✿Primpinky✿
Group Blog
 
All blogs
 

my diary at Melbourne 2



12/07/2007


และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อวานตั้งใจนอนตั้งแต่ สี่ทุ่มเรยนะเนี่ย กลับมาจาก Club ก็สามทุ่มครึ่ง อาบน้ำแล้วก็นอนเรย แต่นอนยังงัยก็ไม่หลับ ก็แหมมันไม่ง่วงนี่นา พอเริ่มเคลิ้มๆ ไอ่ซวงโทรมาตอนเที่ยงคืน แหม หลังจากนั้นตาสว่าง ตอนเช้าตื่นสายเลย เค้านัดเก้าโมง ดังนั้นเราน่าจะตื่นประมาณเจ็ดโมงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวหาอะไรกินก่อนไปจะได้ไม่รีบ เราเพราะอาจต้องเดินเป็นกิโล

แต่..พอนาฬิกาปลุกหกโมงครึ่งยังมืดอยู่เรยอ่า อีกหน่อยละกัน นิสัยเดิมโผล่อีกแระ รู้สึกตัวอีกทีก็ 8.15 น. เฮ้ย ตายแล้ว สายแน่ๆ ทำงัยดีๆๆ ว่าจะไม่อาบน้ำ แต่พอเข้าห้องน้ำก็ซะหน่อยหน่า แป๊บเดียวเอง เฮ่อ ดูนาฬิกาอีกที 8.35น. แล้วอ่ะ ระยะทางที่ต้องเดินไปรถไฟก็ไกลอยู่ งั้นวันนี้กินนมละกัน ไม่ต้องพึ่ง Microwave แระ กินมันเย็นๆนี่แหล่ะ ช่วยไม่ได้ พอกินเสร็จก็วิ่งเรยคับ ไปไม่ทันรถขบวนแรก แถมงงคับ เมื่อวันก่อนขึ้น Platform2 ใช่ป่าว วันนี้ไปเหมือนเดิม แย่สิคราวนี้มันไม่มาที่นี่แล้ว ปกติตอนเช้ามันจะจอด platform3 เซ้งจิงๆ รถไฟหายไปอีกคัน ตูจาไปทันมั๊ยฟระเนี่ย.......8.50น. แล้ว พอไปถึง Box hill station ก็ 9.00น. ครั้นจะวิ่งไปก็เป็นกิโลกว่าจะข้ามแยกไฟแดงอีกเป็นล้าน งั้นวันนี้มั่วขึ้น Tram ก็ได้ยังงัยก็สาย เมื่อวาน Helen บอกว่าลองต่อ Tram ไปสิ ง่ายนะ เอาวะไปก็ไป เสร็จคันแรกมันไม่รออ่ะ มันไปแล้วกำลังจะข้ามไฟแดง เฮ่อรถก็ว่างอยากจะไปใจจะขาด แต่ชาวบ้านที่นี่เค้าไม่ทำกัน เอาวะรอก็รอ เซ็งจิต ถ้าเป็นกรุงเทพนะ ตูวิ่งไปแระ

ในที่สุดก็ได้ขึ้นรถ Tram ซะที แต่คนขับหายไป อยากถามจังว่ามันลงที่หน้าประตู Box Hill เรยรึป่าว ตรงดิ่งไปถามคุณยายที่นั่งอยู่ข้างหลังเรยคับ เค้าบอกว่านี่หนูมานั่งข้างๆก็ได้เด๋วจะบอกให้ ใจเย็นๆเด๋วคนขับไปสูบบุหรี่แป๊บนึงเดี๋ยวเค้าก็มา เราก็เลยบอกคุณยายไปว่านี่หนูเพิ่งเคยขึ้นไอ้รถแบบนี้เป็นครั้งแรกทำงัยบ้างคะ เค้าก็บอกว่าตั๋วหล่ะมีมั๊ย เราก็ยื่นให้เค้าดู เค้าบอกว่านี่นา ต้องสอดตั๋วเข้าเครื่องอันนี้ แบบนี้ คือทิ่มหัวลง ไม่เหมือนกะ Train ที่เรานั่งมาเมื่อเช้า ดีนะที่คุณยายเค้าใจดีทำให้ดู ^^

และแล้วก็ไปถึง ประมาณ 9.10 มั๊ง มีคนมาพร้อมเราด้วยคนนึงเป็นคนเกาหลีที่ไม่รู้อะไรเลย กลายเป็นว่าเราต้องพาเค้าไปซะนี่ แต่เค้าก็ friendly ดีอ่ะนะ เค้ามาเรียน Nurse แต่ทำมัยตารางที่เค้าได้รับมันอันเดียวกะเรานะ สงสัยว่าคงต้องทดสอบภาษาอังกฤษก่อน แต่......พอเข้ามาในห้องจะ Test เค้าดันเข้าห้องผิด ต้องจากเราไปอย่างน่าเสียดาย

แล้วหลังจากที่เรามาก็มีคนตามมาอีกเพียบ นึกว่าตูสายแล้วนะเนี่ย พวกแกสายก่าตั้งเยอะ

วันนี้มีทำ Test ด้วย 2 ชะโมง มี Grammar ไม่อยาก แล้วก็ เติมคำนึกตามใจชอบ แต่ต้องเป็นเรื่องราวเดียวกะที่เค้าให้ แล้วก็ Writing ให้ดูรูปแล้วบรรยาย 5 ประโยคหรือมากกว่า จากนั้นก็เลือกเรื่องที่อยากบรรยาย 1 เรื่อง เขียนให้ได้ยาวที่สุด แต่มันให้มา 1 หน้ากระดาษ เสร็จแล้วก็ทำ listening แบบที่ไม่เคยทำอะนะ ง่ายกว่าของที่เราเคยทำมาเรยอ่ะ อันนี้ให้ขีดเส้นคำทำได้ยิน และคิดว่าประโยคถูก มีเรื่องให้ฟัง 2 เรื่อง เรื่องสุดท้ายเนี่ยให้หาว่าประโยคที่ให้มาเนี่ยมีคำที่ผิดแล้วก็ต้องแก้ให้ถูก ยึดตามเทปพูด และแล้วเราก็เสร็จก่อนคนแรกอีกตามเคย ทำได้หรือไม่ได้อยู่นานไปก็เท่านั้น หลักเดิมใช้มาตั้งแต่อนุบาล แต่เค้าคงคิดว่าเราเก่ง 5555

จากนั้นเค้าก็มี Speaking interview ถามว่าชื่ออะไร เคยสอบ IELTS มั๊ย พักอยู่กะใคร ที่พักโอเครึป่าว มีเรื่องอะไรจะถามเกี่ยวกับ Course นี้รึป่าว อยากเรียนอะไรต่อไป จบ.

แล้วก็พาไปกินอาหารกลางวัน ซึ่งก็คือข้าวผัดแปลกๆ กะ ผัดสปาเกตี้แปลกๆเช่นกัน นี่ถ้าไม่หิวนะกินไม่ลงหรอก เมื่อเช้ากินแค่นมแก้วเดียวเอง หนาวก็หนาว ปรื้ยยยย ไม่อยากพูด

แล้วก็พูดๆๆเกี่ยวกับกฎการเข้าห้องเรียนให้ฟังว่า ตอนนี้รัฐบาลปรับกฎใหม่แล้วเพิ่งเริ่มใช้เดือนนี้เดือนแรกว่านักเรียนต่างชาติที่มาเรียนภาษาจะต้องเข้าเรียนไม่ต่ำว่า 90% นั่นหมายความว่าถ้าคุณเข้าช้ากว่าหรือกลับก่อน 15 นาที เกิน 3 ครั้งก็จะปรับเป็นไม่มา 1 วัน ส่วนเข้าช้ากว่า 1 ชั่วโมงจะถือว่าไม่มา ทางเดียวที่จะทำได้คือบอกว่าป่วย แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งต้องไปหาหมอ แพงอีก

หลังจากนั้นเค้าก็พาไปเดินชม Box Hill Centre ที่ที่เราไปหลงทางมาแล้ว แล้วก็พาไปดู Box Hill Station อันนี้ไม่พามาก็ได้ เฮ่อ มาทุกวัน พร้อมกันบอกว่าตั๋วเนี่ยต้องซื้อแบบ Full price เท่านั้นเพราะเราไม่ใช่คนนักเรียนท้องถิ่นเค้าอย่าซื้อแบบ concession card หล่ะ ถูกกว่าก็จริง แต่ถ้าโดนตรวจเนี่ยโดนปรับกี่ร้อยเหรียญก็ไม่รู้

แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

เออ course เราเนี่ยน่าจะมีคนไทยประมาณ 6 คนได้ แต่จำไม่ได้ว่าใครบ้างเพราะว่าวันนี้คุยกะคนไทยไป 2 คนเอง แล้วเค้าก็จับกลุ่มกัน พอดีว่ารู้จักคนเกาหลีกะไต้หวันตั้งแต่ต้นก็เรยมากับเค้า ตอนนี้ภาษาอังกฤษชักฟังรู้เรื่องมากขึ้นจิงๆบางครั้งก็คิดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว สงสัยได้ยินแต่ภาษานี้จนชิน

วันนี้กลับบ้านมาพร้อม Tissue paper 2$ มี 6 อัน แพงใช้ได้แต่เอาหน่าทำใจแระ อันนี้ถูกสุดแล้วหลังจากเดินสำรวจมา ร้านนี้ขายของไม่แพงนะ อยู่หน้า Box Hill Centre มีพวกชุดชั้นใน ถุงเท้า หมวก ถุงมือด้วย แต่เราไม่กล้าซื้อมาแฮะ เสียดายตังค์ จิงๆถูกกว่าไทยอีกนะ แต่ตอนนี้เงินร่อยหรอ ถ้ายังไม่ทำงานมีหวังอดตายแน่ๆ

สู้ๆ วันนี้ทำกับข้าวเผื่อพรุ่งนี้เรียบร้อยแว้ว!! เป็นข้าวหมูทอดกระเทียม หวังว่าพรุ่งนี้จะตื่นเช้ามาได้กินนะ

Tonight I’ve already read the books provided by Box Hill Tafe. There are Tafe’s rules, government’s rules, Melbourne guide and information I got from banks to choose one bank to open account.

