Green Street Elite...บอลไม่ยุ่ง มุ่งแต่(ก)บาล

นานๆจะได้ดูนังเดียวกับฟุตบอลซักทีครับ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก ผมยังไม่เคยดูหนังเกี่ยวกับฟุตบอลเลยแฮะ ...เอ แต่ถ้านับ เส้าหลินซ้อคเกอร์ ละก็ ถือว่า "ความบริสุทธิ์" ในหนังลูกหนังของผมได้ถูกย่ำยีไปแล้ว

แต่ผมว่า เก็บความ "บริสุทธิ์" ให้หนังฟุตบอลแท้ๆดีกว่าเนอะ ...

หลังจากที่อ่านคำเชื้อเชิญ+วัวสะนาของพี่อ้อน และคุณฮัน วันนี้ จึงตีตั๋ว 100 บาท เพื่อเข้าไป ต.ต.ร.น. (โรงหนัง) ที่เมเจอร์รังสิต โรง 8 ที่นั่ง C10 ในรอบที่เลขสวย 15.15 น. (บอกพิกัดซะครบถ้วนเลย) แปลกใจพอสมควรที่ สาวๆ มาดูหนังเรื่องนี้เยอะมากครับ ไม่รู้ว่าเป็นกองเชียร์บอลหรือกองเชียร์โฟรโด้ แถวหน้าผมเนี่ย หญิงล้วนยังกะสตรีวิทย์ ทว่า 2 ข้างของผม ชายล้วน เหมือน สวนกุหลาบ ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองละครับ ว่าเรามาดูหนัง ...


Green Street Hooligans หรือ บอลแพ้คนไม่แพ้ เป็นเรื่องของกองเชียร์ฟุตบอลกลุ่มหนึ่งของ สโมสรเวสต์แฮม อยู่ในเต็นต์ เอ๊ย ! ยูไนเต็ด ที่มีโอกาสต้อนรับน้องใหม่ ที่มาจากแดนไกล กระบวนการพิสูจน์ใจจึงงเกิดขึ้นพร้อมกับเรื่องราวที่เราได้รับรู้ว่า ฮูลิแกน นั้นเค้าทำอะไรกันบ้าง

หนังบอกเล่าเรื่องราวสังคมของพวกอันธพาลลูกหนัง มีเบื้องหลังของแต่ละคน ที่ทำให้เรารู้ว่า เป็นอันธพาลไม่มีเงินเดือนกิน (นะว้อย) จำเป็นต้องมีงานมีการทำ เราจึงเห็นว่าแต่ละคนเวลาอยู่ในคราบมนุษย์เงินเดือนนั้นบุคลิกแทบจะแตกต่างจาก คราบซาตานข้างถนน (ดีแล้วที่ไม่ตีกันในสนาม)

หนังมีจุดหักมุมด้วยนะครับตรงกลางเรื่อง และก็เป็นปมนำไปสู่ตอนจบที่ "รับได้" ซึ่งก็ไม่ได้สวยงามหรือว่า อัปลักษณ์จนเกินไป

กล่าวโดยสรุปแล้วผมว่า คุ้มค่าครับ แค่ได้เห็นนางฟ้า แคลร์ ฟอร์ลานิ อีกครั้ง ก็หนำใจแล้วครับ

ขอจำแลงตัวเองเป็นผู้ให้ตะแนนหน่อยนะครับ
8.5/10




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2548   
Last Update : 31 ตุลาคม 2548 20:15:43 น.   
Counter : 1530 Pageviews.  

5-6 years crisis?

