UPGRADE YOUR VOICE TO BE PROFESSIONAL SINGER.....
 
 

ตอบการประนาม blog ของผมโดยคุณตองดี

จากที่เขียนไว้ดังนี้

"ก็ไม่เห็นจะเข้ามาตอบ แล้วมีไว้ทำไม ไร้สาระ เขียนอะไรที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ ครูที่ดีต้องดีทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ
แต่นี้เขียนสวยหรู อ่านแล้วไม่เข้าใจ คนที่ไม่มีพื้นความรู้เลยจะได้อะไร หากยังเขียนโดนไม่ฟัง คำวิจารณ์จากผู้อื่น แย่ได้อีก "

1. ต้องบอกก่อนว่าการตอบคำถามนั้น ผมทำในสองลักษณะ คือ ตอบทาง blog และตอบทาง e-mail/MSN เป็นการส่วนตัว บางคำถามที่เป็นการส่วนตัวมาก เช่น ร้องเพลงนี้จะยากไหมหรือจะเริ่มเรียนร้องเพลงอย่างไร ซึ่งควรจะต้องบอกเป็นคนๆไป ไม่จำเป็นต้องตอบในบล็อก

2. blog นี้ไม่ใช่บล็อกสอนร้องเพลง แต่เป็นบล็อกที่จะอธิบายกลไก รูปแบบทางวิทยศาสตร์ ของการร้องเพลง รวมถึงการประยุกต์การแพทย์เข้ากับการร้องเพลง คล้ายกับการสอน Food Sci ในมหาวิทยาลัย ที่ไม่ได้สอนให้ทำอาหารเก่ง แต่ต้องเข้าใจวิทยาศาสตร์ของการทำอาหาร

3. blog นี้คงไม่ไร้สาระ มิฉะนั้นผมคงไม่ถ่อไปเรียนไกลๆ กับอาจารย์แพทย์ที่ได้รับยกย่องให้เป็น Opera Doctor แห่งอเมริกา อย่างไรก็ดีคงไร้สาระสำหรับคนที่ไม่เห็นว่าเป็นสาระ เหมือน แม่ค้ากล้วยทอดที่ไม่มีวันคิดว่า Food Sci ของการทอดอาหารมีสาระ(ทอดนานทอดเกรียม-น้ำมันซ้ำจะมีสารก่อมะเร็ง)

4. ตั้งแต่ มิถุนา ปี 51 เป็นต้นมาผมได้ยุติการเขียนบล็อกไว้ เนื่องจากได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแต่งตำราซึ่งปัจจุบันก็ยังนั่งพิมพ์ตำราอยู่ทุกวัน การทำตำราของผมไม่ใช่การเขียนหนังสือพ็อคเก็ตบุค แต่เป็นการแต่งตำราทางการแพทย์ อีกทั้งยังต้องแบ่งเป็น version สำหรับแพทย์เพื่อสร้างแพทย์ต่อยอดในเรื่องนี้ และ version สำหรับบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์โดยเป้าหมายผมคือกลุ่ม นักอรรถบำบัด , voice trainer, voice coacher , นักสัทศาสตร์ ซึ่งในกลุ่มหลังนี้จะมี CD ประกอบหนังสือ คาดว่า version แรกจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ version ต่อมาจะเสร็จกลางปีหน้า
ดังนั้นตั้งแต่ที่ผมยุติไว้แล้วยังมีการถาม ผมก็จะตอบบ้าง ไม่ตอบบ้างก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้

ส่วนที่ผมยังเขียนเนื้อหาลงบางส่วนเนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นการตอบคำถามที่ยาวมากจึงทำเนื้อหาไว้รวมไปกับเนื้อหาที่มีอยู่ก่อน

