เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

เยือนถิ่นสุดแดนใต้ แผ่นดินไทยที่ฉันรัก : ตอน 6 บางนรา สายน้ำแห่งนราธิวาส

หลังจากระทึก สุด สุด กันมาจากระทู้ก่อนหน้านี้
เราออกเดินทางจากสุไหงปาดี เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองนราธิวาส การเดินทางของวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เนื่องจากมีทีมงานร่วมทริปมาด้วย

หลังจากแวะไหว้พระที่วัดเขากง ก็ตรงดิ่งสู่ตัวเมืองก่อนที่จะค่ำมืด คืนนี้เราพักกันที่โรงแรมตันหยง เหตุการณ์ปกติ ไม่มีความตื่นเต้นลุ้นระทึก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมัวแต่เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของเมืองนราธิวาสก็เป็นไปได้

แล้วเราก็มาถึงเมืองนราธิวาส
โคมไฟส่องสว่างที่นี่มีหลายแบบมากๆ สวยๆทั้งนั้น



และแน่นอน.. ภาพที่คุ้นตาตลอดการเดินทางของทริปนี้



นราธิวาสเป็นเมืองที่เจริญมากๆ และเป็นเมืองเก่าสังเกตได้จากบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ สวยๆทั้งนั้น ทั้งอาคารไม้ และอาคารตึกแบบนี้



ถึงร้านอาหารพอดี ชื่อร้านมังกรทอง ประตูทางเข้าสวยดีค่ะ



ร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางนรา เรานั่งมองบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำ
ลมพัดเย็นสบาย ได้ยินเสียงโมบายดังกรุ๋งกริ๋ง



เรือกอแระ แล่นออกหาปลา



สั่งอาหารมาหลายอย่าง พร้อมเครื่องดื่ม เพราะมื้อนี้เรามากันหลายคน
อาหารรสชาติ ใช้ได้ค่ะ แต่..ที่ชอบที่สุดคือบรรยากาศริมบางนรา ..



วันนั้นเราทานกันค่อนข้างดึก เพราะมาหลายคนเลยใจกล้า
ออกจากร้านน่าจะประมาณ 3 ทุ่ม สังเกตได้ว่าในตัวเมืองนราฯ ไม่เงียบเหงาเหมือนที่ยะลา เพราะเรายังเห็นรถวิ่งผ่านไปมากันอยู่
เราพักที่โรงแรมตันหยง ค่าที่พักคืนละ 650 บาท (ราคาหน่วยงาน) ไม่รวมอาหารเช้าค่ะ

แบบว่า..ยังติดลม
จะให้เข้าห้องนอนเลยคงไม่ได้ พวกเราก็เลยลงไปต่อกันที่คอฟฟีช๊อป ของโรงแรมมีดนตรีด้วย ร้องเพลงกันสนุกสนาน
ไม่รู้แขกโต๊ะอื่นเค้ามีเคืองกันมั่งรึเปล่า
เช็คบิลหมดไปอีก เกือบพันสี่ สบายใจ คลายเครียดจากเหตุการลุ้นระทึกตอนกลางวัน

คืนนั้น นอนหลับสบาย เพราะคิดดูแล้วทริปนี้คงไม่มีเส้นทางไหนที่เสี่ยงภัยมากกว่าที่ผ่านมาอีกแล้ว



เช้าวันรุ่งขึ้น เรารีบตื่นแต่เช้า เพื่อรีบเดินทางไปปัตตานี
แวะหาข้าวทานระหว่างทาง แต่หายากมากๆ เพราะเป็นช่วงวันหยุดสงกรานต์ร้านค้าปิดกันหมด



ตั้งแต่เดินทางมานับจากวันแรก มีตอนนี้แหละที่ผ่อนคลาย สบายใจที่สุด
ในตอนต่อไป จะพาเที่ยวจังหวัดยะลาค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป



เพิ่มเติมลิงค์รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์บลูแพลนเนทค่ะ

//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/04/E6542301/E6542301.html




 

Create Date : 28 เมษายน 2551   
Last Update : 10 เมษายน 2553 20:23:35 น.   
Counter : 1811 Pageviews.  

