ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

5 สถานที่ท่องเที่ยว กระชับรักหน้าหนาว

5 สถานที่ท่องเที่ยว กระชับรักหน้าหนาว





 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 8:34:59 น.   
Counter : 794 Pageviews.  

ไข้เลือดออก อันตรายกว่าที่คิด

ไข้เลือดออก อันตรายกว่าที่คิด

ยิ่งเป็นบ้านที่มีเด็กเล็ก ยิ่งต้องระวังกันให้มาก โรคไข้เลือดออกอันตรายไม่แพ้โรคอื่นๆ เพราะมีรายงานผู้เสียชีวิตในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก มาทำความรู้จักกับ โรคไข้เลือดออกนี้ พร้อมวิธีป้องกัน ให้คนที่คุณรักกันดีกว่าค่ะ

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการเริ่มแรกที่พบหลังจากที่ได้รับเชื้อจากยุงลายประมาณ 5-8 วัน ซึ่งถือว่าเป็นระยะฟักตัว ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ และมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน

โรคไข้เลือดออก มีอาการสำคัญที่ต้องสังเกต ดังนี้

• มีไข้สูงลอย 2-7 วัน

• มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณผิวหนัง

• มีตับโต กดเจ็บ และมักจะคลำได้ในวันที่ 3-4 นับจากเริ่มป่วย

• มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลว/ภาวะช็อก

โรคไข้เลือดออก แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ

1. ระยะไข้สูง

- มีไข้สูง ประมาณ 2-7 วัน ถึงจะกินยาลดไข้ หรือเช็ดตัวแล้ว ไข้ยังไม่ลด ความสูงของไข้ในผู้ติดเชื้อแต่ละรายจะไม่เท่ากัน คุณพ่อคุณแม่สามารถเช็ดตัว หรือให้กินยาลดไข้ (พาราเซตามอลเท่านั้น) ระวังอย่าให้มากเกินความจำเป็น เพราะอาจจะทำให้ ตับต้องทำงานหนัก อาจทำให้มีภาวะตับวาย หรือตับอักเสบรุนแรงได้

- ใบหน้าและตามลำตัว มีอาการแดงผิดปกติ บางรายอาจมีอาการเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย หรือมีผื่นขึ้น

- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง

- อาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เช่น มีจุด หรือมีเลือดกำเดาออก

ระยะนี้ถือเป็นระยะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าสังเกตอาการ การเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการดูแลสุขภาพลูกอย่างใกล้ชิด หรือรีบพาลูกพบแพทย์ทันทีค่ะ

2. ระยะวิกฤติ/ช็อก

อาการที่ต้องเฝ้าระวังนั่น คือ ระหว่างที่มีไข้ ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย ที่มีความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน ในตอนนี้ อาจมีการรั่วของพลาสมา (plasma) หรือน้ำเหลืองออกนอกเส้นเลือด และหากการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก จะทำให้คนไข้เกิดภาวะช็อกได้ ภาวะช็อกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีผู้ป่วยจะมีอาการเพิ่มขึ้น และอาจเสียชีวิตภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังภาวะช็อกได้

3. ระยะฟื้นตัว

ลักษณะของอาการโดยทั่วไปดีขึ้น หลังจากที่มีการดูดกลับของพลาสมาเข้าสู่กระแสเลือด ชีพจรเต้นช้าลงจากช่วงระยะวิกฤตที่มักจะเต้นเร็วกว่าปกติ สามารถรับประทานอาหารได้ ในบางรายจะพบผื่นขึ้นตามร่างกาย เรียกว่าผื่นในระยะพักฟื้น และปัสสาวะได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับระยะวิกฤติ คุณหมอจะหยุดการให้สารน้ำทางเส้นเลือด เพื่อป้องกันการแทรกซ้อนจากภาวะน้ำเกินได้

การป้องกัน

- ดูแลสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดจากยุงลาย ตวรจสอบบริเวณที่เป็นน้ำขัง และควรกำจัดแหล่งน้ำขังนี้ให้หมด

- ยุงลายจะออกหากินในเวลากลางวัน จึงไม่ควรประมาท ด้วยการปิดประตู หรือมุ้งลวดให้เรียบร้อยทุกครั้ง

- หมั่นสังเกตอาการของลูกน้อย หากลูกมีอาการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ

