✿Primpinky✿
Group Blog
 
All blogs
 

ตังค์หมดๆ เพราะซื้อของจิปาถะก่อนไปเมืองนอก T_T

หมดตัว

ค่าเสื้อกันหนาว หมดไป 7,000 บาท บร้าไปแร้วตู
อยากรุ่หล่ะสิว่าอะไรนักหนาเยอะแยะมากมาย
ก้อ
เสื้อโค้ทยาวขนเป็ดบางๆ 1 ตัว 1000 บาท (ตัวนี้ได้มาซึ่งความหลักแหลมของเพื่อนเรา คิคิ) ที่ประตูน้ำ
เสื้อโค้ทไม่ยาวมากขนเป็ดหนาๆ 1 ตัว 1800 บาท เนี่ยต่อจาก 2450 บาท ที่ประตูน้ำอีกเช่นกัน
เสื้อ sweater อีก 4 ตัว หนาๆ (800+500+480+380+380) 2540 บาท
เสื้อไหมพรมขนอะไรม่ายรุ่ทรงสวยมาก ราคา sale อีกตะหาก ซื้อมาเรย 2 ตัว ตัวละ 450 บาท อย่างไม่เสียดายตังค์
เสื้อคอเต่าแขนยาว อีก 1 ตัว บางๆ = 280 บาท
เสื้อคอเต่าแขนสั้น อีก 1 ตัว บางๆ = 250 บาท
เสื้อคอเต่าแขนกุด อีก 1 ตัว บางๆ = 230 บาท

กะว่าใส่ซัก 1 อาทิตย์ไม่ต้องซักแระ ดีจัง แต่ว่าไม่รู้ว่าจะขนไปหมดรึป่าวนะ......ใครที่ขู่เราว่าหนาวหน่ะ รับผิดชอบด้วย หมดตัวแระ

ถุงมือ 2 คู่ อีก 700 บาท

เนี่ยยังไม่รวมค่าอื่นๆจิปาถะที่เราพยายามนั่ง list อยู่เนี่ย เฮ่อ อยากจะบ้า ตอนซ์อดันไม่คิด เซ็งจัด

ตอนนี้รู้แระ สำหรับคนที่จะมานะคะ เสื้อหนาวที่นี่สวยๆเพียบบบบบ ราคาก็พอๆกัน เผลอๆถูกกว่าด้วยนะ เอาเสื้อโค้ทกันฝนกันลมหนาๆมาตัวเดียวก็พอ

ส่วนของที่สำคัญที่ต้องเอามาให้ได้นะ คือ

เสื้อยืด ถ้าชอบใส่นะ ที่นี่เสื้อหน้าร้อนแพง แล้วก้อไม่สวยเหมือนบ้านเรา แฟชั่นโลเทคจัดๆ

contact lens เอามาด้วย ที่นี่แพงมากกกกก

ครีมกันแดด หน้า และตัว

ครีมบำรุงหน้าราคาประมาณเกือบสองเท่าของเมืองไทย พวก Loreal, Garnier, Nevea, Vasline, ...

ถุงเท้า เอามาเยอะๆเรย
รองเท้าด้วยนะ ที่นี่อย่างที่บอก fasion ไม่ได้เรื่องแถมยังแพงอีกต่างหาก

กางเกง สำหรับคนที่ size หาได้เหมือนฝรั่งไม่ ถ้าจะมาเย็บขาเนี่ย หาจากที่เมืองไทยสะดวกกว่า

เสื้อชั้นในก้อจำเป็น คิคิ

ผ้าอนามัยด้วยนะ

ยาสีฟันไม่ต้อง

ยาสระผมไม่ต้อง

สมุดๆๆ เอามาเยอะๆเรยแบบ A4 มีเส้นนะ แล้วก้อแบบที่อยากเอามาอีก เพราะที่นี่แพงมากเล่มนึง 10$ กว่าๆ ซื้อไม่ลง

ถุงน่องที่นี่มันขาย 15$ อ่ะนะ ซื้อมาจากไทยก็ได้ แต่ที่นี่สวยๆเพียบเรย

พวกน้ำพริกอะไรไม่ต้องเอามาหรอกที่นี่ก้อมีไม่แพงมาก มาม่าอีกอย่างไม่ต้องนะ ซองละ 0.40$ ก้อ 12 บาท แพงนิดหน่อย สู้เอาผ้าอนามัยมาไม่ได้ ประหยัดกว่าเห็นๆ

อุปกร์แต่งหน้า ซื้อมาเรย ถ้าอยากแต่ง ถ้ามาซ์อที่นี่ราคา double

ร่ม อันนี้สำคัญมากๆ ยิ่ง Melbourne ด้วยแล้วก้อนะสุดๆ

ยาต่างๆก็เอามาตามใจชอบ

ถุงมือกันหนาวเอามาแค่คู่นึงก้อพอ จิงๆซื้อที่นี่ได้ แต่อย่างที่บอกไม่ค่อยสวยอ่ะนะ

สำหรับคนที่จะมาอยู่ share house เตรียมผ้าปูที่นอนกะปลอกหมอนมาด้วยก็ดี เบาๆไม่ต้องซื้อใหม่ แพง

ปากกาต่างๆ สี hilight เอามาด้วย ยางลบ ดินสอ เตรียมมาให้ครบ อย่าหวังที่จะมาซื้อที่นี่ แพงจิงๆ