So Good night today!!
20.48 pm.














13/07/2007


13/07/2007
วันนี้วันศุกร์แล้วสินะ อยู่มาครบห้าวันแล้ว เอ๊ะ วันที่ 13 เนี่ย lucky number นี่นา ไม่รู้ว่าจะมีอะไรแปลกๆรึป่าว
เช้ามาก็รีบไปโรงเรียนเหมือนเคย วันนี้ไปไม่สายแล้ว ไปทัน 9.00น. เปะ ไปถึงก็ได้นั่งคุยกะเพื่อนคนไทยด้วย เพราะว่าคนอื่นๆไม่รู้จัก

วันนี้น่าเบื่อมาก เอาใครก็ไม่รู้มาพูดเรื่องการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เรื่องการปรับตัวถ้าไม่รู้ให้ไปปรึกษาเค้า ร่ายยาวเป็นชะโมง กว่าจะเลิก

วันนี้มีการประกาศผลสอบด้วยว่าได้ level อะไร หลังจากที่เราเข้าอบรมเสร็จปุ๊บก็รีบไปดูบอร์ดกันทันที

เย้ๆๆๆ ได้ Upper Intermediate I ด้วยหล่ะ (level 9 จาก 10) โชคดีชะมัด ก็ข้อสอบอย่างที่บอกอ่ะมันไม่มีพูด ฉะนั้นอาจจะวัดกันไม่ได้

จำ Sam ได้รึป่าว เด็กเกาหลีที่เรารู้จักคนแรกเลยอ่ะ เค้าได้ level เดียวกันกะเราด้วย แต่ภาษาเค้าเก่งใช้ได้เลยนะ อืมดีจัง มีเพื่อนไปอยู่ level เดียวกันก็อุ่นใจ Class เราไม่มีคนไทยเลย แต่มีใครบ้างนั้นอ่านชื่อแล้วไม่รู้ แต่ที่รู้ไม่มีคนหล่อๆคนนั้นอยู่ เฮ่อ เฉาเรย

หลังจากเสร็จธุระทั้งหลายแล้วเราก็นัดคนไปดูบ้าน share house ที่ราคา 115$ ที่เราเคยโทรถามเค้าตั้งแต่ที่อยู่ไทยแล้ว พอไปถึงบ้านข้างหน้าก้อดีอยู่หรอกแต่เปิดประตูเข้าไปแทบอยากจะมุดหนี มีรองเท้ากว่าสิบชีวิตอยู่ที่นั่น นั่นคือประมาณ 20 คู่เห็นจะได้ บ้านนี้มี 9 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว สกปรกมากๆอ่ะ ไร้คำพูด ไม่น่าอยู่เหมือน homestay ที่เราอยู่ตอนนี้เลย ราคานี้รวมทุกอย่างแล้วสามารถใช้อุปกรณ์ครัวเน่าๆของเค้าได้ แหวะ ใครจะไปใช้ลง ใช้ไปก็กินไม่ลง ลาก่อนไม่ต้องพูด เค้าถามเราว่าจะอยู่กี่ปี เรารีบบอกไปเรยว่า 6 เดือนค่ะ ดูเค้าผิดหวังมาก แล้วเค้าก็บอกเราว่า 6 เดือนคงให้เช่าไม่ได้ เพราะว่าต้องการคนที่อยู่นาน เชอะ ถึงตูจะอยู่สิบปีก้อไม่อยู่ที่นี่แน่นอน ฝันไปเถอะ

ทำงัยดีตอนนี้เงินก็เริ่มหมด ค่าบ้านก็สูงลิ่ว ไหนจะค่าใช้จ่ายอีก หางานทำดีกว่า!!!









14/07/2007


วันนี้นัดพี่โต้ไว้ คนที่น้องปุ๊กแนะนำให้ไปทำร้านนี้งัย พี่เค้าก็ดีนะมารับแล้วก็ส่งถึงบ้าน
แต่..งานเสริฟอาหารเนี่ยไม่ได้นั่งเรยอ่ะ ขาแทบเป็นตะคริว ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่หั่นผัก เสิร์ฟ รับโทรศัพท์ คิดเงิน ล้างจาน เช็ดโต๊ะ โอ๊ะ 60$ ต่อวันที่ว่าดูไม่มากนะ สำหรับร้านที่อยู่ไกลจัด แล้วก็ต้องทำทุกอย่าง รวมๆแล้ววันนึงทำงานตั้งแต่ บ่ายสาม กลับ เที่ยงคืน 9 ชะโมง คิดไปคิดมา ตก 7$ ต่อชั่วโมง ไม่ไหวๆไปทำอย่างอื่นดีกว่า เสียเวลา วันนี้ทรมานมาก เพราะตื่นแต่เช้าไปเที่ยวในเมือง เดินทั้งวันข้าวเที่ยงเป็นเพียงโดนัทอันเล็กๆไม่พอยาไส้อิชั้นเร้ย แถมต้องไปทำงานอีกตะหาก สรุปทำๆไปไม่ได้ตังค์เพราะว่าเป็นเด็กทดลองงาน นี่ชั้นก็คนนะยะ ให้ทำฟรีเหรอเนี่ย เซ็ง งั้นถือซะว่าซวยละกัน ชาติก่อนคงเป็นหนี้เค้าอยู่

ขอบ่นนิดนึงนะคะ
สำหรับคนที่อาจจะไม่เห็นด้วยว่าเด็กฝึกงานไม่ควรได้รับเงินนั้น ถามหน่อยว่ามีอะไรที่ได้มาฟรีๆมั๊ย จานก็ล้างให้ ข้าวก้อเสิร์ฟให้ ข้าวที่ให้หนูกินตอนเย็นก่อนเริ่มงานเนี่ย ขอบคุณอย่างสุดซึ้งจิงๆ แต่วันนั้นหน่ะหนูทำงานหนักพอๆกันกับคนอื่นนะ ทำมัยไม่คิดจะให้เงินบ้าง ยืน 9 ชะโมงให้ tip 10$ หนูขอบคุณพี่มากค่ะ แต่พี่ไม่น่าทำกับเด็กไทยที่มาพึ่งพี่อย่างงี้นะ มันเกินไป อย่างน้อยๆจ่ายครึ่งนึงก็ยังดีกว่าไม่จ่าย










 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 19 มกราคม 2552 22:11:28 น.
Counter : 1318 Pageviews.  

diary melbourne 1st day at Box hill



09/07/2007 (First day at Box Hill)


หลับไปนานก็ตื่นเพราะนาฬิกาปลุกซะแระ 8 โมง เพราะว่า Helen บอกว่าเด๋วเพื่อนจะมาตอน 10 โมง พอลืมตามาเท่านั้นได้ยินเสียงเหมือนเสียงกริ่งเนี่ย 2-3 ครั้ง เอ๊ะหรือว่าจะมาแล้วทำมัยมาเร็วจังฟระ แป่ว...เนี่ยมัน 11 โมงแล้วนี่นา รีบวิ่งไปที่ประตู อ่าวเปิดไม่ได้ซะงั้นต้องมีกุญแจ เราต้องวิ่งมาเอากุญแจที่ห้องอีก ลืมบอกไปว่าห้องเราเนี่ยอยู่หลังสุดเลยจะถึงหลังบ้านอยู่แล้ว ไกลจัด วิ่งกลับมาพร้อมกุญแจที่เปิดไม่ได้ ดีนะที่ Julianne มีกุญแจ ไม่งั้นงานนี้มีหวังโดนขังอยู่ในบ้านคนเดียวแระ เพราะ Helen ไปทำงาน ส่วนสองสาวนั้นไปเล่นสกี เฮ่อโล่งอกไปเปราะนึง แต่.......ต้องรีบอีกเพราะจะให้เค้ารอนานได้งัย บอกเค้าว่ารอแป๊บนะซัก 10นาทีขออาบน้ำก่อนเพราะเพิ่งตื่นเองค่ะ

