Group Blog
 
All blogs
 
Jikou Keisatsu (Season 1 - 2) โจ , อาโซะ และ ตาพัดโบก




Season 1

ชื่อซีรีย์ : Jikou Keisatsu
กำกับโดย: Tsukamoto Renpei
Written By : Miki Satoshi(ep1-2&9), Iwamatsu Ryo (ep3), Sono Shion Keralino Sandorovich (ep8), Tsukamoto Renpei (ep5)
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Mystery Comedy
ปี 2006 TV Asahi


Season 2
ชื่อซีรีย์ : Kaette Kita Jikou Keisatsu
กำกับโดย : Yasumi Goro
จำนวนตอน : 9 ประเภท : Mystery Comedy
ผลิตโดย : Yokochi Ikuhide (tv asahi), Toda Koichi (MMJ)
Written By : Miki Satoshi (ep1-2&9), Sono Shion (ep3&6), Keralino Sandorovich (ep4), Aso Manabu (ep5), Odagiri Joe (ep8),Yoshida Reiko(ep5), Yamada Akane (ep7)
ปี : 2007 TV Asahi


เห็นกันมานานแล้วล่ะค่ะสำหรับ Jikou Keisatsu แต่ดูภาพใบปิดสิคะ จะรู้ไหมละคะว่าพระเอกตาเอ๋อเหรอที่เห็นอยู่นั่นคือ คุณพี่โจ โอดางิริ มารู้ก็ตอนหลงเข้าไปอ่านรายชื่อนักแสดง จริงๆ แล้วชื่อของอาโซะสะดุดตาก่อนพี่โจเสียอีก ก็เลยมีโอกาสได้ชมผลงานอีกเรื่องของโจ และอาโซะ

เห็นแก่ที่คุณพี่โจ อุตส่าห์มาทำตลกง่อนแง่นให้ดูเป็นเพื่อนในมื้ออาหารเย็น (แต่กินซะดึก)อยู่บ่อยๆ และเห็นแก่อาโซะที่แสดงอาโนะเนะได้น่ารักแม้ว่าจะขัดกับบุคลิกทางหน้าตาแบบสุดๆ จึงตัดใจไม่ลงที่จะปล่อยทั้งสองคนไปตามยถากรรม ทั้งที่ระยะนี้ของชีวิตออกจะยุ่งเหยิงแทบหายใจไม่ทันจนอยากจะกลายพันธุ์เอาเหงือกมาช่วยหายใจด้วยอีกทาง

Jikou Keisatsu เป็นซีรีย์ที่ใช้เวลานานมากกว่าจะดูจบ เพราะดูได้แค่ครั้งละตอน และไม่ได้ดูต่อเนื่องมาทุกวัน ไม่ใช่ซีรีย์มีสาระ และไม่ได้ฮาแตกแตน แต่ก็เป็นความขำๆ ให้หัวเราะคิกคักเรี่ยราดอยู่พอสมควร



เรื่องก็มีอยู่ว่า

คิริยามะ ชูอิจิโร่ (Odagiri Joe ) ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารจัดการข้อมูลให้กับสถานีตำรวจสำนักงานประจำเขต ไม่ทราบว่าเป็นแผนกอะไรแน่นะ ขอเรียกเอาเองแล้วกันนะคะว่าเป็นแผนกคดีความหมดอายุ แผนกนี้ก็จะมีหัวหน้าบ้าบอ และเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างบุคลิกและต่างคนก็ต่างเพี้ยนกันไป ศูนย์รวมของสมาชิกแผนกนี้ก็จะอยู่ที่โต๊ะกลางกว้างๆ ของแผนกที่ใช้สารพัดประโยชน์ เป็นทั้งโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม (แต่ไม่เคยเห็นประชุมกันเป็นเรื่องเป็นราว) และโต๊ะชุมนุม(กันด้วยเรื่องไร้สาระอยู่บ่อยๆ)