แค่เห็นจากหนังตัวอย่าง ผมก็ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว

แองเจลิน่า โจลี (ดาราผู้มีทั้ฝีปากและฝีมือ) ที่เห็นเธอสวย/เริ่ด/เชิด/เก่ง ซะเหลือเกิน แปลกแต่จริง ผมไม่เคยดูหนังที่เธอเล่นในโรงหนังเลย ไม่รู้รอดสายตามาได้ยังไง
ส่วนแบร๊ด พิตต์ ผมว่าเฉยๆนะ สาวๆอาจจะกริ๊ด แต่ไม่มีทางจะเกิดกับผมหรอก เหอะๆ

แม้ว่า จะได้ยินได้ฟังจากคนรอบข้างมาแล้ว เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แต่หนังที่เราตั้งใจจะดู ต่อให้มัน จะห่วยยังไง เราก็ยังจะไปดู


เมื่อได้ดูแล้ว ก็คล้ายๆอย่างที่หลายคนบอกเลยครับ ฉากสำคัญทั้งหมด มันคือหนังตัวอย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้ว และ ความเซ็กซี่ ของโจลี่ ก็มีแค่นั้นจริงๆ (ให้ตายเถอะ! แบทแมน)

แต่โครงเรื่องผิดคาดนิดนึง

ผมคงจะผิดหวังกับหนังถ้าผมต้องการจะดูแค่นี้
เพราะตอนแรกคิดว่า หนังเรื่องนี้จะเน้นความเป็น มือสังหารของแต่ละคน ที่ในที่สุดต้องมาจัดการกันเอง
ที่แท้ มันคือ หนังที่สะท้อน ปัญหาครอบครัว มัวๆซัวๆ นี่เอง แล้วมีความเป็นแอ๊คชั่นเป็นตัวอย่างความไหลลื่น พร้อมไปกับ บทสนทนา แสบๆคันๆ ที่มีให้เห็นทั้งเรื่อง ตั้งแต่ ต้นจนจบ

จะเรียกว่าหนังตลก ก็คงไม่ผิดกติกาละมัง ถ้าหากว่าประเมินตามเสียงหัวเราะจากผู้ชมในรอบที่ผมดู (SF MBK โรง 3 รอบ 15.20น.)

ผมเองก็หัวเราะ หึๆอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะฉากที่ เจน รู้ว่า มือสังหารฝ่ายตรงข้ามเป็นสามีตัวเอง ...


สงสัยว่า วิกฤติของชีวิตแจ่งงาน 5 หรือ 6 ปี มันจะเป็นอย่างนี้ ทุกคนป่าว
คะแนน : 7/10
ข้อคิดที่ได้จากหนัง : อย่าให้แฟนคุณเห็นท่าตอนที่คุณ ปัสสาวะ




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2548   
Last Update : 20 มิถุนายน 2548 18:33:05 น.   
Counter : 636 Pageviews.  

LOTR I .คิดซะว่า มันเป็นลิขิต แล้วชีวิตจะสบายใจ...

The Lord Of The Rings.
The Fellowship of The Ring.
อภินิหารแหวนครองพิภพ


ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ต้องย้อนไปยังปี 2001 นานหลายปีแล้ว นานจนจำตอนจบของเรื่องไม่ได้ ก็ถือว่าดีไปอีกแบบ
หนังเรื่องนี้ได้พาปรากฎการณ์หลายๆอย่างมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น หนังที่ยาวมาก หนังที่ฟอร์มร้อนแรงมาก (ถึงขนาดว่าฟิล์มรอบที่ผมดูไหม้เลยจริงๆ) และที่สำคัญ ถ้าจำไม่ผิด การขึ้นราคาตั๋วหนัง ก็มาพร้อมกับหนังเรื่องนี้เช่นกัน

ได้มาดูหนังเรื่องนี้ อีกที รู้สึกว่า พลาดรายละเอียดไปเยอะ อาจเป็นเพราะตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจดูก็เป็นได้