เค้าดู nice มากเหมือน Helen เลย พอเจอเราก็ให้เบอร์เค้าแล้วก็จดเบอร์ Helen ให้เราอีกที แล้วก็เขียนที่อยู่ให้ด้วย แล้วเราสองคนก็ออกจากบ้าน ออกไปแว๊ปนึงก็นึกได้ว่าลืม passport ขอกลับไปเอาเค้าก็วนรถกลับไปเอาให้ แล้วพาเราไปดูสถานีรถไฟ แล้วก็พาแวะไปให้อาหารแมวที่บ้านเค้า แล้วก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เค้าบอกว่าเค้าจะไปสอนที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา 2 ปี จะไปเดือนหน้าแล้ว แล้วก็เปิด CD สอนภาษาไทยให้ฟังด้วย บอกว่าเนี่ยคือการเตรียมความพร้อมก่อนไป จากนั้นเค้าก็พาขับรถผ่านโรงเรียน Box Hill แล้วไปจอดรถที่ Center Whitehorse ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก

พาไปซื้อ Sim card พร้อมบัตรโทรศัพท์ ราคาทั้งหมด 40$ ตอนจ่ายเนี่ยรู้สึกเหมือนจ่ายไป 40 บาท เหอะๆ
ไม่รู้สิแบงค์มันเหมือนของเด็กเล่นเรยอ่า

แล้วก็พาไปแบงค์ ตรงดิ่งไปยัง Westpac แต่เรายังไม่ได้เปิดบัญชีเรย เพราะว่ายังไม่มี student card
แวะไปถามราคา Train Ticket แต่ยังไม่ให้ซื้อเพราะว่า รอมาถาม Helen ก่อนว่าจะต้องทำยังงัย

แล้วเราก็แวะ Supermarket หาซื้อของที่จะทำกับข้าว........ทันใดนั้นเอง Julianne หายไป......หากันไม่เจอ โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ sim card มันใช้ไม่ได้อ่ะ activate แล้วก็ยังพูดว่าไม่ได้อยู่นั่นแหล่ะ ทำงัยดี ไปขอใช้โทรศัพท์ชาวจีนคนนึงหรือเกาหลีหว่า ไม่รู้เหมือนกัน เค้าดูกัวๆเราจัง ไม่ใช่มิฉาชีพนะเฟ้ย!! เค้าไม่ให้ยืมโทรศัพท์ แต่จะให้เงินไปโทรที่ตู้ เราก็บอกเค้าว่าไม่เป็นไร เงินหน่ะมี แต่โทรศัพท์อะใช้ไม่ได้ โอเค งั้นไปกดโทรศัพท์ตู้ก้อได้ฟระ แป่ว...ใช้ไม่เป็นไม่รู้กดอะไร เลยพยายามมาดูที่มือถือดีกว่าว่ามันใช้ยังงัย เฮ่อ...ลองเองไม่สำเร็จแฮะ งั้นเอางี้ไปที่ร้านดีกว่าใกล้ๆร้านนึงขายมือถือมีสัญลักษณ์ YES OPTUS ที่เราใช้ด้วยสิ ดีที่สุด ถ้างั้นก็ร้านนี้แหล่ะน่าจะช่วยเราได้ ตรงดิ่งไปยังสาวเกาหลีแสนสวยสุด sexy น่ารักยังกะดารา แต่หน้ายังกะตรูด ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ก็ยังดีที่ช่วยจนเสร็จ

หมายเหตุ
การเปิดใช้ Pre-Paid sim ครั้งแรก ของที่ออสเตรเลียไม่เหมือนไทยตรงที่ พอเราเปิดใช้ sim ปุ๊บใช้เบอร์ได้ปั๊บ เบอร์ที่เป็นบน card เป็นเพียงเบอร์ sim ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์นะ ต้องลงทะเบียนผ่านทางเวป หรือโทรไปที่ศุนย์บริการพร้อมบอก ชื่อ ที่อยู่ passport วันเกิด แล้วก็อะไรอีกจำไม่ได้แระ แล้วเค้าก็จะให้เลือกเบอร์โทรที่หน้าจอ เราก็ได้เบอร์มาแล้ว คือ 0431096809 แต่....ยังไม่สามารถใช้งานได้ทันทีนะ ต้องรออีก 20 นาที โถ่...ชีวิต แล้วจะหากันเจอมั๊ยเนี่ย

และแล้วเราก็ใช้มือถือได้ซะที กดเบอร์ไปยัง Helen รู้ว่า Julianne รอเรา 20 นาทีแล้วรอไม่ไหว เค้าต้องรีบกลับบ้านจะมีคนมาทาสีบ้าน อืม ไม่เป็นไร เพราะทำใจไว้แระว่าต้องกลับบ้านเอง

รู้สึกจะอยู่คนเดียวจะเป็นสองชะโมงแระนะเนี่ย นี่มันกี่โมงแล้วนะ บ่ายสองกว่าแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ เมื่อคืนก็กินข้าวมื้อสุดท้ายตอนสี่โมงเย็น โอ้ย อยากเป็นลม ซื้อของเยอะเกินหนักก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย หาซื้อนมก็ไม่ได้ ทำมันมันขาดแคลนนมเหรอเนี่ย supermarket มีแต่ผักกับเนื้อสัตว์ขาย พระเจ้า!!! งงชีวิต

เข้าไปถามคนเอเชียอีกคนก็ได้ ตอนเข้าไปถาม Excuse Me!! ทำมัยมันต้องตกใจฟระ ไม่ได้มาทำร้ายนะ มาขอความช่วยเหลือ หน้าตาช้านก็น่ารักดีอยู่อะนะ ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเรย คิคิ จากนั้น ยัยคนนี้ก็เดินพาเราหาซื้อนม เดินไปเดินมาก็ต้องระเห็ดไปอีกห้างนึง ลืมบอกไปว่า Center Whitehorse กับ Center Box Hill เนี่ยมันอยู่ติดกันเหมือนสยามเซ้นเตอร์กะพารากอน อ่ะนะ ตอนที่เราเจอคนนั้นหน่ะอยู่ที่ Center Box Hill แล้วเค้าก็พาเราเดินไป Supermarket ที่ Whitehorse ซื้อเสร็จเราก็ขอบคุณเค้าใหญ่เรยว่าขอบคุณมาก เพราะเค้าเลือกยี่ห้อนมให้ด้วยว่าอันนี้เค้าเคยกิน ก็ใช้ได้นะ เราก็เชื่อเค้าเอามาอันนึงเป็นนมกล่องใหญ่ อยู่ได้ 1 อาทิตย์ เค้าก็กำชับเราให้ดูวันหมดอายุด้วยทุกครั้ง ดีแฮะคนนี้ คราวนี้เริ่มคุยกันแระว่าเค้าชื่ออะไร.......daisy.....นั่นคือชื่อของเค้าหล่ะ เค้าเรียนอยู่ Swinburne เรียนจบแระ แต่คงจะหา course เรียนต่ออีกปึนึงมั๊ง แล้วเค้าก็จัดของที่เราซื้อมาให้รวมเป็นถุงใหญ่ๆ3 ถุง พร้อมกับแกะนมให้เรากินด้วย เพราะว่าที่นี่เค้าไม่มีหลอดให้นะ ถ้าอยากได้ต้องซื้อเองแยกต่างหาก ดังนั้นเค้าก็เลยจัดแจงฉีกกล่องนมเหมือนเทให้หมากินอ่ะ เหอะๆ แอบขำตัวเอง ทำมัยเปิ่นได้ซะขนาดนี้ นั่งกรอกนมเข้าปากหน้า supermarket หน้าทาออกจ่ายเงินเรยนะ หลังจากซัดนมช๊อกโกแลตไปกล่องนึงเริ่มดีขึ้น ค่อยยังชั่วคราวนี้กลับบ้านได้แระ นอกจากเค้าจะพาเราไปซื้อนมแล้วเค้ายังพาไปซื้อตั๋วรถไฟอีกต่างหาก พร้อมพาไปส่งที่สถานีด้วย ขอบคุณมากมายยยย เธอช่างเป็นคนดีจิงๆ
ลืมบอกไป daisy เป็นคนไต้หวัน ดีนะที่เคยดูหนังใต้หวันมาบ้าง ก็ Devil Beside You งัย ที่พระเอกหล่อบาดใจ คิคิ บอกเค้าไปว่าเราเคยดูเรื่องนี้ เค้าก็คงรู้สึกดีที่มีคนรู้จักบ้านเค้าด้วย