อะไรอีกหล่ะ อ่อๆๆ ลิปมันเอามาเยอะๆนะ ช่วงหน้าหนาวได้ใช้แน่ๆ กับครีมทามือ แต่จิงๆซื้อที่นี่ก็ได้แต่ไม่รู้สิ มันไม่ค่อยดีเลยอ่ะ เตรียมมาซักอันนึงก็ได้

กระเป๋าตังค์เล็กๆใส่เหรียญโดยเฉพาะ รับรองได้ใช้แน่ๆ เหรียญที่นี่มันเยอะจัดๆ

อ๋อๆลืม หมวก อันนี้สำคัญเช่นกัน กะแว่นตา เอาไว้ใช้น่าร้อน คนที่นี่เค้าไม่กางร่มหน้าร้อนกัน งงมาก กางคนเดียวอายจะแย่ แต่ด้านๆไว้ดีกว่าผิวไหม้ แดดที่นี่ร้อนได้ใจมาก ส่วนหน้าหนาวก้อหนาวซะใจ 555

อีกอย่างที่สำคัญที่สุดสำหรับคนตั้งใจจะไปทำงาน ที่ไม่ใช่ร้านอาหารไทย เสื้อแขนยาวมีปก สีดำ สีขาว(เอามาเผื่อ) เสื้อแขนสั้นสีดำ โปโลสีดำ กางเกงผ้าสีดำ รองเท้าดำ เข็มขัดดำ เสื้อ cardigan ดำ (เสื้อคลุมเหมือน sweater อ่ะนะ) เพราะถ้าจะไปสัมภาษณ์งาน ทำงาน หรือแม้แต่ทดลองงาน เค้าก้อใช้กัน คนที่นี่อ่ะนิยมใช้สีดำ (น้ำตาลไม่ได้นะ) เค้าคิดว่าสีที่ทางการและสุภาพมากที่สุดคือสีดำ งานแต่งมันยังแต่งดำกันเร้ย บอกว่า Look Gorgous !!


ไว้คิดออกแล้วจะมาบอกใหม่นะ




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2550    
Last Update : 21 มกราคม 2552 20:13:36 น.
Counter : 2075 Pageviews.  

ได้วีซ่าแล้นนนนนน

เย้!! ได้วีซ่าไปออสเตรเลียแล้นนนน สิ้นสุดภาระกิจซะที

เด๋ววันเสาร์นี้จะไป shopping ทุกสิ่งทุกอย่าง คิคิ




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 มิถุนายน 2550 23:47:04 น.
Counter : 705 Pageviews.  

หลังจ่ายเงิน และรอวีซ่า

อะ มาดูกันว่าระหว่างรอเนี่ยเราทำอะไรบ้าง
(ซวยอะไรบ้างมาดูกัน)


เริ่มจากตรวจร่างกาย

ข้อมูลของโรงพยาบาลที่รับตรวจสุขภาพเพื่อยื่นวีซ่า เนี่ยมีอยู่หลายที่ในกรุงเทพ หาดูในเวปละกันนะ เราจำไม่ได้อ่ะว่าเวปอะไร
แต่เราสอบถามมา 2 ที่ คือ
BNH (สีลม) และ โรงพยาบาลกรุงเทพ (เพชรบุรี ซอยศูนย์วิจัย)

BNH = 2,100 บาท
รับตรวจ จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00น. เสาร์-อาทิตย์ 08.00-12.00น.

รพ.กรุงเทพ = 1,700 บาท
แต่วันอาทิตย์ปิด ส่วนวันเสาร์เปิดครึ่งวัน 8.30-12.00 น.

เราก็ถามๆเพื่อนที่รู้จักกันเค้าแนะนำให้ไป BNH บอกว่าดี ดูในเวปก้อมีแต่คนไป BNH กัน เอาวะงานนี้เด๋วก็รู้
เรานั่ง Taxi ไปวันอาทิตย์ตอนเช้าเรย 7.30น. ไปถึงก็เกือบ 8 โมง

โอ้ จอร์จ โรงบาลหรูจัด ดีนะที่วันนั้นแต่งตัวดีๆไป (ใส่ dress) ตอนแรกกะจะใส่กางเกงขาสั้นลากเตะไป
แต่ว่าเปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่งั้นเนี่ย....T_T

งานนี้ไม่มีรูปนะ เพราะว่าไม่ได้เอามือถือ W810i ไปอ่ะ เสียใจด้วย

ข้างล่างยังกะ lobby ในโรงแรม พนักงานต้อนรับอย่างดีมาก เรามารถ Taxi
ยังมาเปิด-ปิด ประตูรถให้ด้วย (first impression)

ส่วนห้องตรวจสุขภาพอยู่ชั้น 4 ขึ้น lift ด้านซ้ายมือของตัวตึกขึ้นไปเรย.......
พอออกจาก lift ตึ้ง ตึง ตึง ตึง ตะลึงๆๆๆๆ สวนหย่อม สีเขียวววว อยู่ข้างหน้า ถูกตกแต่งไว้อย่างดูดีตรงกลางตึก ... ลงทุนแหะโรงบาลนี้

