Group Blog
 
All blogs
 
Koh Lipe ๒ - ฟ้าสีครามสดใส



การตื่นเช้าเพื่อไปทำงานในแต่ละวันเป็นเรื่องทรมาน
และการตื่นเช้าในวันที่ไม่ต้องไปทำงานเป็นเรื่องทรมาน กว่า

แต่เมื่อริจะสะพายกล้อง .. ไม่ตื่น ไม่ได้
หลีเป๊ะ ไกลเกินกว่าจะหาโอกาสมาเที่ยวซ้ำกันบ่อยๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ครั้งหน้า

จริงอยู่ ที่ไหนๆ ก็เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นได้ในยามเช้า
แต่เช้าที่นี่ กับเช้าที่นั่นย่อมไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเช้าที่กรุงเทพมหานคร
เราอาจต้องทำแต่งานและงานจนแทบไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวัน

เช้านี้ที่หลีเป๊ะ จึงไม่ควรพลาด

แค่ต้องต่อสู้กับตัวเองเล็กน้อยตอนเสียงนาฬิกาปลุก แค่ชั่ววินาทีของการต่อสู้นั้น
จงเอาชนะตัวเองให้ได้และตื่นขึ้นมาเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศชวนประทับใจ

และแล้ว เช้านี้ ก็เป็นไปตามคาดหมาย เพื่อนทุกคนเลือกที่จะนอนอยู่กับแอร์เย็นเฉียบภายใต้ผ้าห่มอุ่น มากกว่าจะลุกขึ้นมาไปสบตากับดวงตะวัน

เมื่อนางแบบทั้งหกไม่ยอมตื่นขึ้นมาทำงาน คราวนี้ก็หวานหมูตากล้องมือสมัครเล่นล่ะเหวย
มันเป็นช่วงเวลาแห่งนาทีทอง ที่จะได้กดชัตเตอร์เฉพาะเพื่อวิวทิวทัศน์แข่งกับแสงสวยยามเช้า



อย่าเพิ่งแปลกใจ หลีเป๊ะไม่ได้มีทะเลหมอกหรอกนะ
รูปนี้เป็นเพียงเพราะกล้อง เพิ่งออกจากห้องแอร์มาสูดอากาศภายนอก





เรือของชาวเลที่จอดเทียบฝั่ง ส่วนเจ้าของเรือขึ้นมาปูผ้านอนบนชายหาด











ผืนทะเลสงบ และแสงฟ้าจากดวงตะวันที่ซ่อนตัว






เจ้าแมวเหมียวขอมานั่งยลตะวันยามเช้าด้วยเหมือนกัน



ตะวันทอแสง โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า
สาดแสงสู่ผืนฟ้าและผืนน้ำเป็นประกายสีทอง




สาดสะท้อนบนผิวทราย








มนต์ขลังแห่งแสงตะวันฉาย















ชายน้ำ หาดทราย แสงและเงา





เช้าแล้ว




และเริ่มจะสาย





รีสอร์ทเรือนไม้โดดเด่นรับประกายแดด





เติมพลังเช้าวันใหม่




นกน้อยและเจ้าดำเพื่อนยาก


น้องหมาตัวนี้น่าสาร เพราะเพื่อนของเราคนนึงเป็นโรคกลัวหมา กลัวมากถึงขั้นตัวแข็งทื่อเมื่อมีหมามาเข้าใกล้ หนึ่งคนและหนึ่งตัวเผชิญหน้ากันทีไร เป็นเกิดอาการทั้งสงสารคนและเวทนาหมา แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าดำตัวนี้และผองเพื่อนของมันตัวอื่น ต้องคอยมาวนเวียนที่โต๊ะพวกเราทุกเช้าทุกเย็น สันนิษฐานว่า มันคงได้กลิ่นของความกลัว ที่แผ่กระจายมาจากคุณเพื่อนแน่ๆ หรือไม่มันก็ปิ๊งคุณเธอเข้าให้ ถึงได้ตามตื๊อขอความรักความเมตตาอยู่ไม่ห่าง

เพื่อนคนนี้เคยโดนหมากัดเมื่อตอนเป็นเด็ก จึงกลัวฝังจิตฝังใจ เมื่อเห็นหมาทีไรจึงอยู่ไม่เป็นสุข แก้ความกลัวคงแก้ไม่ได้ ส่วนหมาไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไป น่ารำคาญเสียจริง

ในฐานะเพื่อนผู้หวังดี จึงอยากช่วยเหลือ ด้วยการหันไปเจรจากับหมาแทน

"นี่ แกน่ะ มีศักดิ์ศรีบ้างมั้ย รู้ว่าเค้าไม่ชอบยังมาวนเวียนอยู่ได้ หัดหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเสียบ้างสิ"

