ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

เมื่อฉันมีโอกาสได้ทำงานที่ "เนอสเซอรี่" แห่งหนึ่ง สิ่งที่เห็น....

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับเนื้อหา ^^

ได้มีโอกาสไปทำงานที่เนิสเซอรี่ ย่านรามคำแหง แต่ก่อนเชื่อว่าเป็นสถานที่ ที่ พ่อแม่ไว้วางใจได้ เพราะราคาค่อนข้างสูงเลยคิดว่าระบบภายใน หรือ ครูพ่เลี้ยงน่าจะได้มาตรฐาน แต่พอไปทำจริงๆกลับไม่เป็นอย่างที่คิดค่ะ

วันแรกที่ทำ...ได้เลี้ยงเด็กโตหน่อยค่ะ ขวบครึ่ง-สองขวบครึ่งประมาณนี้ (ลูกเราต้องแยกไปห้องเด็กอ่อน) จากที่สังเกตุพี่เลี้ยงยังอายุน้อย การดูแลก็ยังเฉยๆไม่ได้อะไรมากมาย แค่ดูไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ถึงเวลากินก็กิน เวลานอนก็พานอน เวลาเด็กทะเลาะกันก็ด่าๆๆ ตะหวาด ตะคอก เด็กหลายๆคนเป็นเด็กก้าวร้าว วิธีการสอนผิดๆ เช่น..

น้องเอ : (ชี้ไปที่น้องบีที่ถือขนม) ไม่แบ่งๆ คุณครูไม่แบ่งงๆ (พยายามจะบอกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ยอมแบ่งขนม)
ครูพี่เลี้ยง : ก็อย่าไปยุ่งกับมัน มันขี้เหนียว !!
เรา : (อึ้งง!....ทำไมสอนเด็กงี๊ฟร่ะะะะะ ??!! )
** น้องบีไปหลบมุม กินขนมคนเดียวหน้าเศร้าๆ **
ครูพี่เลี้ยง : (ตะโกนไปตอกย้ำ) เออ คนขี้เหนียวไม่มีใครคบหรอก
** น้องบีกรี๊ดดดดดด **
เรา : (เดินไปที่น้องบี) น้องบีคะ ไหนขนมอร่อยไม๊คะ?? แบ่งคุณครูหน่อยได้ไม๊
** น้องบีมองหน้า นิ่ง... **
เรา : (ยิ้มให้ แล้วพูดซ้ำอีกรอบ)
** น้องบียื่นขนมให้ **
เรา : อร่อยมากเลยค่ะะะ แบ่งเพื่อนกินด้วยได้ไม๊คะ เนอะะ....เด็กดีต้องแบ่งเพื่อนๆกินด้วยนะคะ
** ค่อยๆเดินไปยังกลุ่มเพื่อน แล้วยื่นขนมให้ **
เรา : เก่งมากเลยค่าาา มีขนมต้องแบ่งเพื่อนกินด้วยนะคะ
** เด็กๆพยักหน้า แล้วเล่นกันต่อ **
ครูพี่เลี้ยง : (มองแบบ.....บอกไม่ถูกแหะ)

นี่ตัวอย่างนะคะ คือเค้าไม่ได้สอนเรื่องการอยู่ในสังคมอ่ะ เลี้ยงไปตามหน้าที่ เลี้ยงส่งๆ ซึ่งพื้นฐานจิตใจเด็กบางคนไม่ใช่คนที่เกเรหรือก้าวร้าวอะไร
เพียงแต่โดนชักจูงไปตามนิสัยของครูพี่เลี้ยง ซึ่งแน่นอนเค้าไม่ได้ทำด้วยความรัก การเอาใจใส่ ผลเลยออกมาไปทางลบซะเยอะะะะะ