อยู่มาวันหนึ่งประเด็นไร้สาระของพวกเขาได้พากันพูดถึง "งานอดิเรก" ในเมื่อคนทั่วไปต่างก็มีงานอดิเราด้วยกันทั้งนั้น คนไม่เคยมีอย่างคิริยามะชักเริ่มจะกังวลใจที่ตัวเองดูเป็นคนผิดแผกเนื่องจากไม่เคยมีงานอดิเรกใดให้จับต้อง เพื่อที่จะดูปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป คิริยามะจึงต้องมองหางานอดิเรกสักอย่างทำ สุดท้ายจึงมาลงเอยที่ "การสืบสวนคดีความหมดอายุ" นั่นหมายความว่าคดีน่าสนใจใดที่ทางตำรวจยังสืบหาคนร้ายไม่ได้จนล่วงผ่านเข้าสู่วันหมดอายุความ คิริยามะจะนำคดีเหล่านั้นมาสืบสวนเป็นงานอดิเรก เลือกคดีเองด้วยความสนใจบ้าง ถูกยัดเยียดบ้าง ก็ว่ากันไป

มิกะสุกิ ชิสุกะ (Asou Kumiko) เธอเป็นตำรวจหญิงในแผนกจราจร สถานที่สิงสถิตของเธอนอกจากตามท้องถนนก็มีโต๊ะกลางของแผนกคดีความหมดอายุนี่แหละ และยังมีอีกที่ที่เธอโปรดปราดมากสุด นั่นก็คือ Beside คิริยามะ เพราะเธอแอบบชอบคิริยามะ เพ้อล่องลอยไปมา แถมบางที่ยังเก็บไปฝันกลางวันยันกลางคืน



คิริยามะและมิกะสุกิเป็นเพื่อนตำรวจรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงสนิทสนมเป็นเพื่อนกัน และเมื่อต้องสืบสวนคดีความหมดอายุ คิริยามะก็ไม่มีใครให้นึกถึง นอกจากมิกะสุกิเท่านั้นที่เขาชวนไปไหนมาไหนเป็นเพื่อน ออกค่ากินค่าอยู่ให้ สำหรับคิริยามะนั่นเป็นการออกไปเป็นเพื่อนช่วยทำงานอดิเรก แต่สำหรับมิกะสุกิเธอมักจะวาดฝันถึงการออกเดทกันหลังจบงาน แต่ดูคิริยามะจะไม่หลงกลในเรื่องนี้สักเท่าไร เพ้อเข้าไปค่ะคุณนางเอก เพ้อเข้าไป

ทั้งสองคนจึงกลายเป็นคู่หูที่ตามเช็คบิลคดีฆาตกรรมต่างๆ ที่หมดอายุความไปแล้วเป็นงานอดิเรก คิริยามะมีมิกะสุกิเป็นมือขวาและพลพรรคนายและนางตำรวจสุดเพี้ยนคอยเป็นผู้สอดแนม หนับหนุน และหนุกหนานไปกับการสืบคดีของคิริยามะ

สาเหตุที่สนใจสอยเรื่องนี้มาดูเพราะเห็นซีรีย์มีทำต่อในภาคสอง คิดเอาเองว่าซีรีย์ที่จะถูกนำมาทำภาคต่อได้นั้น ภาคแรกต้องประสบความสำเร็จทางเรตติ้งอยู่พอสมควร ทำให้ไปอ่านพบชื่อของอาโซะกับโจจึงตัดสินใจได้ทันทีซื้อมาทีเดียวรวดสองซีซั่น และเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า ซีรีย์เรื่องนี้ได้รับรางวัล 23rd Annual ATP Awards : Award for Excellence (2006)




แต่ภาคสองไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นอกจากทรงผมของพระเอกที่ดูรกรุงรังกว่าเดิม มีตำรวจเพี้ยนๆ มาเสริมทีมอีกคนหนึ่ง ที่เหลือยังอยู่กันครบ ดังนี้