แล้วเราก็เลี้ยวขวาเดินตรงไปยังห้องตรวจสุขภาพ พนักงานต้อนรับที่นี่ แต่งตัวเหมือนพนักงานในโรงแรมเลยอ่ะ
ถูกต้องเค้าต้อนรับเราอย่างดีมาก
แต่...ซวยที่เราเอง ไม่มีใครบอกว่าต้องเอา passport มาด้วยหนิ
ปกติไปโรงบาลที่ไหนๆเค้าก็ดูแค่บัตรประชาชน
(แงๆๆๆ ทำมัย agency เราไม่เห็นบอกเรยฟระ โมโหๆๆๆ)

ต่อรองกะเค้าก้อไม่ได้ ถ้าไม่มีสำเนาเค้าก็จะไม่ให้ตรวจ

เอางัยดีอ่ะ งานนี้ passport ตัวจริงอยู่ที่ปราจีนอ่ะ ไม่ได้เอามาด้วย
สำเนาจะไปหาที่ไหนได้......คิดไปคิดมา นึกได้ว่า

"เอกสารของเราทั้งหมด agency ก็ต้องมีสิ"

ครั้นจะให้เค้า fax มาให้ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยู่ที่บริษัทนี่นา มันเป็นวันอาทิตย์ ทำงัยดีๆๆๆ
เนี่ยอุตส่าห์รีบมาเพื่อจะได้เข้าเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงทัน

งานนี้เล่นเอาชั้นเดินคอตกกลับไป จะไปเรียนภาษาตามเดิม....T_T
(ลืมบอกไปว่าสถานที่เรียนภาษา กะ office agency อ่ะ คือที่เดียวกัน)

ไปถึงตอน 8.30 น. เจอพี่คนนึงนั่งอยู่ ....ความคิดในหัวพลันแล่น...
เราเรยเดินตรงไปอ้อนวอนให้พี่เค้าช่วยหยิบเอกสารของเราในโต๊ะพี่นีให้ เค้าถามเราว่าโทรหาพี่นีรึยัง
เราโทรหาแล้วแต่ปิดเครื่องอ่ะ เค้าบอกว่าเบอร์ xxxxxxx นี้นะ
เราบอกว่าไม่ใช่อ่ะค่ะ ปกติเค้าใช้อีกเบอร์โทรหาเรา...ทำให้เรารู้ได้ว่านั่นเป็นเบอร์บริษัท ส่วนเบอร์พี่เค้า เราไม่เคยมีเรย
พูดคุยกันพักใหญ่เค้าก้อหยิบเอกสารสำเนา passport ที่เราต้องการให้
คิคิ ดีใจจัง รีบนั่ง Taxi กลับไปตรวจร่างกายเร้ย....ลั่นล้าๆๆๆ

วันจันทร์ไม่ต้องลาหยุดแระ แค่นี้ก้อกะถูกหัวหน้าด่าอยู่แระ ลาบ่อยจัด

นอกเรื่องแป๊บนะ พูดถึงเรื่องลาเนี่ย เราลาเพราะทำเรื่องเรียนภาษาเนี่ย 4 ครั้งแระ
ครั้งที่ 1 ไปงานนิทรรศการ เพื่อหาที่สมัครเรียน เผื่อได้ส่วนลด วันเสาร์เราต้องทำงานอะนะ บริษัทไม่หยุด

ครั้งที่ 2 อันนี้ไปเยี่ยมชมบริษัท ที่เราจะฝากชีวิตในอนาคตไว้ เหอะๆๆแอบพูดเกินไปนิดส์ แต่จิงๆนะ ...
ขอเตือนทุกคนว่า ให้ไปกับบริษัทที่คนติดต่อเราอ่ะเค้าสามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลาที่เราต้องการ
ไม่ใช่ว่าโทรไปทีไรก็ไม่ว่าง โทรไปไม่ติด เพราะนอกเวลางาน คิดถึงตอนที่ไปอยู่ที่นู้น ว่าเวลาก็ไม่ตรงกัน
ถ้าโทรหาวันอาทิตย์ เรามีปัญหาก็ไม่สามารถติดต่อได้

ครั้งที่ 3 ไปจ่ายเงิน ไปทำ Bank draft เหมือนที่เล่าครั้งก่อน

ครั้งที่ 4 ไปเรียนภาษา ที่เค้าห้ามขาดอ่ะ แล้วก็ตรวจร่างกาย
และเกือบจะไม่ได้ตรวจซะแระ เพราะไม่มี passport

นี่ลืมเล่าด้วยนะว่า เค้าต้องการรูป 2 นิ้วมาติดแบบ form ขอตรวจสุขภาพ...ฮึ่ม
อันนี้ agency เราก็ไม่บอกอีกแระ ใครจะเตรียมมาด้วยฟระ เพราะว่ายื่นทุกอย่างให้เค้าหมดแล้วนี่..
ใครที่ไม่รู้เหมือนเราต้องศึกษาก่อนนะ อย่าไปพึ่งเค้ามาก ถ้าเค้าไม่เป็น professional จิงๆอ่ะ
ช่วยเราได้ไม่เยอะหรอกไม่ต้องไปหวังอะไรให้มันมากมาย
ดีนะที่เรานึกได้ว่าเคยให้รูปกะเค้าไปแล้ว 2 รูป แล้วก็ถามเค้าว่าเค้าใช้ไปรึยัง และดีที่ยังไม่ได้ใช้
เลยขอยืมมาแปะอันนี้ก่อนแล้วอาทิตย์หน้าจะเอามาคืนให้...เฮ่อ เหนื่อยใจ และ เหนื่อยกาย