อดีตเคยถูกหมากัดเหมือนกัน หนึ่งตัวกัดและอีกสองตัวรุมยื้อ แต่โตมาไม่ยักเป็นโรคกลัวหมา แต่โรคชอบกัด ไม่แน่ว่าอาจติดเชื้อ ( หมายถึงกัดกับคนนะ ไม่ใช่กัดกับหมา ) เหตุนี้จึงหลงคิดไปว่าอาจจะเจรจากับหมารู้เรื่อง

แต่ ไม่ได้ผลแฮะ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเราพูดภาษาหมาไม่เป็น (ถ้าเป็นล่ะก็ ยุ่งเลย)

อิ่มแล้ว สายแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางกันดีกว่า







หลีเป๊ะเป็นดินแดนน้ำทะเลใส ที่เต็มไปด้วยแนวปะการัง
ที่เห็นดำๆ ใต้ผิวน้ำในรูปคือแนวหินและปะการังน้ำตื้น
จะเห็นนักท่องเที่ยวมีสน็อกเกิ้ลติดตัว เพื่อว่ายดำดู ตอนเล่นน้ำในยามเย็น





ความสง่างามของเรือหางยาว


ลำนี้ชื่อ "ดังดี 3" ส่วนลำที่พวกเราโดยสารชื่อ "โลมา 6" จอดอยู่ใกล้ๆ กันแต่ไม่ติดในเฟรม
มีพลขับที่เราให้ฉายาว่า "เดวี โจนส์" อสูรร้ายแห่งท้องทะเลในเรื่อง Pirates of the caribbean
จะได้เป็นคู่ ปะ ฉะ ดะ กันกับคุณไกด์ที่ได้รับฉายาก่อนหน้าว่าเป็นกัปตันแจ็ค สแปว์โรว์



รีสอร์ทข้างๆ ถัดไปจากเมาท์เทนรีสอร์ท




รูปนี้ถ่ายเลียนแบบภาพที่เห็นใน postcard




กาบเรือสีสวย ตัดกับสีน้ำ และสีฟ้า ทดลองปรับกล้องให้สีเข้มจางต่างกัน




แต่สีธรรมชาติสวยที่สุด น้ำกับฟ้า ที่สีกลืนจนแทบเป็นผืนเดียวกัน
และกดชัตเตอร์ลำบากมาก เพราะกล้องค้นหาความต่างระดับเป็นจุดโฟกัสไม่เจอ






ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม เรือเดินทางอยู่กลางทะเล







เกาะหินซ้อน โดดเด่นเป็นสง่า










ฟ้าสวย ทะเลใส เกินคำบรรยาย








แข็งแกร่ง มั่นคง พุ่งตรงสู่จุดหมาย คือเสน่ห์ของหัวเรือ
ที่เห็นทีไร อดหลงรักไม่ได้ ต้องลงมือกดชัตเตอร์เสมอ












หลังจากดำน้ำชมความสวยงามตระการตาของหมู่ปะการังและหมู่ปลามาได้ไม่นาน
เพื่อนมีอาการโอ้กอ้าก เพราะเมาเรือ (และอาจเมาทะเลด้วย) จึงมีการร้องขอขึ้นหาด
เพื่อเหยียบฝั่งให้อุ่นใจ (ในความมั่นคงของแผ่นดิน) ผ่อนคลายอาการวิงเวียน



เรือเทียบหาดที่เกาะรอกลอย







มันเป็นเวลานานมาก กว่าที่นางแบบในสังกัดทั้งหก (รวมทั้งคนเมาเรือ)
จะยินยอมตีจากมุมโพสต์ท่ามุมนี้ และปล่อยวิวทิวทัศน์ให้คงความสวยด้วยตัวของมันเอง

เป็นมุมที่เข้าตามาแต่ไกลตั้งแต่ก้าวลงจากเรือและเงยหน้าขึ้นมองหาด หนุ่มน้อยตัวดำตามประสาคนใต้นายหนึ่ง กำลังนั่งเอกเขนกกินลมชมวิว เหยียดขายาว เอนหลังพิงเชือกแกว่งไกวเบาๆ อยู่อย่างสบายอารมณ์

เชื่อว่าทุกคนที่เดินขึ้นเกาะคงมองไปที่เขาเป็นตาเดียว หนุ่มน้อยผู้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกรุกราน

หนุ่มน้อยถูกขับไล่ (คาดไว้ไม่ผิด)

