ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ค่าหอพักแพงเกินจริง? นศ.โอดครวญ ค่าห้องแค่3,000 แต่ค่าไฟโหดร้ายมาก-แนะวิธีร้องเรียน



ค่าหอพักแพงเกินจริง? นศ.โอดครวญ ค่าห้องแค่3,000 แต่ค่าไฟโหดร้ายมาก-แนะวิธีร้องเรียน

"ค่าหอพักแพงเกินจริง" ดูเหมือนจะเป็นปัญหาอันดับต้นๆของนักศึกษา หรือแม้แต่วัยทำงานหาเช้ากินค่ำ ที่ยังต้องอาศัยหอมหาโหดเหล่านี้อยู่ เนื่องจากหอพักแบบนี้ค่าเช่าห้องก็ไม่เท่าไหร่ แต่ค่าน้ำ และโดยเฉพาะค่าไฟขูดเลือดกันสุดๆ ไม่ต่ำว่าหน่วยละ7-8บาท แน่อน อีกทั้งมิเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้หมุนเร็ว

จึงทำให้มีกรณีออกมาร้องเรียน หอพักแพงเกินจริงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งกรณีล่าสุดก็เกิดขึ้นกับเด็กสาวนักศึกษาที่ยังต้องขอเงินทางบ้านอยู่ เดือนที่ผ่านมาตกไปถึง 6,000 บาท สร้างความเครียดให้กับเธอเป็นอย่างมาก

แพงไปไหม ค่าหอพักที่ไม่ได้เลิดหรูอะไร

กับ. นศ ธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ขอตังพ่อแม่ใช้เดือนละ8500฿

ขอความเป็นธรรมที ขอผู้ใหญ่ช่วยตรวจสอบทีค่ะ แพงไปไหม เหมาะสมรึป่าวคะ

ฝากแชร์ทีค่ะ #มหาสารคาม 

"หอพักที่ถูกร้องเรียนมีการคิดราคาค่าน้ำ ค่าไฟสูงเกินจริง เข้าข่ายมีความผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ 2542 มาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"


//variety.teenee.com/foodforbrain/70400.html





 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2558   
Last Update : 7 กรกฎาคม 2558 8:39:31 น.   
Counter : 2187 Pageviews.  

เงินเดือนเป็นความลับ ....เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่..ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่



เงินเดือนเป็นความลับ ...."เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่..ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่"

คอลัมน์ เอชอาร์ คอร์เนอร์ โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ //tamrongsakk.blogspot.com

ทุกบริษัทมักจะมีกฎเหล็กคล้าย ๆ กันว่าเรื่องเงินเดือนเป็นความลับ ห้ามนำไปบอกกัน ถ้าใครเอาเรื่องเงินเดือนไปบอกกันจะมีโทษทางวินัยถึงไล่ออกได้เลยนะ แล้วบริษัทต่าง ๆ จะมีวิธีรักษาความลับของเงินเดือนไว้ในแบบคล้าย ๆ กัน คือทำ Pay Slip (ใบแจ้งเงินเดือน) ที่ปิดผนึกตีตราลับเฉพาะแจกพนักงานก่อนวันเงินเดือนออก เพื่อยืนยันว่าเรื่องเงินเดือนเป็นความลับเฉพาะตัวพนักงานจริง ๆ นะเออ

ต่อให้ผู้บริหารของบริษัทจะอยากให้เรื่องเงินเดือนเป็นความลับขนาดไหน หรือจะมีวิธีการที่จะปกปิดเรื่องเงินเดือนพนักงานให้ลับยังไงก็ตาม แต่สัจธรรมหนึ่งที่ผมมักจะบอกไว้อยู่เสมอก็คือ...."เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่..ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่"

ดังนั้นพนักงานก็หาทางที่จะรู้เงินเดือนของเพื่อนกันจนได้อยู่ดีไม่ทางตรง (คือขอดูสลิปเงินเดือนกันตรง ๆ) ก็ทางอ้อม (รู้มาจากคนอื่น)

เรื่องที่ผมจะเอามาแลกเปลี่ยนกับท่านในวันนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ว่า บริษัทจะหาวิธีการเก็บความลับเรื่องเงินเดือนยังไงไม่ให้พนักงานเอาไปบอกกันหรอกนะครับ

แต่เป็นเรื่องที่ทำยังไงที่ฝ่ายบริหารจะบริหารจัดการค่าตอบแทน(รวมถึงเงินเดือน)อย่างยุติธรรม ตามหลักการที่สำคัญของการบริหารค่าตอบแทน คือ "หลักความเสมอภาคและเป็นธรรม" กับพนักงานมากกว่า !!