การดูแลรักษาเบื้องต้น

1. เช็ดตัวลดไข้ โดยใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ระหว่างเช็ดตัวหากมีอาการหนาวสั่นก็หยุดและห่มผ้าบางๆ ในเด็กเล็กเมื่อไข้สูงมากอาจจะเกิดอาการชักได้ โดยเฉพาะคนที่เคยมีประวัติชักตั้งแต่เด็ก

2. ให้รับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้ได้

3. ห้ามกินยาแอสไพรินหรือยาในกลุ่มลดไข้สูง เพราะยาในกลุ่มนี้มีผลทำให้เลือดออกง่ายขึ้น เพราะมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นกลไกสำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดในร่างกาย ในบางรายอาจทำให้เกล็ดเลือดต่ำลง หรือทำงานผิดปกติ เลือดจะออกไม่หยุด และเสียชีวิตได้

4. ทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม นม น้ำหวาน น้ำผลไม้ เป็นต้น

5. ให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ

ถ้าลูกของคุณยังวิ่งเล่นได้ และทานอาหารได้เป็นปกติ คุณก็สามารถปฐมพยาบาลที่บ้านได้ แต่หากอาการเป็นตรงกันข้าม รวมถึงมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ซึมลง หรือมีอาการเลือดออกร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ


//variety.teenee.com/foodforbrain/73184.html





 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 8:33:33 น.   
Counter : 1077 Pageviews.  

นี่แหละสาเหตุที่เป็น ไข้เลือดออก แล้วอาจถึงตาย!!

นี่แหละสาเหตุที่เป็น ไข้เลือดออก แล้วอาจถึงตาย!!

ในเพจเฟซบุ๊ค ใกล้มิตรชิดหมอ ได้มีการโพสต์แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นไข้เลือดออกเอาไว้ ซึ่งเข้ากับสถานะการณ์ในช่วงนี้เป็นอย่างยิ่งกับอาการป่วยถึงขั้นรุนแรงของพระเอกหนุ่ม ปอ ทฤษฏี เราจึงนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องไข้เลือดออกนี้มาแบ่งปันให้ทุกคนได้รู้และระวังกันให้มากขึ้น...


#### ไข้เลือดออก มันน่ากลัวจริงๆหรือเปล่า??? ตอนที่1 ####

สวัสดีครับเมื่อกี้เกริ่นๆเอาไว้เรืองไข้เลือดออก ที่เอาเรื่องนี้มาพูดเพราะคิดว่าหลายๆคนคงสนใจ(กลัว)กันอยู่ ประกอบกับว่าช่วงนี้กำลังเข้าหน้าฝนแล้ว ซึ่งช่วงหน้าฝนก็จะพบการระบาดของไข้เลือดออกได้มาก จริงๆแล้วไข้เลือดออก สมัยนี้พบได้เกือบตลอดทั้งปีทุกฤดูกาลแล้วนะครับ จากประสบการณ์ที่ดูคนไข้มา แต่ช่วงหน้าฝนก็จะเยอะขึ้นมากเพราะจะมีแหล่งน้ำขังอยู่เต็มไปหมด เหมาะแก่การแพร่กระจายของเจ้ายุงลายพาหะนำโรค จริงๆเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะมากเหมือนกัน พยายามจะเขียนให้ได้ครอบคลุม ถ้ามีอะไรสงสัยก็ฝากคำถามเอาไว้ได้นะครับ เอาละไปทำความรู้จัก " ไข้เลือดออก" กันครับ

ไข้เลือดออกเป็นไข้จากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งคือไวรัสเดงกี (Dengue virus) โดยมีพาหนำโรคคือเจ้ายุงลายเนี่ยแหละครับ

เชื้อไวรัสเดงกีนี้มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าโชคร้ายมากๆ คนไข้สามารถเป็นไข้เลือดออกได้ทั้งหมด 4 ครั้งในช่วงชีวิตนึงครับ ส่วนตัวผมเองก็คิดว่าโชคร้ายสุดๆแล้วนะ เคยเป็นไข้เลือดออกมา 2 ครั้งครับ ตอน ม.1 ครั้งนึง กับเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนครั้งนึง ซึ่งการติดเชื้อครั้งหลังๆอาการมักจะรุนแรงมากกว่าครั้งแรกครับ

