ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ที่มาของถุงยางอนามัย




ถุงยางอนามัย หลายคนคงเคยแต่ใช้ แต่ไม่รู้ที่มาวันนี้นำที่มาของถุงยางอนามัยว่าเป็นมาอย่างไร มาให้ได้เก็บเป็นความรู้กัน


1
ธันวาคม ถือเป็นวันเอดส์โลก และทั่วโลกได้มีการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัย
เพื่อป้องกันโรคทางเพศ ที่มาของถุงยางอนามัย
เป็นมาอย่างไรมีข้อมูลมาให้ได้เก็บเป็นความรู้กัน

1000 ปี
ก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์ได้ใช้ถุงผ้าลินิน
แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าใช้โดยจุดประสงค์เหมือนกับถุงยางอนามัยใน
ปัจจุบัน หรือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา

คริสต์ศักราช
100-200
ได้มีหลักฐานปรากฏว่าได้เริ่มมีการใช้ถุงยางอนามัยกันแล้วในแถบยุโรป
โดยพบภาพเขียนผนังถ้ำที่ Cambarelles ประเทศฝรั่งเศส

คริสต์ศักราช
1500 ประเทศอิตาลีได้มีการวิจัยโดย Gabrielle Fallopius
พบว่าการใช้ถุงผ้าลินินนั้นใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค
และต่อมาได้พบว่าใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ด้วย

คริสต์ศักราช 1700
ได้มีการพูดถึงที่มาของชื่อ Condom ว่ามีที่มาอย่างไร
บางความเชื่อคิดว่ามาจากชื่อของ Dr.Condom
ซึ่งได้ผลิตถุงทิชชูใช้สำหรับสัตว์ถวายพระเจ้า Charles ที่ 2 แห่งอังกฤษ
สำหรับความเชื่ออื่นเชื่อว่ามาจากชื่อ Dr.Condon หรือ Colonel Cundum
ซึ่งมาจากภาษาลาตินคำว่า Condom ซึ่งแปลว่าภาชนะที่รองรับ

คริสต์
ศักราช 1844 Goodyear and Hancock
ได้เริ่มผลิตถุงยางอนามัยโดยทำจากยางที่มีส่วนผสมของกำมะถัน
ซึ่งมีทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่น

คริสต์ศักราช 1861
ได้มีโฆษณาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยเกิดขึ้นครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์ The New
York Time ในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยข้อความว่า "Dr. Power's French
Preventatives."

คริสต์ศักราช 1873 The Comstock Law
ได้ห้ามมิให้โฆษณาอุปกรณ์ในการคุมกำเนิดทุกชนิด
รวมทั้งอนุญาติให้ไปรษณีย์สามารถริบถุงยางอนามัยที่จำหน่ายทางพัสดุได้

คริสต์ศักราช 1880 ได้มีการผลิตถุงยางอนามัยแบบ Latex ขึ้นมาครั้งแรก แต่เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในปี 1930

คริสต์
ศักราช 1900 Social hygienists
ได้พยายามต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้ามการใช้ถุงยางอนามัย
ซึ่งเป็นผลจากการที่ทหารอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 1
มีการติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง
ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกามากกว่า 70%
ก็ได้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน
ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงได้เริ่มรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยตั่งแต่
นั้นมา

คริสต์ศักราช 1960 ได้มีการปฏิวัติในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์
ซึ่งผลให้ความนิยมในการใช้ถุงยางอนามัยลดน้อยลง
และพบว่าเยาวชนนิยมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

คริสต์
ศักราช 1980 ได้พบการระบาดของเชื้อ HIV หรือเรียกกันว่าโรค AIDS
ซึ่งเป็นผลให้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เริ่มตระหนักและหันมานิยมใช้ถุงยางอนามัย
อีกครั้งหนึ่ง

คริสต์ศักราช 1990
ได้มีการผลิตถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก และมีหลายแบบให้เลือก
ทั้งที่มีสีสันแปลกๆ ผิวเรียบและไม่เรียบ มีกลิ่นและรสผลไม้
รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกๆมากขึ้น






ที่มา //www.voicetv.co.th/


Create Date : 12 มกราคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2555 17:06:51 น. 0 comments
Counter : 1344 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]