เพราะผมถือหลักว่าถ้าผู้บริหารมีหลักการบริหารค่าตอบแทนที่เสมอภาคและเป็นธรรม มีเหตุมีผลในการให้ค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมก็จะสามารถอธิบายพนักงานให้เข้าใจได้ชัดเจน ไม่ว่าพนักงานจะรู้เงินเดือนกันหรือไม่ก็ตามก็ย่อมจะทำให้พนักงานลดความรู้สึกว่า ฝ่ายบริหารไม่เป็นธรรมกับเขาลงได้ไม่น้อยเลยนะครับ

ลองมาดูกันไหมครับว่าทุกวันนี้ บริษัทของท่านยังมีวิธีการบริหารค่าตอบแทนทำนองนี้อยู่หรือไม่....


1.มีหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินเดือนที่แตกต่างกันระหว่างคนที่จบใหม่ที่มีคุณวุฒิเดียวกันแต่จบสถาบันที่ต่างกันบริษัทจะให้เงินเดือนไม่เท่ากัน เช่น จบปริญญาตรีบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย A จะได้เงินเดือน 15,000 บาท แต่ถ้าจบวุฒิเดียวกันนี้จากมหาวิทยาลัย B จะได้เงินเดือน 12,000 บาท

2.เฉพาะคนที่จบจากมหาวิทยาลัย A ที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นอีก 5% และถ้าจบเกียรตินิยมอันดับ 1 จะได้เงินเดือนเพิ่มอีก 10% ของ 15,000 บาท ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานเหมือนกัน

3.ใช้ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบเก่า ที่เรียกกันว่าแบบ Graphic Rating Scale (ซึ่งผมมักจะเรียกว่า แบบประเมินผลงานแบบ "จิตสัมผัส") คือจะมีแบบฟอร์มประเมินผลงานที่กำหนดหัวข้อ หรือปัจจัยในการประเมินไว้ 10-20 ข้อ ซึ่งหัวข้อเหล่านี้จะใช้ประเมินได้แบบเหวี่ยงแห ครอบคลุมไปได้ทุกตำแหน่ง ทุกหน่วยงานในบริษัท แล้วก็กำหนดเกรดในแต่ละปัจจัยเป็น A, B, C, D, E หรือ 5, 4, 3, 2, 1 แล้วก็มีช่องสุดท้าย คือ "สรุปผลการประเมินโดยรวม" ให้เลือกเอาเกรดเดียวว่า ผู้ถูกประเมินจะได้เกรดอะไร แล้วช่องสรุปผลการประเมินโดยรวมนี่แหละครับ จะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่าลูกน้องจะได้ขึ้นเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์ หรือได้โบนัสกี่เดือน

4.บางบริษัทก็ไม่ต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานอะไรทั้งนั้น เพราะการพิจารณาขึ้นเงินเดือนประจำปีและการจ่ายโบนัสจะอยู่ในดุลพินิจของกรรมการผู้จัดการ (MD) หรือเถ้าแก่ล้วน ๆ คือพูดง่าย ๆ ว่าอยู่ที่ใจเถ้าแก่ว่าจะให้ใครเท่าไหร่ก็ตามนั้น

5.ในการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งพนักงาน ไม่มีหลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งที่ชัดเจน ไม่มีหลักเกณฑ์การปรับเงินเดือนเมื่อเลื่อนตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ใจกรรมการผู้จัดการ หรือใจเถ้าแก่ว่าจะให้เลื่อนหรือให้ปรับเงินเดือนหรือไม่

6.เวลาสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน แล้วผู้สมัครงานถามว่าเงินเดือนที่ขอมาในใบสมัครนี้ทางบริษัทจะให้ได้หรือไม่ เช่น ผู้สมัครขอมา 20,000 บาท ผู้บริหารของบริษัทที่ทำหน้าที่กรรมการสัมภาษณ์ก็จะตอบไปทำนองนี้ "ได้เลย ไม่มีปัญหา" หรือ "ผมว่าอยู่ในโครงสร้างของบริษัทนะ" หรือ "โอ๊ย...คนเก่าที่ลาออกไปได้มากกว่านี้อีก เขาได้ตั้ง 25,000 บาทแน่ะ" หรือ "ไม่เป็นไร ผมจะช่วยคุยกับฝ่ายบุคคลให้" ฯลฯ พูดง่าย ๆ คือ กรรมการสัมภาษณ์ ที่เป็น Line Manager ตอบเพื่อเอาใจผู้สมัครงาน อยากให้มาทำงานกับบริษัทเราไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่ยังสัมภาษณ์ผู้สมัครไม่ครบทุกคน ซึ่งอาจจะมีผู้สมัครรายอื่นหลังจากนี้เหมาะสมกว่ารายนี้ก็ได้

