เวลา 16.10 น. ข้าพเจ้าได้รับแจ้งชื่อนักโทษที่จะต้องเข้าไปเบิกตัวคือ น.ช.อำไพ ใสโพธิ์ ข้าพเจ้าและพี่เลี้ยงอีก 2 นายพร้อมด้วยหัวหน้าฝ่ายควบคุมกลาง ได้เข้าไปเบิกตัวที่หมวดควบคุมนักโทษประหารแดน 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำตึกขังไขกุญแจเปิดประตู นักโทษที่อยู่ภายในต่างเงียบเสียงรอฟังว่า ใครจะเป็นผู้โชคร้ายที่ถูกเรียกชื่อในวันนี้บ้าง เมื่อไปถึงห้องที่ใช้คุมขังน.ช.อำไพ "หัวหน้าฝ่ายควบคุมกลางได้ขานชื่อ "อำไพ ใสโพธิ์ ออกมาข้างนอกด้วย" ข้าพเจ้าเห็นน.ช.อำไพซึ่งดูเด็กกว่าทุกคนในห้องนั้น ลุกยืนขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ไปรอบห้องแล้วกล่าวว่า
"ผมลาก่อนครับ ขอให้ทุกคนโชคดี อย่าโดนอย่างผมนะครับ" มีเสียงตอบมา
"ไปที่ชอบโว้ยไอ้น้อง" "นึกถึงพระถึงเจ้าไว้" "แล้วจะบอกที่บ้านให้ทำบุญไปให้" ฯลฯ แล้วน.ช.อำไพก็เดินมาที่ประตูห้อง ข้าพเจ้ารีบคว้าแขนดึงตัวให้พ้นออกมาจากห้อง สวมกุญแจมือและค้นตัวตามระเบียบ
เมื่อนำตัวมาถึงหมวดผู้ช่วยเหลือฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนประวัติผู้ต้องขัง เข้ามาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบตำหนิแผลเป็นและประวัติบุคคลตามระเบียบ สารวัตรโกมลได้ถามว่า "อำไพ คุณนึกยังไงถึงได้ข่มขืนเด็ก" น.ช.อำไพตอบว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ช่วงนั้นผมเมาเลยขาดสติไปชั่ววูบ ปกติแล้วเวลาผมเมาผมจะมีอารมย์ทันที ผมมีเมียทั้งหมด 3 คน พอดีเมียผมไม่อยู่เลยสักคน เห็นเด็กเดินมาเลยหน้ามืดไปหน่อยครับ" ข้าพเจ้าถามว่า "แล้วไม่นึกสงสารเด็กบ้างหรือยังไง เด็กที่ตายตัวขนาดไหนหรือ" น.ช.อำไพยกมือแสดงความสูงของเด็ก แล้วพูดว่า "แค่นี้ครับ ตอนนั้นผมเมามากไปหน่อย" ข้าพเจ้าเห็นแล้วให้รู้สึกเศร้าใจ พี่เลี้ยงอีกนายถามว่า "แล้วหลอกเด็กไปยังไง เด็กไม่ร้องไห้ให้คนช่วยหรือ"
น.ช.อำไพเล่าให้ฟังว่า "ผมซื้อขนมให้เด็กก่อน แล้วบอกว่าจะพาไปเที่ยว เด็กดีใจยอมให้ผมอุ้มขึ้นนั่งรถ พอไปถึงที่เปลี่ยวผมก็จอดรถ อุ้มเด็กเดินเข้าไปในป่าข้างทาง บอกเด็กว่าจะพาเข้าไปเดินเล่น เมื่อถึงข้างจอมปลวกผมได้วางเด็กลง แล้วถอดเสื้อผ้าให้เด็ก เด็กก็ยังไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรแก มองดูผมตาปริบๆ ผมจับให้นอนลงเด็กก็นอนลงอย่างว่าง่าย แต่พอผมทำกับแก เด็กคงจะเจ็บร้องไห้ลั่นขึ้นมา ผมเอามืออุดปากไว้ แต่เด็กดิ้นไม่หยุด ผมเลยจับตัวฟาดกับจอมปลวกจนสลบ แล้วผมรีบจัดการให้เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วเด็กฟื้นและร้องไห้จ้าขึ้นมา ไม่รู้ว่าผีห่าตัวใด ดลใจให้ผมจับเด็กฟาดกับจอมปลวกอีกครั้ง แล้วเอาไม้หวดเด็กจนตาย ผมยอมรับว่าผมมันเป็นคนระยำมักมากในกาม มีเมียกี่คนก็ทนรับผมไม่ไหว จะเอาตัวผมไปฆ่าแกงที่ไหนก็เชิญเถอะครับ"
ข้าพเจ้าพูดว่า "แล้วไม่โดนชาวบ้านเหยียบบ้างหรือไง ทำไมถึงได้โหดเหลือเกิน โชคดีที่พวกผมไม่มีหน้าที่แก้แค้นให้ใคร แต่ที่ต้องทำกับอำไพในวันนี้ เป็นการทำตามหน้าที่เท่านั้น อย่าได้โกรธเคืองพวกผมนะ"