เยือนถิ่นสุดแดนใต้ แผ่นดินไทยที่ฉันรัก : ตอน 7 ชีวิตปกติที่เมืองยะลา

หลังจากใจหายใจคว่ำ ลุ้นระทึก มาจากนราธิวาสในช่วงวันสงกรานต์
ช่วงค่ำเราจึงพาทีมงานไปผ่อนคลายกับสถานบันเทิงที่โรงแรมตันหยง

เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเรารีบออกเดินทางจากนราธิวาสกันแต่เช้า เพื่อมุ่งหน้าเข้าสำนักงานเพื่อดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายให้แล้วเสร็จ ทั้งๆที่เป็นวันหยุด แต่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้ต้องพร้อมทำงานเสมอ

ที่ตั้งของหน่วยงานคุณผู้ชาย อยู่ในเขตอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี แต่อยู่ใกล้รอยต่อจังหวัดยะลา จากที่ตั้งมายังเมืองยะลา ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที เราจึงมุ่งหน้าไปที่ยะลา

ด้วยความเหนื่อยล้า และตื่นเต้นจากเหตุการณ์เมื่อวาน
ดิฉันจึงขอไปนอนพักเอาแรงก่อน เนื่องจากวันนี้ไม่มีโปรแกรมออกเที่ยวชมเมือง

ด้วยงานด่วนที่ได้รับมอบหมาย คุณผู้ชาย และทีมงานต้องเข้าไปทำงานกันที่หน่วย ดิฉันจึงขอให้พามาส่งที่โรงแรม ซึ่งก็คือโรงแรมปาร์ควิว เช่นเดิม เพราะมั่นใจในความปลอดภัย ถ้าหิวอะไร ก็เดินลงไปหาทานเองได้ง่ายๆ (รึเปล่า ?)

ห้องพักในคืนนี้ราคา 470 บาท
แพงกว่าคืนแรก เพราะเค้าบอกว่าห้องแบบนี้ปรับปรุงใหม่ สวยกว่าเดิม เค้าเรียกห้องบูติค แต่ยังคงระเบียบเดิมคือมัดจำก่อนนิดหน่อย รวมจ่ายก่อนเข้าพัก 700 บาท ส่วนต่างคืนให้ตอนเช็คเอ้าท์



ขึ้นไปบนห้อง ดิฉันก็จัดการนำเสื้อผ้าออกมาซัก เพราะเตรียมมาแค่อยู่ 3-4 วัน แต่ปรากฏว่ามันเพลินไปหน่อย ต้องอยู่ที่นี่ทั้งหมด 9 วัน รวมเวลาเดินทางก็ 10 วันที่ออกจากบ้านพอดิบ พอดี ขืนไม่ซัก..อาจจะเป็นที่รังเกียจของคนที่อยู่ใกล้ได้ง่ายๆ

ซักผ้าเสร็จก็หลับเป็นตาย โดยไม่ได้มีความรู้สึกหิวแต่อย่างใด มานึกดูอีกที ทีดีแล้วที่หลับ เพราะถ้าตื่นแล้วเกิดหิวล่ะก็ ดิฉันจะกล้าลงไปหาอะไรกินเองมั้ยหว่า ??

ประมาณ 6 โมงเย็น คุณผู้ชายโทร.มา..

หมูตัวใหญ่ : อีกสิบนาที ลงมาคอยข้างล่างนะ พี่ให้คนออกไปรับแล้ว
หมูน้อย : รับไปไหนอ่ะ
หมูตัวใหญ่ : มาที่ทำงาน
หมูน้อย : ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ .. หนูหิวแล้วอ่ะ
หมูตัวใหญ่ : ยังเลย มาก่อนเดี๋ยวค่อยไปทานพร้อมกัน

แล้วดิฉันก็มานั่งปั้นจิ้ม ปั้นเจ๋อ อยู่กัยชายกำยำเต็มห้องทำงานของแผนก แต่.. บรรยากาศทำไมมันวุ่นวายเช่นนี้หนอ งาน งาน งาน และ งาน ทุกคนทำงานกันหมดเลยอ่ะ

บรรยากาศก็ไม่ได้ถึงกับเคร่งเครียดนัก เพราะมันนอกเวลางานแล้ว และที่นี่ก็เป็นทั้งที่ทำงาน ที่อยู่ ที่กิน จึงกลายเป็นว่า มื้อเย็น(ค่ำมาก)วันนี้ จึงเป็นข้าวกล่องง่ายๆ คนละกล่อง

คืนนั้นกว่าจะเสร็จงานก็ปาไปเกือบ 4 ทุ่ม ออกจากที่ทำงานกลับโรงแรม หลับเป็นตาย เช้าวันรุ่งขึ้น..



เช้านี้เราต้องเข้าไปที่ออฟฟิศ คุณผู้ชายอีกครั้งเพื่อตรวจงาน เส้นทางที่เราผ่านเมื่อคืน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ได้โอกาสเหมาะมาถ่ายอีกครั้งตอนเช้า

ที่สถานีรถไฟเนี่ย ห้าโมงเย็นก็กั้นเหล็กปิดตายแล้ว



ชุมชนย่านตลาดเก่า ริมทางรถไฟ ที่เพิ่งมีข่าวรอบวางระเบิดเมื่อสองวันที่ผ่านมา
ย่านนี้เป็นย่านดียวในเมืองยะลา ที่มีความคึกคักในยามค่ำคืน