7.ผลจากการพูดเอาใจหรือให้ความหวังตามข้อ6ทำให้ผู้สมัครงาน (ซึ่งบริษัทไม่ได้ตอบรับเข้าทำงาน) นำไปโพสต์ตั้งกระทู้ไว้ในสื่อออนไลน์แบบนี้ครับ "วันนี้เรามาสมัครงานตำแหน่ง......บริษัท.....เขาให้เรา 20,000 บาท เพื่อน ๆ ว่าน่าสนใจมั้ย...." ท่านลองคิดดูสิครับว่า เมื่อพนักงานในบริษัทของเราไปเห็นข้อความนี้เข้า แล้วพนักงานคนนี้ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันนี้ตอนนี้ได้รับอยู่ 18,000 บาท จะคิดยังไงกับผู้บริหารของบริษัท

8.บริษัทไม่เคยมีโครงสร้างเงินเดือนอย่างถูกต้อง หรือมีโครงสร้างเงินเดือน แต่ไม่เคย Update บ้างเลย เพราะไม่มี HR ที่ทำโครงสร้างเงินเดือนเป็น

9.มีโครงสร้างเงินเดือน แต่ไม่มีการบริหารจัดการโครงสร้างเงินเดือนอย่างมีหลักการที่ถูกต้อง หรือบริหารโครงสร้างเงินเดือนแบบ "ขาดวินัย" เลือกที่รักมักที่ชังทำให้มีโครงสร้างเงินเดือนก็เหมือนไม่มี เพราะพนักงานคนโปรดของ MD ก็สามารถมีเงินเดือนทะลุเพดานของโครงสร้างเงินเดือนได้ ฯลฯ

ที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่อยากจะเป็นกระจกเงาสะท้อนให้ผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าตอบแทนได้ทบทวนพฤติกรรม ตลอดจนนโยบายในเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมกับพนักงานในบริษัทโดยมีหลักเกณฑ์ในเรื่องการบริหารค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและชัดเจน

ทุกวันนี้จากประสบการณ์ของผมยังพบว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยังไม่เห็นความสำคัญของหลักการบริหารค่าตอบแทนที่ถูกต้องยังคงมีมุมมองเรื่องการบริหารค่าตอบแทน (Compensation Management) เป็นแค่เพียงการจ่ายเงินเดือน (Payroll) ให้พนักงานในแต่ละเดือนให้ถูกต้องเท่านั้น

ถ้าผู้บริหารยังมีมุมมองเรื่องการบริหารค่าตอบแทนแบบแคบๆว่า เรื่องเงินเดือนเป็นความลับจะบริหารยังไงพนักงานก็คงไม่รู้อย่างนี้แล้วล่ะก็ บริษัทนั้นก็ยังคงต้องเจอกับปัญหาพนักงานลาออก เพราะผู้บริหารไม่สามารถตอบคำถามพื้น ๆ ของพนักงานได้ว่าทำไมเงินเดือนของเขาน้อยกว่าเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ทำงานเหมือน ๆ กันอยู่เรื่อย ๆ แหละครับ


(ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2558   
Last Update : 7 กรกฎาคม 2558 8:36:17 น.   
Counter : 1112 Pageviews.  

ใครเข้าฝัน!! คุณลุงสุดมั่นใส่ชุดนี้?? ยืนตะหง่านบนรถไฟฟ้า ช่างกล้า!!!