แก่นของเรื่องคือ แหวน แห่งอำนาจที่จะบันดาลให้ผู้ถือครองต้องสยบต่อด้านมืด ดังนั้นจึงต้องมีการทำลาย ก่อนที่มันจะนำภัยพิบัติมาสู่ มิดเดิ้ล-เอิร์ธ
จะด้วยอะไรก็ตามแต่ โฟรโด้ ฮอบบิทตัวน้อย ก็ได้รับภาระนี้ ทั้งด้วยความเต็มใจ และ ไม่เต็มใจ
ที่ว่าเต็มใจ เพราะ เขาทนเห็น ผู้คนแก่งแย่งกันเนื่องจาก อำนวจแห่งแหวนช่างยั่วยวน เขาจึงตัดสินใจเป็นผู้นำแหวนคืนสู่ที่กำเนิดของมัน
ขณะที่ คนที่เหลือก็ยินที่ดีจะปกป้องและคุ้มภัยนำโฟรโด้ ประกอบภาระกิจนี้ นี่จึงเป็นที่มาของ ชื่อตอนแรกนี้

ที่ไม่เต็มใจ เพราะว่าโฟรโด้ ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเป็น บิลโบ้-ปู่ของเขา ทำไมต้องเป็นเขา ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายนี้ขึ้น
แกนดาล์ฟก็ได้พูดปลอบใจว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก และคนเหล่านั้น ก็ไม่มีสิทธิจะตัดสินใจ แต่โฟรโด้มี คิดซะว่า มันเป็นลิขิต แล้วเราจะมีกำลังใจ

จริงทีเดียว ในชีวิตเรานั้น ต้องเจอกับอุปสรรคหลายๆอย่าง บางทีก็ข้ามผ่านมันไปได้ หรือบางที่ก็ชะงักอยู่กลางทาง แล้วนึกทดท้อ ว่า ทำไมถึงต้องเป็นเรา ...คนเขาที่รักเรา ..เอ่อ ไม่ใช่ละ
ว่าทำไมเราต้องเจออุปสรรค ในเมื่อมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คิดซะว่า มันเป็น ลิขิต อย่างน้อยเราก็มีสิทธิตัดสินใจ...คิดอย่างนี้ คงสบายใจขึ้น

ดูเรื่องนี้แล้ว อดเทียบกับหนังแนว Super Hero ไม่ได้ ไม่าว่าจะเป็นการ์ตูน อย่าง เซนต์ เซย่า หรือ ทั้งการ์ตูนทั้งหนัง อย่าง ไอ้แมงมุม

ประเด็นแรก เทียบกับ เซนต์เซย่า เพราะ หนังเรื่องนี้ มันเหมือนการตะลุยด่าน การผจญภัยผ่านด่านทดสอบต่างๆ เพื่อให้ได้ไปถึงจุดหมาย โดยระหว่างทาง ก็มี "ตัวช่วย" เข้ามาเป็นระยะ แต่แน่นอน ..ต้องช่วยตัวเองก่อน ...แล้ว ท่านจะได้รับการช่วยเหลือ
ประเด็นต่อมา ที่เทียบกับ ไอ้แมงมุม เพราะผมคิดว่า พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ โฟรโด้ กับไอ่แมงมุมมีส่วยที่คล้ายกันคือ ดูเหมือนไม่ค่อยจะแข็งแรง ไม่มี พูดแบบบ้านๆ ก็คือ ไม่ค่อยจะมี น้ำยา แต่เมื่อวันหนึ่ง ทั้งคู่ถูกลิขิตได้ต้องรับภาระอันยิ่งใหญ่ "พลัง" ก็เกิดแก่ทั้งคู่
ไอ้แมงมุม เป็นพลังทางกายภาพ ทว่า โฟรโด้ กลับมีพลังทางใจ ที่เข้มแข็งขนาด คนที่เก่งกาจหลายๆคนยังแพ้มาแล้ว

โฟรโด้จึงเป็นเสมือนคำตอบ ของคนธรรมดา ที่มีจิตใจไม่ธรรมดา

และผมเองก็อดที่จะชอบ แซม ไม่ได้ ในฉากสุดท้ายของภาคนี้ แซม ได้แสดงให้เห็นถึง ความรักเพื่อนพ้อง ยังมิได้พูดถึงการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแกนดาล์ฟ อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าแซมไม่ตัดสินใจทำอย่างนั้น ตอนขบของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็๋นยังไง

ขอให้ผมได้คิดก่อนนะครับ เพราะ ว่า ยังไม่เคยดู ทั้ง ภาค เอ่อ เรียกว่า ตอน ดีกว่า ผมยังไม่ได้ดูทั้งตอน 2 และ3 ครับ




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2548   
Last Update : 5 มิถุนายน 2548 23:02:23 น.   
Counter : 531 Pageviews.  

