ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ทฤษฎีสมคบคิด กับการตายของ JFK

วันนี้เมื่อ50 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์การลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีลำดับที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้น(เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น) ณ เดลลีย์พลาซา เมืองแดลลัส รัฐเทกซัส เคนเนดีถูกยิงถึงแก่ชีวิตระหว่างที่นั่งขบวนรถประธานาธิบดีไปกับภรรยาของเขา แจ็กเกอลีน เคนเนดี

ลำดับเหตุการณ์

วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ได้เดินทางไปยังเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส เพื่อหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้าของเขา

เวลา 11:40 น. ได้มีขบวนพาเหรดต้อนรับประธานาธิบดีจากสนามบินสู่ตัวเมือง โดยท่านประธานาธิบดีได้นั่งรถลีมูซีนเปิดประทุน รถมี 3 ช่วง ประกอบด้วยประธานาธิบดีอยู่ด้านหลังสุด ช่วงที่ 3 โดยมีภรรยานั่งอยู่เคียงข้าง และช่วงที่ 2 มี นายจอห์น บี คอนนอลลี ผู้ว่ารัฐเทกซัสและภรรยา ช่วงหน้ามีนายบิล เกรเออร์ คนขับรถ และนายรอย เคลเลอร์แมน ตัวแทนพิเศษของทำเนียบขาว ซึ่งสองข้างทางมีประชาชนชาวดัลลัสเดินทางมาต้อนรับประธานาธิบดีอย่างล้นหลาม

เวลา 12:30 น. ขบวนรถได้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอล์ม และในระหว่างนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้น กระสุนถูกประธานาธิบดีที่คอ กระสุนนัดนั้นยังถูกผู้ว่าจอห์นที่บริเวณหลังอีกด้วย ในขณะที่ภรรยาของท่านประธานาธิบดีเข้าใจว่าเป็นเสียงประทัดที่ประชาชนจุดต้อนรับขบวน ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด กระสุนถูกประธานาธิบดีที่ศีรษะ ภรรยาของท่านจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ประชาชนที่อยู่ 2 ข้างทางต่างพากันแตกตื่น บางคนหมอบลงกับพื้น บางคนวิ่งหนี เพื่อหลบลูกกระสุนที่อาจเกิดการยิงขึ้นมาอีก

ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าว ภรรยาของท่านประธานาธิบดี (แจ็คเกอลีน) มองเห็นเศษกะโหลกชิ้นหนึ่งของสามี กระเด็นไปค้างอยู่ท้ายกระโปรงรถ เธอจึงเสี่ยงตายปีนไปท้ายรถเพื่อไปเก็บเศษกะโหลกของประธานาธิบดี

เจ้าหน้าที่หน่วย secret service (หน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี) ต้องวิ่งตามรถและปีนขึ้นไปช่วยจับ เพราะเกรงว่าเธอจะตกลงมาจากรถ (ภายหลังเมื่อถึงโรงพยาบาล เธอได้นำชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะไปให้แพทย์แล้วบอกว่า "ช่วยนำเศษกะโหลกนี้ไปต่อให้สามีฟื้นคืนชีพมาที")

เวลา 13:00 น. ประธานาธิบดีทนพิษบาดแผลไม่ไหวและได้เสียชีวิตลง และได้มีการชันสูตรศพ ผลชันสูตรพบว่าประธานาธิบดีเสียชีวิตจากกระสุนนัดที่ยิงเข้าศีรษะ กระสุนได้เข้าทำลายเนื้อสมอง ทำให้ท่านเสียชีวิต

ในช่วงเย็น ได้มีการลำเลียงศพของเคนเนดี้ออกจากเมืองดัลลัสด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน และรองประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ได้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีบนเครื่องบินลำดังกล่าว

เวลาประมาณ 13:15 น. จอห์นนี่ เคลวิน บรูเวอร์ พนักงานขายรองเท้าร้านฮาร์ดี้ ได้แจ้งต่อตำรวจว่าเขาเห็นคนยิงตำรวจเสียชีวิตที่บริเวณหัวมุมถนน 10 กับแพตตันและฆาตกรได้หลบหนีเข้าไปในโรงหนังเทกซัส