5. เนื้อหาประเภท how to นั้นย่อมเป็นที่เข้าใจว่ายากที่จะเข้าใจลึกซึ้ง และอาจยากที่จะปฏิบัติตาม เหมือนผมเขียนวิธีการผ่าตัดเอาไว้ว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่คนที่จะเอาไปทำได้เหมือนเป๊ะอาจจะไม่มีเลย ดังนั้นทางเลือกมีอยู่สอนทางคือ ผมไม่ต้องเขียนอะไรเลย กับเขียนแล้วให้คนมาด่าว่าไร้สาระ แต่เพื่อการบันทึกความรู้ของผมไว้ในระบบเครือข่าย ผมจึงเลือกจะเขียน เพื่อให้รับรู้ว่ามีสาขาเวชศาตร์การขับร้อง (Vocal Art Medicine) นี้อยู่ในประเทศไทย

การอ่าน blog ของผมจนจบไม่ทำให้คุณเป็น นักอรรถบำบัด , voice trainer, voice coacher ได้ แต่อย่างน้อยคุณจะได้รู้ว่ามนุษย์เราเจริญพอที่จะทำให้ทุกคนร้องเพลงได้ดี และพยายามแก้ไขทุกปัญหาเกี่ยวกับการร้องเพลงให้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์

6. อย่างไรก็ดีผมจะไถ่โทษโดยการตอบปัญหาทั้งหมดที่ยังไม่ได้ดำเนินการ แล้วจะปิดหัวข้อ "ฝากคำถาม" ภายในสิ้นเดือนนี้ ถ้ามีคำถามใดให้เมล์มาถามเอาที่ kiment@gmail.com หรือ MSN zorroporn@hotmail.com

7. ผมยังไม่เชื่อว่า blog ของผมจะโดนประนามอย่างนี้ ทั้งทีคนเข้ามาดูแค่หยิบมือสองปีมีไม่ถึง 10000 ในนี้เป็นผมซัก 1000 ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเขียน และอยากให้มันเป็นแค่ตำรานิ่งๆที่ใครอยากรู้จริงก็ตามมาคุยกับผมเอาเอง




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2552 3:40:30 น.   
Counter : 666 Pageviews.  


ตอบคุณ Diva

เริ่มที่ตอบคำถามง่ายก่อน

คำว่า "แก้วเสียง" นั้นไม่มีในวิชาการตะวันตก ในคลาส เราใช้ว่า Quality of Voice ซึ่งมักมีมาแต่กำเนิดสองอย่างคือ

1.ช่วงของระดับเสียง (pitch range)
2.ลักษณะใส-ทึบของเสียง (timbre)


คนที่มีแก้วเสียงดีคือคนที่มี range กว้าง และ timbre ที่เหมาะสมกับเพลง (ที่ต้องบอกว่าเหมาะสมกับเพลงเนื่องจากเพลงแต่ละประเภทต้องการ timbre ไม่เหมือนกัน)

ในส่วนลักษณะที่น้องบอกที่ค่อนข้างงง เนื่องการการฝึกเสียงสูงเราฝึกเปิดและเกร็งเพดานอ่อนไม่ใช่เปิดกราม ถ้าเป็นเปิดกรามเราจะใช้ตอนฝึกร้องเสียงหลบและเสียงผ่านในระดับช่วงเสียงที่ซ้อนทับกับเสียง chest tone

ส่วนอาการ trimus นั้นเป็นอาการที่อ้าปากได้น้อยกว่า 2 เซนติเมตร ไม่เหมือนในกรณีของน้อง กรณีที่น้องอ้ากรามมากๆ แล้วขัดตอนจะเปิดสุดๆ อาจเพราะน้องต้องการจะอ้าเกินไปจริงๆ หรือไม่ก็มีปัญหาสบฟันผิดปกติบางอย่างที่อาจต้องตรวจก่อนโดยแพทย์หูคอจมูก หรือหมอฟันจัดฟันนะครับ และไม่ควรจะอ้าจนขัดถึงจุดนั้น ระวังอาจกรามค้างได้




 

Create Date : 20 มกราคม 2552   
Last Update : 20 มกราคม 2552 0:07:45 น.   
Counter : 455 Pageviews.  