เฮียจูมอนจิ (Toyohara Kosuke) เฮียคนนี้เล่นได้ฮาสุโค่ย เฮียไม่ใช่คนไหนอื่นไกล คือ "ตาพัดโบก" อาจารย์ที่ปรึกษาจอมโหดของน้องหนูโนดาเมะนั่นเอง ( เรื่อง Nodame Caltabile) เฮียมากับความฮาอย่างไรบ้างนั้นคงจะอธิบายกันยาก เอาเป็นว่าฮากว่าใครก็แล้วกัน แต่ที่บอกได้คือมีนิสัยชัดเจนอยู่อย่างนั่นคือการยกตนข่มท่าน ท่านที่ว่านี้จะเป็นใครที่ไหนไปได้ถ้าไม่ใช่คุณพระเอกคิริยามะ ที่เข้ามาเป็นนายตำรวจพร้อมๆ กัน แต่คิริยามะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล ขณะที่จูมอนจิเป็นถึงนักสืบประจำสำนัก แว่วเสียงว่าฝีมือดีเสียด้วย แต่ว่าท่าดีทีเหลียวหรือเปล่าไม่กล้าสรุป ทางด้านคิริยามะที่หน้าตาดูเอ๋อๆ แต่ขอบอกก่อนว่าไม่โง่อย่างที่เห็น เป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต เพียงแต่คิดไม่ค่อยเหมือนใคร หรือไม่...ใครที่ว่าก็คิดไปไม่ถึง จึงไม่ค่อยมีใครเชื่อถือนัก แต่บ่อยครั้งที่ความคิดเหล่านั้นกลายเป็นมูลเหตุให้ต่อมนักสืบของจูมอนจิเกิดปัญญาปิ๊งๆแล้วจับคนร้ายได้ แต่แทนที่จะสำนึกในความคิดนั่น กลับทึกทักว่าเป็นเพราะความคิดอันชาญฉลาดของตัวเอง และหยิบยกเอาคำพูดของคิริยามะไปทำพูดเท่ๆ เหมือนเป็นคำจากความคิดของตน ยัง เท่านั้นยังไม่พอ ยังวกกลับเอาคำพูดเหล่านั้นมาเกทับสั่งสอนคิริยามะอีกต่างหาก (เชื่อเค้าเลย ช่างกล้า)



ป้ามาตาไร (Fuse Eri ) ป้าคนนี้เห็นหน้าก็ตลกแล้วค่ะ ผลงานที่จำได้คือเรื่องใหม่ล่าสุดแสดงเป็นตำรวจจอมเพี้ยนอีกเหมือนกันในเรื่อง Atami no Sousakan โดยมีโจ โอดางิริ เป็นนายตำรวจสืบสวนในองค์กรพิเศษระดับชาติ ไม่ใช่ตำรวจเพี้ยน แต่ก็อย่าคาดหวังความเท่อะไรจากโจมากนัก เพราะโจมักมาในบทบาทที่ เอ่อ .. ไม่ยักใช่อย่างที่คิดอย่างที่หวัง T-T

ป้าเป็นตัวชูโรง สามารถเข้ากับทุกคนได้พอๆ กับที่สามารถขัดคอทุกคนได้ ยิ่งกับจูมอนจิ สองคนนี้เสมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมา จูมอนจิโผล่มาเมื่อไหร่ป้าเป็นได้แสดงอาการเบะหน้าเบะตาให้ยิ้มฮาอยู่เรื่อย



เจ๊ซานาเอะ (Eguchi Noriko) ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอขำก่อนเถอะ ผู้หญิงคนนี้เคยเห็นจากที่ไหนสักเรื่องแต่จำไม่ได้ เธอเป็นหญิงสาวประเภทหน้าตายตอนดุ ดูไร้ความรู้สึก เหมือนโรคจิตอ่อนๆ และไม่เคยยิ้มเลย แต่เห็นเธอแล้วไม่รู้ทำไมอยากจะหัวเราะทุกครั้งไป กับป้ามาตาไรเธอเข้ากันได้ดี แต่อย่าให้ทะเลาะกันเชียวล่ะ งอนกันได้อย่างน่ารักน่าชัง