มีอาหาร ร้านค้าขาย ของชาวมุสลิม แต่.. ต่อให้หิว หรืออยากทานแค่ไหน ยอมรับค่ะว่าดิฉันไม่กล้าจอดแวะซื้อ



ออกจากที่ทำงาน เราก็ไปทานมื้อเช้ากันค่ะ วันนี้จะลองทานก๋วยจั๊บน้ำใส ที่ร้านถัดจากกวางเจา แต๋เตียม ที่ทานเมื่อสองวันก่อน ชอบตู้ไม้ของร้านนี้อีกแล้ว อายุมากว่า 50 ปีแล้วนะเนี่ย

คุณผู้ชาย สั่งเส้นหมี่ก๋วยจั๊บ
ส่วนดิฉันสั่งก๋วยจั๊บเส้นหมี่สูตรเบตง อร่อยมากๆ จะไปกินอีกค่ะ
นอกจากก๋วยจั๊บ สองชาม ก็มีชาเย็น กาแฟ ขนมอีกสองถุง
มื้อนี้หมดไป 92 บาท



แล้วเราก็ออกเดินทางเยี่ยมชมเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยมากๆ
วงเวียนศาลหลักเมือง จะรายล้อมไปด้วยหน่วยราชการ
หาที่จอดรถ ที่ปลอดภัยไม่ลับตาแล้ว
ไปไหว้ศาลหลักเมืองกันค่ะ

บริเวณรอบๆ จะมีร่มไม้ ริมสระเลี้ยงปลา บรรยากาศร่มรื่น



จากนั้นก็ไปเที่ยววัดถ้ำคูหาภิมุข พระพุทธไสยาสน์ อยู่ในถ้ำบนเขาลูกนี้ค่ะ ต้องข้ามสะพานสองแสนที่เห็นนี้ไปก่อน



ขี้นบันได ดาวดึงส์ พอแค่หอบ ไปเจอยักษ์วัดถ้ำ



เดินเข้าไปในถ้ำ มีเสียงน้ำหยดติ๋งๆ กับค้างคาวบินไปมาด้วยล่ะ
นี่ไงคะพระนอน




ภาพนี้ที่ปากถ้ำอีกด้านมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม



บรรยากาศบางส่วนในถ้ำ



แวะเช่าวัตถุมงคล ก่อนกลับ
กำลังเพลินๆ โทรศัพท์คณผู้ชาย ดังขึ้น
ที่ออฟฟิศโทร.มา ก็เลยต้องรีบกลับไป

จะให้ดิฉันไปนั่ง มอง ชายร่างกำยำทั้งหลาย ทำงานกันอีกแล้วรึ ?? ฝันไปเหอะ
น่าเบื่อจะตาย งั้นพี่เอาหนูไปทิ้งไว้ที่นี่ดีก่า ..

ได้เวลากาแฟ พอดี ร้านนี้อยู่ในเมืองยะลา "ร้านละมุน"
เข้าไปในร้าน.. ชื่นใจ กลิ่นกาแฟหอมฉุย
มีทั้งโซนด้านใน และโซนด้านนอก ทีแรกว่าจะนั่งข้างนอกดีกว่าโปร่งดี

แต่พอออกไปนั่งจริงๆ ไม่ไหว ไม่มีลมพัดเลย เข้าไปนั่งตากแอร์ดีกว่า
เพราะมีแววว่า..ต้องนั่งนานนนนน (อยู่คนเดียว)

ร้านนี้มีสัญญาณเนตนะ แล้วก็ให้ใช้ปลั๊กไฟ ด้วยล่ะ น่ารักมากๆ
นั่งเป็นชั่วโมง กินกาแฟไปสองแก้ว เค้กหนึ่งชิ้น และสะเต๊ก หนึ่งจาน
ทานเสร็จไปไม่นาน ก็พอดีได้เวลา คุณผู้ชายมารับพอดี

อ้าว !! ทำไมมาเร็วจัง ยังใช้ชีวิตปกติ ตามลำพัง ไม่คุ้มเลย

จะไปมั้ย ?? หรือจะอยู่เป็นพนักงานที่นี่ เค้ารับสมัครอยู่พอดี

แน๊.. ดู สิ มาถามได้

ไปจิ่ ไปไหนอ่ะ

ไปปัตตานี คืนนี้ไปค้างปัตตานีกันดีกว่า..

เย้ !! ไป ไป น้องเก็บตังค์

หมดไป สามร้อยกว่าบาท พร้อมโกโก้ปั่นอีกแก้ว



ตอนต่อไป จะพาไปทาน โรตี และ ชาชัก แสนอร่อย พร้อมเที่ยวชมเมืองปัตตานี

แล้วพบกันตอนหน้า.. ที่ปัตตานี



เพิ่มเติมลิงค์รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนท

//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/04/E6546348/E6546348.html




 

Create Date : 28 เมษายน 2551   
Last Update : 10 เมษายน 2553 20:26:21 น.   
Counter : 2335 Pageviews.  