ตำรวจหลายสิบนายก็บุกเข้าไปในโรงหนังเพื่อจับตัวผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัยได้ขัดขืนและเกิดการต่อสู้กันเล็กน้อย ก่อนที่ผู้ต้องสงสัยจะถูกควบคุมตัว ตำรวจสัณนิษฐานว่าสาเหตุที่เขายิงตำรวจเสียชีวิตเพราะมีคนแจ้งว่าเห็นเขาอยู่ตรงหน้าต่างของตึก Texas School Textbook Depository ในช่วงที่เคนเนดี้ถูกยิง ทางตำรวจจึงแจ้งรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งที่ลาดตระเวณอยู่แถวนั้น เห็นผู้ต้องสงสัยเข้าก็ขอตรวจค้น ก็เลยถูกยิงเสียชีวิต จนผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมในที่สุด

ผู้ต้องสงสัยมีนามว่า ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ เจ้าหน้าที่ได้ค้นตัวและพบบัตรประจำตัวปลอมของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (Selective Service System) ที่ใช้ชื่อว่า อเล็ก เจมส์ ไฮเดลล์ ออสวอลด์ถูกตั้งข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสังหารประธานาธิบดี แต่เขาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยบอกว่าตัวเองเป็นแค่แพะรับบาป ซึ่งออสวาลด์ได้งานทำชั่วคราวที่อาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเทกซัส ในช่วงที่เคนนาดี้ถูกลอบสังหาร

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นในอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเทกซัส และได้พบปลอกกระสุนปืนไรเฟิลที่ยิงแล้วจำนวน 3 ปลอกที่ชั้น 6 ของอาคารหลังนี้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบปืนไรเฟิลซุกซ่อนอยู่หลังกล่องในบริเวณเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาลายนิ้วมือบนกล่องพบว่าตรงกับลายนิ้วมือของ ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ และจากการสืบสวนของเอฟบีไอ พบว่าประวัติเขาพัวพันกับเคจีบี รัสเซีย และคิวบาอีกด้วย

ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 สองวันหลังจากวันลอบสังหาร เขาจึงถูกส่งตัวจากสถานีตำรวจดัลลัสไปยังเรือนจำของรัฐเทกซัส โดยมีกำลังตำรวจหลายสิบนายคุ้มกันอย่างแน่นหนา ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพาออสวอลด์ไปขึ้นรถ ก็มีชายชื่อว่า แจ็ค รูบี้ เดินตรงไปยังออสวอลด์ และใช้อาวุธปืนสังหารออสวอลด์ บนทางเดินไปยังที่จอดรถสถานีตำรวจดัลลัสนั่นเองต่อหน้านักข่าวที่อยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ตัวออสวอลด์นั้นบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา รูบี้ อ้างว่าเขาโกรธแค้นออสวอลด์เป็นอย่างมากที่บังอาจมาสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้อันเป็นที่รักของเขา ทำให้เขาระงับความโกรธแค้นไม่อยู่และต้องฆ่าให้ตาย ตัวแจ็ค รูบี้ นั้น เป็นเจ้าของผับเล็ก ๆ ในเทกซัส แต่มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับองค์การมาเฟียใหญ่ในรัฐชิคาโก อัล คาโปน ซึ่งตัวรูบี้นั้นป่วยเป็นโรคระยะสุดท้าย และได้ฆ่าตัวตายระหว่างถูกคุมขัง ทำให้ไม่ถูกนำตัวไปขึ้นศาล