"เออ โทษนะ ขอถ่ายรูปมุมนี้หน่อยได้มั้ย"

หนุ่มน้อยผู้รักสันติ จึงสละชิงช้าเพื่อประชาชีสาวๆ และจากไปอย่างผู้ยินยอม

เห็นเพื่อนๆ สนุก และพึงพอใจกับรูปของตัวเองแล้ว พลอยทำให้คนสะพายกล้องมีความสุขไปด้วย









เราพักกินข้าวกลางวันกันที่นี้ ด้วยข้าวกล่องที่ถูกจัดเตรียมลงเรือมา บนเกาะรอกลอยนอกจากจะมีมุมชิงช้าสุดฮิตแล้ว ยังมีศาลาพักร้อนเล็กๆ ที่ขายกาแฟชงน้ำร้อนง่ายๆ และขนบขบเคี้ยว เช่น ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ มันฝรั่งเลย์ ( เลย์ตลอดกาล) และยังมีระเบียงทางเดินยื่นต่อออกไปในหมู่โขดหินแหลมหน้าสู่ทะเลกว้าง เป็นมุมที่สวยมากอีกมุมนึง แต่ด้วยแดดร้อนจัดและสาวๆ ก็หมดพลังไปกับมุมชิงช้าเต็มที่แล้ว จึงหามุมร่มไม้ ชายศาลา กินข้าวและพักร้อนกัน หมดแรงจะไปโพสต์ท่าต่อกลางแดดเปรี้ยง

หลังจากกินข้าวเรียกพลังกลับคืนที่เกาะรอกลอย พวกเราไปต่อกันที่เกาะลิง ไม่แน่ใจว่าจำชื่อมาถูกหรือไม่ หรือเพราะเกาะนี้มีลิงฝูงใหญ่อาจจะเผลอจำติดใจเอาเองว่าชื่อเกาะลิง





ดำน้ำดูปะการังที่เกาะลิงอยู่พักใหญ่ เราไปต่อกันที่เกาะหินงาม







ข้อมูลเกาะหินงามจาก //www.banpa.com/South/strune/stoneisland.asp

หาดที่ไหนในโลก สวยได้ด้วยหาดทรายขาว แต่คงไม่ใช่หาดนี้แน่นอน
เกาะเล็ก ๆ ในน่านน้ำสตูลนี้เป็นเกาะที่ไม่เหมือนใคร
มีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลที่เต็มไปด้วยหิน
ปราศจากดินและหาดทรายมีเพียงต้นไม้เป็นเพื่อน

หินทุกก้อนที่นี่มีรูปร่างประหลาด กลมมนทุกก้อนนอนเรียงรายทับถม
บ้างก็จมอยู่ใต้ทะเล สันนิษฐานว่ากำเนิดมาจากแรงกัดกร่อนจากคลื่นลม
นับล้านปี ซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ได้อย่างแปลกพิศดาร

หาดหินงาม เกาะหินงาม อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล
เกาะหินงาม เป็นเกาะเล็ก ๆ อยุ่ในกลุ่มเกาะอาดัง ราวี อุทยาน
แห่งชาติแห่งชาติตะรุเตา เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทราย
ใด ๆ เลยทั้งเกาะ มีแต่ต้นไม้เล็ก ๆ ขึ้นบนเกาะ และรอบ ๆ เกาะ
มีหินกลมมนสีดำมากมายทับถมกันไปทั่วทั้งเกาะ นับเป็นลักษณะ
เด่นเฉพาะที่ซึ่งมีอยู่เกาะเดียวในประเทศไทย หินเหล่านี้มีทั้งใหญ่
และเล็กถูกน้ำพัดพามากองไว้ด้วยกันและการที่หินทุกก้อนกลมมน
ลวดลายสวยงาม นั้นเกิดจากการกัดกร่อนด้วยแรงลมและคลื่นจน
ทำให้หินเหล่านี้หินเหล่านี้มากองรวมกันได้อย่างแปลกประหลาด
หินเหล่านี้เมื่อถูกน้ำทะเลสาดใส่มันจะแวววามและเปล่งประกาย
สีดำเข้มสะท้อนรับกับแสงตะวันดูสวยงามมาก

บนเกาะมีป้ายเตือนเกี่ยวกับคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาอยู่

"ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะนานานับประการ"