เว็บไซต์เซี่ยงไฮ้อิสต์ รายงานเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 ว่า ภาพชวนอึ้งนี้บันทึกได้จากบนรถไฟฟ้าใต้ดินเซี่ยงไฮ้สาย 2 คุณลุงรายหนึ่งได้ขึ้นมาบนรถไฟฟ้าด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวครอสเดรสซิ่งสุดประหลาด เขาใส่ถุงน่องรัดติ้วสีเนื้อ เสื้อสีชมพูหวาน มีเครื่องประดับเป็นสร้อย และรองเท้าสไตล์หญิง ๆ รับกับถุงเท้าที่แต่งระบายงดงาม


แต่ที่ทำให้ทุกคนตะลึงงัน ขวัญเอ๋ยขวัญมาสุด ๆ ไม่ใช่เครื่องแต่งกายชิ้นไหนเลยสักชิ้น แต่กลับเป็นอวัยวะบางอย่างที่มันตั้งเด่นเป็นสง่า สะดุดตาผู้พบเห็น แต่ถึงจะตกเป็นเป้าสายตาอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ยี่หระอะไรเลยแม้แต่น้อย ทำตัวสบาย ๆ นั่ง ๆ ยืน ๆ สบายอารมณ์ตลอดการเดินทาง

แน่นอนว่าเมื่อพบเห็นอะไรที่ "ไม่ธรรมดา อื้อหือ ไม่ธรรมดา" อย่างนี้แล้ว ชาวเมืองที่อยู่บนรถไฟฟ้าขบวนนี้จึงไม่รอช้า แอบแชะภาพมาอวดลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กทันที และตอนนี้ มันก็ได้กลายเป็นทีวิจารณ์ไปตามระเบียบ





ขอขอบคุณที่มา :::: shanghaiist.com ::: //hilight.kapook.com/view/122897
//variety.teenee.com/foodforbrain/70417.html




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2558   
Last Update : 7 กรกฎาคม 2558 8:35:35 น.   
Counter : 1821 Pageviews.  

เตือนภัย!!... ร้านขนมหวานณ จุดพักรถมอเตอร์เวย์



เตือนภัย!!... ร้านขนมหวานณ จุดพักรถมอเตอร์เวย์


เตือนภัย!!... ร้านขนมหวานค่าา

ณ จุดพักรถมอเตอร์เวย์

เราเดินผ่านรถเก่งคันหนึ่ง รุ่น Yaris
เปิดท้ายขายขนมหวาน จำพวกข้าวเหนียวหน้าปลาหน้ากุ้ง เม็ดขนุด ขนมชั้น ฯ

นึกในใจ... ขยันทำมาหากินดีจัง 
แวะอุดหนุนซะหน่อยดีกว่า...

เลยเดินเข้าไปอุดหนุน
เท็ดดี้: พี่คะ มีข้าวเหนียวหน้าปลาไหม ?
แม่ค้า : มีสิ เอาเท่าไร?
เท็ดดี้ : พี่ขายยังไง?
แม่ค้า :เนี้ยก็จะมี กล่องละ 2 ก้อน กับ 4 ก้อน นางก็ชี้ไปที่ 2 ก้อน. อันเนี้ย ๆ ร้อยนึง
เท็ดดี้ : โฮ้ย!!! พี่กินไม่หมดอ่ะ เอาน้อย ๆ 
แม่ค้า : เอาก้อนนึงละกัน ไม่เยอะ
เท็ดดี้ : อะคะ

แม่ค้าก็ดำเนินการเอาหน้าปลาโป๊ะ ใส่กล่องติดสก๊อตเทป บลาๆๆๆ ไป..

ต่อจากนั้น แม่ค้าก็เปิดผ้าขาวบาง ก็เห็นตาชั่งดิจิตอล เท็ดดี้ก็ยืนงง..
แล้วแม่ค้าก็บอกว่า ขีดละ 40 บาท

เท็ดดี้ก็นึกในใจ คงไม่เท่าไร ไม่เกินขีดหรอก เพราะจากสายตา. กระทงนิดเดียวเอง

พวกคุณเชื่อไหม? ข้าวเหนียวหน้าปลาที่เห็น 174 บาท (4 ขีดกว่า)

เท็ดดี้ : โฮ้ยพี่!!! ทำไมแพงจัง? 
แม่ค้า: ราคาโลละ 400 นะน้อง แล้วนางก็หยิบป้ายที่แอบไว้มาให้ดู
เท็ดดี้: นึกในใจ ข้าวเหนียวราชนิกูลป่าวเนี้ย? แพงแสรดด...สงสัยแม่มมาจากในวัง คงอร่อย... เออ ๆ ช่างมัน ลองดูซักครั้ง

หลังจากชิมคำแรก ถึงขั้นต้องเอาไปทิ้ง

วีธีการหลอกลวงลูกค้า
ใช้กระทงใบตองอันเล็กๆ อัดข้าวเหนียวแน่ๆ ลงในกระทง ให้หลอกตา...