เยือนถิ่นสุดแดนใต้ แผ่นดินไทยที่ฉันรัก : ตอน 8 หอมกลิ่นชาชัก เมืองปัตตานี

เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ดิฉันก็ต้องกลับบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว

ทำไมเวลามันผ่านไปไวแบบนี้ นี่ขนาดขยายเวลาออกไปอีกตั้งเกือบสัปดาห์ ยังเที่ยวไม่ทั่วเล้ยยยยยยย เมื่อได้ยินประโยคที่ว่า..

"ป่ะ วันนี้ไปค้างปัตตานีกัน" มีรึที่จะชักช้าร่ำไร ไป ค่ะ ไป อยากไปกินโรตี ชาชัก จะแย่แว้ววววววววว

ออกเดินทางจากเมืองยะลา โปรดอย่าถามว่า..ไปเส้นทางไหน ถนนอะไร
ตอบไม่ได้ค่ะ ดิฉันมีหน้าที่นั่งลุ้นระทึกอย่างเดียว คนขับเค้าจะขับพาไปไหน ก็ต้องไปอยู่แล้ว วิ่งแซงรถเมล์ ที่เขียนป้ายหน้ารถว่า "ด่วน" แต่จำสายไม่ได้ เด็กๆมุสลิมหน้าตาน่ารัก ก็หันหน้ามาทักทาย



เส้นทางนี้เค้าเรียกว่าทางไปบ้านลำใหม่ ที่เราผ่านเส้นนี้ไปไม่ถึง 24 ชม. ก็ได้ข่าวว่าชุดลาดตระเวนถูกซุ่มโจมตี รอบวางระเบิด ทำให้ทหารเสียชีวิตไป 1 ราย

เฮ้อ !!~

สองข้างทางจะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทึบ ช่วงกลางคืนไม่มีผู้คนสัญจร คนร้ายจึงสามารถมารอบวางระเบิดได้อย่างสะดวก



ทิวทัศน์อันแสนสวยงามข้างทาง การทำนาแบบดั้งเดิมมีให้เห็นโดยทั่วไปในพื้นที่นี้



แล้วเราก็เดินทางมาถึง วัดช้างให้


วัดช้างให้ หรือวัดราษบูรณาราม
ตั้งอยู่ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 31 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงสายปัตตานี-โคกโพธิ์ ผ่านสามแยกนาเกตุ ตรงไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 409 (ปัตตานี-ยะลา) ผ่านชุมชนสุขาภิบาลนาประดู่และสวนยางไปจนถึงซุ้มที่ประตูวัดทางซ้ายมือ เพื่อแยกเข้าสู่วัดช้างให้อีกประมาณ 700 เมตร สภาพถนนราดยางตลอดสาย
วัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างให้)
หมู่ที่ ๒ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
*************************
วัดช้างให้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า วัดราษฎร์บูรณะ อยู่ที่ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ห่างจากปัตตานีประมาณ 26 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 1,032 กิโลเมตร ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐ ตามพระราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๗๔ ตอน ๑๕ หน้า ๔๕๑ - ๒๕๒ เขตวิสุงคามสีมายาว ๘๐ เมตร กว้าง ๔๐ เมตร ทำพิธีผูกพัทธสีมาเมื่อ วันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ มีที่ดินที่ตั้งวัดเป็นเนื้อที่จำนวน ๑๒ ไร่ ตามหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ค. ๑ เลขที่ ๓๓๔/๒๔๙๘



หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เป็นผู้มีความสามารถในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและด้านเวทมนตร์คาถาต่างๆ บางครั้งท่านได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน เช่นครั้งที่ท่านเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างทางเกิดพายุ จนกระทั่งข้าวปลาและอาหารตลอดจนน้ำดื่มตกลงทะเลไป ลูกเรือรู้สึกกระหายน้ำมาก หลวงปู่ทวดจึงได้แสดงอภินิหารหย่อนเท้าลงไปในทะเล ปรากฏว่าน้ำในบริเวณนั้นได้กลายเป็นน้ำจืด และดื่มกินได้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของท่านก็ขจรขจายไปทั่ว และต่อมาหลวงปู่ทวดได้เสด็จมรณภาพที่ประเทศมาเลเซีย แล้วได้นำพระศพกลับมาที่วัดช้างให้ ที่พักพระศพของหลวงปู่ทวดได้กลายมาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านสักการะมาจนทุกวันนี้