น.ช.อำไพ "ผมโดนกระทืบแทบตาย ชาวบ้านบ้าง ตำรวจบ้าง พวกในห้องขังด้วยกันบ้าง เข้าไปที่บุรีรัมย์ก็โดนอีก(หมายถึงเรือนจำ) แต่ผมไม่โกรธพวกเขาหรอก ถ้าเป็นผมๆก็คงไม่ปล่อยไว้เช่นกัน แค่นี้ยังไม่สาสมกับความผิดของผมหรอกครับ"
เมื่อพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จ เวรผู้ใหญ่ได้เข้ามาอ่านคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีให้ฟัง แล้วให้เซ็นทราบในคำสั่งนั้น เสร็จแล้วให้ทำพินัยกรรมและเขียนจดหมาย น.ช.อำไพได้เขียนจดหมายลาทางบ้านฉบับหนึ่ง จากนั้นข้าพเจ้าได้ยกอาหารมื้อสุดท้ายมาให้ ในวันนั้นมีแกงเผ็ดหมู ข้าวเปล่า และขนมข้าวเหนียวถั่วดำ น.ช.อำไพได้ตักกินไปอย่างละหน่อยแล้ววางช้อนลง พร้อมกับพูดว่า "อยากจะกินแต่กินไม่ลง เฮ้อ! เพราะเหล้าแท้ๆไม่น่าเลย"
ต่อจากนั้นได้นำตัวไปฟังเทศนาธรรมจากพระสงฆ์ ซึ่งได้กล่าวถึงผลกรรมและการไม่อาฆาตจองเวร พร้อมกับแนะนำทางสงบให้น.ช.อำไพ โดยให้นึกถึงแต่พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ไว้ เสร็จแล้วข้าพเจ้านำตัวไปสู่ห้องประหารทันที
ระหว่างทางข้าพเจ้าได้ถามไปว่า "อำไพอยากกินอะไรพิเศษไหม พรุ่งนี้ผมจะทำบุญไปให้" น.ช.อำไพ "ก็ดีครับหัวหน้า ผมขอประเภทลาบน้ำตก อย่าลืมข้าวเหนียวด้วยนะครับ แต่จะถึงผมหรือเปล่าก็ไม่รู้"
เมื่อผ่านศาลเจ้าพ่อเจตคุปต์ ได้ให้น.ช.อำไพแวะเข้ากราบลา แล้วพาเดินต่อไปจนถึงศาลาเย็นใจ ข้าพเจ้าได้ให้นั่งที่เก้าอี้ขาว ให้พนมมือกำดอกไม้ธูปเทียน พี่เลี้ยงอีกนายใช้ผ้าดิบผูกปิดตา แล้วช่วยกันประคองเข้าห้องสู่ประหาร โดยนำไปผูกมัดตัวที่หลักประหารหลักที่หนึ่ง ระหว่างผูกมัดน.ช.อำไพได้พูดเป็นครั้งสุดท้าย "หัวหน้าครับ ฝากเตือนคนทั่วไปด้วยนะครับ เหล้ายาเป็นสิ่งไม่ดี เป็นต้นเหตุของความผิดหลายๆอย่าง ถ้าใครเลิกได้ก็ขอให้เลิกซะ แต่ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ขอให้กินอย่างมีสติ อย่าให้เหมือนอย่างผมเลยนะครับ" ข้าพเจ้าตอบไปว่า "ถ้าผมมีโอกาสผมจะบอกให้นะ" เสร็จแล้วได้ทำการตั้งเป้าตาวัว เอาทรายแห้งโรยรอบหลักประหาร แล้วแจ้งให้หัวหน้าชุดประหารทราบ
พลเล็งปืนเข้าทำหน้าที่บรรจุกระสุนและตั้งศูนย์ปืน เพชฌฆาตมือหนึ่งเข้าตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อพร้อมแล้วธงแดงได้สะบัดลงทันที "ปัง ปังๆๆๆๆๆๆ" รวมทั้งสิ้น 8 นัด ทำการประหารเมื่อเวลา 17.05 น. เมื่อเสียงปืนสงบ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงครางแผ่วๆอยู่พักหนึ่งแล้วเงียบเสียงไป เมื่อครบ 3 นาที ได้เข้าไปตรวจดูพร้อมแพทย์ ปรากฏว่าน.ช.อำไพได้สิ้นใจไปแล้ว หัวหน้าชุดประหารจึงสั่งให้นำร่างลงจากหลัก จับให้นอนคว่ำหน้าไว้ เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือได้เข้ามาทำหน้าที่ต่อไป
ขอให้ดวงวิญญาณของด.ญ.กุลธิดา ใจกล้า จงเป็นสุขอยู่ในสุขคติภพ คนที่ทำกับหนูไว้ ได้ชดใช้กรรมให้แล้ว
ขออโหสิกรรมต่อนายอำไพ ใสโพธิ์ จงหมดสิ้นเวรกรรมทั้งหลายที่ได้ทำไว้
ขอชมเชยความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.ละหานทราย ทุกท่าน ถึงแม้จะพบเด็กสายไปหน่อย แต่ยังคงสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แทบจะทันที ด้วยใจจริง