เล่าต่อนะ
ตรวจร่างกายเค้าให้ทำอะไรบ้าง BNH ที่นี่เค้ากรอกทุกอย่างให้เราหมดเลย ไม่ต้องทำเอง
หลังจากให้ข้อมูลพยาบาลเบื้องต้น เค้าก็ให้ไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อ X-ray ปอด
แนะนำว่าถ้าจะใส่ dress ไปให้ใส่แบบมีกระดุมบนไว้ปลดออกด้วย
อย่าใส่แบบสวมไปนะ เด๋วจะหาว่าไม่เตือน เพราะเสื้อคลุมเค้าให้แค่ครึ่งตัว
ท่ายืนตรวจนี่สิ โคตรฮา นึกตามนะ ให้เอาหน้าแนบเครื่องเค้า เอามือไว้ตรงสะโพกสองข้าง
ทำท่ายังกะเป็ด...5555
แอบขำตัวเอง แค่ 2 นาทีก้อเสร็จแระ

แล้วก็ตรวจสายตา ให้อ่านตัวเลขเหมือนร้านแว่นเรย อันนี้ก็แป๊บเดียว 2 นาทีได้มั๊ง
เสร็จแล้วก็ให้เราเปลี่ยนชุดคืนได้

จากนั้นก็ตรวจฉี่ ก่อนตรวจเค้าจะให้ไปอยู่บริเวณ lobby ชั้นเดียวกันนี่แหละ
มีขนม นม ชา กาแฟ ให้กินด้วย เพื่อให้เราได้ดื่มน้ำมากๆ จะได้ฉี่จางๆ
เค้าให้เรากิน (4-5 แก้ว) ก่อนจะเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปให้เค้า

แล้วสักพักเค้าจะให้เราพบแพทย์...เสร็จเค้าก้อถามว่าเราเป็นโรคอะไรรึป่าว
แพ้ยาอะไรมั๊ย ..แล้วก้อให้เราถอดเสื้ออีกแระ..ทำมัยเมื่อกี้ให้เราเปลี่ยนชุดวะ งง

แต่คราวนี้พอถอดเสื้อเสร็จ ให้เอาผ้าปิดไว้ นอนบนเตียง...
อยู่ๆหมอก็เข้ามา แล้วมาเปิดผ้าออก พร้อมกับบอกว่า
ขอโทษนะคะ ตูหล่ะอาย.....ไม่เห็นมีใครบอกเรยว่าต้องตรวจมะเร็งเต้านมเรย
แล้วเค้าตรวจอย่างงี้เหรอวะ ลูบๆคลำๆอยู่ได้ อายนะเฟ้ย

จบๆๆดีก่า...ยังรู้สึกอายๆอยู่เร้ย

อีกแป๊บนึงเค้าก้อยื่นใบเอกสารให้ไปจ่ายเงิน แล้วบอกว่าเด๋วส่งผลไปให้ที่สถานฑูต วันจันทร์

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย!!!~

คราวนี้เริ่มกลับมาเป็นคนดี หลังจากตรวจเสร็จกลับไปถึงที่ office agency
เพื่อจะเรียนภาษา ถึงตอน 10.30น. อาจารย์ยังนั่งรอเราอยู่เรย..แอบงงว่า
ไอ้นักเรียนที่บอกว่าจะมาเรียน วันนั้น 2 คนมันหายไปไหนฟระ เหลือตูเรียนคนเดียวอีกแร้ว !!! T_T
ใครทึ่เคยอยากเรียนภาษาอังกฤษ ตัว ต่อ ตัว จะรู้ว่า ถ้าอาจารย์คุยไม่เก่ง แล้วเราก็ไม่เก่งภาษา
คุยกันคนละเรื่องเนี่ยมันน่าเบื่อแค่ไหน เฮ่อ นึกว่าจะมีคนมานั่งให้คุยด้วย

สรุปว่า...วันนนั้นเราก็ทนนั่งเรียนจนถึงเที่ยง แต่ ชะโมงครึ่งที่ผ่านมาทำมัยมันนานจัง !!!
ขอเมาท์นิดนึงละกันนะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์เค้าไม่ดีนะ เค้าพูดสำเนียงดีมาก แต่...เค้าไม่ใช่คนคุยเก่ง
และไม่ใช่อาจารย์ เค้าเป็นคนที่เคยไปอยู่ที่ซิดนี่ย์ นานกว่าเจ็ดปี อายุมากกว่าเราแค่ 2 ปี
แต่เรารู้สึกว่าเราจะแก่กว่ายังงัยไม่รุ่ สงสัยว่าจะทำงานมานาน...T_T 4 ปีที่เราทำงานมาเนี่ยมันก้อแป๊บเดียวเองน๊า

ยังงัยก็ตามวันนี้ขอพูดกะเค้าให้ได้ ไม่งั้นครั้งหน้า ต้องมานั่งมองหน้าหาเรื่องคุยกันอีก
ถอนหายใจคนละสิบรอบ กว่าจะหมดชะโมง
เราเรยเสนอพี่เค้าว่า อยากให้พี่เค้าช่วยเตรียมการสอนหน่อย และช่วยถามเรื่องที่เค้าให้เราเล่าด้วย
จะได้เป็นการช่วยเราให้พูดได้เยอะขึ้น จากเดิมเค้าให้เราเล่าเรื่องไปเที่ยวตลาดน้ำเค้าฟัง
พอเล่าจบเค้าก้อเปลี่ยนเรื่องคุย อย่างงี้จะเหนื่อยทั้งคู่ เค้าก็ยินดีที่จะทำตาม