วันที่สอง....ผจก. ให้เราเข้าไปดูเด็กอ่อนในห้องนี้มีเด็กอ่อนสุด 5เดือนกว่า โตสุดขวบนิดๆ ที่ใกล้จะออกไปอยู่ห้องเด็กโตไม่กี่เดือนนี่ สิ่งที่เจอแย่กว่าห้องเด็กโตอีกค่ะ T T
คนที่ดูแลเด็กเล็กอารมณ์ร้อนมากกกกก หงุดหงิดตลอดเวลา ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ เด็กบางคนพึ่งมาใหม่เค้าจะร้องงงเพราะห่างแม่ คือเค้าปล่อยไว้ในเปล ไม่สนใจ ยัดนมๆ จับให้นอนๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียวจริงๆ ของเล่น นิทาน มีนะคะแต่ไม่เคยเอามาให้เด็กเล่น เหตุผลคือ "ขี้เกียจตามเก็บ" ห๊ะะะะ...เรานี่อึ้งเลย ด้วยความที่เด็กร้องมาก ด้วยความที่เราเป็นแม่ที่มีลูกวัยๆนี้ เราเข้าใจเค้าเค้าแค่ต้องการความอบอุ่น เลยไปอุ้มเค้ากอดไว้ โอ๋ไว้ ให้เค้าอุ่นใจ มันช่วยได้ค่ะ พอเค้าเริ่มนิ่งก็จะเบี่ยงเบนไปให้เล่นของเล่นเสริมพัฒนาการ อะไรแบบนี้ก็ช่วยได้เยอะค่ะ ส่วนพี่เลี้ยงคนอื่นๆนี่ ไม่ใจดี ดูไม่รักเด็ก เด็กเล็กๆทำแรงมากค่ะ ป้อนข้าวนี่คือยัดๆๆๆๆๆเลยอ่ะ อาบน้ำก็ลวกๆ จะอุ้มจะเปลี่ยนสื้อผ้านี่ทำแรงจริงๆ พอทำแรงเด็กที่เริ่มโตเค้าจะมีอารมณ์ต่อต้านตามวัย ก็ทำให้เด็กโดนตี จริงๆมีกล้องที่ให้คุณพ่อคุณแม่ดูผ่านแอพนะคะ แต่ก็นะครูพี่เลี้ยงก็มักรู้มุมกล้องดีกว่าใคร เวลาตีก็จะหันหลังให้ตัวเองบังกล้อง แอบหยิก แอบตี แต่ไม่ได้ทำจนมีรอยอะไรค่ะ พูดจาก็ไม่เพราะ ตะหวาดเด็กตลอดเวลา ห้ามทุกอย่างงงงงงงงงงงง!! คือเด็กแทบไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ส่วนเด็กที่ยังคลานไม่ได้ ก็นอนแต่บนเตียงค่ะ ไม่ค่อยเอาลงมาข้างล่าง เหตุผลคือ "ขี้เกียจดู เพราะยังคลานเล่นไม่เป็น" ซึ่งเราว่าเป็นวิธีที่ผิดมากๆค่ะ แต่เราไม่สนพอเค้าตื่น ก็จะเอาลงมาเล่น นั่งตักเปิดหนังสือภาพนั่นนี่ให้ดู จะมองยังไงเราไม่สนค่ะ แถมเวลามีคุณแม่เด็กดห็นลูกตัวเองผ่านกล้องโทรมาคอมเพลน หรือไลน์มาตำหนิว่า ผ้าปิดหน้าคะ คอเด็กพับค่ะ ก็จะด่าพ่อแม่เด็กลับหลังว่าเรื่องเยอะ เห็นแล้วท้อใจ...