วันที่ 29 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีจอห์นสัน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาโดยมีผู้พิพากษานามว่า เอิร์ล วาร์เรน เป็นประธาน คนทั่วไปมักเรียกว่า คณะกรรมาธิการวาร์เรน ทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด โดยสืบสวนจากหลักฐานและพยานในที่เกิดเหตุ โดยใช้เวลาสืบสวนนาน 10 เดือน ได้รายงานยาวกว่า 900 หน้า และมีเอกสารประกอบรายงานรวบรวมเป็นเล่มไว้ถึง 26 เล่ม ได้สรุปว่า การลอบสังหารประธานาธิบดีในครั้งนี้ก่อการขึ้นโดยคนๆเดียวคือนายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ โดยใช้ปืนการ์กาโนที่ผลิตจากประเทศอิตาลี รุ่น M91/38 เป็นปืนไรเฟิลแบบลูกเลื่อน ที่ใช้กระสุนขนาด 6.5 × 52 มม. ที่ถูกพบบนชั้นที่ 6 ของตึกเก็บหนังสือของเทกซัส อันเป็นสถานที่ที่ใช้ในการลอบสังหารด้วยการเล็งปืนไรเฟิลไปยังประธานาธิบดี ที่กำลังเดินทางด้วยรถลิมูซีนแบบเปิดประทุนและกำลังโบกมือให้กับฝูงชนที่มา ต้อนรับ โดยมีการยิงด้วยปืนไรเฟิ้ลเพียงสามนัดเพราะพบปลอกกระสุนจำนวนเท่านั้นอยู่ ที่ชั้นหกของตัวอาคาร มีเพียงนัดเดียวที่พลาดเป้า กระสุนที่เข้าไปที่คอของเคนนาดี้เป็นกระสุนนัดเดียวกันที่โดนตรงหลังของผู้ ว่าการรัฐแท็กซัส แต่ไม่มีการกล่าวถึงแรงจูงใจในการสังหารแต่อย่างใด

การสืบสวนของอัยการ จิม แกริสัน(แรงบันดาลใจให้โอลิเวอร์ สโตน นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง JFK ในปี 2534 โดยเควิน คอสต์เนอร์รับบทเป็นแกริสัน)

ปัจจุบันยังมีคนไม่น้อยที่ติดใจเกี่ยวกับคดีนี้อยู่ หนึ่งในนั้นคืออัยการ จิม แกริสัน อัยการของเมือง นิว ออร์ลินส์ แกริสันเชื่อว่าออสวอลด์เป็นแพะรับบาปในคดีนี้ แกริสันพยายามสืบค้นเรื่องนี้ แหล่งข่าวต่างๆและฟิลม์ภาพยนตร์ และแกริสันก็ได้พบกับตัวละครเพื่มอีก คือ เคลย์ แอล ชอร์ นักธุรกิจในเมือง นิว ออร์ลินส์ เขาเป็นคนจ้างทนายให้ออสวอลด์หลังถูกจับ,เดวิด เฟอร์รี หัวหน้าหน่วยบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นอาจารย์ของออสวอลด์สมัยเป็นทหาร,วิลเลียม กาย บานิสเตอร์ อดีต FBI เชื่อว่าติดต่อออสวอลด์สมัยอยู่โซเวียต

แกริสันเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้มีความเกี่ยวโยงกับหน่วยงานของรัฐ รวมถึงเหล่ามาเฟีย และแกริสันยังเชื่ออีกว่าบุคคลทั้ง3น่าจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งบานิสเตอร์ก็ได้ฆ่าตัวตายอย่างหน้าสงสัยไปก่อนหน้านี้ แกริสันพยายามเอา2คนแรกไปสอบสวนและขึ้นศาล แต่ก็ถูกขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่รัฐ พยานถูกข่มขู่ ไม่กล้ามาให้ปากคำ บางคนได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ทั้งชอร์และเฟอร์รีถูกยกฟ้อง ตัวเฟอร์รีนั้นแม้จะถูกยกฟ้องแต่ก็เสียชีวิตอย่างปริศนา ตัวแกริสันก็ถูกกล่าวหาว่าสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพราะอยากดัง การสืบสวนของแกริสันนั้นก็กลายเป็นเพียงหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดในหลายๆทฤษฎีที่เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แปะไว้ที่นอกชาน จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 10:45:41 น. 0 comments
Counter : 2706 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]