ตอนแรกเค้าก็จะเตรียมเหมือนกันการสอนอ่ะ แต่เค้าบอกว่าเค้าอยากให้เราพูดๆๆๆไปเรื่อยๆมากกว่า ถ้าจำกัดเนื้อเรื่องในการสนทนาจะเบื่อ
แต่เราบอกพี่เค้าว่าเราเรียน course intensive speaking นะ 20 hrs.
นี้ควรได้อะไรมากกว่านี้ เช่น สถานการณ์ต่างๆต้องคุยยังงัย อยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงพยาบาล หรือสนามบิน อะไรอย่างงี้ เค้าเรยให้ความกระจ่างว่า

อ่าว...พี่เอเจนซี่เค้าบอกว่า ให้ผมสอน conversation ธรรมดาๆเท่านั้น !!! แป่ว นี่ช้านถูกหลอกอีกแล้วเหรอเนี่ย !!!

มีอีกๆ กระเป๋าเดินทางที่จะได้ฟรีอ่ะ ---จึ่ง! เป้ ใส่ของธรรมดาๆ นึกว่ากระเป๋าเดินทางใบเล็กล้อเลื่อน

แล้วที่ว่าส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบิน 2,000 บาท จำได้ว่าเคยถามตอนที่ไปงานนิทรรศการ ถามเค้าว่าสามารถจองเองได้รึป่าว
เค้าว่าได้ แต่ตอนนี้ ถ้าจะได้ส่วนลดนี่ ต้องให้เค้าจองให้...ตอนนี้ตั๋วเต็มครับพี่น้อง ดิชั้นจะทำอย่างไรดี ได้แต่รอ waiting list
แต่ว่า เราก้อแอบจองตั๋วเครื่องบินเองเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าเค้าบอกว่าจองไว้ไม่เสียอะไร ตอนนี้วันที่ 7/7/07
ว่าง 1 ที่พอดี เอารึป่าว เลขสวยจังแหะ น่าสนๆ แต่ว่าอยากไปวันที่ 9/7/07 มากกว่านี่นา ไม่อยากรีบไปเสียตังค์ ไหนจะค่าที่อยู่ ค่ากิน เค่ารถ อีกหล่ะ

เราก็ลังเลนิดนึงแต่เค้าว่า จองไปไม่มีเสียตังค์ถ้ามั่นใจจะไปค่อยจ่ายตังค์เค้าก็ได้
แล้วเค้าจะทำ waiting list ให้อีกวันที่ 8 และ 9 ด้วย
หลังจากนั้นเพียง 2 นาที เค้าส่ง email confirm มาให้เราทันที

สุดยอด!!เร็วจัด first impression จิงๆกะที่นี่
ticket2home.com นี่เราโทรไปตอนสามทุ่มเมื่อคืนนะเนี่ย
ที่อื่นยังหาตั๋วให้เราไม่ได้เรย แถมยังมีโฆษณาอีกว่า เราไม่ยอมให้ใครขายถูกกว่า
ถ้าเราได้ราคาแพงกว่ายินดีจ่ายส่วนต่าง ...อันนี้ไม่รู่ข้อเทจ็จจิงนะ แต่ชอบๆๆ
(คิคิ ของฟรีและถูกเนี่ย มันน่าดึงดูดใจจิงๆ)




ระหว่างรอวีซ่า เราก้อทำเรื่องลาออกเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัทเราสามารถลาเรียนต่อได้ด้วย เราก็เลยทำเรื่องเรียบร้อยแล้ว

ทำงานวันสุดท้ายวันที่ 18 มิ.ย. 50 นะคะทุกคน อีกแค่ 5 วันเอง...ตอนนี้ทำมัยยังไม่รู้สึกใจหายน๊า...

สงสัยเราจะความรู้สึกช้าไปหน่อย คงต้องรอย้ายบ้านและไม่ได้มาทำงานกระมัง

สาธุ~ ขอให้วีซ่า ข้าน้อยผ่านด้วยเถิด





 

Create Date : 12 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 มิถุนายน 2550 23:44:27 น.
Counter : 882 Pageviews.  

วันจ่ายเงิน และยื่นเอกสารวีซ่า

และแล้วมันก้อผ่านพ้นไป



เมื่อวานไปจ่ายเงินมาเรียบร้อยแล้ว แต่โชคร้ายจัง ช่วงนี้ค่าเงินแพงขึ้นอีกแล้ว ตอนที่เราโอนอ่ะเมื่อวาน 4/6/07
ค่าเงินอยู่ที่ 1 AUD= 28.96 บาท