แล้วเราก็เดินทางต่อไปวัดมุจลินทวาปี

วัดมุจลินทวาปีวิหาร
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตร ริมเส้นทางหลวงสายปัตตานี-โคกโพธิ์ ในเขตสุขาภิบาลอำเภอหนองจิก เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อพระยาวิเชียรภักดีศรีสงครามย้ายที่ว่าการอำเภอหนองจิกจากที่เก่า มาอยู่ที่ตำบลตุยง เมื่อ พ.ศ. 2388 มีชื่อว่า วัดตุยง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองหนองจิก และมีพระราชศรัทธาบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างพระอุโบสถ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดมุจลินทวาปีวิหาร" ปัจจุบันเป็นอารามหลวงและมีการบูรณะพระอุโบสถอยู่ในสภาพที่มั่นคงสวยงาม สถานที่สำคัญที่สุดของวัดคือวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของอดีตเจ้าอาวาส 3 องค์ โดยเฉพาะพระราชพุทธรังษีหรือหลวงพ่อดำ เจ้าอาวาสองค์ที่ 5 ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เคยได้ยินกิตติศัพท์คุณความดีของหลวงพ่อ ต่างเลื่อมใสศรัทธาเดินทางมานมัสการสักการะบูชาอยู่เสมอ



ออกจากวัดมุจฯ เราตรงดิ่งไปที่นี่ เพื่อไปทานโรตี + ชาชัก
โรงแรมซีเอส ปัตตานี ที่เพิ่งโดนลอบวางระเบิดไปไม่นาน
ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด (มากกว่าเดิม) หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และท่าน ส.ว. เจ้าของโรงแรมก็ได้รับบาดเจ็บ(เล็กน้อย) ไปด้วย รถทุกคันจึงไม่สามรถเวียนเข้าไปพื้นที่ส่วนในได้ ต้องจอดที่ลานด้านหน้า มอเตอร์ไซค์ทุกคันก็ต้องเปิดเบาะ เห็นแบบนี้ ลูกค้าแปลกหน้าอย่างเรา ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น

แต่เป็นที่สังเกตได้ว่า ลูกค้าที่นี่ไม่ได้ลดน้อยลงไป ใคร ต่อใคร ก็ยังคงมานั่งจิบน้ำชา ทานโรตี พบปะ พูดคุย หรือแม้กระทั่งมานั่งอ่านหนังสือ ทำงาน ที่นี่ กันตามปกติ

และเช่นเคย..
อยู่ในช่วงวันสงกรานต์ ก็ต้องสรงน้ำพระ ที่โรงแรมมีพื้นที่ไว้ด้วยค่ะ



เริ่มแดดร่ม ลมตก นั่งด้านนอกดีกว่าบรรยากาศดี เริ่มมีเด็กๆมาว่ายน้ำกันเยอะเลยค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายสระว่ายน้ำมานะคะ
ที่นี่เค้าเลี้ยงนกนางแอ่นด้วยค่ะ เห็นว่าเก็บรังนกขายทีนึงได้หลายสตางค์

ชาชัก ห๊อม....หอม อร๊อย..อร่อย
ทานกับโรตี แผ่นบาง ๆ หวานน้อยๆ หอม ๆ



ดิฉันถูกทิ้งให้นั่งเฝ้าโต๊ะ คนเดียว อยู่นาน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อ เพราะบรรยากาศเพลินมากๆ ประกอบกับนั่งทำไฟล์ภาพไปด้วย

ส่วนคุณผู้ชาย ไปนั่งคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ ในหน่วยงานที่ทำงานร่วมกัน ที่ส่วนใหญ่จะใช้สถานที่แห่งนี้มานั่งพูดคุยกันนอกรอบ ซึ่งก็แน่นอน หัวข้อที่พูดคุยก็คงหนีไม่พ้น .... ปัญหาใหญ่ที่ทำให้พวกเค้าเหล่านั้นได้รับมอบหมายให้มาที่นี่ เพื่อบ้านเมือง เพื่อผืนแผ่นดินของเรา

ได้เวลาอาหารเย็น เราเลือกที่จะเดินออกมาด้านหน้าโรงแรม เพื่อมาร้านนี้..
ร้านสีเขียว สดชื่น สะดุดตา ภายใต้ซุ้มเล็บมือนาง .. ชื่อว่าร้าน Heineken ใช่แล้วค่ะ เค้าชื่อร้านแบบนี้จริงๆ

ภายในร้านตกแต่งด้วยสีเขียว สีโปรด ของดิฉัน แต่เหตุผลที่เลือกมาร้านนี้ คงไม่ต้องบอกนะ
ทีแรก เลือกนั่งข้างนอก อากาศดีเชียวล่ะ แต่นั่งซักพัก ไม่ไหวแฮะ ยุงชุม ก็เลยย้ายไปนั่งด้านใน แถวนี้มีร้านสไตล์นี้อยู่หลายร้าน แต่เห็นคนชอบนั่งร้านนี้กันมากกว่าร้านอื่นแฮะ รสชาติอาหารก็ใช้ได้ ราคาไม่ถือว่าแพง

สรุปค่าใช้จ่าย หมดไป 425 บาท



อิ่มแระ เดินกลับโรงแรม ค่าที่พัก คืนละ 1,200 บาท พร้อมอาหารเช้า (ถ้าพักคนเดียวราคา 1,000 บาท)
แต่เราไม่ได้ทานหรอก เพราะมาครั้งนี้ อยากดูบรรยากาศบ้านเมือง
การทานอาหารเช้าในโรงแรม ทำให้เราพลาดชมชีวิตยามเช้าไป เพราะฉะนั้น ห้ามถามว่า..