ลุงคุนาโมโตะ (Iwamatsu Ryo) ลุงคุนาโมโตะ เป็นหัวหน้าแผนกข้อมูลของมาตาไร ซานาเอะ และคิริยามะ ( จูมอนจิเป็นนักสืบแผนสืบสวน และมิกะสุกิอยู่แผนกจราจร) เป็นหัวหน้าแต่บุคลิกนิสัยเป็นเด็กๆ ลูกน้องจึงเล่นหัวและปีนเกลียวได้ อารมณ์ดี ใจดี ชอบทำหน้าตายิ้มย่องแบบแหยๆ

อาชิสุเกะ (Hida Yasuhito) เป็นลูกน้องซื่อบื้อ ของจูมอนจิ ให้ทำอะไรก็ทำ ไร้ซึ่งความคิดและสามัญสำนึกของคนปกติทั่วไป เพี้ยนพอๆ กันเลย

ยังมีอีกหนึ่งคนคือ เจ้าหน้าที่ชันสูตรหลักฐาน ที่คิริยามะอาศัยความช่วยเหลือในการบอกเล่าถึงหลักฐานตัวเก่าที่มี หรือไม่ก็พิสูจน์ให้สำหรับหลักฐานตัวใหม่ที่เพิ่งหามาได้ (แต่ต้องแลกไปด้วยการถูกรีดไถเอาเงิน) อาจจะอยู่นอกวงโคจรสักหน่อย นานๆ ครั้ง คิริยามะจะมาเจอสักที หรือนานๆ ทีจะโผล่ขึ้นไปร่วมวงไพบูลย์กับแผนกของคิริยามะสักหน แต่การอยู่ห่างก็ใช่ว่าจะไม่เพี้ยนไปด้วยอีกหรอกนะ (สงสัยจะพากันเพี้ยนทั้งสถานี)



อย่างที่บอกค่ะ เข้าใจเอาเองว่าซีรีย์เรื่องนี้คงจะดังพอตัว ถึงได้ทำภาคสองออกมา และยังกล้าทำในรูปแบบที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เหมือนนั่งดูซิทคอมค่ะ มาเพื่อฮาเป็นเรื่องๆ ไป แต่ละคดีความหมดอายุที่คิริยามะทำการสืบสวน จะถูกคลี่คลายจบในตอน ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ ฆาตกรตัวจริงไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย คิริยามะไปสืบใครใกล้ชิด ก็ย่อมเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นนั่นแหละ จุดดึงความสนใจให้ติดตามจึงไม่ใช่ "ใครคือฆาตกร" แต่เป็น "ฆาตกรทำอย่างไร" จึงไม่ถูกจับได้และรอดพ้นมือกฏหมายจนกระทั่งคดีความหมดอายุ การสืบคดีของคิริยามะไม่ใช่งานในหน้าที่ แต่เป็นงานอดิเรกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยืนยันตัวคนร้ายที่แท้จริงเท่านั้น

ขอย้ำ เป็นงานอดิเรกเท่านั้น!




ดังนั้น ผลการสืบคดีที่ออกมาจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น เพราะคดีได้หมดอายุความไปแล้ว การสืบสวนคดีต่อจึงเป็นไปโดยปราศจากอำนาจของทางการ และเพื่อแสดงความจริงใจต่อฆาตกรที่ลอยนวลได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจต่อไป แม้ว่าจะมีใครคนหนึ่ง (สักคน สองคน อย่างคิริยามะ มิกะสุกิ รู้ความจริงแล้วก็ตาม) คิริยามะจึงได้มอบบัตร >"ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร" ให้กับฆาตกรที่เขาสืบพบ และรับบัตรไปด้วยอาการที่ ถ้าไม่งงๆ ก็อิหลักอิเหลือ

เอ่อ ...

เอ๋ ?

อะเห

หา ?... มันอะไรกันหว่า?