ขอบ่นหน่อยนะ ด้วยความโลเลของเรา บวกกับ อยากได้ของฟรี (อีกแล้ว) จะเล่าละนะ
เนี่ย อาทิตย์ที่แล้วตั้งใจจะไปโอนเงินด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 28.57 แต่ดันได้ไปฟังที่เรียนภาษาแห่งหนึ่งกะเพื่อน เค้าดูเหมือนจะสอนน่าจะดีนะ อยากเรียนอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่ไม่ว่างเนี่ยสิ ถ้าลงเรียน 70 ชั่วโมงเนี่ย จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน ลำพังแค่มาทำงาน กับต้องลางานไปทำเรื่องวันเสาร์เนี่ย ยังไม่มีวันลาเรยอ่ะ
เค้าให้ข้อเสนอว่าถ้ามากะเค้านะจะให้เรียนภาษาฟรี 30 hrs. เป็นงัยหล่ะ น่าสนใจใช่ม๊า แถมเค้าบอกจะเช็คว่าโรงเรียนที่เราตั้งใจไปเรียนอ่ะดีรึป่าวด้วย แล้วจะทำราคาให้พิเศษ ในใจเราก้อคิดว่า จะได้เหร้อ ก้อเราเนี่ย ไปมาทุกงาน กวาดเรียบทุกที่ รู้หมดว่าที่ไหนถูก ราคาอะไรเป็นยังงัย สถานที่เรียนตั้งอยู่ตรงไหน
ขนาดนี้แล้วอ่ะ แต่รออีกแค่ 2 วันไม่น่าจะเป็นไรน๊า ถ้าเค้ามีตัวเลือกที่ดีกว่าให้ ยังงัยก้อคุ้ม

แต่...รู้ป่าวว่าโรงเรียนที่เค้าหาให้เราอ่ะชื่ออะไร The Meridian Language School
ดีนะที่เราอ่านเวปพันทิพย์ กะ Aussietip ซะพรุน ไม่งั้นพลาดแน่ๆ มีคนเค้าบอกว่าคนไทยเรียนเยอะ แขกก้อเยอะ เพราะมีช่วงนึงเมื่อต้นปีราคา 180$/wk พอๆกะ Carrick ตอนนี้เรย ซึ่งแขกก้อเยอะเหมือนกัน
ตอนนั้นเราก้อเคยบอกเค้าไปแล้วนะว่าอยากเรียนใน Campus เค้าก้อบอกว่าเนี่ยก้อ campus เหมือนกัน ใหญ่ด้วย ไม่ใช่ตึกแถว
แป่ว!!....ทำมัยโกหกกันงี้อ่า รุ่ป่าวว่า เซ็ง ค่าเงินเพิ่มขึ้น เสียเวลา เนี่ยต้องลางานวันจันทร์ถึง 2 วัน

ทีนี้เราจะมาแนะนำทุกคนนะคะ ว่าให้ดูวันโอนเงินดีๆ เช็ค exchange rate และดูแนวโน้ม ถ้าช่วงไหนน้ำมันราคาลง นั่นแหล่ะ ดีแล้ว ให้มันลงจนสุด แล้วขึ้นมานิดนึง วันนั้นก้อให้โอนเรย
เราซวยตรงที่ ตอนที่เราอยากโอนอ่ะมันเป็นช่วงที่ค่าเงินแพงขึ้น นี่แค่แพงขึ้น 0.5 บาทนะ รู้ป่าวว่าเราต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ แพงขึ้น เท่ากับ 0.5 x 6305 ก้อประมาณ 3150 บาท
เซ็งมั๊ยหล่ะ แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น อยากรอให้มันลงจัง แต่ช่วงนี้น้ำมันก็แพงขึ้นจิงๆ ค่าเงินมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว ถ้าเรารอได้ซัก 3-4 อาทิตย์ ก้อดีสิ เพราะมันลงแน่นอน

แต่...เราต้องไปเรียนเดือน ก.ค. แล้วอ่ะ ก่อนวันที่ 9 ต้องเดินทาง ไหนจะทำเรื่องลาออก วีซ่า เตรียมของ......เอาวะ ช่างมันละกัน ทำมันวันนี้แหล่ะ ถ้ารออาทิตย์หน้าแล้วมันขึ้นอีกจะเสียมากกว่าเดิม

ช่วงที่เราน่าจะโอนเนี่ย ถ้าเราตัดสินใจได้เร็วกว่านี้ตอนเดือน เมษา ที่ค่าเงินมันแค่ 27.8 เนี่ยคงดี ไม่ต้องรอ promotion อะไรเรย ลองคิดตามนะ (28.96-27.8) x 6305 = 7,313.8 บาท
กรี๊ด !!!!!!!!!!
ให้ตายเหอะ ทำมัยก่อนหน้านี้ไม่คิดนะ เราไม่เคยคิดเรยว่า 0.5 บาทที่จ่ายแพงขึ้นเนี่ย ถ้าโอนจำนวนมาก มันก้อยิ่งแพง ตอนนั้นคิดว่าแพงกว่ากันนิดหน่อย คงไม่มาก
ฝากไว้ด้วยนะ ว่าอย่าพลาดแบบเรา T_T เสียใจจัง



ขั้นตอนการทำ Draft ต่างประเทศ1. เตรียม Passport แล้วก้อเอาบัญชีไปธนาคารที่มีบริการโอนเงินต่างประเทศ จะได้ไม่ต้องพกเงินไป อันตราย
2. เอาใบ Offer ของโรงเรียนที่เราจะจ่ายเงินไปด้วยนะ
3. กรอกข้อมูลต่างๆ หน้าเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที แล้วเค้าก้อจะ convert เงินให้เราดู ว่าเรา O.K. มั๊ย โอนวันไหน เค้าจะเอา exchange rate มาให้เราดูแนวโน้มว่าจะเป็นยังงัย
4. ค่าธรรมเนียมบวกอากร 203 บาท ของเราทำธนาคารกรุงไทย มีสาขาที่ปทุมวัน ตรงข้ามสนามกีฬาศุภ ข้างๆ MBK
5. เสร็จแล้ว ต้องเขียนชื่อสลักหลัง Draft เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเอาไปใช้