ตอบคำถามคุณอุ้ย เรื่อง "อยากได้รูป จุด Register" ที่ผมมิอาจรับใช้ได้

ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่ผมจะไปเรียนรู้เรื่อง professional voice ผมก็คิดว่ามันมีจุดนะครับ แต่จริงๆแล้วมันไม่มี

อาจารย์ที่ MET. ยังคุยกับผมเลยว่าการที่มีการสอนตามสถานสอนร้องเพลง โดยให้ เอาจุดของร่างกายเป็นตัวบอก register เนี่ยมันไม่ค่อยได้สาระ

ที่เรารู้สึกว่า Chest tone จะต้องอยู่ที่ chest แล้ว Head tone ต้องอยู่ที่หัวเนี่ยมันเป็นแค่เทคนิคการสอนให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องวิธีการเปล่งเสียง เดี๋ยวนี้ในตำราจะพยายามเปลี่ยนจากคำว่า chest tone เป็น modal และ head tone เป็น falsetto และ superhead tone เป็น whistle

เวลาใช้ reg:modal นั้น เราเอาเสียงออกปากเป็นหลัก จะออกจมูกก็เฉพาะตามคำที่ออกเสียงของหลัก phonetic หูเราจะรับเสียงหลักจากเสียงออกปาก เสียงสั่นที่กล่องเสียงและเสียงสะท้อนย้อนลงปอด มันก็เลยเรียก chest tone บางที่เรียก mouth tone บางที่ throat tone ด้วยซ้ำ บางแห่งสามอย่างนี้ยังเอามาแยกกันอีก ก็ไม่ต้องไปสนใจเพราะขึ้นอยู่กับ phonetic ในแต่ละเนื้อร้องเท่านั้น แต่มันก็คือ modal เหมือนกัน

เวลาเราใช้ reg:falsetto โดยกล้ามเนื้อ cricothyroid ทำงานปุ๊บ เสียงความถี่ต่ำต้องขยายโคนลิ้น บางที่ก็ไปบอกอีกว่า mouth tone พอความถี่สูงมันจะต้องแบ่งลมบางส่วนไปขึ้นจมูก หูของเราที่มีช่องต่อที่เรียกว่า Eustachian tube ต่อลงที่โพรงหลังจมูกนั้นก็จะเอาเสียงไปเข้าหูมากจนเรารู้สึกว่ามันไปเกิดที่หัว ก็เลยไปเรียกว่า Head tone จะเป็นว่าเริ่มมั่วแล้ว

พอ Reg : whistle มันเข้าจมูกเกือบ 80% คราวนี้ไม่รู้เรียกอะไร ก็มันมากกว่า head ก็อุปโลก superhead มาอีกคำ

อีกอย่างการสอนเรื่อง ลมมาจากท้อง ขมิบลมขึ้นจากก้น อะไรประมาณนั้นก็ดูไม่เข้าท่าเช่นกัน ลมมันอยู่ในปอดจะให้เกร็ง-หย่อนกล้ามเนื้อท้องก็พูดไปตามความเป็นจริงก็ได้ เวลาเสียงสุดๆจะให้เกร็งกระบังลมเชิงกรานก็พูดไป

สอนแบบจินตนาการมากๆ บางทีบางคนไปเชื่อจริงจัง แล้วก็มาเป็นคนไข้ผม บอกอาจารย์ร้องเพลงของฉันสอนมาอย่างนั้นอย่างนี้ ผมจะปรับให้ก็ยากมากเลย น่าสงสารนะครับ

(ผมลองรวบรวมข้อมูลมาบ้างพบว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวลาฟังเด็กๆบนเวทีประกวดร้องเพลงจะชอบทำเสียงใหญ่ๆ ใครไปเรียนประเภทนี้มามักจะเสียงไม่ใสตอนโตเพราะทำเสียงใหญ่ๆมาแต่เด็ก โคนลิ้นจะใหญ่ขึ้น เลยหา tenor,soprano ยากมากเลยในประเทศเรา ไปฟังนักร้องเด็กฝรั่งร้องซิครับจะอนาถใจกับเสียงเด็กไทยบนเวทีประกวดจริงๆ)
สรุป ผมหารูปจุด register ให้ไม่ได้นะครับ เพราะในความเชื่อของผมมันไม่มีจุด ยังไงลองถามคนที่เชื่อดู ผมเชื่อในกลไกการเกิดเสียงที่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จะให้ส่องกล่องให้ดูก็ได้ว่าแต่ละอันมันเป็นยังไง

