ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

12 วิธีใช้แอพไลน์ ที่หลายคนควรรู้ (Android)

12 วิธีใช้แอพไลน์ ที่หลายคนควรรู้ (Android)

แอพไลน์ (Line Messenger) เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์ยอดนิยม มีผู้ใช้งานโปรแกรมนี้เป็นจำนวนมากในยุคนี­้ ใครไม่เคยเล่นไลน์ถือว่าตกยุคกันเลยทีเดีย­ว หลายๆ คนอาจจะใช้งานยังไม่ครบในทุกฟังก์ชั่น ไทยทริคคลิปนี้ขอหยิบยกทริค เคล็ดลับ การใช้งานบางส่วนมานำเสนอในหัวข้อที่ชื่อว­่า "12 วิธีใช้ไลน์ ที่หลายคนควรรู้"
1.สร้างทางลัดไปห้องแชท

2.แชทแบบตั้งเวลา 
3.ซ่อนห้องแชท 
4.ปิดแจ้งเตือนเกมส์ 
5.ไม่รับแชทจากคนแปลกหน้า 
6.รายงานแชทที่คุกคาม 
7.ห้ามล็อคอินจากเครื่องอื่น 
8.เช็คสถานะการล็อคอิน 
9.ไม่ให้เพิ่มเพื่อนทางเบอร์โทร 
10.ไม่ให้เพิ่มเพื่อนจากรายชื่อในมือถือ 
11.ลบเพื่อนออกให้สิ้นซาก 
12.เลิกเล่นไลน์ถาวร

12 วิธีใช้แอพไลน์ ที่หลายคนควรรู้ (Android)



//clip.teenee.com/it/47325.html




 

Create Date : 05 มกราคม 2559   
Last Update : 5 มกราคม 2559 9:01:52 น.   
Counter : 715 Pageviews.  

6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

ตอนนี้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับหรือไม่? 

ถ้ามี เราขอแนะนำ 6 ท่าโยคะง่ายๆเพื่อเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติกซึ่งช่วยในการต่อต้านความเครียดและยกระดับการผ่อนคลาย

ท่าโยคะเหล่านี้ไม่ว่าใครก็เล่นได้ สิ่งที่คุณต้องการมีแค่หมอนใบเดียว เพียงเท่านี้คุณก็สามารถนอนเล่นโยคะบนเตียงอันแสนนุ่มสบายของตัวเองได้เลย

ก่อนอื่น...กรุณาสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ 10 รอบ


6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

1. ท่า Seated Wide Angle (Upavistha Konasana)

นั่งกางขาออกจากกันและวางหมอนไว้ตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าและยืดตัวให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นปล่อยลมหายใจออกพร้อมกับก้มตัวไปข้างหน้า ยืดแขนไปข้างหน้าจนกว่าร่างกายท่อนบนจะทับลงบนหมอน หากการยืดตัวทำให้กระดูกสันหลังเหยียดตึงมากเกินไป ก็ให้งอเข่าทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย แล้วสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆสัก 10 รอบจากนั้นค่อยกลับมานั่งหลังตรงใหม่
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

2. ท่า Locust (Salabhasana)

ใช้หมอนรองรับสะโพกและหน้าท้องไว้ จ้องมองลงข้างล่าง เกร็งบริเวณท้ายทอยและประสานนิ้วมือไว้ข้างหลัง หายใจเข้าเหยียดแขนไปข้างหลังและยกมือขึ้นพร้อมกับกดนิ้วเท้าลงบนเบาะ หายใจออกและพยายามรักษาระดับความสูงค้างไว้ สูดลมหายใจเข้าอีกครั้งพร้อมกับยกหน้าอกกับศีรษะขึ้นและมองไปข้างหน้าโดยให้ท้ายทอยอยู่ในระดับปกติ หายใจออกและค้างอยู่ในท่านี้ จากนั้นพยายามยืดลำตัวและหายใจเข้า-ออกประมาณ 10 รอบ หากทำครบแล้วให้หายใจออกลดลำตัวลงบนที่นอนและปล่อยแขนไว้ข้างลำตัว
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

3. ท่า Legs Up The Wall (Viparita Karani)

วางหมอนชิดกำแพงหรือหัวเตียงของคุณ แล้วนอนทับลงไปบนหมอนโดยให้กระดูกก้นกบของคุณอยู่บนหมอนตั้งฉากกับหัวเตียงหรือกำแพง ยืดขาขึ้นไปบนกำแพงให้ส้นเท้าอยู่แนวเดียวกันกับสะโพก และให้ศีรษะกับไหล่ของคุณอยู่บนที่นอน ยืดแขนกว้างๆไว้ข้างลำตัว หงายฝ่ามือขึ้นเพื่อรับพลังงานจากลมหายใจที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ค้างอยู่ในท่านี้พร้อมกับหายใจลึกๆประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรงอเข่าข้างหนึ่งและพับมาไว้บนขาอีกข้างหนึ่ง
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