ช่างคิดได้นะ "บัตรผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร"

นอกจากบัตรนี้แล้วก็มีชอบอีกอย่างคือ ลุงคุนาโมโตะหัวหน้าแผนกกับการประทับตรา.. ปึก! "หมดอายุความ" แล้วคิริยามะก็นำแฟ้มคดีเหล่านั้นไปทำเป็นงานอดิเรกได้



กลับมาว่ากันต่อที่คุณพี่โจ โอดางิริ เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า "อย่าได้คาดหวังอะไรจากโจมากนัก" จริงๆ เลยนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นความเท่ ความหล่อ ความฉลาดมาดแมน ความเป็นแบดบอย หรือผู้ชายอบอุ่น โจไม่มีให้ เพราะเท่าที่เคยดูผลงานของโจ ความรู้สึกคือ เอ่อ โจแกเล่นบทบ้าบออะไรของโจนะเนี่ย ไม่เห็นจะเข้ากับหน้าหล่อๆ แบบนี้เลย

ประหลาดคนจริงๆ หน้าตาดีขนาดนี้ แต่เล่นแต่ละบท อะจึ๋ย! อย่างภาพใบปิดของ Jikou Kaisatsu เห็นมานมนานกาเลแล้วล่ะแต่ก็ดูไม่ออกเลยว่าเป็นโจ ไม่คิด้วยว่าเขาจะมาแสดงในบทแบบนี้ เล่นเป็นพี่ชายที่ดูแหยๆ ทึ่มๆ บ้างล่ะ (Boku no Imoto) เป็นเกย์ผู้อ่อนไหวบ้างล่ะ (La Maison de Himiko) เป็นนักรบหัวรุงรัง ขืนใจผู้หญิงอีกต่างหาก (The warrior and the wolf) ดูทรงผมหนวดเคราใน Tokyo Tower สิคะ ยังมีอีกอย่างเรื่อง Shinya Shokudo ดูคาแร็คเตอร์ของโจแล้วอยากจะร้องออกมาว่า ทำไมถึงทำกับฉันด้ายยยย เป็นแบบนี้เลย



ส่วนเรื่องที่เห็นล่าสุด Atami no Sousakan โจเป็นถึงตำรวจหน่วยสืบสวนพิเศษถูกส่งมาสืบคดีที่ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายได้ ใส่สูทผูกไทน์ ทรงผมหล่อ คิดว่า มาละเว้ย โจในบทเท่ๆ หล่อๆ หล่อน่ะหล่อจริง แต่เอ่อ... โจคะ โจไม่เป็นดังหวังอีกแล้วค่ะ ทำหน้าบึ๋ย หยึ๋ย อะจึ๋ย ยอะไรของพี่แกก็ไม่รู้ เยอะแยะมากมายมากสำหรับผู้ชายคนนี้ที่ทำลงไปแบบไม่เสียดายความหล่อ



อยากเห็นโจในบทมาดแมนเท่ๆ ให้มันสมหน้าสมตาอย่างเช่น หมออาซาดะ ริวทาโร่ (IRYU) หมอไอซาวะ (Code Blue) เก่งกาจมาดเท่อย่างคุณตำรวทาคาคุระโช (Tokyo Dogs) ฉลาดล้ำลึกแบบอดีตนักต้มตุ๋นอากิยามะ (Liar game) หรือสุขุมนุ่มลึกแบบท่านชานะโอนักรบซามูไรผู้สูงศักดิ์ (Minamoto Yoshisune) หรือเป็นพระเอกหนังรักโรแมนติกอะไรงี้ อะไรก็ได้แบบที่ป๋าทาคุยะมักได้เล่นเป็นพระเอกน่ะ (Goodluck , Engine , Beautiful love, Pride) พี่โจคะ พี่จะทำเพื่อฉันสักเรื่องได้ไหมคะ ขอสักเรื่องทำนองนั้นน่ะพี่ หรือใครรู้จักโจในแบบนั้นช่วยแนะนำที



ทว่าสุดท้ายแล้ว ก็ชอบโจในแบบที่เป็นโจ ในบทของคน "แปลกๆ" แต่ละเรื่องที่โจรับเล่น ดูแล้วมันทำให้รู้สึกว่า เออ หน้าตาหล่อปานนี้ก็เล่นบทแบบนี้ได้นะ โดยเฉพาะบทคิริยามะใน Jikou Keisatsu โจอยู่ในคาแร็คเตอร์ที่เหนือความควาดหมาย ทำไมถึงได้แสดงอากัปกิริยาได้ชวนหัวร่อ ตลก และไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือสุดหล่อ โจ โอดางิริ ผม เผ้า หู ตา ปาก จมูก เล่นมันได้ทุกอย่างแบบไม่มีห่วงภาพพจน์ เป็นสไตล์การเลือกบทที่ไม่ติดหล่อไม่ติดเท่ อาจจะไม่ถูกใจแต่ขอซูฮกว่าแสดงออกมาแล้วถูกตา