ไอ้เรามันตัวสำรองคนหนึ่ง...

ไอ้เรามันตัวสำรองคนหนึ่ง

ไม่มีใครที่อยากจะเป็นตัวสำรอง ต่อให้ลูกเสือสำรอง ก็ยังอยากเป็๋นลูกเสือตัวจริง เอ๊ย ! สามัญเลย
ไม่ว่าในชีวิตการทำงาน เล่นกีฬา หรือความรัก "ตัวสำรอง" ถือเป็นคำแสลงอย่างยิ่ง
ทุกๆคนเฝ้ารอ"โอกาสครั้งที่ 2" และหวังว่ามันจะผ่านมาในชีวิต เหมือนที่ เชน ฟัลโก ได้รับ

เชน ฟัลโก เป็นนัก (อเมริกัน)ฟุตบอลชื่อดังตั้งแต่สมัยยังเล่น sugar bolw หากความโด่งดังนั้น เกิดเพราะความผิดพลาดในการทำทีมของเขา ที่พ่ายต่อ คู่แข่งขัน 45 แต้ม
ครั้งหนึ่ง เขาอดที่จะ โพล่งออกมาไม่ได้ "ไม่มีใครทำอะไรเลยเหรอไงในคืนนั้น"

จากนั้นมาเขาก็หันหลังให้กับวงการฟุตบอล จนกระทั่งวันหนึ่ง มีโค้ช ที่ได้รับการจ้างให้มาทำทีม ขณะที่นักเตะในทีมนัดกันสไตรค์
โค้ชคนนี้งจึงต้องควานหาผู้เล่นที่มีคุณสมบัติที่เขาต้องการ แน่นอน เรื่องมันคงไม่ง่าย เพราะ ผู้เล่นเหล่านั้น ล้วนมาจาก นอกวงการทั้งนั้น
พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต ตำรวจ โจร ซูโม่ และอีก ไปยาลเล็ก รวมไปถึง เชน ฟัลโก้ ที่รับการมาเยือนของโค้ชบนเรือของเขา

เพราะว่าเขายังมีความฝันที่อยากจะทำให้มันเป็นจริงได้ เขาจึง ตกลงรับ "โอกาสครั้งที่ 2" นั้น
จริงอยู่แม้ว่ามันไม่ง่ายดาย ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเตียงนอนเจ้าสาวในคืนส่งตัว ทว่า มันก็ต้องพยายามกันบ้าง

"แพลงตอนที่อยู่ในทะเล มันก็มีความสุขดีนะ" โค้ชปล่อยประโยคนี้ ออกมาแซะความ"ฝัน"ของเชนให้ออกจากร่างแพลงตอนมาเป็น ปลาฉลามล่าเหยื่อ

ผมได้ดู The Replacement (คนอึดหัวใจสะโอด) เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก ก็ดูจากในทีวีเหมือนกัน (คาดว่าจากช่องหลายสี ทีวีเพื่อนใคร)

มาคราวนี้ได้ดูอีกที ก็ยังอดดูอีกไม่ได้ (จากช่องไตรรงค์) หนังกีฬามันตรึงหัวใจผมได้เสมอ แม้ว่าหนังเรื่องนี้ จะไม่ได้ดีมากมายอะไร เรื่องบทเรื่องพล็อต ก็ดูเหมือนจะจงใจเกินไป

แต่ผมก็ยังชอบหนังเรื่องนี้อยู่ดี

กีฬามันก็เหมือนกระจกสะท้อนชีวิตของมนุษย์
สนามกีฬามันคือเวทีจำลองประลองชีวิต
เวลาดูหนังประเภทนี้ มันรู้สึกฮึกเหิมยังไงไม่รู้
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร่วมไปด้วย

ผมชอบตอนจบของเรื่องนี้นะ เพราะมันไม่ได้ขบลงแบบ เทพนิยาย ที่เคยได้ยินได้ฟังสมัยเด็ก "...แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิง ก็ครองรักกันตราบนานเท่านาน."