เพื่อนๆคนไหนอยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติม เชิญอ่านได้ตาม link นี้เลยคะ แม่ค้ารายนี้ตะเวนหลอกขายไปเรื่อย แถวๆ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ตอนนี้ร่อนเร่ มาแถวมอเตอร์เวย์แล้ว
//m.pantip.com/topic/31933330
หรือพิมพ์ ใน google "ขนมหวาน กิโลละ 400" มีเพียบ!!!!

ช่วยกันแชร์ ช่วยกันเตือนภัยด้วยนะคะ 
ทำมาหากินสุจริต เราสนับสนุน 
แต่ถ้าหลอกกันแบบนี้ไม่ดีคะ

Cr.Teddy Joy Femerod

ที่มา: คุณปิ๊ก นายผ้าบาง 
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=827654420636762&set=pcb.827654590636745&type=1&theater
//variety.teenee.com/foodforbrain/70413.html




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2558   
Last Update : 7 กรกฎาคม 2558 8:33:06 น.   
Counter : 1158 Pageviews.  

อาถรรพ์...ขุมทรัพย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช



อาถรรพ์ขุมทรัพย์สมเด็จพระนเรศวรฯที่วัดป่าแก้ว
เรื่องยาวหน่อย อ่านดูไปเรื่อยๆครับ..น่าสนใจดี

เรื่องนี้มีหลักฐานและถูกเล่าขานกันนานแล้ว เป็นเรื่องจริงจากคำบอกเล่าของพระธุดงค์หลายรูป ที่เล่าตรงกันเกี่ยวกับขุมทรัพย์โบราณมูลค่ามหาศาลภายใน "วัดป่าแก้ว" หรือ วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา วัดนี้ตามประวัติกล่าวไว้ว่า เดิมเป็นวัดราษฎร์เรียกกันว่าวัดป่า ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับวัดสำคัญประจำนครอโยธยาเดิมคือวัดพนัญเชิง วัดมเหยงค์ วัดกุฎีดาว และวัดอโยธยา ครั้งถึงแผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ทรงให้ขุดศพเจ้าแก้วเจ้งไท เชื้อพระวงศ์ที่เป็นอหิวาตกโรคตาย ขึ้นพระราชทานเพลิงที่วัดนี้แล้วทรงซ่อมแซมบูรณะเจดีย์วิหาร ก่อนจะทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า "วัดเจ้าพญาไท" ให้เป็นที่พำนักของพระพนรัต ซึ่งเป็นพระสังฆราชฝ่ายอรัญวาสี และด้วยอาณาเขตของวัดที่กว้างใหญ่ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกชื่อ "วัดใหญ่" ตั้งแต่นั้นมา



จนล่วงมาถึงปี พ.ศ. 1991 - 2031 ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระสงฆ์ไทยคณะหนึ่งนำกันออกไปอุปสมบทแปลงเป็นสิงหนีนิกาย และศึกษาพระพุทธศาสนา ณ สำนักพระพนรัต มหาเถระในลังกาทวีป สำเร็จแล้วกลับมาตั้ง "คณะป่าแก้ว" ที่ "วัดเจ้าพญาไท" จึงนิยมเรียกชื่อกันว่า "วัดเจ้าพญาไทคณะป่าแก้ว" ภายหลังเรียกเหลือสั้นลงแค่ "วัดป่าแก้ว" และเปลี่ยนเป็น "วัดใหญ่ชัยมงคล" ในปัจจุบัน

วัดโบราณเก่าแก่ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา หลาย ๆ วัดเป็นที่รู้จักดีในหมู่เซียนพระ และนักเล่นของเก่าแก่ว่าจะต้องมีสมบัติมีค่ามหาศาลฝังไว้ใต้ดิน และแน่นอนว่าแต่ละที่จะต้องมี "ภูต" ที่เรียกว่า "ปู่โสม" เฝ้าอยู่ คนที่เชื่อและขยาดในอิทธิฤทธิ์มักไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่กับกลุ่มคนที่ชอบลักลอบเข้าไปขุด พวกนี้จะมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะกิเลสและความละโมบที่มีอยู่ ทำให้ตามืดบอด มองไม่เห็นหายนะและความตายจากคำสาปแช่งที่กำลังจะมาถึง