การผจญภัยวันนี้ของเรายังไม่จบลงนะ
พอขึ้นรถไฟจาก Box hill มายัง Chatham พอจะลงเนี่ยนึกว่าประตูจะเปิดอัตโนมัติเหมือนรถไฟฟ้าบ้านเรา แต่ผิดคับ มันมีลูกบิดสีเหลืองๆ ดีนะที่สายตาเหลือบลงไปอ่านขณะรอประตูเปิด ไม่งั้นเนี่ยเลยสถานีแระ ไม่รู้ชะตากรรมต่อไปแน่ๆ อืม....ในที่สุดก็มาถึงแระ อ่าวจะข้ามรางรถไฟไปยังงัยฟระ แล้วบ้านเราเนี่ยอยู่ส่วนไหนเนี่ย เพราะตอนมาอ่ะ Julianne ขับผ่านตั้งไกลแล้วชี้ให้ดู ใครจะนึกว่าจะหลงทางฟระ เลยไม่ได้จำเส้นทางเลย เฮ่อ พอลงมาปุ๊บก็มองๆไปเห็นอุโมงค์มืดๆอยู่ เป็นทางเดียวที่จะเดินไปได้ เอาวะ เป็นงัยเป็นกัน รีบวิ่งจากตรงนั้นเลย กลัวจิงๆ กลัวจะมีคนมาจี้ ถ้าเป็นที่กรุงเทพ เปลี่ยวๆอย่างงี้ไม่มีคนเลยเนี่ยคงแย่แล้ว นี่ขนาดกลางวันนะยังน่ากลัวเลย เอางัยดีมีทางแยกด้วยว่าจะไปซ้ายหรือว่าขวา ตัดสินใจเดินไปทางขวา น่ากลัวกว่าเดิมอีก มองไม่เห็นคนเลย มีแต่ตึกเก่าๆมีรถจอดประปาย แล้วผนังก็มีการวาดละเลงสีเหมือนถิ่นสลัม เฮ่อ ชีวิต จะกลับถึงบ้านมั๊ยเนี่ยตู

ยืนกดโทรศัพท์หา Helen แต่ไม่มีใครรับให้ฝากข้อความอีกตะหาก โชคยังดีที่มีเด็กฝรั่งปั่นจักรยานผ่านมาเลยแอบถามทางเค้าว่าถนน Kingston Rd เนี่ยอยู่ตรงไหน เค้าดูเหมือนไม่เข้าใจเราเลยอ่ะ แล้วก็บอกให้เราเดินไปทางที่เรามาเมื่อกี้น่าจะเป็นหมู่บ้านมากว่าทางนี้นะ เราก็เดินย้อนกลับไปแล้วผ่านอุโมงค์ไปออกทางตรงข้ามกัน ว้าว!! ถนนที่เราหาอยู่เนี่ยมันอยู่ตรงข้างหน้านี่เอง ดีใจมากมาย เลยมีอารมณ์ถ่ายรูปแระ คิคิ ไว้จะอวดนะ

ถึงบ้านด้วยอาการหิวโซ ทำกับข้าวอะไรดีนะที่มันง่ายๆได้กินเร็วๆ ว่าแต่ Helen ไม่มีหม้อหุงข้าวนี่นา เอางัยดีนะ ใช้ Microwave ก็ไม่ค่อยจะเป็นด้วย เอาวะเป็นไงเป็นกัน ดีนะที่ถาม Julianne ไว้แล้ว หาภาชนะอยู่นานไม่รู้จะใช้อะไรดี แต่ใต้ microwave เป็นพลาสติกที่เขียนว่า microwave เอาวะอันนี้แหละใช้ได้แน่ๆ เริ่มปฏิบัติการหุงข้าวด้วย Microwave โดย ใส่ข้าว 1 ส่วน น้ำ 1.5 ส่วน ปิดฝา เอาเข้าไปใน Microwave ตั้งเวลา 25 นาที ซักพัก.....มีเสียงระเบิด ฝานั่นเอง ดีนะที่เราปิดไม่สนิท แอบโง่ปิดฝา เหอะๆๆ จะได้กินข้าวมั๊ยน๊า....พอครบตามกำหนด ข้าวไม่สุกเพราะน้ำน้อยไป ก็เลยต้องเติมน้ำเข้าไปอีก 1 ส่วน ได้ข้าวมากินแระแต่ข้าวที่หุงด้วย Microwave มันไม่อร่อยนะ

ส่วนกับข้าวก็ ไข่ต้ม เพราะไม่กล้าทอดหมูที่เตรียมมา กลัวบ้านเค้าเหม็น ช่วงแรกๆพยายามทำอะไรต้มๆไปก่อนก็แล้วกันเนาะ แล้วก็หั่นแตงกว่าชนิดที่ไม่ได้ปลูกในประเทศเรา มันไม่อร่อยเอาซะเรย ซื้อมาตั้งแพง เชอะกินก็ได้ จะทิ้งก็เสียดายนี่นา

ผ่านพ้นไป 1 มื้อแล้ว กว่าจะกินข้าวเสร็จก็บ่ายสี่แล้ว คราวนี้ได้เวลาจัดสัมภาระที่ขนมาจากประเทศซะทีนะ เริ่มจัดเหมือนจะอยู่ยาวนานนนนน จิงๆจะว่าไปที่นี่ก็ดีทุกอย่างอะ สะดวกสารพัด หรูอีกตะหาก ราคาก็ ไม่แพงมาก แต่ไม่มี internet นี่สิ มันอยู่ยากอ่ะ เฮ่อ คงต้องลองดูที่อื่นซะแล้วงานนี้

คืนนี้ไม่ค่อยหนาวเท่าเมื่อวานสงสัยว่าจะมีคนไปปรับ heater ให้สูงขึ้นแน่ๆเรย นอนหลับปุ๋ยๆไม่ฝันมา 2 คืนแระ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 8.00 น. จะได้ตื่นมาเจอชาวบ้านซะหน่อย สองสาวเพิ่งกลับมาจากเล่นสกีดูเหมือนโบจะไม่สบาย
















10/07/2007


วันนี้ตื่นมาตอน 10.00 น. แต่นาฬิกามันผิดอ่ะ ตั้งผิดไปตอนนี้มัน 11.00 น. ต่างหาก ข้าวเช้าก็ข้าวต้มหมู ตั้งเป้าไว้ว่าวันนี้แหละจะออกไปสำรวจ Box Hill ซะหน่อย กว่าจะออกจากบ้านได้ก็บ่ายโมงแระ ที่สำคัญพอเปิดประตูออกไปมีหมอกอีกตะหาก ไม่อยากก้าวเท้าออกจากบ้านเลย.........แต่ก็ต้องไป ต้องหาทางไปโรงเรียนให้ได้ก่อนเด๋ววันจริงจะฉุกละหุกเกินไป ชะล่าใจไม่ได้ด้วย เพราะวันพรุ่งนี้ไม่แน่ว่าจะได้ไป

ไปถึงสถานีก็เข้าโหมดเดิมคับพี่น้อง มั่นใจอย่างแรงว่าไป platform 3 แน่นอน รอรถไฟแล้วปรากฏว่ามันอยู่อีกด้านนึง นึกตามนะ รางรถไฟเนี่ยมี 3 ฝั่ง แบบนี้
==========================================รางรถไฟ#1
………………………………………………………………………………………………………………………………………………....
Platform 2 คือส่วนที่รอรถไฟ มีฝั่งด้านบน กะด้านล่าง ด้านบนไป city ด้านล่างไป Box Hill
………………………………………………………………………………………………………………………………………………....
==========================================รางรถไฟ#2
==========================================รางรถไฟ#3
………………………………………………………………………………………………………………………………………………....
Platform 3 คือส่วนที่รอรถไฟ ไป Box Hill แต่ที่แปลกคือมีเป็นเวลาคือ ช่วงเช้ามี6.36-10.25 และช่วงบ่าย 3.25-6.42น.
………………………………………………………………………………………………………………………………………………....

เพราะฉะนั้น นึกออกแล้วใช่ป่าวว่าผิดที่ตรงไหน...ก็ตรงเวลางัย คิคิ เราไปถึงตอนบ่ายโมงพอดี ไม่มีรถ ไม่มีใครซักคนตรงนั้นเลย รอพักใหญ่ก็มีคนอินเดียคนนึงโผล่มาตรง platform 2 อยู่ไกลกันคนละฝั่งแต่เราก็ยังหน้าด้านตะโกนถามเค้า ดีนะที่เค้าช่วยเหลือกด Emergency Call แล้วก็จะมีเสียงคนพูดๆๆๆ อัตโนมัติว่ารถไฟไปทางไหนอะไรอย่างงี้ไอ่เราก็ฟังไม่ทันหรอกนะ ไม่อยากจะบอก แล้วเค้าก็บอกให้เราข้ามไปอีกฝั่งโดยลอดใต้สะพานขึ้นมา แล้วก็บอกว่ารถเที่ยวต่อไปจะมาตอน 13.26 น. เราก็ได้แต่ thank you very much เนี่ยตั้งแต่เมื่อวานพูดคำนี้จะถึงห้าสิบรึยังก็ไม่รู้.....^^