บางทีโอกาสที่ได้มาฐานะของ "ตัวสำรอง" แค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว เพราะอย่างน้อย ก็ยังมีโอกาสได้แสดงให้เห็นคุณค่าของตัวเอง

ชีวิตเราอาจจะมี "โอกาส" ที่ผ่านมาและผ่านไป

แต่"โอกาสครั้งที่ 2" คงไม่ผ่านมาบ่อยๆแน่

เราไม่มีวันรู้หรอกว่ามันจะมาเมื่อไร แต่เราเตรียมพร้อมได้ เมื่อมันมาถึง จึงคว้ามันไว้อย่างไม่ลังเล


ปล.บล๊อกที่แล้ว เกี่ยวกับ มหา'ลัยเหมือนแร่ครับ




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2548   
Last Update : 4 มิถุนายน 2548 14:20:51 น.   
Counter : 789 Pageviews.  

แหม เรื่อง...เรืองมนต์ขลัง

มหา'ลัยเหมืองแร่

จดๆจ้องๆ อยู่นาน ในที่สุดก็ในเลิก พาขาตัวเอง เดินไปยัง โรงหนังได้
พลันที่โรงที่ 12 เปิดอ้า ต้อนรับ ผมก็เริ่มนึกว่า ตอนออกจากโรงหนัง ความรู้สึก เก็บได้จะบอกตัวเองยังไง

เหตุที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ มีไม่มากข้อ

ข้อแรก ผมคุ้นเคยกับลุงอาจินต์ ผมแกอยู่เสมอทุกสัปดาห์อย่างไม่เคยจะผิดพริ้ว
บนบัญชร ที่ชื่อว่า "วาบความคิด" ณ ชายคา แห่ง มติชนสุดสัปดาห์ ที่อ่านจบบ้าง ไม่จบบ้าง ถีงอย่างนั้น ก็ยังเปิดไปยังหน้านั้น อยู่เสมอ
เคยหยิบ "เหมืองแร่" ขึ้นมาอ่านเหมือนกัน แต่คงเป็นเพราะ ความเนิบนาบของเนื้อเรื่องนั่นเอง ที่ไม่สะดุดใจวัยรุ่นอย่างผม จึงต้องประกาศแยกทางกันชั่วคราว
จนกลับมาได้ดูหนัง

ข้อที่สอง ก่อนหน้าที่ได้อ่าน บทสัมภาษณ์ของคุณ จิระ มะลิกุล รู้สึกทึ่งในความคิดแก แกพูดแบบธรรมดาๆ(แน่นอนว่าไม่ได้ใช้สลิง) แต่มันมี แก๊ก คือแบบว่า พูดเรื่องง่ายๆให้ฟังดู ..อืม คิดได้ไง(ฟะ)
หนังเรื่องก่อนของแก ผมก็ไม่ได้ดู ดังนั้น ข้อสองนี่ เพราะ ตัวแกคนเดียว

ก็มีแค่ 2 ข้อนี้แหละ ...เสียเชียร์ก็มีส่วนบ้าง แต่ไม่มาก เพราะไม่ได้ออกตังค์ให้ผมนี่...ดังนั้นจะดูไม่ดู เราต้องตัดสินใจเอง

หนังแนวอัติชีวประวัติเนี่ย ผมรู้สึกว่า มันเป็นหนังที่เรียบง่าย ไม่โลดโผรนัก หายากที่มันจะ เต็มไปด้วยรสชาติ ระดับ โป๊ะแตกเรียกพี่