วัดป่าแก้วหรือวัดใหญ่ชัยมงคล ในอดีตมักจะมีพระธุดงค์แวะเวียนมาปักกลดแสวงหาความวิเวกอยู่เป็นประจำ สมัยนี้เล่ากันว่าบริเวณวัดมีแต่ต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย เช่น งูเหลือม งูจงอาง เป็นสถานที่อันตราย เปลี่ยว และยังลือกันว่า "ผีดุ" จนชาวบ้านได้กล้าย่างกรายเข้าไป แต่ก็ยังมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ใช้สถานที่นี้เป็นที่ปักกลดท่านคือ "หลวงปู่สีโห" พระป่ากรรมฐาน ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระปรมาจารย์กรรมฐานแห่งภาคอีสาน

"หลวง ปู่สีโห" ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นรุ่นเดียวกัน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ท่านเป็นพระที่เคร่งในพระธรรมวินัย แต่ไม่ชอบอยู่วัดเพราะท่านรักที่จะอยู่ตามป่า ท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงในทาง "วิปัสสนากรรมฐาน" มากจนได้รับการยกย่องว่า มีเมตตาและพลังจิตแก่กล้า มีอำนาจแห่งอิทธิฤทธิ์และอภิญญา

หลวงปู่สีโหท่านเคยมาปักกลดอยู่ในวัดป่าแก้ว ใกล้กับพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงสร้างเฉลิมฉลองพระเกียรติ ภายหลังที่มีชัยแก่พม่าแล้ว ขณะที่ท่านพำนักอยู่ได้มีคนกลุ่มใหญ่พากันเข้ามาภายในวัดมองดูลักษณะคล้าย พวกโจร คนเหล่านี้มาขอร้องให้หลวงปู่ถอนกลดย้ายไปจากที่นั่น หลวงปู่ถามว่าเหตุใดจึงมาไล่ท่าน คนพวกนั้นตอบตามตรงว่าพวกเขาจะมาขุดทรัพย์ตามลายแทง แต่ไม่อยากให้หลวงปู่ร่วมรับรู้ด้วย และยังได้เล่าต่อไปว่าภายในเขตกรุงศรีอยุธยานี้มีลายแทงโบราณ บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติไว้มากมายถึง 713 แห่ง พวกเขาขุดพบมาแล้ว 5 แห่ง และตามลายแทงยังบ่งบอกไว้ว่าในบริเวณรอบพระเจดีย์ใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรฯ สร้างนี้มีขุมทรัพย์อยู่ถึง 27 ขุม มีข้าวของเงินทอง และเพชรนิลจินดาอยู่มากมาย จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ได้เอาสมุดข่อย ซึ่งเขียนด้วยอักขรไทยโบราณมีรูปแสดงที่ตั้งขุมทรัพย์ใต้ดินในบริเวณรอบ ๆ พระเจดีย์ให้หลวงปู่ดู นอกจากนี้ในสมุดข่อยยังมีแผนที่แสดงขุมทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วกรุงศรีอยุธยาอีกมากมายนับไม่ถ้วน และที่น่ากลัวก็คือ ภายในสมุดข่อยเล่มนั้นมีอยู่หน้าหนึ่งเป็นผ้าเยื่อไม้ซีด ๆ ปรากฏคำสาปแช่งเอาไว้ด้วยโดยที่ไม่รู้ว่า กลุ่มโจรพวกนี้ จะเห็นหรือไม่

เรื่องขุมทรัพย์รายรอบพระเจดีย์นี้เป็นเรื่อง ที่คนโบราณว่าไว้จริง ซึ่งหัวหน้าแม่ชีท่านหนึ่งที่วัดใหญ่ชัยมงคลเคยเล่าให้ผู้เขียนฟัง ในสมัยที่ท่านเข้ามาอยู่ที่วัดนี้ใหม่ ๆ นอกจากจะได้เห็น "ดวงพระวิญญาณ สมเด็จพระนเรศวรฯ" แล้วท่านยังเคยเห็น "ทองลุก" ซึ่งเป็นไฟพะเนียงพุ่งขึ้นไปบนฟ้าตรงบริเวณหน้าพระเจดีย์องค์นี้ ซึ่งคนโบราณบอกไว้ว่าถ้าเห็นลักษณะนี้แสดงว่า ใต้ดินบริเวณนั้นต้องมีสมบัติฝังอยู่แน่นอน สำหรับที่มาของขุมทรัพย์เหล่านี้ตามลายแทงโบราณได้บอกไว้ว่าเป็นมหาสมบัติ อันล้ำค่า ของอดีตพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาหลายพระองค์ ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงขุดพบ และนำมาฝังไว้ตามคำแนะนำของสมเด็จพระพนรัตน์ป่าแก้ว ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย แก้อาถรรพณ์ดวงเมืองที่ตกต่ำ ร่วงโรยมานานให้รุ่งเรืองขึ้นในยุคสมัยของพระองค์