ถ้าจะนึกถึงนักแสดงไทย ทำให้นึกถึง แดน วรเวช เห็นอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งนานไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะขำได้ ดูเดี๋ยวนี้สิ เจอแสบสนิท สามสิบสองธันวา บวกสืบสวนป่วนรักที่ได้อ่ำ อมรินทร์มาเป็นคู่หูเข้าไป โอ้โห่.. แดนของฉัน ทำไมแกถึงได้ฮาอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ แต่ก็ถือว่าแดนยังหล่อนะ แต่โจน่ะไม่ เพราะดูจะถนัดทำลายความหล่อของตัวเองให้ด้อยลงไปได้เยอะในแต่ละเรื่อง



อาโซะเองก็ใช่ย่อย นึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาของเธอจะมาเล่นคิขุอาโนเนะได้ ดูไม่เข้ากันอย่างแรง แต่ไหงชีแบ๊วได้ฮาและน่ารัก โดยเฉพาะที่ชอบมากคือเสียงพูดหงุงหงิงและเสียงหัวเราะใสๆ ถ้าไม่เห็นหน้าเห็นตัวแล้วได้ยินเสียงหัวเราะคงนึกว่าเป็นเสียงหัวเราะของเด็กตัวน้อยๆ ที่ร่าเริง คู่กับโจแล้วทั้งหน้าตาและคาแร็คเตอร์ของทั้งสองคนดูเป็นส่วนผสมที่ลงตัว สมกันยังกะผีเน่ากับโลงผุ น่ารักจริงๆ



แต่คนโปรดจริงๆ ในเรื่อง คือ จูมอนจิ หรือที่จดจำมาถึงทุกวันนี้ในฉายา "ตาพัดโบก" เห็นรูปในอินเทอร์เน็ตตอนไม่มีหนวดเคราก็ดูนิ่งๆ ขรึมๆ แต่ในซีรีย์เรื่องนี้เฮียแกก็ฮาอย่างแรงงไม่แพ้ตอนแสดงเป็นตาพัดโบก

คราวก่อนที่เขียนถึงเรื่อง Rescue ได้รับคอมเมนท์มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นผลงานของผู้กำกับคนเดียวกันกับ Code blue ซึ่งตอนดูละครอยู่ก็นึกอยู่เหมือนกันว่า Rescue เล่นกับประโยคคำพูดกินใจและจับความรู้สึกอินซึ้งไว้ได้คล้ายๆ กับ Code Blue (ไม่รู้ว่าเป็นผู้กำกับคนเดียวกัน) ในเรื่อง Jikou Keisatsu ดูไปดูมาก็นึกไปถึง Tiger & Dragon มีบางอย่างคล้ายคลึง เช่น แนวของเรื่องที่เล่นอยู่มุกเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่เปลี่ยน แนวเดียวกันตลอด Tiger & Dragon ใช้เรื่องเล่า รุคาโกะ เป็นการสวมรอยกับเรื่องจริงที่ดำเนินไปได้ลงตัวอย่างน่าทึ่ง Jikou ก็มีเรื่องเล่นเรื่องเมาท์สัพเพเหระทั่วไป แต่บังเอิ๊ญมักมีบางสิ่งไปเป๊ะกันพอดีกับจุดที่นำไปสู่การ "คิดออก" และไขคดีได้ ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ชอบค่ะ รู้สึกว่าคนเขียนบทฉลาดดี แต่ไปสืบจากเน็ตแล้ว ไม่ใช่ทีมผู้กำกับงานเดียวกัน Jikou ใช้คนเขียนบทหลายคน แบ่งกันเขียนเป็นตอนๆ ไป โจเองยังได้ร่วมเขียนบทด้วย