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับเนื้อหา ^^


อ่อออ...จะมีโอกาสได้ฟังนิทาน หรือเล่นของเล่นบ้างเวลาจะถ่ายรูปส่งเข้ากรุ้ปไลน์ให้ผู้ปกครองเด็กดู เวลาผู้ปกครองเด้กขอดูรูปลูก ก็มาจัดที่นอนหมอนมุ้งให้สวยงาม จัดท่าทาง ค่อยถ่ายส่งไป จริงๆเด็กไม่กินนมไม่กินข้าว ร้องโยเย แต่พอผู้ปกครองมารับชื่นชมเด็กว่ากินเก่ง ร้องนิดหน่อย คือเฟคมากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!! และไม่เข้าใจว่าผู้ปกครองที่ดูกล้องไม่เห็นอะไรเลยหรอ คือ งงมาก - -'' และเด็กทุกคนจะมีสมุดประจำตัวเราเห็นครูพี่เลี้ยงที่นั่งเขียน เหมือนแต่งนิยายเลยค่ะ วันนี้อ่านนิทานเรื่องนี้ กินข้าวกับนี่ๆๆๆ ซึ่งจริงๆไม่ได้อ่านเลยแล้วกับข้าวก็แบบ.... ใช้ร่วมกับเด็กโตที่ปรุงรสด้วยซอสต่างๆ ซึ่งเด็กเล็กไม่ควรปรุงอะไรเลย เรารับไม่ได้ค่ะ เห็นแล้วปวดใจมากๆ ไปทำงานที่นั่นประมาณ 5 วันไม่ไปทำอีกเลยค่ะ สงสารเด็ก ทนดูไม่ได้ เราพูดอะไรไปก็ไม่ได้ ไปทำงานที่นั่นเราคือครูพี่เลี้ยงที่เด็กโตรักมากๆ เพราะเราตอบเค้าไม่มีเบื่อว่า นั่นอะไรนี่อะไร เพราะเราคิดว่า เดี๋ยวลูกเราก็ช่างซักแบบนี้ซินะ น่าเอ็นดูจะตาย คนที่ซนมากๆเราต้องใช้วิทีดุหน้าดุ ดุแล้วบอกเหตุผลว่าทำไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช่ด่าๆๆๆๆๆ ตะคอกอย่างเดียว เด็กก็จะซึมซับ

ที่มาแชร์ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อยากจะบอกคุณแม่ๆที่จะฝากเลี้ยง อย่าเชื่อแต่ภาพลักษณ์ภายนอกหรือคำบอกเล่าจากครูพี่เลี้ยงว่าจะเลี้ยงลูกเราแบบไหนยังไง พยายามสังเกตุท่าทางด้วยค่ะ ลูกเราอาจจะไม่มีรอยรุนแรงเหมือนในข่าว แต่การที่เค้าซึมซับพฤติกรรมขี้หงุดหงิดแบบนี้ มันจะทำให้เค้าเป็นเด็กก้าวร้าวได้ง่ายๆ จริงๆเลี้ยงลูกเองดีที่สุดค่ะ แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆให้ญาติหรือคนมาเลี้ยงที่บ้าน ใช้กล้องที่ได้ยินเสียงด้วยจะดีมากๆค่ะ หรือเลือกเนิสเซอรี่ที่มั่นใจจริงๆ ตรวจสอบได้จริงๆ และดูเกี่ยวกับข้อมูลของครูพี่เลี้ยงด้วยว่ามีใบรับรองรึป่าว เพราะตอนที่รับเราเข้าทำงาน เราไม่มีวุฒิ ไม่จบโดยตรงหรือ มีใบรับรองการอบรมเกี่ยวกับเด็กอะไรเลย แค่เห็นว่าเลี้ยงเด็กได้ก็รับแล้ว ไม่คัดนิสัย หรือ ประเมินผลงาน เพราะกลัวไม่มีคนทำประมาณนี้มั้งคะ


^^ เราอาจจะโลกสวยรึป่าว พ่อแม่บางคนอาจจะเฉยๆรึป่าว แต่สำหรับเราเราไม่โอเคมากๆค่ะ และโชคดีที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงาน ก่อนจะตัดสินใจเอาลูกมาฝาก ไม่งั้นเราต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆ ...


ขอบคุณที่มา :: pantip ::สมาชิกหมายเลข 1884244


ปล.ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าวค่ะ




Create Date : 10 มิถุนายน 2558
Last Update : 10 มิถุนายน 2558 23:20:24 น. 0 comments
Counter : 3024 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]