคยทำมาร่วมกันแต่มันก็ยังเป็นฝันของใครของมัน มิตจัง โอ๊คจัง ฮิเดะจัง แสดงออกชัดว่าไม่เคยโกรธริวจิเลยที่แยกตัวออกไปสู่วงที่ดีกว่า เมื่อเพื่อนมีพรสวรรค์มีความสามารถมีโอกาสก้าวไป หากได้ดีก็ยินดีด้วย ไม่มีมานั่งด่าว่าหรือเจ็บใจกัน ตอนที่มีปัญหาก็คอยห่วงใยไม่ใช่สมน้ำหน้า

** ชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อนสาว มีความสุขก็กระเซ้าเย้าแหย่ มีความทุกข์ก็มารวมตัว ระบาย ปรึกษา ปลอบใจกันเอง หนึ่งคนเศร้า สามคนปลอบ บางทีหนึ่งคนเศร้า หนึ่งคนเสียสติ สองคนช่วยกันปลอบ หรือบางทีอาจจะสโลว์ซบพร้อมๆ กัน น่ารักดี

**ดูเบื้องหลังมีนักแสดงคนนึงพูดขึ้นมา ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นโอ๊คจัง (รึเปล่านะ ?) ที่บอกว่าอยากให้ซีรีย์เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการเป็นเพื่อนและให้คนดูได้เห็นว่า หากเพื่อนหรือคนรอบข้างของคุณกำลังมีปัญหาหรือเป็นทุกข์อยู่ จะช่วยเขาเหล่านั้นได้อย่างไร ซึ่งมันมีให้เห็นอยู่หลายวิธีในเรื่องนี้ (ถึงช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ อย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาความรู้สึก)

**ชอบมิตรภาพของวงซาบาคัง การที่สมาชิกในวง มีนางเอกเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว และได้รับการใส่ใจจากเพื่อนชายทั้ง 3 เป็นอย่างดี เวลาคุยกัน เล่นกัน ปลอบใจกัน เร ที่ตัวเล็กบางในท่ามกลางผู้ชายสามคม และยืนอยู่ในตำแหน่งของนักร้อง ในขณะที่เพื่อนร่วมวงชายหนุ่มสามคนจะเป็นสามทหารเสือเล่นดนตรีให้อยู่เบื้องหลัง เป็นภาพที่น่ารักดี โดยเฉพาะตอนที่ทั้ง 4 คนไปฮอกไกโด เที่ยวตลาดและปาหิมะใส่กัน

**ชอบ ความอบอุ่นในร้านอาหารยูเมะ หลังเลิกงานกินข้าวด้วยกันและพวกที่มากินแบบสนิทสนมและสิงสถิตอย่างสมาชิกวงซาบาคังก็จะอยู่ร่วมด้วย คุยกัน เถียงกัน เย้าแหย่กัน อยู่กันหลายๆ คนดูปั่นป่วนวุ่นวาย แต่ก็ดูคึกคักสนุนสนานดี ฉากอบอุ่นในการกินข้าวร่วมกัน เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ชอบมากในซีรีย์ญี่ปุ่นทั่วๆ ไป



**ชอบสไตล์การแต่งกายของเร เท่ห์ดี ชอบเพลงที่เพราะทุกเพลง

EITA with OtsukaAi


เท่มากเรื่องนี้ อิ่มใจจากการดู จึงทะลักออกมาเป็นตัวหนังสือมากมายนี้ Smiley




ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
//dvd-for-u.tarad.com/product.detail.php?id=2669023
//forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=899
//www.mylovecd.com/catalog.php?idp=672

และ youtub.com














Create Date : 26 ธันวาคม 2552
Last Update : 25 พฤษภาคม 2554 23:32:46 น. 7 comments
Counter : 2008 Pageviews.

 
เป็นซีรีย์เก่าย้อนนับไปสี่ปีเห็นจะได้

โดยเฉพาะเพลงของอัตซึโกะ ไอ

กระหน่ำเสียงให้ฟังอย่างไม่ยั้ง

จนแทบกรอกหู เป็นซีรีย์ที่ดูเรื่อยๆ

ที่น่าสนก็ตรงเพลงนี้ละ นักแสดงชาย

ตอนนั้นก็ไม่โด่งดังเท่าตอนนี้

ทั้งยูตะและชุนตะ ส่วนดาราหญิง

ไม่รู้จักใครสักคนเลยอะ



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:23:00:36 น.  

 
ฉีกยิ้มกว้าง ตั้งกะเห็นเอตะแล้ว พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง (ก็เอ็งบ้าซีรียส์ชนโรงอยู่นี่หว่า)

ช่วงนี้คอมคุงทำงานอย่างหนักบิทกัน HD จะเต็มแล้วปีหน้าจะซื้อ 1 TB มันเลย (ไฟว์โต้ว)
บ้าพลังหยั่งแรงเนอะ...ต้องดูค่ะแบบนี้คงมีขายชิมิ ไว้จะหามาดู


โดย: MamLHC วันที่: 28 ธันวาคม 2552 เวลา:17:43:52 น.  