การผจญภัยยังไม่สิ้นสุด
ซื้อตั๋วรถไฟแบบถูกสุดคือใช้ได้ 2 ชั่วโมง ราคา 2.5$ เริ่มบันทึกตอน 13.05 น. แสดงว่า สามารถใช้ได้ถึง 15.05 น. วันนี้ไม่อยากกลับบ้านค่ำกลัวความมืด ก็เลยตั้งใจจะไปแค่ Box hill Center หาซื้อถุงเท้าใหม่ซะหน่อย เพราะว่าถุงเท้าที่เราเอามาหน่ะมันซื้อคู่ละ 10 บาทที่ตลาดนัดแถวที่ทำงาน มันไม่ได้ช่วยบรรเทาความหนาวของเราแม้แต่น้อย งั้นเวลาเท่านี้ก็เหลือเฟือ พอไปถึงปุ๊บก็เดินๆหาซื้อถุงเท้า แต่ไม่เจออะ ไม่รู้มันไปมุดอยู่ตรงไหน ใจจริงอยากได้กางเกงวอร์มด้วยอ่ะ ราคาที่เห็นถูกสุดก็ 10$ แต่....ขามันยาวจัด จะใส่ได้เหรอเนี่ย เอาไว้ก่อนก็ได้ 10$ เนี่ยก็เงินเหมือนกัน เก็บไว้หาอะไรลงท้องดีก่า เนาะ ไปหาพวกถุงเท้า กะ ถุงมือ กะ หมวกใหม่ดีก่า
อีกความคิดก็อยากลองไปที่โรงเรียนดูซักครั้งดูว่ามันอยู่ไกลมั๊ย เมื่อวานที่มากะ Julianne อ่ะมันดูใกล้ๆเอง งั้นลองเดินไปแป๊บนึงก็ได้ ยังงัยก็ทัน 2 ชะโมงอยู่แล้ว พอเอาเข้าจริงๆ เดินไปทางไหนเนี่ยทำมัยมันมองไม่เห็นตึก Box Hill Tafe เหมือนเมื่อวานหล่ะ เอาวะลองถามคนแถวนี้ดูก็ได้ “Excuse Me, could you please tell me how to go to Box Hill Tafe” คำตอบที่ได้ยินอยากเป็นลมจิงๆ ต้องเดินไปถึง 2 แยกไฟแดงแหนะ จากสถานีรถไฟที่เราลงเมื่อกี้อ่ะ

เอาวะเอางัยเอากัน เดินก็เดิน ทางที่ต้องข้ามไฟแดงมันก็มีแต่สีแดง หลายอันมากมาย ทำงัยดีเนี่ยไม่เขียวซะที รถก็จอดนิ่งๆเอง ข้ามเรยดีมะเนี่ย..........และแล้วสายตาดิชั้นก็เหลือบไปเห็น ป้าย เขียนว่า “Camera safe road” เอ๊ะ มันคืออะไรหว่า มีเสียงแว๊ปเข้ามาในสมองพอดี คุ้นๆว่ามันคือ กล้องวงจรปิดที่เมืองนี้นิยมใช้จับคนขับรถไม่ดี พวกฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง มิน่า คนที่นี่มีระเบียบวินัยแท้ ค่าปรับมันสูงลิ่วนี่เอง (1000$) งั้นรอก็ได้ ว่าแต่นี่มันปุ่มอะไรก็ไม่รู้ น่าจะเป็นปุ่มที่กดรอสัญญาณนะเนี่ย เริ่มฉลาดขึ้นมาแระ คิคิ หลังจากยืนรอนานเป็นชาติ ร้อนก็ร้อน หนาวก็หนาว ลมก็พัด งง หล่ะสิว่าหมายความว่าจะใด ก็เมืองนี้อะนะ มันเย็นๆประมาณ 15 องศา หรือต่ำกว่านี้ แต่ถ้ามีแสงแดดส่งมากระทบจะร้อนแบบแสบผิวทีเดียว ดังนั้น ร่มที่เตรียมมาก็มีประโยชน์แฮะ กันแดดกันลมปะทะที่หน้าได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ไม่มีใครกางร่มก็เถอะ ตูไม่สนเฟ้ย เชอะ มองได้มองไป

เย้ๆ ในที่สุดก็มีไฟเขียวให้ข้ามถนน เดินไปข้ามแยกแรกก็จะเป็น Box hill Tafe เหมือนกันแต่เป็น Nelson campus เพราะฉะนั้นต้องเดินไปข้ามอีก 1 แยก ถึงจะเป็น Elgar campus สำหรับพวก International Student อย่างเราๆ สรุประยะทางเดินน่าจะประมาณกิโลกว่า จากสถานีรถไฟ ไม่เกิน 2 กิโลมั๊ง เดินก็ประมาณ 30 นาทีแบบเดินทอดน่อง สงสัยถ้าตื่นสายเนี่ยต้องหอบกินแน่เร้ยยย

พอไปถึงก็ไปเจอคนจากอินเดียมั๊ง ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ หน้าตาละม้ายคล้ายอ่ะ ตีว่าเป็นคนอินเดียละกัน เราก็เลยตรงดิ่งเข้าไปถามว่า เส้นทางนี้สามารถขึ้นรถ Bus หรือ Tram ได้ที่ไหน ประมาณว่าไม่อยากเดินย้อนกลับไปลองถามดูดีกว่าเผื่อว่าไม่ต้องเดิน เพราะว่าตั๋วใช้ด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ทำใจว่าจะต้องซื้อตั๋วใหม่แล้วหล่ะ เค้าบอกว่านี่ตั๋วนี้ใช้ได้ถึง 4 โมงเย็นนะ ตอนนี้เพิ่งบ่าย 2 เองยังใช้ได้อยู่ (แอบงง ทำมัยมันใช้ได้เกินวะ ช่างมัน ดีแล้วหล่ะ งั้นจะได้ใช้ตั๋วเดิม) เค้ายังบอกอีกว่า นู้นแหน่ะ ที่ขึ้นรถ Tram ต้องเดินต่อไปอีกเกือบครึ่งกิโลมั๊ง ส่วนใหญ่ไม่มีใครเค้าขึ้นรถกันหรอกเพราะเดินๆมันก็มีค่าไม่ต่างกันมาก คนที่นี่ถึงนิยมเดินกันงัยหล่ะ แป่วT_T เดินก็เดิน

แอบถามเค้าถึงที่พักแถวๆนี้ด้วย แต่เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เค้าบอกว่าที่ International Office เนี่ยตรงที่เรายืนอยู่ให้เค้าช่วยเราหาได้ แล้วก็พาเราเดินเข้าไป.... ตูไม่อยากให้เค้าหาให้นี่นา อยากหาเอง จะได้ถูกๆ ก็เลยบอกเค้าว่า ไม่เป็นไรไว้วันหลังก็ได้ Today I just survey. แล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยกลับไปที่ shopping ตามตั้งใจ

วันนี้ได้ถุงเท้าน่ารักๆผ้าเหมือนผ้าขนหนูนุ่มๆมาด้วย ราคา 2$ ถูกกว่าไทยอีก ก็เราซื้อมาจาก Platinum ราคา 120 บาท แต่ที่นี่ 60 บาทเองง่ะ ดีนะที่ซื้อมาแค่คู่เดียว

นอกจากนั้นก็ได้มาม่ากะปลากระป๋องด้วย ราคามันไม่แพงมาก เอามาติดบ้านไว้เผื่อทำกับข้าวไม่ทัน เนาะ
ราคามาม่าต้มยำกุ้งกะหมูสับเหมือนของไทยเปะ ราคา 0.4$ =12 บาท
ปลากระป๋องปลายิ้ม ราคา 0.99$ ก็ 30 บาท
ได้ผักกาดครึ่งหัวมาด้วย หัวใหญ่มากมาย มันกิโลละ 1.99$ ของเราซื้อมา 2.31$ แพงมาก แต่ทำงัยได้ก็อยากกินนี่นา มันกินได้หลายครั้ง ไม่เป็นไรหรอก เนาะ

แล้วก็เดินสบายใจกลับบ้านด้วยตั๋วใบเดิม สรุปว่า Trip นี้ไปกลับจากบ้านเราเสียตังค์ไป 75 บาท ถูกกว่าตอนอยู่กรุงเทพอีก ค่า Taxi ไปกลับก็ 100 บาทแระ หยวนๆ วันนี้โชคดี สู้ๆ
กลับบ้านมาก็หิวโซ ตอนนี้ประมาณบ่ายสี่ก็ บ่ายโมงของไทยแระ กระเพาะร้องโครกครากเชียว งั้นอะไรหม่ำๆดีก่า กินหนมปังที่ซื้อมาเมื่อวานกะนม มันชั่งไม่อร่อยเอาซะเรย ทิ้งไปครึ่งอัน อันละตั้งหลายเหรียญ แต่มันเลี่ยนมากมายไม่อร่อยเรย ทิ้งๆไปก็ไม่เสียดายซักนิด กินส้มก็ได้เชอะ อร่อยกว่าอีก

หลังจากนั้นก็เข้าห้องมาจดบันทึกต่างๆมากมายรวมทั้งเคลียร์เงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าด้วย เริ่มเขียน Blog แระดีกว่าคิคิ เผื่อจะมีคนรออ่าน ^^