ขึ้นตอนต่อไปก้อคือ เอาเอกสารทั้งหมดพร้อม draft ไปให้ agency

เอกสารประกอบการขอวีซ่านักเรียน E-Visa

1.แบบฟอร์ม 54 (Family Composition) กรอกและเซ็นต์ชื่อตาม Passport

2.รูปถ่าย 1 หรือ 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป

3.หนังสือรับรองฐานะทางการเงินเช่น

-สมุดบัญชีเงินฝากแบบประจำ หรือ ออมทรัพย์ ตัวจริง ย้อนหลัง 6 เดือนและ/หรือ หนังสือรับรองฐานะทางการเงินจากธนาคาร ตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ชุด หรือ สลากออมสิน หรือ พันธบัตรรัฐบาล

กรณีที่ผู้ปกครองที่รับรองฐานะการเงินให้นักเรียนมีกิจการเป็นของตัวเองให้เตรียมหลักฐาน
เช่น หนังสือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับรองฐานะทางการเงินกับผู้เดินทาง

หากได้เงินเดือนให้ขอใบรับรองการทำงานที่ระบุเงินเดือน / ตำแหน่ง / สถานที่ทำงาน

-ทะเบียนบ้าน+ บัตรประจำตัวประชาชน ของผู้รับรองฐานะทางการเงิน +นักเรียน พร้อมสำเนา 1 ชุด

4.จดหมายรับรองการทำงาน ของนักเรียน (ถ้ามี)

5. เอกสารใบผ่านทหาร เช่น สด.9 สด. 43 เป็นต้น ในกรณีที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหารหรือฝึก ร.ด. มาแล้ว

6.เอกสารทางการศึกษาซึ่งรวมถึงประกาศนียบัตรการเข้าอบรมต่างๆ และระเบียนการศึกษา Transcriptในระดับอุดมศึกษา ตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ชุด

7.ในกรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อ หรือ นามสกุล นำใบเปลี่ยนมาพร้อมสำเนา 1 ชุด

8.หากนักเรียนเคยทำการศึกษาที่ประเทศออสเตรเลีย มาก่อน ให้เตรียมเอกสารจากทางโรงเรียนที่ได้จบมาประกอบการยื่นวีซ่า เช่น certificate of attendance และประกาศนียบัตรจากโรงเรียน ตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด

9.แบบฟอร์มตรวจสุขภาพ ให้รอหลังจากที่ยื่น E-visa แล้ว (การจะได้รับอนุมัตวีซ่าจะต้องรอผลการตรวจสุขภาพของนักเรียนที่ส่งไปให้สถานฑูตที่ประเทศออสเตรเลียเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น)

***สถานที่ตรวจร่างกายที่ได้รับการอนุมัติจากสถานฑูต กรุณาเช็คกับเจ้าหน้าที่ของเรา***

10.ค่าธรรมเนียมวีซ่าชำระเป็นบัตรเครดิต (credit card) เป็นเงิน 430 เหรียญออสเตรเลีย หรือเป็น
เงินสด 13,150 Baht (From 1 Jan 2007)

ส่งเอกสารที่สมบูรณ์เพื่อทำวีซ่า ก่อนวันเปิดเรียนอย่างน้อย 15 วัน ปกติใช้เวลาดำเนินการอนุมัติ ประมาณ 7-10 วัน

ในกรณีที่เอกสารไม่สมบูรณ์แก่การพิจารณา หรือมีปัญหาเนื่องมาจากผลตรวจสุขภาพของท่าน จะมีผลทำให้ผลการตัดสินล่าช้ากว่าเดิม ประมาณ 2-3 อาทิตย์

11.ตอบคำถามสำหรับ e-Visa

*****กรุณาตอบคำถามดังต่อไปนี้*****
1 ผู้สนับสนุนทางการเงินประกอบอาชีพอะไร ตำแหน่ง และตั้งอยู่ที่ไหน
2 ทำงานเป็นระยะเวลาเท่าไหร่
3 รายได้ต่อปีเท่าไหร่
4 ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์สามารถติดต่อได้ของผู้รับรองฐานะทางการเงิน




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2550    
Last Update : 27 มิถุนายน 2550 23:32:23 น.
Counter : 798 Pageviews.  

ก่อนจ่ายเงิน เลือก Agency ไหนดี


ถึงเวลาจ่ายเงินแว้วววว!!!
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องจ่ายให้ Box hill ก่อนคือ 6,305.50 AUD ค่าอะไรบ้างอ่ะเหรอมาดูกัน
ค่าเรียน 24wk = 270$ x 22 = 5,940$
ค่าหนังสือ 4$x24wk = 96$
ค่าธรรมเนียมของโรงเรียน = 70$
ค่าประกันสุขภาพ = 199.50$

คิดเป็นเงินไทย = 182,860 บาท
ยังไม่รวมค่ากินอยู่และที่พักที่นู่นนะ เพราะว่าเค้าบอกให้ไปจ่ายตอนไปถึงที่นั่นแล้ว