เพราะแต่ละตอนมีวิธีดำเนินไปในรูปแบบซ้ำๆ จึงเป็นซีรีย์ที่ดูสบายๆ เหมือนนั่งดุซิทคอมขำๆ "เป็นต่อ" "บ้านนี้มีรัก" หรือ "เฮง เฮง เฮง" แต่ขอบอกหน่อยเถอะว่าเรื่องสอดแทรกความมีสาระของเราที่กล่าวมาดีกว่าเยอะ ( 555 นานๆ ขอชมไทยเราบ้างนะ) เพราะ Jikou ไม่มีสาระอะไรเลย แค่ดูไปขำๆ ไม่ต้องเร่งร้อนให้จบ ดูไปเรื่อยๆ เพราะตัวละครต่างพากันฮาเล็กฮาน้อยได้อย่างน่ารักทุกคน

ยกเว้นตาพัดโบก รายนี้ไม่ใช่แค่ฮาเบาๆ นะ แต่ฮาโฮกเลยล่ะ


ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิ๊กกกก Smiley
ชอบตาพัดโบก Smiley










***

ขอบคุณภาพข้อมูลจาก
//www.blike.net
//wiki.d-addicts.com/Jikou_Keisatsu
//ax-xa.livejournal.com/35925.html






Create Date : 22 ธันวาคม 2553
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:47:52 น. 4 comments
Counter : 2842 Pageviews.

 
ทำไมต้องเรียกพี่โจ ว่าเฮียพัดโบกด้วยครับ
จอร์จไม่ค่อยจะเข้าใจ

ยอมรับว่าแปลกสุดขั้วๆ ดูป่วยดีนะครับ
ทั้งเฮียโจ ทั้งพล็อกสะสางคดีหมดอายุเป็นงานอดิเรก
(ไม่งั้น้ พรรคการเมืองนึงคงร้อนๆหนาวๆ)
และตัวละครอื่นๆทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งเจ๊โนริโกะ ลุงเรียว ลุงโคสุเกะ
กลายเป็นคนปกติขึ้นเยอะเลย


Jikou Keisatsu นี้เคยเห็นปกนี้บ่อยครับ
แต่ไม่นึกว่าจะกล้าทำภาคสอง
แต่ไม่แปลกหรอกน้อครับ เพราะระยะหลังๆ
ซีรีย์ป่วยๆ ออกมาถี่ยิบน่าดู
แล้วส่วนใหญ่ท่านพรายก็มักรีวิวสักด้วย (อุ้ย)
ทั้ง Yankee-kun to Megane-chan
Tumbling และ Saru lock

แปลกแม้กระทั่งรางวัลด้วย
แปลกๆๆๆๆ เออ สนุกดีเหมือนกัน
ทำให้โลกหายน่าเบื่อขึ้นเยอะ
ชมทีละตอน ไม่สมกับเป็นท่านเลย



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:21:01:20 น.  

 
เฮียพัดโบก ไม่ได้หมายถึงโจค่ะ หมายถึง อาจารย์ของโนดาเมะ เรื่องนั้นเขาถือพัด โบกไปมา และมีฉายาว่า ตาพัดโบก


โดย: prysang วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:21:08:03 น.  

 
อ้อเหรอ ไม่รู้สิ ข้าพเจ้า จดจำจากชายแย่งสาวทาคุยะ
จากเรื่อง Love Vocation มากกว่าหงะ
โฮๆ แก่ซะเลย

เออ เข้าใจการรับเล่นหนุ่มติสท์ของเจ้าโจอยู่นะ
ก็เพราะ ไม่มีดาราคนไหนกล้าเล่นไง
คนๆเดียว ที่ผกก จะคิดได้ก็คือแกนี้ไง
ต้องถามภรรยาแกด้วยอะมั้ง
เอ๊ ชื่ออะไรแล้วนะที่เล่น tokyo tower series


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:21:55:26 น.  

 
แวะมาทักทายยามบ่ายค่ะ สบายดีนะคะ


โดย: เรือนเรไร วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:27:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.