(เหมือนเติมน้ำมัน esso ผมก็เชื่อว่าน้ำมันจุดระเบิดทำให้รถวิ่ง โฆษณามันจะบอกว่ามันมีพลังเสือแฝงอยู่เต็มถังทำให้รถวิ่ง ผมก็คงไม่คิดจริงๆหรอกครับว่าเสือมันลงไปอยู่จริงๆ)

ขอบคุณครับที่มาอ่านการตอบคำถาม แต่ถ้าทำให้รู้สึกไม่ดีต้องขอโทษด้วย




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 23:46:48 น.   
Counter : 900 Pageviews.  


ตอบคำถามคุณ Doo wop boy เรื่อง Timber ของคุณ doo wop boy

ก็น่าจะเป็นดังที่คุณ doo wop boy คาดไว้ครับ

เพราะลักษณะเสียงในการออก phonetic ของคุณ doo wop พริ้ว ลงจังหวะคำและโน้ตได้ตรง การออกเสียงคำได้ชัด

มี attack ในการออกเสียงคำได้จัดเจน หมายความว่า อันไหนลากๆอันไหนเร่งๆ ก็ทำได้เหมาะดี สมควรเป็น Lyric timber แน่นอน

แต่ก็ไม่ปิดกั้นการเป็น dramatic timber นะครับ เสียงดีๆ เป็น timber อะไรก็ได้ถ้าฝึกฝน

หากมี passagio เพราะๆ ก็เป็น coloratura ได้ด้วย




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 22:54:05 น.   
Counter : 540 Pageviews.  


ตอบคำถามเกี่ยวกับ register : คำถาม>>อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องเสียงแนวอะคาเปล่าด้วยค่ะ-จากคุณ Gades

คุณGades ได้ถามผมเรื่อง register แนว acapella

อธิบายว่ากลไกการทำเสียงของมนุษย์มันมีได้หลายกลไล แต่กลไลที่ฟังเป็นเพลงได้รู้เรื่องมีอยู่ 4 กลไก คือ register ทั้งสี่ที่ผมอธิบายไปแล้ว

แต่ยังมีอีกหลายกลไกที่เรายังใช้ทำเสียงได้ เช่น การผิวปาก , การเอาลิ้นเดาะกับเพดานเป็นเสียงดัง เต๊าะ เต๊าะ ที่มักใช้เวลาเรียกสุนัข , การหายใจเข้าแล้วมีเสียงหื้ดๆ และอื่นๆ อีกมากหลายวิธี

จะเห็นว่ากลไกทำเสียงพวกที่ผมยกตัวอย่าง มันใช้พูดกันไม่ได้ครับ เลยเอาไปใช้ในการประกอบกับการร้องเพลงแนว acaplle ที่ใช้เสียงมนุษย์เลียนแบบเสียงดนตรี

ส่วนใครจะทำเสียงอะไรบ้างให้ครบวง อย่างน้อยต้องมีเสียงสามประเภทครับ คือ เสียงส่วนทำนอง เสียงส่วนจังหวะ และเสียงพิเศษ

ส่วนการฝึกนั้นทำกันเอาเองนะครับ ผมไม่ถนัด แค่ร้องเพลงไปวันๆก็พอแล้ว




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 23:24:11 น.   
Counter : 499 Pageviews.  


1  2  

kimanatomy
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Blog นี่สำหรับคนรักการร้องเพลงครับ โดยเฉพาะคนที่อยากรู้แบบเป็นวิชาการ
โดยอิงทฤษฎีการร้องเพลงคลาสสิกร่วมกับเวชศาสตร์การใช้เสียง
ถ้ายากไปแต่อยากเข้าใจก็ถามมาได้ครับ(e-mail,MSN)
zorroporn@hotmail.com

PRODUCED AND COPYRIGHT BY
SURAPORN KORNTONG,MD,FRCOT

ฺBEST VIEW BY INTERNET EXPLORER


ThaiBlog.info
[Add kimanatomy's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com