4. ท่า Reclined Bound Angle (Supta Baddha Konasana)

วางหมอนไว้บนเตียงและเอนหลังนอนลงไป แยกขาออกพร้อมกับใช้ฝ่าเท้าประกบกัน เมื่อหายใจออกทุกครั้งให้ดันหลังชิดหมอน ค้างอยู่ท่านี้อย่างน้อย 2 นาที
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

5. ท่า Supine Spinal Twist (Jathara Parivartanasana)

เปลี่ยนจากท่า Reclined Bound Angle โดยค่อยๆใช้มือจับเข่าของคุณเอียงไปทางซ้าย โดยให้แขนอีกข้างนึงกางออกไปด้านข้างแนวเดียวกับหัวไหล่ หงายฝ่ามือขึ้น ผ่อนคลายความตึงเครียดทุกครั้งที่หายใจออก ค้างอยู่ท่านี้ประมาณ 1 นาที แล้วค่อยเปลี่ยนไปอีกข้างหนึ่ง
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

6. ท่า Corpse (Savasana)

ก่อนที่คุณจะเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน ให้อาศัยช่วงเวลาแห่งความสงบนี้ในการบริหารลมหายใจเข้าออก วางหมอนไว้ใต้กระดูกสันหลังตั้งแต่ศรีษะลงมาถึงช่วงเอวและเหยียดขาไปข้างหน้าจากนั้นวางมือซ้ายไว้บนหัวใจ ส่วนมือขวาวางไว้บนหน้าท้อง หายใจเข้าออกลึกๆสม่ำเสมอ 3 รอบ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าให้นับ 1-4 แล้วกลั้นลมหายใจค้างไว้ โดยระหว่างที่กลั้นลมหายใจให้นับ 1-7 ไปด้วย จากนั้นผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ ระหว่างที่ผ่อนลมหายใจออกมานับให้ได้ 1-8 ทำซ้ำอีก 4 รอบ ขั้นตอนสุดท้ายนำหมอนที่หนุนหลังออก คราวนี้ก็นอนหลับฝันดีจ้า!
6 ท่าโยคะเพื่อช่วยในการนอนหลับสบาย

ที่มา Isuue247>>www.mindbodygreen.com
//variety.teenee.com/foodforbrain/74021.html




 

Create Date : 05 มกราคม 2559   
Last Update : 5 มกราคม 2559 9:00:01 น.   
Counter : 1099 Pageviews.  

กินอยู่ไม่ถูกต้องเสี่ยง “ไขมันพอกตับ”

กินอยู่ไม่ถูกต้องเสี่ยง “ไขมันพอกตับ”

อธิบดีกรมการแพทย์  เผย ไขมันพอกตับปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถเป็นได้ หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ได้ แนะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่จำเป็นและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ป้องกันควบคุมรักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้

นายแพทย์สุพรรณ  ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ไขมันพอกตับคือภาวะสะสมไขมันซึ่งส่วนมากอยู่ในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์ตับ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ดื่มสุราเป็นประจำ มีรูปร่างอ้วน เป็นเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในระยะแรกมักไม่แสดงอาการใดๆ แต่ในรายที่มีการอักเสบของตับร่วมด้วยอาจมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกอึดอัด ปวดแน่น

เจ็บบริเวณชายโครงด้านขวาในตำแหน่งที่อยู่ของตับ จากการมีตับโตและมักคลำพบได้ เบื่ออาหาร รู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ คล้ายอาหารไม่ย่อยท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ แน่นท้อง อึดอัดท้อง อาจผอมลงโดยไม่ได้เกิดจากการอดอาหารหรือลดน้ำหนัก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาภาวะไขมันพอกตับจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลทำให้เกิดภาวะตับแข็งและอาจลุกลามเป็นโรคมะเร็งตับจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการป้องกันและรักษาต่อไป

การรักษาไขมันพอกตับทำได้ด้วยการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี โดยการควบคุมปริมาณและคุณภาพอาหารหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย กะทิ ชีส กุ้ง ปู ไข่แดง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารโดยเฉพาะมื้อเย็น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่พึงระวังไม่ควรหักโหมลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารและเร็วจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบอย่างรุนแรงได้ ควรลดน้ำหนักเดือนละ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน หรือลดเดือนละ 15% ของน้ำหนักเริ่มต้นจนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และควรรักษาระดับน้ำตาลและควบคุมไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จะช่วยสลายไขมันจากตับได้ดี

อธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังมาถึง เป็นช่วงเวลาแห่งการฉลองพบปะสังสรรค์ ส่วนใหญ่ในงานเลี้ยงมักมีอาหารที่ให้พลังงานสูง รสชาติอร่อย และสีสันสวยงาม ดังนั้น ควรเลือกบริโภคอาหารให้เหมาะสมถูก สุขลักษณะ จำกัดประเภท และปริมาณอาหารพลังงานสูงโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและไขมัน หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เป็นต้น นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส  โดยใช้โอกาสนี้ในการเริ่มต้นใส่ใจดูแลสุขภาพ เพราะการมีสุขภาพดีห่างไกลโรค ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับตัวเอง


กินอยู่ไม่ถูกต้องเสี่ยง “ไขมันพอกตับ”
ที่มา : //www.thaihealth.or.th

//variety.teenee.com/foodforbrain/74022.html




 

Create Date : 05 มกราคม 2559   
Last Update : 5 มกราคม 2559 8:58:14 น.   
Counter : 899 Pageviews.  

ทำไมคนโบราณถึงห้ามผู้หญิงผิวปาก!! มาฟังคำตอบกัน

ทำไมคนโบราณถึงห้ามผู้หญิงผิวปาก!! มาฟังคำตอบกัน

ที่มาของความเชื่อของคนในโบราณมักเกิดขึ้นโดยไม่ทราบคำตอบอยู่เสมอ บ้างก็เชื่อ บ้างก็ไม่เชื่อ อย่างเช่นกรณีการผิวปาก ในสมัยโบราณมีข้อห้ามไว้ว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรผิวปากโดยเด็ดขาด ซึ่งหากคนสมัยฟังดูอาจแปลกๆ เพราะเหตุผลอะไรล่ะ ที่ต้องห้ามกัน

การที่ผู้หญิงผิวปาก สมัยโบราณเชื่อกันว่า จะทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ ชีวิตจะเกิดแต่เรื่องไม่ดีตามมาภายหลัง นอกจากนี้ หากหญิงสาวคนใดผิวปากในบ้าน ก็จะถูกผีเรือนตบปาก หรือถูกสาปแช่ง ทำให้หญิงคนนั้นมีปากเบี้ยว หรือปากพิการ แม้แต่หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ว่ากันว่าหากผิวปาก อาจส่งผลให้ลูกในท้องมีปากที่ผิดปกติ หรืออาจเป็นใบ้

อย่างไรก็ตาม จากความเชื่อนี้ อาจนำมาซึ่งการรักษามารยาทของผู้หญิงซะมากกว่า อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณ

ที่มา: //www.kanomjeeb.com/news-details.php?item=3522
//variety.teenee.com/foodforbrain/74027.html




 

Create Date : 05 มกราคม 2559   
Last Update : 5 มกราคม 2559 8:57:23 น.   
Counter : 938 Pageviews.  

ก็แค่ผลัดกัน...ความน่ารักที่ซึ้งจนน้ำตาไหล

ก็แค่ผลัดกัน...ความน่ารักที่ซึ้งจนน้ำตาไหล

ก็แค่ผลัดกัน
ก่อนนั้นฉันตัวเล็ก ขาไม่แข็ง เดินช้า ตาไม่ดี
เธอคอยอุ้มฉัน ดูแลฉัน
ตอนนี้เธอตัวเล็ก ขาไม่แข็ง เดินช้า ตาไม่ดี ฉันจะเป็นขา เป็นตา 
และเป็นสะพานบุญให้เธอ
มันเป็นความรัก

ก็แค่ผลัดกัน...ความน่ารักที่ซึ้งจนน้ำตาไหล
การออกกำลังกายเป็นประจำ
จะทำให้ร่างกายเราเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ผู้หญิงยุคนี้ต้องสตรอง ถึก และ บึกบึน

ก็แค่ผลัดกัน...ความน่ารักที่ซึ้งจนน้ำตาไหล


ก็แค่ผลัดกัน...ความน่ารักที่ซึ้งจนน้ำตาไหล
จำได้ไหม ตอนฉันเด็กๆ ใครเคยใส่รองเท้าให้ฉัน
ตอนนี้ฉันใส่รองเท้าให้เธอ
อีก5 ปี คุณย่าจะอายุ 100
ส่วนริชก็จะอายุ 35 
ถ้าอีก 10 ปี คุณย่าจะอายุ 105
ริชก็จะอายุ 40
เราจะอยู่ดูแลกันตราบนานเท่านานนะ



ที่มา: Rich Kannathip 
https://www.facebook.com/rich.kannathip
//socialnews.teenee.com/goodman/422.html




 

Create Date : 05 มกราคม 2559   
Last Update : 5 มกราคม 2559 8:56:39 น.   
Counter : 1092 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]