ตอนเย็น Helen กลับมา เราก็เลยเสนอทำอาหารเย็นให้ แต่วันนี้เค้ามีแขกพิเศษมาบ้าน เค้าเล่าว่าคนนี้แหละเป็นคนที่ไป holiday ที่ประเทศไทยกะเค้ามา เค้าดีมากมาย เล่าๆๆๆ อะไรมากมายให้ฟัง สรุปว่าวันนี้อย่าทำกับข้าวให้เค้าเลยเนาะ เพราะว่าผู้ชายคนนั้นกินจุ เด๋วไม่พอยาไส้ เชๆ ได้เรย งั้นตอนนี้เราก็ควรกลับเข้าไปอยู่ในห้องซะแร้ว ไม่อยากเป็น กขค. เนาะๆ แล้วเค้าก็เรียกเราออกมาทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ จำชื่อไม่ได้อ่ะ วันหลังจะบอกนะ เค้าเอาช่อดอกลิลลี่มาฝากด้วยใหญ่มาก และดูท่าที Helen จะปลื้มเค้าเอามากๆ ก่อนไปเราก็บอกเค้าว่า Don’t forget to put to sugar in the vest. It’ll be stay longer. คิคิ เค้าชมเราว่าอะไรก็ไม่รู้แปลไม่ได้ แต่รับรู้ได้ว่าเค้าชม ^^

คืนนี้เพิ่งรับรู้ได้ว่าลองจอห์นที่เค้าว่ากันว่าอุ่นเนี่ย มันอุ่นใช้ได้เลย เพิ่งใส่วันนี้เอง วันนี้นอนสบายกว่าเมื่อวานเยอะเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเริ่มปรับตัวได้แล้วมั๊ง วันนี้คืนที่ 3 แล้วนี่นา แต่แย่อย่างนึงดันเป็นเมนส์วันนี้นี่สิ ปวดท้องชะมัด
Good night นะ







11/07/2007


พรุ่งนี้แล้วสินะจะต้องไปโรงเรียน จิงๆวันนี้ตั้งใจตื่นแต่เช้าตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 7.00 น. จะได้ออกไปตะแลตแต๊ดแต๋ ข้างนอกจนเย็นได้ แต่ตื่นสายอีกแล้วเราตื่น 9.30 แหน่ะ กว่าจะอาบน้ำสระผม แต่งตัว ทำกับข้าว หุงข้าวแบบใหม่ที่ Helen สอนเมื่อคืน นานแหะ แถมต้องคอยคนข้าวไม่ให้ติดหม้ออีกตะหาก ไม่งั้นเด๋วฝาก็กระดํน ต้องคอยคุมตลอด กว่าจะได้ข้าวก็ 30 นาทีเห็นจะได้ กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ 11.30 น. เอางัยดีนะ ขี้เกียจออกไปนอกบ้านจัง พอเห็นแดดแล้วนึกอยากซักผ้าขึ้นมา กว่าจะซักเสร็จแดดหายไปอีกแระ ฝ้าก็ครึ้มดีที่ฝนไม่ตก ต้องออกไป check ผ้าตลอดว่าแห้งขนาดที่เอามาตากข้างในได้รึยัง แดดที่นี่เวลาส่องเนี่ยสงสัยเชื้อโรคจะตายหมด มันแรงดีจิง สรุปว่าวันนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย นั่งอ่านภาษาอังกฤษดีก่า เผื่อพรุ่งนี้จะมีสอบ

และแล้ววันนี้ก็ไม่ต้องเสียเงิน กับข้าววันนี้ก็ต้มจืดผักกาดขาว กะ ไข่เจียว อืมใช้ได้เหมือนกันแฮะ กินกลัวยไปด้วยลูกนึง กะว่าพรุ่งนี้จะซื้อผลไม้มาตุนดีก่าเนาะ อร่อยกว่ากินข้าว แต่มันก็แพง เด๋วไปหาผลไม้แปลกๆถูกๆกินดีก่า คิคิ

วันนี้ Helen บอกว่าจะพาไป Meeting ด้วยถ้าอยากไป เป็นประชุมกลุ่มย่อยๆมีหลายชาติ ไปเพื่อทำให้ฝึกพูดฝึกฟังภาษาอังกฤษ เค้าจะให้เราเป็น Guest ของเค้า อยากรู้จังว่าจะเป็นยังงัย สาธุ้ อย่าเป็น amway นะ กัวจิงๆ

เล่าต่อๆๆ
ไปมาแว้ว!!! It’s nice club. If you’ve ever heard before, it is the “Toastmasters Club”.
มันเป็นสมาคมที่มีไว้ฝึกฝนการพูดจาในที่สาธารณะ ประมาณนั้น ซึ่งวันที่เราไปอ่ะ พอดีว่า Helen ถูกรับเชิญให้ขึ้นไปพูดซักถามทุกคนในเรื่องต่างๆตาม topic ที่เตรียมมา วันนั้นเราก็โดนถามด้วย เค้าถามว่า ทำมัยถึงได้มาเรียนที่ Box Hill ได้หล่ะ How do you learn about Box Hill? อยากรู้หล่ะสิว่าตอบว่าอะไร เว้ย ... เราอ่ะมั่วจัด จำไม่ค่อยได้อ่ะประมาณว่า I’d like to improve my English skill so I went to the education exhibition at Bangkok and the man who came from box hill talked to me, I’m interested in what he said is. Then I asked my parent to go to Melbourne to study at box hill. And I’m here. Thank you. ดูดิมั่วจัด จับเวลาได้แค่ 23 วินาที แต่คำตอบที่ควรตอบควรมีความยาวประมาณ 1.30 วินาที เค้ามีการจับเวลาด้วย ถ้าใครพูดเกินก็จะเริ่มส่งสัญญาณ ประมาณว่าโม้ไป แล้วถ้าใครตอบไม่ค่อยดี เค้าก็จะแนะว่าควรตอบแบบไหน ทำน้ำเสียงประมาณไหน หนุกดีไปอีกแบบสำหรับคนต้องการฝึกพูด แล้วทุกคนก็ชมเราว่าสำเนียงดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ ให้กำลังใจกันเข้าไป ตูพูดเนี่ยก็มั่วจัดห่วยจัด

ตบท้ายเค้าก็ให้แสดงความคิดเห็นว่าไอ้ Toastmasters Club เนี่ยเป็นยังงัยบ้าง ในการเข้าร่วมครั้งแรก โอ๊ะ ฟังๆแล้วไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเค้าโฟกัสมาที่เรา ดีที่ Helen บอก ไม่งั้น อายแน่ ไม่รู้จะตอบยังงัย ถ้าเราเก่งภาษาอังกฤษเหมือนคนพวกนี้อ่ะนะ คงขี้เกียจมาฟังอะไรอย่างงี้ แต่กรณีนี้มันต่างกัน คือเราต้องการเรียนรุ้ภาษาอังกฤษมันก็ดีอ่ะนะ ตื่นเต้นดี สรุปว่า เราก็ตอบไปว่า This is the first time that I’ve heard “Toastmaster club” from Helen, but I don’t know what it is. But now I think I know about Toastmaster. Nice to meet you. Thank you. ดูจากคำตอบแล้วก็เหมือนการเอาตัวรอด คิคิ แล้วเค้าก็ชมเราอีกแล้ว จะชมทำมัยฟระ งง คงเป็นเพราะ Helen บอกพวกเค้าว่าเราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่ 2 วันมั๊ง แล้วภาษาสำเนียงคงฟังรู้เรื่อง เหอะๆ แถมยังโม้อีกว่า Her English is Excellent อยากจะบ้า ไปบอกเค้าอย่างงั้นทามมัย เฮ่อ เด๋วเค้าก็รู้หมดว่าพูดไม่รู้เรื่อง







 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 19 มกราคม 2552 22:08:28 น.
Counter : 1951 Pageviews.  

diary melbourne 1(first day at different place)

"My Diary at Melbourne (Box hill)"



"My Diary at Melbourne (Box hill)"




จริงๆแล้วตั้งใจจะทำเป็นภาษาอังกฤษ แต่ว่ามันเล่าไม่มันส์เหมือนภาษาบ้านเรา อ่านไปจะได้สัมผัสอารมณ์เราได้ คิคิ ไว้ภาษาเก่งๆเมื่อไหร่ก็เชิญมาอ่านภาษาอังกฤษเน้อ ส่วนรูปต้องใช้เวลา เด๋ว post ลงให้ดูแน่นอน รอหน่อยนะ ถ่ายรูปมาลงเพียบ

08/07/2007 (Airport Thailand to Melbourne 05.30-22.00)


ตื่นนอนตอน 3.15 น. แล้วกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวกันครบทุกคนก็ตีห้าแล้ว ดีที่บ้านป้าอยู่ใกล้สนามบิน นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ดีจัง

Check in สายการบินไทย J ตอน 6.00 น. น้ำหนักที่เราเตรียมไปคือ 20kgs แปะ ไม่มีเกิน (พ่อกำกับ) เรามีอีก 2 กระเป๋าคือ กระเป๋าที่เป็นผ้าใบรูปหมีพูห์ แล้วก็กระเป๋า notebook ซึ่งหนักรวมกันประมาณ 10 กิโล พอเราเอาไปกระเป๋าใบใหญ่ไปชั่งปุ๊บมันก็ต้องผ่านอยู่แล้วเพราะน้ำหนักไม่มีปัญหา เราก็เลยถามเค้าว่าแล้วกระเป๋าที่เราหิ้วมาเนี่ยมันก็ใบใหญ่พอดู ไม่รู้ว่าจะได้รึป่าว เค้าก็เลยเอาไปชั่งให้แล้วถามเราว่าจะโหลดไปเลยมั๊ย??? โอ๊ะๆๆ ไหนเค้าบอกงี้อ่า ตอนนั้นที่เราขอเอาของมา 30kgs ทำมัยไม่ให้ตูฟระ เวรจิง รู้งี้ขนมาอีกเยอะๆดีก่า