การขุดสมบัติของกลุ่มโจรในวันนั้นเล่าว่ามีการนำอาจารย์ทาง ไสยศาสตร์มาทำพิธีด้วย มีการเสกไข่เสี่ยงทายและพบไข่เป็นสีต่าง ๆ เช่น สีเหลือง แดง เขียว ดำ ซึ่งบอกให้รู้ว่ามีขุมทรัพย์ประเภททองคำ เพชรนิลจินดา และเงินตราโบราณอยู่มากมาย ทำให้พวกโจรดีใจกันมาก แล้วก็ช่วยกันทำการขุด เมื่อขุดลงไปประมาณ 7 ฟุต ก็พบโครงกระดูก 4 โครง นอนหัวชนกันหันเท้าชี้ไป 4 ทิศ และพอขุดลงไปอีกจอบก็ไปกระทบกับพื้นคอนกรีตโบราณ ซึ่งเป็นหลังคาอุโมงค์เก็บสมบัติ จึงพยายามช่วยกันแซะปากอุโมงค์ให้กว้างขึ้น และน่าประหลาดที่ภายในอุโมงค์มีกระแสลมแรงมาก พัดออกมาตลอดเวลา คล้ายมีพัดลมขนาดใหญ่อยู่ข้างใน อาจารย์ทางไสยเวทย์ที่ร่วมทีมจึงทดลองเอาด้ามเสียมแหย่ลงไปดูปรากฏว่า เสียมถูกกระแสลมตีเศษเหล็กกระจาย ทำให้แน่ใจว่าภายในหลุมนี้มี "หุ่นพยนต์" หรือ "จักรพยนต์" ที่คนโบราณผูกไว้สำหรับป้องกันขุมทรัพย์


"หุ่นพยนต์" หรือ "จักรพยนต์" นี้ทำด้วยเหล็กกล้าเนื้อดี และคมกริบเคลื่อนไหวด้วยกลไกที่ผลักดันจากแสง และอากาศที่อัดลงไป นอกจากนี้ยังมีการปลุกเสกลงอาถรรพณ์ ด้วยเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีวิญญาณสิงสถิตย์อยู่ หากจะทำลายก็ต้องแก้ด้วยเวทมนตร์ แต่สำหรับกลุ่มโจรเหล่านี้ แม้จะมีอาจารย์ทางไสยศาสตร์ มาคอยแก้อาถรรพณ์อยู่ด้วยก็ยังทำได้ยาก เพราะขณะกำลังทำพิธีล้างอาถรรพณ์หุ่นพยนต์นั้น อุโมงค์ขุมทรัพย์ก็ได้เลื่อนออกไป เสียงดังครืด ๆ เป็นที่น่าอัศจรรย์ หนำซ้ำยังมีดินถล่มลงมาถมปากอุโมงค์จนเต็ม เป็นการปิดไม่ให้คนเหล่านั้นได้ล่วงล้ำเข้าไปอีก แต่ถึงจะเจออภินิหารซึ่งหน้าเช่นนี้ กลุ่มโจรก็ยังไม่ย่อท้อ ตั้งใจว่าจะเริ่มขุดใหม่ในวันรุ่งขึ้น

ดึกดื่นคืนนั้นพวกโจรกลับกันหมดแล้ว ได้ปรากฏร่างใหญ่โตของคน 4 คน ซึ่งไม่มีหัวมายืนอยู่หน้ากลดหลวงปู่สีโห ทั้งหมดคือภูตที่คอยเฝ้ามหาสมบัติให้สมเด็จพระนเรศวรฯ มาแจ้งให้หลวงปู่ทราบว่า กลุ่มโจรเหล่านี้มาขุดพระราชทรัพย์อันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ ที่ทรงสาปแช่งไว้ แล้วยังทำพิธีไสยศาสตร์ ทำลายข่ายอาถรรพณ์ที่พระครูปุโรหิตโบราณาจารย์ทำไว้ให้เสื่อมอีก เท่ากับเป็นการทำลายดวงชะตาของบ้านเมือง พวกตนจะมาเอาชีวิตไปให้หมดแต่ติดขัดว่ามีหลวงปู่อยู่ด้วย จึงมาแจ้งให้ทราบ แต่หลวงปู่สีโห ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีจิตเมตตา ท่านจึงได้ขอบิณฑบาตชีวิตคนเหล่านั้น ขอแค่ดัดนิสัยให้เข็ดหลาบก็พอ ทำให้วิญญาณทั้ง 4 นิ่งอึ้ง และบอกว่าต้องให้หลวงปู่ลองพูดกับพญายมบาลเอง พวกเขาไม่มีอำนาจอะไร เพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้นพูดเสร็จก็เดินหายเข้าไปในองค์พระเจดีย์