"อาหารเช้าที่ซี.เอส ดีมั้ยคะ อาหารเยอะรึเปล่า ?"

ดิฉันตอบไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ทาน ส่วนที่ทานอาหาร ยังไม่ได้เดินเข้าไปดูเลย

เราเลือกห้องฝั่งด้านหน้า เพื่อที่จะสามารถมองเห็นรถของเราที่จอดอยู่ได้ จากบนห้อง



เช้าวันรุ่งขึ้น..


ออกจากโรงแรมแต่เช้า..เข้าไปในตัวเมืองแวะทำธุระที่ธนาคาร นิดหน่อย
จนท.ธนาคารทำหน้าตกใจ เมื่อรู้ว่าดิฉันมาเที่ยวไกล... ขนาดนี้
ออกจากธนาคารก็ไปตลาดค่ะ หาข้าวเช้าทานกัน

บรรยากาศในตัวเมือง รถค่อนข้างเยอะกว่าที่ยะลา ถามคุณผู้ชายว่า.. ที่นี่ไม่ค่อยเกิดเหตุในเมืองเหรอ คุณผู้ชายตอบว่า..

ก็ถนนเส้นนี้แหละ ที่เกิดเหตุยิงพระที่บิณฑบาตร น่ะ

ห๊า... ใจกลางเมืองเนี่นนะ


เฮ้อ !!~

ข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำมาแล้วก็หาที่จอดรถ บริเวณนี้มีร้านขายอาหารอยู่หลายร้าน



ทานร้านนี้แล้วกัน เพราะจอดรถตรงหน้าร้านพอดี จะได้มองเห็นรถขณะนั่งทานข้าว
เมนูธรรมดา ๆ ของเช้านี้
ปกติดิฉันจะไม่ค่อยชอบทานชาเย็น แต่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ สั่งชาเย็นทุกมื้อเลยค่ะ

เพราะชาที่นี่ หอม อร่อย แบบที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน
และรสชาติ เหมือนกันทุกร้านเลยค่ะ ชอบ



อิ่มแล้ว.. ออกเดินทางต่อค่ะ
แวะไปเก็บภาพความสวยงานของมัสยิดกลางก่อนดีกว่าค่ะ



สถานที่ต่อไป..คือสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตรงนี้มีจุดตรวจ รักษาความปลอดภัยตั้งอยู่ แค่วิ่งรถผ่านแล้วเก็บภาพ ไม่รู้เป็นไง ไม่อยากจอดลงไปนานๆอ่ะ มันเสียว



นี่อยู่ใกล้กัน มัสยิดกรือเซ๊ะ



ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว



ภาพประทับใจ ที่เราบังเอิญได้พบระหว่างทาง



ขอปิดท้ายตอนที่ 8 นี้
ด้วยภาพนี้มาจากคุณ Teanarm ทหารหนุ่มแห่งค่ายอิงคยุทธ ปัตตานีถ่ายจากวัดช้างให้ ที่คุณ Teanarm เพิ่งไปมาเมื่อสองวันก่อน

ตอนหน้าจะเป็นวันสุดท้ายที่เราใช้ชีวิตอยู่ที่ใต้ จะพาไปหาดใหญ่อีกรอบค่ะ



เพิ่มเติมลิงค์รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนทค่ะ

//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/04/E6548164/E6548164.html




 

Create Date : 28 เมษายน 2551   
Last Update : 10 เมษายน 2553 20:28:54 น.   
Counter : 2536 Pageviews.  