 
ลืมสิ่งสำคัญไปได้เช่นไร

Merry Chrismas & Happy New Year จ้า


โดย: MamLHC วันที่: 28 ธันวาคม 2552 เวลา:17:45:24 น.  

 
เออ ลืมบอกไปว่า

คนเขียนเรือ่งนี้ คือ อิโตมุ ริน

เป็นคนเดียวกับที่เขียนให้

Nodame Cantabile


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 31 ธันวาคม 2552 เวลา:0:10:50 น.  

 
ชอบคู่นี้มาก ๆ เลย ทั้งไอทั้งเอตะ ยิ่งดูเบื้องหลังที่เค้าแซว ๆ ว่าเป็นแฟนกันจริง ๆ เลยซิ ยิ่งน่ารัก ชอบมากเลย เพลงเรื่องนี้ก็เพราะทุกเพลงเลยค่ะ ฟังซะจนร้องตามได้เลย 555


โดย: rin-rin-jung วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:14:57:32 น.  

 
อยากดูจัง !!!!


โดย: Behappybecool (behappybecool ) วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:15:13:05 น.  

 
แก่นของเรื่อง Tokyo Friend นี้มีอยู่ 2 แก่นด้วยกันคือ
1)ความฝันแรกของแต่ละคน คุณยังจำมันได้รึเปล่า?
2)ฉันชอบเสียงของเธอ

คุณยังจำฝันแรกของคุณได้รึเปล่า? ทำให้เกิดซีรย์ Tokyo Friend เรื่องนี้ เมื่อนางเอกมีฝันที่จะไปโตเกียวมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าไปสักที ได้แต่คิดถึงพี่สาวข้างบ้านที่เธอหายตัวไปเพราะตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปโตเกียว นั่นทำให้เธออยากรู้ว่าที่นั่นมีอะไรดีนัก และมันได้กลายมาเป็นฝันของเธอในที่สุด จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจทำตามความฝัน และทำให้ได้เจอกับเพื่อนๆ สาวสวยทั้งสามที่ก้าวมาทีละคน และกลายมาเป็นเพื่อนเกลอหนึบหนับ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ก็จะปรึกษาพึ่งพากันอย่างกับเป็นญาติกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน ดูแล้วก็คิดถึงเพื่อนๆ ร่วมก๊วนสมัยเรียนจัง การมาโตเกียวยังทำให้เธอได้พบกับพระเอกซึ่งนำแสดงโดยเอตะ ที่เคยฝากผลงานไว้อย่างน่ารักในซีรีย์เรื่องโดนาเมะ

เรื่องนี้เขาได้มาเป็นพระเอกรึเนี่ย? ว้าวววว เท่ห์จัง ขณะพระเอกกำลังเมากับเพื่อนๆ วงดนตรี บังเอิญที่นางเอกมาร้องเพลงแกล้ง หวังให้หนวกหู และออกไปจากร้านที่หมดเวลาเปิดขายแล้ว แต่พ่อเจ้าประคุณดันชอบเสียงของเธอขึ้นมาซะงั้น

และคำๆ นี้ก็เป็นแรงผลักดันให้นางเอกมีฝันครั้งที่สอง ซึ่งตอนแรกเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีฝันอะไรอื่นอีกนอกจากการได้มาโตเกียว ฝันนี้จึงเป็นการที่พระเอกหยิบยื่นมาให้ และกลายเป็นแก่น ประเด็นจนกระทั่งจบเรื่อง

คำพูดนี้เป็นแรงผลักที่แม้ภายหลังพระเอกจะตกอยู่ในช่วงเสียศูนย์สุดๆ จนไม่อยากจับกีตาร์อีก แต่เพราะคำๆ นี้ที่นางเอกถามหาจากเขา ทำให้เขาที่ตัดสินใจหันหลังให้กีตาร์ กลับมาฮึด กล้าเปิดตู้เสื้อผ้าที่ซ้อนกีตาร์เอาไว้ขึ้นมาเล่นอีกครั้ง เพราะเพียงคำว่า "ฉันชอบเสียงของเธอ" คำๆ เดียวนี้ ผู้เขียนสามารถเขียนเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้ยาวเหยียด และจบลงด้วยการตอกย้ำแก่น 2 แก่นนี้ให้เป็นบทสรุปได้อย่างลงตัวชนิดไม่น่าเชื่อ

เรียกว่าถ้าให้เป็นคะแนนการเขียนบทความ เราอาตี้ให้ผู้เขียนคะแนนเต็ม 100 ไปเลย แจ่มมากจ๊ะ ขอบคุณคุณ prysang ที่แนะนำเรื่องนี้เราอาตี้ดูค่ะ ได้เห็นเอตะเป็นพระเอกเรื่องแรก ทั้งน่ารัก ทั้งเท่ห์จริงนะ


โดย: เราอาตี้้มาบุกแล้ว หุหุ IP: 119.46.167.30 วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:9:43:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.