แต่......ปัญหาตอนนี้คือ
เมื่อวาน (14/5/07) ดูช่อง 9 เป็นรายการที่เอานักเรียนที่ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียมาเล่าให้ฟังว่าโดน agency หลอก แต่เค้าไม่ยอมเอ่ยชื่ออ่ะ เรยไม่รุ่ว่าที่ไหน เค้าเล่าว่า agency บอกว่าที่เรียนภาษาที่ที่ส่งเค้าไปเรียนอ่ะ สามารถ direct เข้า U ได้ แต่พอไปถึงที่นั่นกลับไม่ใช่อย่างที่บอกไว้ เค้าไปเรียนที่ Sydney อ่ะนะ ตั้งใจจะไปเรียนโท แต่ไม่มีผล IELTS ครั้นถึงตอนที่จะต่อ Visa ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ พอติดต่อกลับไปเค้าบอกว่าต้องแปลเอกสารต่างๆใหม่ แต่คราวนี้คิดตังค์ด้วย น้องคนนี้เล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนไป agency บอกว่าหางานได้แน่นอน แต่พอไปถึง งานเต็ม ไม่มีงาน เงินก้อจะหมด โชคดีที่เจอร้านอาหารไทยร้านนึงช่วยไว้ เค้าใจดีมากให้ที่พัก ให้ทำงาน แล้วที่สำคัญออกค่าเทอมให้ก่อนด้วย เพราะน้องเค้าเงินหมด และไม่ต้องการบอกแม่ว่าโดนหลอก แม่เค้าหวังมากว่าน้องจะได้ปริญญามาฝาก น่าเศร้าใจจังที่คนไทยด้วยกันมาหลอกกันอย่างงี้อ่ะ

อะเข้าเรื่องดีก่า พอฟังเค้าเล่าๆปุ๊บ เริ่มกลัวซะแล้ว ทำงัยดีอ่ะกะลังจะจ่ายเงินแล้ว ไอ้เรามันก้อเห็นแก่ promotion อย่างที่บอกครั้งแรกๆอ่ะว่า agency : Study Overseas Centre เค้ามี Promotion ดีมาก ถ้าเทียบกับ IDP ไม่มีส่วนลดอย่างอื่นเลย
ทำงัยดี แต่ IDP มี Office ที่ Melbourne นะ ถ้าเรามีปัญหาหรือต้องการต่อ Visa พี่ๆเค้าน่าจะช่วยเราได้นะ เอาไงดีเนี่ย search หาใน google ก็ไม่เห็นว่าจะมีใคร post ไว้เรยว่าเคยไปกะเจ้านี้รึป่าว แต่ใน web เค้าบอกว่าตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1995 แล้วนะ 10 กว่าปี ทำมัยไม่มีในกระทู้พันทิพย์นะ เท่าที่คุยๆกะเค้า ก็โอนะ เค้าดีจริงมั๊ยน๊า.......ใครก้อได้ช่วยที
//www.studyoverseas.co.th/index.aspx

ตรวจดู account ที่ต้องโอนเงิน ก็ตรงกับใน website ของ Box hill นะ ไม่น่าจะมีปัญหา

ตรวจดู agency list ใน TIECA ก้อมีนะ น่าจะเชื่อได้น่า
//www.tieca.com/Thai/agency/viewlist.asp

อยากยื่น Visa แล้วอ่ะ ไม่อยากโดนหลอก เงินก้อนเดียวในชีวิตเรยนะเนี่ย กว่าจะเก็บได้

ถ้าสมมติว่า จะต่อ visa เนี่ยทำเองได้ป่าวน๊า ใครเคยไปกะเจ้านี้บอกข้าน้อยที

------------------------------------------------
******************************
สรุปว่า....Agency เลือกที่ไหนก้อเหมือนกัน เอาแบบที่ไว้ใจได้ ราคาไม่ต่างกัน Agency มีไว้ให้ปรึกษา และทำเอกสารยื่นวีซ่าให้ ติดต่อทุกสิ่งทุกอย่างแทนเรา เค้าไม่ได้เงินจากเราหรอก แต่จะได้ค่าคอมจากโรงเรียน มั๊ง?? ไม่จำเป็นต้องยื่นวีซ่าเองด้วย

ปล.ถ้าสนใจติดต่อเพื่อนเราได้นะ มันเปิดบริษัท Agency อยู่ ไว้ใจได้ ...บอกแล้วว่าถ้าไปกลับมาเนี่ย จะไม่ง้อเลยพวก agency ดีแต่ยุ










 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2552 20:37:31 น.
Counter : 1835 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

prim_pm
Location :
Seoul Korea

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




Welcome to -->
โลกแห่งการกิน 555 ไม่ใช่ๆ มันคือ Diary ตะหาก
&gblog

ไปเที่ยวกับเรามั๊ย?
:: New Updated ::
+Korea-Taipei Trip

+Beijing China trip

+Melboune&Sydney

+สนามไดร์ฟกอล์ฟ
สีชมพูของเรา


+สรุป Diary Australia
:: ใครชอบชุดลูกไม้ระบายโบว์เหมือนเราบ้าง? ::

:: มองหาชุดเก๋ๆอยู่รึป่าว ::

:: ชุดคู่รัก Pre-wedding เก๋ๆ ::

:: เสื้อกันหนาว/Jacket มั๊ย ::

:: Family Set Korean Style ::

:: ชุดเด็กสไตล์เกาหลี ::

:: เสื้อผ้าผู้ชายสไตล์เกาหลี :: กระเป๋าแนวเกาหลี

Google

MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com
New Comments
Friends' blogs
[Add prim_pm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.