วิธีการแพร่กระจายของเจ้าเชื้อเดงกีนี้เมื่อยุงลายไปดูดเลือดคนทีี่มีเชื้อเดงกี่ ก็จะมีเชื้ออยู่ในยุงลายตลอดอายุของมัน 1-2 เดือน นั่นแสดงว่าถ้าเจ้ายุงลายตัวที่มีเชื้อมันไปกัดคนอื่นๆก็จะสามารถแพร่เชื้อเดงกี ทำให้คนเป็นไข้เลือดออกได้ตลอด 1-2 เดือนนั้น น่ากลัวใช่มั้ยละครับ แค่ยุงลายตัวเดียวนะ จึงไม่แปลกเลยที่ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกหลายหมื่นคน จากข้อมูลในปีนี้จากเดือนมกรา-กลางเดือนมีนา มีผู้ป่วยสะสมทุกอายุ 13,200 ราย เสียชีวิต 16 ราย น่ากลัวและเป็นปัญหาได้ไม่น้อยเลยครับ

ทีนี้ตอบคำถามจากหัวบทความกันก่อนเลย ว่าไข้เลือดออกน่ากลัวจริงๆหรือ???? ตอบว่าจริงครับ

สิ่งที่อันตรายและน่ากลัวสำหรับไข้เลือดออกมีอยู่ 2-3 ข้อซึ่งเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้ โดยกลไกของโรคคือเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายเชื้อตัวนี้มันจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของงร่างกายทำให้เกิดการทำลายเกร็ดเลือดซึ่งมีหน้าที่ในการห้ามเลือดให้เลือดหยุดไหลถ้ามีเลือดออก โดยในคนปกติเกร็ดเลือดจะมีค่าประมาณ 150,000-500,000 เกร็ด/1ลบ.มม. ในคนที่เป็นไข้เลือดออกเกร็ดเลือดจะลดลงต่ำกว่า 100,000 ในรายที่รุนแรงมากอาจลงไปได้ต่ำถึง 30,000-50,000 หรือต่ำกว่า ซึ่งเกร็ดเลือดที่ต่ำมากๆนี้จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเลือดออกในอวัยวะต่างๆ เช่น ในทางเดินอาหาร เกิดอาการถ่าย/อาเจียนออกมาเป็นเลือด เลือดออกในสมองเกิดสมองบวม ซึ่งถ้าควบคุมไม่ทันก็เสียชีวิตได้

อีกเรื่องนึงที่เป็นอันตรายของไข้เลือดออก คือ ภาวะช็อค ต้องอธิบายให้เข้าใจเรื่องช็อคก่อนนะครับว่าในทางการแพทย์ "ภาวะช็อค " หมายถึงการที่ความดันโลหิตลดลงต่ำจากสาเหตุต่างๆเช่น ขาดน้ำ เลือดออก หรือแพ้รุนแรงจนความดันโลหิตต่ำ ถ้าปล่อยไว้นานๆความดันต่ำจนไม่เพียงพอจะไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง ไต หัวใจ ไม่ใช่อาการตกใจจนนิ่งไปที่คนทั่วไปชอบเรียกว่าช็อค คนเข้าใจผิดกันเยอะมาก สำหรับภาวะช็อคในผู้ป่วยไข้เลือดออก เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายเหมือนกันครับที่มันไปทำลายผนังเส้นเลือดฝอยทำให้มีการรั่วซึมของสารน้ำในเส้นเลือดออกนอกเส้นเลือด เมื่อรั่วมากๆและให้สารน้ำ(น้ำเกลือ) ตามเข้าไปไม่ทันก็จะทำให้ความดันโลหิตตก ถ้ารักษาไม่ทันก็เสียชีวิตได้เหมือนกัน

การเกิดการรั่วไหลของสารน้ำออกจากเส้นเลือด นอกจากจะทำให้ช็อคได้แล้ว สารน้ำที่ออกมาจะไปคั่งอยู่ตามอวัยวะต่างๆเช่น ใน ปอด ในตับ จะทำให้คนไข้มีตับบวมโต ปอดบวมน้ำเกิดภาวะหายใจลำบากหรือตับวายได้ถ้าเป็นมากๆรักษาไม่ทันก็อันตรายมากครับ

น่ากลัวเนาะ ^^"

อย่างไรก็ตามอันตรายรุนแรงต่างๆที่บอกไป 3 อย่างข้างต้นไม่ได้เกิดกับทุกคนและความรุนแรงของแต่ละคนไม่เท่ากันซึ่งข้อแตกต่างในความรุนแรงนี้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรแต่ส่วนนึงที่คาดว่าจะเกี่ยวคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถ้าิ่ยิ่งตอบสนองการติดเชื้อรุนแรงก็จะเกิดภาวะอันตรายต่างๆได้มากขึ้น



นี่แหละสาเหตุที่เป็น ไข้เลือดออก แล้วอาจถึงตาย!!