เยือนถิ่นสุดแดนใต้ แผ่นดินไทยที่ฉันรัก : ตอนจบ แผ่นดินใต้ แผ่นดินไทย ของเรา

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป ที่ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สามจังหวัด

รู้สึกอาลัย อาวรณ์ บอกไม่ถูก ยังไม่อยากกลับ ยังไม่อยากกลับ...
แต่ไม่กลับก็คงไม่ได้ เพราะจองตั๋วรถทัวร์เที่ยวกลับไว้แล้ว แล้วก็เลื่อนการเดินทางไปแล้วรอบนึงด้วย

ความตั้งใจเดิม ดิฉันอยากจะกลับทางรถไฟ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ไม่มีตั๋วรถไฟเที่ยวที่สะดวกกับการเดินทาง สรุปก็เลยไปลงที่ตั๋วรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่งของ บขส. รถออกวันรุ่งขึ้นเวลา 4 โมงเย็น

วันนี้เราจึงเดินทางออกจากยะลา,ปัตตานี ไปที่หาดใหญ่ สงขลาอีกครั้ง
หลังจากเมื่อวานนี้ เราไปพักค้างที่ปัตตานี
วันนี้หลังเสร็จสิ้นภาระกิจที่ปัตตานี เราย้อนกลับมาที่แผนกของคุณผู้ชายอีกครั้ง และแวะเข้าไปซื้อของฝากในตัวเมืองยะลา จากนั้นจึงออกเดินทางสู่สงขลา ในเวลาใกล้เที่ยง


ระหว่างเส้นทาง เราเลี้ยวเข้าไปที่ปากแม่น้ำเทพา เพื่อเก็บภาพวิถีชีวิตชาวประมงมาฝาก
อากาศแจ่มใส แต่..ร้อนมากค่ะ
ดิฉันเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย เนื่องมาจากการเดินทางตลอดทุกวันที่อยู่ที่นี่ ความลุ้นระทึก และแดดที่ร้อนจัด ในเวลาเที่ยง



หนุ่มน้อยคนนี้ ไม่เห็นจะร้อนซักนิด หลังจากขึ้นจากน้ำก็มาช่วยคุณแม่ตากปลา เก่งจัง น้องเค้าเพิ่งจะ 8 ขวบเองค่ะ
ปลากระตัก ต้มและนำมาตากแดด เพื่อแปรรูปขายนอกเหนือจากปลาสดที่ได้จากการออกเรือ



มุ่งหน้าเข้าสงขลากันดีกว่าค่ะ
ขับรถวนเวียนชมเมืองสงขลา แล้วเราก็มาที่นี่ พิพิธภัณฑ์ธำมรงค์
บ้านเก่าของตระกูลติณสูลานนท์

ชอบมั่กๆ ได้บรรยากาศของบ้านเก่าแบบเรือนใต้ เต็มๆ
มีบ่อน้ำแบบโบราณอยู่ข้างบ้านด้วย

แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก วันนี้ "ปิด"
ดิฉันก็เลยทำได้แค่ชะเง้อถ่ายภาพอยู่นอกรั้ว



เดินข้ามไฟแดงมานิดนึง เพื่อชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
อยู่ตรงข้ามกับกำแพงเมืองเก่า
เสาต้นนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นเสากระโดงเรือหรือเปล่า ??



มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะแยะ อาคารสีแดง ฟ้าสดๆ ต้นไม้เขียวๆ



อากาศวันนั้นร้อนมากๆ ขนาดนั่งอยู่ในร่มไม้ แต่ไม่มีลมซักนิด เกือบจะแย่..
ไปต่ออีกกว่านะ มุ่งหน้าหาดสะมิหลา



มีพื้นที่พักผ่อนสำหรับคนในท้องถิ่น ปูเสื่อปิคนิคกันน่าอิจฉา



หาดเก้าเส้ง



บรรยากาศ ชายหาดสะมิหลา





เกาะหนู เกาะแมว



ขับรถผ่านที่พัก ,ร้านอาหาร แถวชายหาด เกือบเปลี่ยนใจพักมันแถวๆนี้ซะแล้ว.. แต่ไม่ได้ ไม่ได้ เดี๋ยวติดลม ไม่ได้กลับกันพอดี ต้องตัดใจขับรถมุ่งหน้าหาดใหญ่ วันนี้ไม่พลาดแล้วเข้าไปที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองหาดใหญ่กันดีกว่า
ข้างในมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะเลยค่ะ



เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว









ขึ้นเขาไปต่อกันอีกชั้น ...ไหว้พระ ขอพร
มุมนี้ จะมีคนขึ้นมาพักผ่อนชมวิวหาดใหญ่กันเยอะแยะเลยค่ะ บรรยากาศดีมั่กๆ



นั่งชมวิวเมืองหาดใหญ่



ก่อนกลับแวะทานข้าวที่ร้านอาหาร "บนเขา" บรรยากาศสุดยอด อาหารรสชาติใช้ได้



นั่งอยู่นานเหมือนกัน จากที่ยังร้อนๆ จนค่ำมืด กลัวว่าจะขับรถตกเขาซะก่อนก็เลยต้องเช็คบิล หมดไป 835 บาท

บรรยากาศก่อนกลับ เห็นวิวเมืองหาดใหญ่ สวยเชียว



เข้ามาในเมืองหาดใหญ่ ตั้งใจว่าจะไปที่ถนนคนเดิน คลับคล้ายคลับคลา ว่าอยู่แถวถนนประชาธิปัตย์ เพราะอยากทานเต้าทึงเย็น แต่.หาไม่เจอ วนไป วนมา เจอตลาดนี้แทน มีที่จอดรถพอดี จอดตรงนี้ก็ได้ !!



