All Blog
การลงทุนกับความเสี่ยง
จริงอยู่ที่คำว่า “การลงทุน” มักจะพ่วงท้ายมาด้วยคำว่า “ความเสี่ยง” เสมอ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า “การไม่ลงทุนก็มีความเสี่ยง” อยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ถ้าไม่เชื่อ... คุณลองหยิบธนบัตรใบละ 100 บาทขึ้นมา และคิดย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วว่า เงิน 100 บาทนี้ สามารถซื้อข้าวได้กี่จาน มากกว่าหรือน้อย
ที่ซื้อได้ในวันนี้?

เชื่อว่าคำตอบที่ได้รับน่าจะเหมือนๆ กัน คือ เงิน 100 บาท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สามารถซื้อข้าวได้มากกว่าในวันนี้เป็นแน่ นั่นเป็นเพราะ “พลังเงิน” หรือ
  “มูลค่าที่แท้จริงของเงิน” ลดลงตลอดเวลา อันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) ซึ่งเป็นภาวะที่ราคาสินค้าหรือบริการโดยเฉลี่ยในท้องตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่อง

ดังนั้น การเก็บเงินไว้กับตัวเอง จะเอาใส่ไหฝังดิน หรือเก็บซ่อนไว้ตามตู้เสื้อผ้าหรือใต้หมอนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา จึงมีแต่จะทำให้เงินที่เก็บสะสมไว้มีมูลค่า
ลดลงเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้เอง คนเราจึงเริ่มสะสมหรือเก็บออมเงินในรูปของเงินฝากธนาคาร เพื่อเพิ่มค่าเงินออมให้มากขึ้น และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ แต่หลายปี
ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อวิ่งพุ่งพรวด ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ต่ำติดดิน ลำพังการออมเงินไว้ในธนาคารเพียงอย่างเดียว คงทำให้คุณต้องแบกต้นทุนชีวิตที่แพงขึ้น
เพราะเงินออมเติบโตไม่ทันราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น แถมดูท่าจะไปถึงฝั่งฝันได้ลำบากมากยิ่งขึ้น

“การลงทุน” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ เงินออมของคุณงอกเงย และบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้เร็วขึ้น เพราะการลงทุนให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่า
ดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งเมื่อหักลบกับเงินเฟ้อแล้ว “พลังเงิน” ของคุณไม่ลดลง แถมยังช่วย “เพิ่มพลัง” ในการจับจ่ายใช้สอยให้คุณได้อีกด้วย

แต่ในปัจจุบัน ทางเลือกในการลงทุนมีหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป คุณจึงจำเป็นต้องศึกษาทางเลือกต่างๆ เพื่อให้เงินออม
ออกดอกออกผล สร้างความมั่งคั่งให้คุณอย่างคุ้มค่าและสอดคล้องกับความต้องการมากที่สุด

เอาเป็นว่า... ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้เรื่องการลงทุนพร้อมๆ กันนั้น เราน่าจะทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนดีกว่าว่า “การลงทุนคืออะไร” เพราะบางคนเห็นคนอื่นร่ำรวย
จากการลงทุน เลยเข้าใจว่าการลงทุนน่าจะเป็นหนทางทำให้ตนเองร่ำรวยได้รวดเร็ว ในขณะที่อีกหลายคนเข้าใจว่าการลงทุนเป็นเหมือนการพนันหรือการเสี่ยงโชค
ประเภทหนึ่ง ถ้ามีดวง ก็อาจทำให้ร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในชั่วข้ามคืน

แท้จริงแล้ว... การลงทุนไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ผู้ลงทุนร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วเสมอไป ในทางตรงกันข้าม การลงทุนที่ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจไม่มีการศึกษา
และวางแผนการลงทุนที่ดีพอ ก็อาจทำให้คุณเสียโอกาสในการลงทุน เผลอๆ อาจจะทำให้ขาดทุนเลยก็ได้


โดยปกติแล้ว คำว่า “การลงทุน” ในทางเศรษฐศาสตร์ คือ การที่เราใช้สอยทรัพยากรอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อทำให้เกิดสินค้าหรือบริการขึ้นใหม่ ซึ่งถือได้ว่าเป็น
การลงทุนที่แท้จริง (Real Investment) โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการผลิตสินค้าหรือบริการว่า คุ้มกับต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการใช้สอยทรัพยากรนั้นๆ
หรือไม่

ในทางการเงิน มีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหลายๆ ท่านให้นิยามของคำว่า “การลงทุน” ไว้หลากหลาย แต่ขอสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “การลงทุน” คือ
การชะลอการใช้เงินจำนวนหนึ่งในปัจจุบัน และนำไปซื้อสินทรัพย์หรือตราสารทางการเงิน โดยคาดหวังว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เงินลงทุนจำนวนนี้จะงอกเงยขึ้น
และก่อให้เกิดผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่สามารถชดเชยทั้งระยะเวลา อัตราเงินเฟ้อ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่านั่นเอง

ท้ายนี้อยากฝากไว้ว่า... การจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น เราไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนหรือจบการศึกษาด้านการเงินการลงทุนโดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน
เศรษฐศาสตร์ขั้นเทพ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะด้านการคำนวณ หรือต้องมีพรสวรรค์ในด้านใดเป็นพิเศษ เพียงแค่รู้จัก “เปิดโอกาส” ให้ตัวเองที่จะเรียนรู้พื้นฐานการจัดการเงิน
ลงทุนและทำความเข้าใจธรรมชาติของการลงทุนให้ถ่องแท้ เพื่อปรับตัว ปรับใจ และจะได้ตั้งรับอย่างมั่นคง หากการลงทุนไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ โดยผ่าน
“6 เรื่องควรรู้” ซึ่งว่าที่ผู้ลงทุนทั้งหลายต้องทำความเข้าใจก่อนจะเริ่มลงทุน


        การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม... “การลงทุน” ก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะเริ่มลงทุน
    ในอะไรก็ตาม ควรเริ่มต้นด้วยการเตรียมตัวเองให้พร้อม โดยต้องรู้จัก 3 ต. คือ เตรียมตัว เตรียมสตางค์ และเตรียมใจ

    กันก่อน



“เตรียมตัว” เพื่อจะเป็นผู้ลงทุนที่ดีโดยการกำหนด “เป้าหมายการลงทุน”
   ที่ชัดเจน เป้าหมายการลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
   เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรากำหนดแนวทางการลงทุนได้ง่ายขึ้น ยิ่งปัจจุบัน
   ทางเลือกในการลงทุนมีมากมาย การลงทุนแบบไร้ทิศทาง ลงทุนตามข่าวสาร
   ตามกระแสอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆ ที่เหมาะกับตัวเราไปอย่างน่าเสียดาย

         เบื้องต้นเราจึงควรกำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจนว่า ต้องการลงทุน
   เพื่ออะไร? ต้องการใช้เงินประมาณเท่าไหร่? และต้องการจะบรรลุเป้าหมายนั้น

เมื่อใด? ซึ่งอาจเป็นการลงทุนในระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) ระยะกลาง (1 – 5 ปี) หรือ
   ระยะยาว (ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป) ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล บางคนอาจลงทุน
ระยะสั้นเพื่อเตรียมเงินไว้สำหรับดาวน์รถยนต์คันใหม่ บางคนอาจลงทุนระยะกลางเพื่อเตรียมเงินไว้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ
   หรือบางคนอาจต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อเตรียมเงินไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณ ฯลฯ

         จากนั้นค่อยพิจารณา “เงื่อนไข” ในการลงทุนว่าคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ต้องการผลตอบแทนแบบไหน
   อัตราผลตอบแทนเท่าไหร่ หรือมีเงินลงทุนมากน้อยเพียงใด เพราะสิ่งเหล่านี้แหละที่จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีว่า...
   ทางเลือกการลงทุนแบบไหนที่จะเหมาะกับคุณมากที่สุด

         นอกจากนี้ ต้องเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง โดยศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกที่คิดจะลงทุน ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะ
   ความเสี่ยง และผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่จะลงทุนนั้น


“เตรียมสตางค์”
หรือเตรียมเงินลงทุนในจำนวนที่เหมาะสม ซึ่งคุณควรพิจารณา
“แผนการออมและแผนการใช้จ่าย” ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานะทาง
   การเงิน หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
 เมื่อกำหนดเงินลงทุนเริ่มต้นได้แล้ว ก็ต้องพิจารณา “สินทรัพย์ลงทุน” อย่างรอบคอบ
   ก่อน แล้วจึง “แบ่งเงิน” ไปลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนหลายๆ ประเภท หรือที่เรียกว่า
   “การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน” (Asset Allocation) เพื่อให้เกิดการกระจายความเสี่ยง
   อย่างเหมาะสม   

มีข้อมูลทางวิชาการและสถิติมากมายระบุว่า การจัดสรรทรัพย์สินลงทุนอย่างเหมาะสมสามารถสร้างผลตอบแทนจาก
   การลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะราคาของสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภทจะตอบรับต่อการ
   เปลี่ยนแปลงของปัจจัยเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน รวมทั้งใช้เวลาในการปรับขึ้นลงของราคาที่แตกต่างกัน ดังนั้น การลงทุนใน
   สินทรัพย์หลายประเภทจึงช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนจำนวนมากในคราวเดียวได้เป็นอย่างดี



         สุดท้าย คือ...
“เตรียมใจ” ให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ที่จะมี
   ผลกระทบต่อการลงทุน ถือเป็นเคล็ดลับในการลงทุนอย่างมีความสุข
   เพราะผู้ลงทุนส่วนใหญ่ “ขาดความอดทน” และ “ไม่มีวินัย” ในการลงทุน
   ที่ดีพอ จึงมักจะลงทุนไปตามสิ่งเร้าหรือตามกระแส ไม่ได้พิจารณาการลงทุน
   ด้วยความรอบคอบ

         เมื่อมีปัจจัยหรือเหตุการณ์ใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนเกิดขึ้น
   ก็เกิดความกังวล หวาดวิตก กลัวความเสียหายจะเกิดขึ้นกับการลงทุนของตน
   ทำให้เกิดความกดดันและความเครียด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการลงทุนโดยรวม
และต่อสุขภาพจิตของตนเอง ตรงกันข้าม... หากเราพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ มีความอดทน และมีวินัยในการลงทุน
   เราก็จะพบว่าความผันผวนของตลาดในระยะสั้นจะไม่ส่งกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของเรามากนัก

         เอาเป็นว่า... ใครอยากมี "ความมั่งคั่งทางการเงิน" ควบคู่ไปกับ "ความมั่งคั่งทางอารมณ์" ก็ต้องเตรียม 3 ต. ทั้ง
   เตรียมตัว เตรียมสตางค์ และเตรียมใจ ให้พร้อม จะได้ออกสตาร์ทบนเส้นทางการลงทุนแสนสุขได้อย่างผู้ลงทุนมืออาชีพ

tsi-thailand.org



Create Date : 30 ตุลาคม 2557
Last Update : 30 ตุลาคม 2557 23:32:49 น.
Counter : 904 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PR Real Estate
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



สวัสดีครับผมภาวิช
ยินดีต้อนรับทุกท่าน