นี่แหละสาเหตุที่เป็น ไข้เลือดออก แล้วอาจถึงตาย!!

ขอบคุณที่มา >> facebook >> ใกล้มิตรชิดหมอ >> Dr. Jame
//variety.teenee.com/foodforbrain/73203.html




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 8:32:41 น.   
Counter : 1187 Pageviews.  

เคยสงสัยมั้ย!? เพชร กับ ทองคำ อันไหนมีค่ามากกว่ากัน

เคยสงสัยมั้ย!? เพชร กับ ทองคำ อันไหนมีค่ามากกว่ากัน

เคยสงสัยมั้ย!? เพชร กับ ทองคำ อันไหนมีค่ามากกว่ากัน

เพชร กับ ทองคำ อันไหนมีค่ามากกว่ากัน
 ทำไมถึงเห็นผู้คนทั่วไปถึงนิยมทองคำมากกว่า
 ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนก็ลงทุนกับทองคำ 
หรือว่าการเป็นทุนสำรองของประเทศก็ใช้ทองคำ
 สงสัยหรือไม่ว่าทำไมเพชรถึงไม่เป็นที่นิยม 
หรือว่าทองคำมันมีค่ามากกว่าเพชร .....

สภาพคล่องของทองคำมันสูงกว่า 
รวมถึงการซื้อขายใช้ราคาไม่มากเมื่อเทียบกับเพชรซึ่งมีส่วนของราคาสูง
 และมีการแบ่งสเกล แบ่งเกรดกันหลายขั้นมาก
ทองคำมันก็มีแค่แบ่งกัน 99.99%, 96.5% หรือระดับอื่นๆ
ตามกำหนดแต่ละประเทศซึ่งไม่ซับซ้อน

ส่วนเพชรนั้นมีแบ่งตั้งแต่ขนาด
 และแต่ละขนาดแม้เท่ากัน 1 กะรัต แต่ก็ไม่ได้มีราคาเท่ากัน
เพราะจะแบ่งเกรดตามความเข้มข้นของสี ถ้าใสนิ้งสุดๆก็เป็น D
 แล้วก็ E F G H ไปจนถึง Z เป็นสีเหลือง
และระดับตำหนิในเนื้อเพชรถ้า Flawless ก็ดีที่สุดเพราะเนื้อไม่มีตำหนิเลย 
หลังจากนั้นก็ไล่ออกไปเรื่อยๆแล้วการเจียรไนก็แตกต่างกันไป
 เป็นทรงกลม, รูปไข่, สี่เหลี่ยม, สามเหลี่ยม, หยดน้ำ แต่ละแบบก็ราคาต่างกัน
รวมถึงปัจจัยอื่นๆเช่นที่มี, ใบรับรอง, การเจียรไนมีตำหนิมั้ย,
 ค่าการสะท้อนแสงมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ
พูดง่ายๆคือไม่มีราคาที่ซื้อขายได้ตายตัวแบบทองคำ 
ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาเป็นขั้นตอน
เพชรในบางครั้งมันวัดมูลค่าหรือราคาตาม "ความพึงพอใจ"
 ของผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้มีราคากลางกำหนด

แต่เพชรเองก็มีคุณค่าในตัวมัน ดังเช่นกลุ่มกบฏในแอฟริกา
 ก็ใช้การแลกเปลี่ยนเพชรแทนเงินสดในการค้าอาวุธ
รวมถึงเงื่อนไขและการซื้อขายสินค้าบางประเภทของบางประเทศ 
ก็มีบ้างที่แลกเปลี่ยนกันด้วยเพชรโดยเฉพาะประเทศผู้ผลิต
แต่ส่วนใหญ่ที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันแบบนี้จะใช้เพชรดิบแทน ซึ่งยังไม่ได้เจียรไน

ส่วนมากที่ซื้อขายกันมักเป็นโลหะมีค่ามากกว่า
เพราะมันวัดกันจากน้ำหนักและความบริสุทธิ์ได้ง่าย
เพชรเป็นเรื่องของคุณค่าทางสายตาของคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง
 ไม่เหมาะกับการนำไปเป็นสินทรัพย์สำรอง