คืนนี้เราเข้าพักที่ โรงแรมหาดใหญ่รามา เหมือนคืนแรกที่มาถึง
และแน่นอน มื้อเช้าเราก็ต้องไปที่โชคดี แต๋เตี๋ยม เหมือนเคย....
กินอิ่ม ก็ออกชอปปิ้ง หาซื้อของฝาก
ไปที่ตลาดสันติสุข และตลาดกิมหยง ซื้อของฝากหมดไปหลายตังค์ ตัวเบาเลยค่ะ



เดินช๊อปฯ จนเหงื่อตก อากาศร้อนมั่กๆ
ประมาณบ่ายโมง กลับเข้ามาอาบน้ำเตรียมเช็คเอ้าท์ (โรงแรมให้เราเช็คเอ้าท์เลทได้บ่ายสอง)

เราฝากรถไว้ที่โรงแรม แล้วก็นั่งรถสองแถวไปที่สถานีขนส่ง สาย 33 ราคาค่าโดยสารคนละ 10 บาท
ไปถึงสถานีขนส่งฯ ยังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ กว่ารถจะออกก็เลยฝากกระเป๋าแล้วไปหากาแฟกิน

ค่าฝากของ 20 บาทจ้ะ

ข้ามถนนออกไปร้านกาแฟ ข้าง 7-11 ปรากฏว่าพอออกไป ทั้งลมทั้งฝน กระหน่ำซะ !!

ใกล้เวลาเดินทาง ลุยฝนกลับมาขึ้นรถ เราเลือกจองตั๋วเที่ยวนี้ เพราะรถจะเข้าไปที่สถานีหมอชิตด้วย จะได้สะดวกในการเดินทางกลับบ้าน ค่าโดยสารคนละ 1,065 บาท รถออกตรงเวลาดีมากค่ะ



รถแวะทานข้าว น่าจะแถวทุ่งสง ตอนหกโมงครึ่ง
มีอาหารเป็นสำรับทานรวมกันกับคนอื่น รสชาติอาหารบอกไม่ถูกค่ะ เพราะมันไม่มีรสอะไรเลย ห้องน้ำค่อนข้างแย่ค่ะ
เช้าประมาณ 6 โมงกว่าๆ เราก็เดินทางมาถึงกรุงเทพ เมืองฟ้า เมืองอมร
ตีตั๋วรถกลับบ้าน คุณคุณผู้ชาย มาส่งดิฉันถึงบ้าน แล้วก็ตีตั๋วกลับไปใต้เพียงลำพังในวันนั้นเลย เนื่องจากมีงานรออยู่
สรุปสุดท้ายสำหรับการเดินทางไกลครั้งนี้

ถามว่าคุ้มค่ามั้ย กับการเสี่ยงภัยตลอดทริป 9 คืน 10 วัน ตอบได้ทันทีค่ะ ว่า คุ้มสุด สุด

การได้ไปเห็นกับตา ว่าพี่น้องทางใต้ อยู่กันอย่างไร การได้ลงไปพูดคุย ให้กำลังใจ ให้เค้าได้เห็นว่าคนไกลร่วมผืนแผ่นดินรู้สึกเป็นห่วง สิ่งเหล่านี้สร้างกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ แม้จะเพียงน้อยนิด ก็ยังดีกว่าที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย

ธรรมชาติ และวิถีชีวิตของจังหวัดชายแดนใต้ สวยงาม เสมอ ค่ะ
การใช้ชีวิต ที่เสี่ยงภัย แต่ก็ยังมีรอยยิ้ม และน้ำใจให้กัน

สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจอยากให้กำลังใจ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ตลอดจนพี่น้องที่อาศัยอยู่ที่สามจังหวัดภาคใต้ รวมถึงอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา สามารถส่งแรงใจผ่านจดหมาย และโปสการ์ด ให้กำลังใจได้ค่ะ

ส่งมาที่นี่.. จะมีเจ้าหน้าที่กระจายส่งต่อให้ทุกหน่วยฯ ค่ะ

ส่ง...

หัวหน้าแผนกรวบรวมข่าวสาร
กองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า)
ค่านสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
94160.


รับรองทุกแรงใจ สามารถส่งถึง เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมถึงพี่น้องที่อยู่ทางใต้ แน่นอนค่ะ





เพิ่มเติมลิงค์รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนทค่ะ

//topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/04/E6553433/E6553433.html




 

Create Date : 28 เมษายน 2551   
Last Update : 10 เมษายน 2553 20:36:18 น.   
Counter : 2456 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]