พอ check in เสร็จดูเวลาก็แค่ 6.00 น.เองอ่ะ ยังมีเวลาอีกเยอะ เพราะเค้าระบุไว้ในบัตรว่า GATE E8 07.30 am
ก็เลยไปถ่ายรูปแก๊กๆๆ แล้วก็เดินไปหม่ำๆข้าวอย่างใจเย้น เย็น.........กว่าเพื่อนดิช้านจะมาถึงก็ประมาณ 06.50 น. กว่าจะร่ำลากันเสร็จ กว่าจะถ่ายรูปอีกร้อยกว่าใบ.......คิคิ.......แอบโม้ ไม่ถึงหรอก






แล้วเราก็เข้าไปตรงจุดตรวจ ตม. ตอนนี้อะไรๆก็ดูยุ่งยากไปหมด กะอีแค่ตรวจ passport เองง่า ต่อแถวแรกอย่างยาว อันนี้เข้าแถว Thai passport แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนนึงเดินเข้ามาบอกว่า ไปต่อคิวของชาวต่างชาติสิ จะได้เร็วๆ ไอ้เราก็คิดว่าเร็วกว่าจิงๆก็เลยไปต่อ...............แป่ว พอถึงคิวเรา เค้าถามว่าอ้าวใบนี้ของน้องหล่ะคะอยู่ไหน.........ไม่มีค่ะ.........งั้นเอานี่ไปกรอกตรงนู้น........เฮ้ย ทำมัยไม่มีใครบอกตูฟระว่าต้องกรอกไอ้นี่ เสียเวลาจิงๆ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย 7.40 น. ตายแล้วๆๆๆๆตูจะเข้า gate ทันมั๊ยเนี่ย

กรอกๆๆๆแล้วก็ไปต่อแถวใหม่ คราวนี้เค้าไล่ให้ไปต่อแถวคนไทยอีกแระ เอางัยกะตูฟระเนี่ย ทำมัยมันดูยุ่งยากจัง......เฮ่อ แค่ตรวจ passport มันยากตรงไหนวะ พอดีเจอพี่คนนึงเค้าใจดีมากๆให้ลัดคิวด้วย เค้ากลัวของเราไม่ทัน แต่เค้าก็แอบให้กำลังใจนะว่า ใจเย็นๆทันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวตกเครื่องบิน ยังงัยซะเด๋วเค้าต้องตามตัวเราขึ้นเครื่องอยู่แล้ว
“ขอบคุณมากนะพี่ ถ้าไม่ได้พี่เนี่ยหนูแย่แน่.”

พอหลุดจากตรงนี้มาได้แล้วก็เข้าเกียร์แปดไปยัง gate E8 ซึ่งมันอยู่ไกลมากๆ ประมาณกิโลกว่าๆเห็นจะได้ แล้วก็ต้องตรวจของเหลว ตั้ง 3 ด่าน กว่าจะผ่านไปได้ และด้วยความเปิ่นของหนูที่ยังมีอยู่มาก ก็ลืมกระเป๋าสำคัญที่ใส่เอกสารต่างๆไว้ซะงั้น ดีที่ไหวตัวทันกลับไปเอาที่จุดตรวจทัน T_T เฮ่อ ชีวิต มีเลวร้ายกว่านี้อีกมั๊ยนะ

ในที่สุดก็ผ่าน Gate E8 มาได้ เฮ่อโล่งใจ.......เดินลั่นล้าๆถ่ายรูปดีกว่า ระหว่างทางไปขึ้นเครื่องอ่ะนะ เสร็จแล้วก็ต้องหาที่นั่งอีกนี่นาเค้า Fix ที่มาเป็น 47F ไม่รู้ตรงไหน เดินไปๆพอถึงแถวที่ 47 แล้วก็มีเก้าอี้อีก 9 ตัวในหนึ่งแถวให้เลือกนั่ง แต่ไม่มีแปะป้ายไว้ว่าตัวไหนเป็นตัว F ทำงัยดีฟระ.........ถามพี่ที่เป็นแอร์ดีก่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย ที่ของเรามีคนนั่งอยู่ เป็นแขกอีกตะหาก แงๆๆสาธุ้ อย่าได้นั่งกลางระหว่างแขกเรยนะ สิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายช่วยลูกด้วย
นับว่าเรายังโชคดีอยู่บ้างที่ไม่ได้นั่งตรงกลางระหว่างสองคนนั่น

นั่งไปได้ซักพัก เริ่มหนาวแฮะ ทำงัยดีเนี่ย เสื้อกันหนาวอยู่ในกระเป๋าด้านบนหมดเรย จะใช้ให้แขกดึงมันออกมาให้ก็ใช่ที่ เพราะหน้าตาไม่เป็นมิตรเรยอ่า แถมพูดกันไม่รู้เรื่องอีก ดีนะที่มาสายการบินไทย ไม่งั้นแย่แน่
นอกจากจะให้แอร์ที่เป็นผู้ชายเอามันออกมาให้แล้ว ยังต้องพึ่งให้เค้าช่วยดูหูฟังให้อีกมันติดแค่ข้างเดียวเอง เปลี่ยนหูฟังก็แล้วไม่เห็นช่วยอะไรได้ ซักพักก็มีคนตามผู้รู้มาดูให้ แต่ก็แก้ไม่ได้อยู่ดี เหตุผลก็เหมือนที่รู้ๆกัน ขั้วของเก้าอี้นั่งมันเสีย!! ช่วยไม่ได้วะ ทนๆเอาหน่อยแระกัน เด๋วก็ถึง 8.25 ชั่วโมงเอง ดูเหมือนไม่นาน.......แต่มันยาวนานมากบนเครื่องที่หนาวเหน็บไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวเท่าไหร่เพราะคนนั่งข้างๆมันตัวใหญ่แถมเป็นอินตะระเดียอีกตะหาก ดีที่ห้องน้ำมันอยู่ใกล้ๆ ตอนแรกเข้าไปก็งงเหมือนกันว่าจะทิ้งขยะไว้ที่ไหน มันไม่เขียนบอกอะไรเรยอ่ะ ขนาดห้องน้ำมันยังไม่ติดสัญลักษณ์ให้รู้เรยอ่ะ ไม่เข้าใจจิงๆ ความลับเหรองัยฟระ (แอบบอกคนที่ไม่เคยขึ้นเครื่องไปเมืองนอกเหมือนเรานะว่า ห้องน้ำเนี่ยมันจะอยู่ตรงกลางๆของเครื่องบินอ่ะ ฝาผนังมันจะมีตัวหนังสือที่เปลี่ยนได้ระหว่าง Vacant กะ Occupied
แล้วพอเข้าไปถ้าหาถังขยะไม่เจอไม่ต้องกังวลมันอยู่ข้างๆอ่างล้างหน้า จะมีเครื่องหมายห้ามทิ้งบุหรี่ลง นั่นแหล่ะอันนั้นแหล่ะที่เอาไว้ทิ้งทิชชู่หล่ะ งงอยู่ตั้งนาน)

การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า มันรักจิงๆนะ เนี่ยอาหารมาทุก 2 ชะโมง ทีละเยอะๆ กินไม่ไหวเลยอ่ะ
มื้อแรกแจกตอน 10.20 น. เป็นแพนเค้กบลูเบอรี่กะไข่เจียว ฮอตดอก แล้วก็อะไรเละๆก็ไม่รู้ นอกจากนั่นก็มีโยเกิต สลัดผัก ผลไม้ ขนมปัง แยมส้ม เนย น้ำส้ม น้ำชา ที่ไล่มาเนี่ยมันเสิร์ฟพร้อมๆกัน ดิชั้นซึ่งกินข้าวขาหมูไปตอน 7 โมงเนี่ยจะหิวมั๊ย ใครจะกินหมดฟระ ถามพี่เค้าว่าเก็บไว้บางอย่างก่อนได้ป่าวยังไม่อยากกินตอนนี้ พอเค้าบอกได้เราก็เก็บขนมปังกะโยเกิตไว้ซะเรย คิคิ ไว้กินตอนดูหนังก็ได้

มือต่อมาเป็นอาหารว่าง แจกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีน้ำส้มแจก อันนี้คือที่เรากินนะ ส่วนไอ้ที่ไม่ได้เลือกมาตอนเค้าแจกก็มี whisky, wine, Pepsi, Beer แล้วก็อื่นๆ