ทองเป็นธาตุมีตัวเลขในตารางธาตุเป็นของตัวเอง
จะเผาจะทุบจะหลอมก็ยังคงเป็นทอง
เช่นเดียวกับธาตุอื่น ๆ เช่น เงิน, ทองแดง, แพลตตินัม

เพชรคือส่วนประกอบของธาตุคาร์บอนมารวม ๆ กัน
เผาไฟออกมาแล้วก็เหลือแต่คาร์บอนดำ ๆ เอามาทำเป็นเพรชใหม่ไม่ได้
(ถ้าทำได้ขึ้นมาจะยิ่งแย่ เพราะธาตุคาร์บอนมันมีอยู่เยอะไปหมด)

และปัจจุบันทองแพงกว่าแพลตตินัมไปแล้ว ....

ที่มา: //www.umarin.com/board/index.php?topic=2913.0
//variety.teenee.com/foodforbrain/73183.html




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 8:31:54 น.   
Counter : 1435 Pageviews.  

ปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล่น โรคนี้ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย

ปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล่น โรคนี้ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย

ไม่ว่าจะลุก หรือนั่ง ต้องมีเสียงอุทานโอย...ขึ้นมาทุกที แม้จะกินยาไปก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย อาการปวดหลังนั้นสามารถเกิดได้จากความผิดปกติของร่างกายหลายอย่าง

เช่น การเคลื่อนไหวผิดท่าทาง หรือเกิดจากความผิดปกติของเเนวกระดูก ในบางรายอาจมีอาการปวดเล็กน้อย ทำให้เกิดการละเลยและกลายเป็นปัญหาเรื้อรังตามมา อาการปวดหลังเรื้อรังอาจมีสาเหตุมาจากการคดของกระดูกสันหลังได้ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่โดยส่วนใหญ่จะพบจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก ส่วนในเรื่องของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับว่า มีมุมของการคดกี่องศา และคนไข้มีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น มีปัญหาทางด้านระบบประสาทร่วมด้วยหรือไม่ มีอาการเสียความสมดุลของร่างกายหรือไม่ โดยการเสียสมดุลของร่างกายนั้นมีจุดสังเกตง่ายๆ ได้แก่ ไหล่สองข้างสูงไม่เท่ากัน หรือกระดูกเชิงกรานสูงไม่เท่ากัน ทำให้อาจมีปัญหาเรื่องของการเดินทำให้ทรงตัวขณะเดินลำบาก ทั้งนี้กลุ่มเสี่ยงของกระดูกสันหลังคดยังไม่พบแน่ชัด แต่พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่ประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคกระดูกสันหลังคด นอกจากนี้มักพบว่าเพศหญิงจะเป็นมากกว่าเพศชาย

สำหรับผลกระทบของโรคกระดูกสันหลังคด นอกจากจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง มีปัญหาด้านการทรงตัว และอาจมีปัญหาความผิดปกติของระบบประสาท เช่น ชา หรืออ่อนแรง ยังพบว่าผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมของกระดูกสันหลังเร็วกว่าคนปกติ ทั้งนี้เพราะการถ่ายน้ำหนักของแนวกระดูกสันหลังมีการเปลี่ยนแปลงไป

การรักษาโรคกระดูกสันหลังคดนั้นขึ้นอยู่กับมุมของแนวกระดูกสันหลังที่คด โดยถ้ามีมุมการคดไม่มากและไม่มีอาการใดๆ แพทย์จะใช้การติดตามอาการ โดยการเอ็กซเรย์เป็นระยะๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของมุมหรือการคดกระดูกสันหลัง ในคนที่มีมุมในการคดมากขึ้นมาแพทย์ก็จะพิจารณาใช้การกายภาพบำบัด ร่วมกับการใช้เสื้อดัดแนวกระดูกสันหลัง แต่ในรายที่มีอาการคดมากๆ คือ มีมุมความคดมากกว่า 45 - 50 องศา หรือในรายมีการกดทับของเส้นประสาท หรือมีปัญหาการทรงตัว อาจจะต้องพิจารณาการรักษาโดยการผ่าตัด


ปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล่น โรคนี้ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย
ขอบคุณข้อมูลจาก //www.praew.com
//variety.teenee.com/foodforbrain/73198.html




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2558 8:30:52 น.   
Counter : 900 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]