ชิ้นนี้เป็นผลงานปฏิมากรรมของตัวเองค่ะ ขึ้นเกาะได้ก็ไม่ไยดีนางแบบ ตั้งอกตั้งใจก่อหินอย่างเดียว เพราะชาวบ้านเขาก่อกันทั่วเกาะ มีกองหิน เรียงซ้อนอยู่มากมาย ดังนั้นเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไกด์ให้คำแนะนำว่าถ้าจะให้ถ่ายรูปสวย ให้ตักน้ำมารถและหินจะเป็นเงาตัดจากหินก้อนอื่นๆ สวยดี ... แต่ร้อน ช่างมันเหอะ สวยแค่นี้ก็แค่นี้ สุดท้ายคุณไกด์ใจดีก็ตักน้ำมารดให้จนได้




เกี่ยวกับเกาะนี้ มีความเชื่อว่าจงก่อหินเรียงซ้อนกัน 12 ก้อนให้ได้ก่อน แล้วจึงเอ่ยคำอธิษฐาน

ตามความเชื่อคือ 12 ก้อนเท่านั้นค่ะ แต่มีบางท่าน หรือจะเรียกได้ว่าหลายๆ ท่าน ก่อกองหินไว้ด้วยคอนเซ็ปต์ "อลังการงานสร้าง" มีเพื่อนไปถ่ายรูปชี้ยอดความสูงด้วยท่าทางหมั่นไส้ แกมอิจฉาในความตั้งใจนิดๆ ถ้าเปรียบการเรียงหินซ้อนกันขึ้นมาเป็นการสร้างตึก พวกเราก็สร้างตึก 12 ชั้นธรรมดา แต่ท่านบางคนที่ว่า ท่านสร้างตึกใบหยกสูงปรี๊ดเอาไว้ และบางคนสร้างไม่สูงเท่าไหร่แต่ก็ก่อร่างสร้างเป็นอาณาจักร เห็นแล้วก็ขำๆ ดี สันนิษฐานว่าคงจะมากันเป็นครอบครัว น่ารักไปอีกแบบ :)

เกาะนี้เป็นเกาะที่พวกเราสิงสถิตอยู่นานที่สุด แม้แดดของยามบ่ายจะร้อน และไม่มีร่มไม้ใดๆ เลย แต่น้ำใส หินสวย และฝูงปลาเล็กๆ ที่คอยมาตอดเท้ายามที่เรานั่งแช่อยู่ริมน้ำ ขอบอกว่าที่นี่คือแหล่งสปาเท้าอย่างดี

นั่งแช่น้ำ เล่นปาหินกระทบน้ำ นั่งเมาท์ และถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข เป็นเกาะที่พวกเราชอบมากที่สุดเกาะหนึ่งในทริปหลีเป๊ะครั้งนี้ โดยให้ชื่อว่า "เกาะสปา" เป็นเกาะที่อยู่กันนานมากที่สุดในวันนั้น







ในที่สุดก็ได้กลับคืนสู่ที่พักซะที หลังจากที่ลอยลำอยู่กลางทะเลทั้งวัน โดยพากันเรียกหาแผ่นดินเป็นระยะ

ถึงจะเหนื่อยล้าจากการล่องเรือและดำน้ำดูปะการังไปตามหมู่เกาะทั้งวัน
แต่เรื่องถ่ายรูปยังพอมีพลังเหลือ ดวงตะวันจะตกทะเลอยู่รอมร่อแล้ว ท้องฟ้าเป็นแสงสีส้มแดงจัดสวยมาก แต่ว่ากล้องแบตเตอร์รี่หมด และไม่ได้เตรียมสำรองไว้ (ก็มันหลายตังค์นี่นา) ได้รูปตะวันขาขึ้น แต่ไม่ได้ขาตก เพราะอดถ่ายไปอย่างน่าเสียดาย

ถึงอย่างนั้นการมองธรรมชาติตาเปล่าโดยไม่ต้องผ่านเลนส์ก็เป็นความสุขละไมไปอีกแบบ










Create Date : 22 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 21:15:21 น. 2 comments
Counter : 5901 Pageviews.

 
มือสมัครไม่เล่นเลยนะท่าน

แต่การไปตั้งชื่อเกาะโน้นนั้น

ตามจินตนาการของตัวเองก็ดีเหมือนกันนะครับ

เป็นการบัญญัติเฉพาะกลุ่มบุคคล

เป็นฟ้าบนพื้นแผ่นดินไทย แต่ทำไมมันไม่เหมือนกับฟ้าที่กรุงเทพจริงๆด้วยแหละ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 26 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:17:35 น.  

 
เห็นแล้วได้แต่เพ้อครับ ยังไม่เคยไปหลีเป๊ะ สักครั้งเลย ทะเลสวยฟ้าใสจริงๆ ครับ ถ่ายภาพได้สวยเลยทีเดียวครับ


โดย: นายหัวเด่น วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:06:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.