หลวงปู่สีโหจึงเข้าฌานติดต่อกับพญายมบาล เมื่อพญายมบาลเปิดบัญชีดูจึงรู้ว่าพวกขุดลักพระราชทรัพย์เหล่านี้ ดวงยังไม่ถึงฆาตในตอนนี้ แต่กรรมหนักกำลังจะตามมาในไม่ช้า แต่ถึงอย่างไรพวกนี้ก็ควรจะได้รับผลจากคำสาปแช่งบ้างจะได้หลาบจำ เป็นอันว่าท่านพญายมตกลงจะไว้ชีวิตพวกโจร ครั้นรุ่งเช้าหลวงปู่สีโหตื่นขึ้นจะไปสรงน้ำ เพื่อออกบิณฑบาตก็ได้เห็นโจรกลุ่มนั้นกำลังนอนดิ้นทุรนทุราย เอามือกุมท้องบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด ขอให้หลวงปู่ช่วย ขณะเดียวกันบนองค์พระเจดีย์ใหญ่ก็เกิดเสียงดังครืน ทำให้ทุกคนหันไปดู เพราะคิดว่าพระเจดีย์จะถล่ม แต่แล้วก็พากันตกตะลึง เมื่อเห็นชายผู้หนึ่งเดินลงมาจากพระเจดีย์พร้อมด้วยผีหัวขาดร่างใหญ่โต และพากันเดินหายไปทางกำแพงแก้วด้านทิศใต้ พวกโจรในที่นั้นร้องอุทานด้วยความตกใจสุดขีด หลวงปู่จึงบอกว่า "พวกเขาคือปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่จะมาเอาชีวิตพวกเจ้า" พอได้ยินหลวงปู่พูดเช่นนี้ พวกโจรทั้งหมดก็เกิดความกลัว ตาหูเหลือกลาน จนอาการปวดท้องกำเริบ ทำให้หมดสติไปตามๆกัน หลวงพ่อเห็นแล้วก็ยิ่งเกิดความสังเวชที่เห็นโจรเหล่านี้ถูกลงโทษ เช้าวันนั้นท่านจึงจาริกออกจากอยุธยาไป ปล่อยให้โจรเหล่านั้นนอนสลบไสลเฝ้าขุมทรัพย์ภายในวัดป่าแก้วไปตามยถากรรม

"ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" นั้นมีจริงหากใครไม่เชื่อคิดลบหลู่ลองของก็เชิญพิสูจน์ได้ที่ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดใหญ่ชัยมงคล" จ.อยุธยา เพราะสมบัติมีค่ามหาศาล ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรฯ ณ ปัจจุบันก็ยังคงฝังอยู่ใต้ดินรอบองค์พระเจดีย์นั่นเอง ซึ่งคงต้องรอผู้มีบุญ ผู้มีวาสนาขุดขึ้นมาใช้เป็นพระราชทรัพย์บำรุงแผ่นดิน และพระพุทธศาสนาในยุคต่อ ๆ ไป

พระเจดีย์ชัยมงคลเป็นพระเจดีย์ที่สมเด็จพระ นเรศวรมหาราช โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติในคราวยุทธหัตถีมีชัยชนะ สมเด็จพระมหาอุปราชาแห่งพม่าเมื่อ พ.ศ. 2135 เป็นปูชนียวัตถุสำคัญแห่งหนึ่งของชาติไทย เป็นนิมิตหมายของเอกราช เตือนใจให้ระลึกถึงความกล้าหาญและความเสียสละของบรรพบุรุษ เป็นสัญลักษณ์แห่งอภัยทานของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อันเนื่องมาจากธรรมอันประเสิรฐแห่งพระพุทธศาสนา

รูปภาพหามาเองไม่เกี่ยวกับเนื้อหา.........ขอบคุณ



//board.postjung.com/892996.html




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2558   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2558 7:44:36 น.   
Counter : 2107 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]