ดังนั้นคนที่จะไปดู ถ้าไม่เพราะ เจ้าของเรื่อง ก็ต้องคนกำกับ

มีคนบอกเอาไว้ว่า ส่งที่เรื่องแต่ง แตกต่างจากเรื่องจริงคือ มันสนุกกว่า ... อาจจะกล่าวไม่ผิดสำหรับหนังเรื่องนี้

แต่...ใช่ว่าจะไม่สนุกเลย เอาเป็นว่า ตอนผมเดินผ่านประตูโรงที่ 12 ผมรู้สึก อิ่มใจ ก็แล้วกัน

(ผม)ต้องยอมรับว่า หนังชีวิต มันไม่สนุกลุกนั่งลุ้นตลอดเวลา แต่มันก็มีสิ่งอื่นมาทดแทน

ผมอยากจะเรียกว่า "มนต์ขลัง"

เพราะนั่นคือชีวิตจริง ถ้ามันไม่ ขลัง จริง เค้าคงไม่เอามาสร้างเป็นหนัง และลงทุนเป็นร้อยล้าน

ส่วนที่ผมชอบจากหนังคือ

1.ฉาก - สวย ตรึงตา ตรึงใจ ตึงตัง ภาพที่ส่งมาจากจอผืนกว้าง เข้ามากระทบเรตินา ของผม นั่น มันมีกลิ่นอายของพิถีพิถันแฝงมาด้วย

2.บทพูดเท่ๆ - ก็มันเท่ แต่จำไม่ค่อยได้ เหอๆๆ ประมาณว่า ...วันเวลา มันผ่านไป ตามหลังแสงอาทิตย์...เดี๋ยวไปหาหนังสือมาอ่านดีกว่า (เอ่อ น้องแข จะให้พี่ยืมใช้ปะ)

3.การแสดง - ส่วนใหญ่เป็นดาราใหม่ ตัวที่ชอบที่สุดคือ นายหัวเรือ จอน พูด ฝรั่ง ไทยสำเนียงใต้แถมยัง มีภาษายาวี(คิดว่าใช่)อีก และก็แสดงได้ดี
ตัวนายใหญ่ ก็เล่นดี พระเอก ก็โอเคนะ ไม่เด่นมาก แต่ก็คงขาดไม่ได้เลย (ไม่งั้นจะเอาใครเล่นอะ)

ส่วนที่ เป็นข้อบกพร่อง มีไม่เยอะครับ แต่ก็ คือว่า ซีเรียสได้เลย

เพราะหนังเรื่องนี้ เป็นหนัง "เฉพาะ" มันมีกลุ่มเฉพาะ ถ้าไม่อยากดูจริงๆ คงไม่ได้ดู และ พลัง worth of mouth คงมีน้อยนะ ผมว่า จะเป็นปรากฎการณ์อย่าง โหมโรง แฟนฉัน คงลำบาก
อีกอย่าง หนังสร้างจากเรื่องสั้น หลายๆเรื่อง (142 เรื่อง-ตอนท้ายเรื่ง เค้าบอกอย่างงั้น)ดังนั้น มันจึงกายเป็นการเล่าเรื่องมากกว่า เนิบๆนาบๆ เหมือนความรู้สึกที่ผมได้อ่านครั้งแรกเลย
ตอนจบก็ดูจะสั้นไปนิดนึงนะ ...

โดยรวมๆก็ถือว่าชอบครับ

ฉากที่ผมชอบมากที่สุดคือ วิธีการเลื่อนขั้นของนายใหญ่
.
.
.
ยังนึกไม่ออกว่า ถ้าตัวเองโดนบ้าง จะเป็นยังไง เหอๆๆ


ปล. คุณ หนุ่มเมืองจันท์ ได้เขียนไว้ มติชนสุดสัปดาห์ ลองไปอ่านดูได้นะครับ
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ...มหา'ลัยเหมืองแร่




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2548   
Last Update : 3 มิถุนายน 2548 17:29:51 น.   
Counter : 673 Pageviews.  

1  2  

Nutty Professor
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Madagascar : The Island of Opportunity
[Add Nutty Professor's blog to your web]