อีกมือก็เป็นช่วงก่อนลงเครื่องประมาณ 16.00น. มื้อนี้ให้เลือกระหว่างปลากะเป็ด เราก็เลือกปลามา โชคดีจังเพราะว่ามันอร่อยดี คิคิ อาหารมื้อนี้นอกจากปลาก็มีสลัด ขนมปังก้อน biscuit เค้กช๊อกหน้าครีมที่แสนหวานอร่อยคำแรก กินไปกินมาหวานบาดคอชะมัด มีผลไม้ด้วยนะรู้สึกว่าจะเป็นสับปะรด แตงไทย องุ่น แก้วมังกร ประมาณนี้แหละ เยอะจัดกินไม่หมด เลิกกินแล้วดีกว่า ห่อก็ไม่ได้แระทีนี้เพราะ ออสเตรเลียห้ามน้ำอาหารเค้าประเทศ

มาดูสิว่าบนเครื่องบินก็ไม่น่าเบื่อซะทีเดียว
เริ่มจากนอนหลับก่อนแล้วก็ตื่นประมาณเที่ยง ดูหนังเรื่อง Incridible จบ ก็นั่งเล่นเกมส์ Mario แล้วก็เกมส์เลื่อนหินออกจากทางหนุกดีเหมือนกันแฮะ มันจะเริ่มไม่สนุกตอน level ยากๆ เกือบเล่นจบแล้วก็ตายอยู่นั่นแหละเรยได้เลิกเล่น
ดูรายการทีวีต่างประเทศ ดูหนังเยอรมันเป็น Romantic comedy ยังไม่จบก็ต้องลงจากเครื่องแระ ตื่นเต้นชะมัด ไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนทำอะไรต่อไปก็ไม่รู้ คิคิ ตามชาวบ้านไปเรื่อยๆเด๋วก็รู้เอง

ผ่านตม.ก่อน ยื่นใบที่เค้าแจกให้กรอกข้อความบนเครื่องบินลงไป ยื่นปุ๊ปเค้าก็จะถามๆๆเราว่ามาทำมัย พักที่ไหน เคยมามั๊ย มียา หรือสิ่งผิดกฎหมายมั๊ย ........ตอบๆๆ....ไม่มีซักอย่าง แล้วก็ผ่านไปอย่างง่ายดาย

ขั้นตอนต่อมา มายืนรอรับกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องไป รอนานมากๆ ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งผิดปกติอีกรึป่าว ดีนะที่ผูกโบว์สีชมพูอย่างใหญ่ ตามคำแนะนำของซวงๆ ไม่งั้นแย่แน่ รออยู่ซักพักก็มีเจ้าหน้าที่คนนึงเดินจูงหมามาดมๆกระเป๋า แล้วก็จากไป แหมก็จะมีได้งัยฟระแค่ของใช้ที่อยากเอามาจะแย่ยังเอามาไม่ได้เรย เฮ่อ!! ใครจะมา Melbourne ฝากของมาด้วยเน้อ ซื้อไว้แต่เอามาไม่ได้ T_T เล่าต่อๆ จากนั้นประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้กระเป๋าก็ลอยมาตรงหน้า หนักมากกกกก ขนขึ้นรถเข็นเกือบไม่ไหวแหน่ะ

ผ่านมาก็จะเป็นคนตรวจเอกสารที่ได้รับการ stamp จากตม. แล้วก็เข้า X-ray กระเป๋าอีกรอบ หาสิ่งของผิดปกติพวกไม้หรืออาหารต่างๆ ผ่านมาอย่างง่ายดาย

แล้วก็ทะลุประตูออกสู่ Melbourne ยังกะในหนังเรยอ่า มีคนมากมายมายืนรอญาติอยู่ตรงทางออก ส่งเสียงโห่รับคนที่ออกมาจากประตู ......... ตกใจหมดเรยอ่า เราก็เดินหาคนที่มารับ......ไม่รู้จะมีรึป่าวด้วย........หาคำว่า Box hill ไม่เจอเรยให้ตายสิ เดินหาอยู่นาน จนกลับไปที่เดิมก็มีคนถือป้ายว่า TOGOTO เย้ๆๆ รอดแล้วเรา เคยอ่านเจอในเอกสารว่า Box Hill ใช้บริการรับส่งคนจากที่นี่ เราก็วิ่งตรงไปยังตาลุงคนนี้เรย เค้าชื่อว่า Chis มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากกกก เค้าเอา list รายชื่อคนที่เค้ามารับให้ดูว่ามีชื่อเรารึป่าว พอเจอปุ๊บ ไอ้เราก็นึกว่าจะได้กลับบ้านแระ เพราะตอนนั้นทั้งมืดทั้งหนาวเหน็บ ดีนะเอา coat มาด้วยไม่งั้นเป็นน้ำแข็งแน่ๆ ตอนนั้นเวลา 18.00 น. ของไทย ตีเป็น Australia ก็ประมาณสามทุ่มได้

หลังจากแนะนำตัวกันแป๊บๆเค้าก็ให้เราไปนั่งรอกับผู้หญิงคนนึง บอกเราว่านั่งรอตรงนี้ก่อนนะเด๋วเค้าจะรอคนอีกประมาณ 3 คนได้ ยังดีที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นมิตร หลังจากซักถามกันได้พักนึงก็รู้ว่าเค้าชื่อ Kimberly มาจาก America แต่ว่าเค้าแวะไปเที่ยวที่ Sydney ก่อน แล้วก็ขึ้นเครื่องมาลงที่ Melbourne มาเรียนที่ La Trobe สาขาวิชา Society แล้วก็เมาท์กระจาย รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ดูท่าทางเค้าไว้ใจเรา ฝากกระเป๋าทั้งหลายไว้กะเรา แล้วก็เดินไปกด ATM ไอ้สัมภาระที่ว่าเนี่ยมี notebook ตัวเป็นๆตรงหน้าด้วยไม่ได้ใส่กระเป๋าไว้เร้ย ช่างไว้ใจคนง่ายจิงๆ วางมือถือทิ้งไว้อีกตะหาก หลังจากรอๆๆรู้สึกจะรอประมาณชั่วโมงครึ่งเห็นจะได้ ได้คนมาจากอินเดีย อิตาลี่ แล้วก็อะไรไม่รู้อ่ะใส่ผ้าโพกหัวไว้น่าจะเป็นมุสลิม แล้วพวกเราก็ได้กลับซะที ออกจากสนามบินตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ต้องแวะส่งคนที่ต่างๆ น่าตื่นเต้นจิงๆ ก็ตอนแรกไปส่งผู้หญิงชาวมุสลิมก่อนที่ไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ จากนั้นก็มาที่ RMIT โอ้โห สวยหรูอย่างกะโรงแรมแหน่ะ กรี๊ดดดดดด ถ้าเลือกได้เด๋วจะมาเรียนที่นี่ Hi-So ที่สุด จากนั้นก็ส่งคนที่ไปเรียน Chisholm แล้วก็ตามด้วย La Trobe อันนี้ก็น่าสน ใหญ่มากๆๆๆๆๆ สุดท้ายก็เดี๊ยนเอง นั่งรถอีกประมาณ 12 km ถึงจะถึง Box Hill ทางเข้าบ้านดูมื้ดมืด แล้วคนขับรถก็พยายามโทรหาโฮสเราแต่ไม่มีใครรับสาย ใช่สิ ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้วนี่นา ทำงัยดีๆถ้าไม่มีคนมาเปิดประตูหล่ะทำงัย Chis ก็บอกว่าเค้าไม่ปล่อยให้นักเรียนลงโดยไม่มีคนมารับหรอก ไม่ต้องตกใจไป....แล้วอยากรู้จิงๆว่าเค้าจะทำงัยถ้าไม่มีใครมารับเราอ่ะ T_T

บ้านดูหรูดีนะเนี่ย เงียบด้วย Chis บอกเราว่าเราโชคดีที่ได้พักแถวนี้ เพราะที่ๆเราอยู่อะดีมาก เห็นกับตาแล้วก็ อืม..ท่าทางจะดีจิงๆ แต่ทำมัยมันไม่ค่อยมีคนออกมาข้างนอกบ้านเรย หรือเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บนะ พอถึงบ้านปุ๊บ Chris ก็เปิดประตูเข้าไปกดกริ่งเรียก Helen เธอออกมาด้วยชุดนอนทรงผมยุ่งเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แล้วก็ต่อว่าคนขับว่าทำมัยมาส่งดึกจัง แต่ไม่ได้มีท่าทีกร้าวร้าวแต่อย่างใด

สบายใจจัง.......ตอนนี้มีที่นอนแล้ว........ปรึ๊ยยย.......หนาวจัง.....Helen ดูไม่แก่มาก เป็นคนดีทีเดียว เค้าเห็นเราหนาวก็เลยเดินไปหยิบผ้าหมไหมพรมเล็กๆมาห่มให้ แต่นี่เป็นแค่การมองแวปเดียว อย่าไว้ใจเค้านะ จำไว้ๆ เค้าทักเราว่า สวัสดีค่ะด้วย จิงสิ ก็เค้าเพิ่งกลับมาจากประเทศไทยเมื่อไม่นานนี่นา พอมาถึงปุ๊บเค้าก็ใช้เวลาสอนนู่นสอนนี่เราต่างๆมากมาย ง่วงก็ง่วงทั้งคู่ เหนื่อยด้วย ไม่อยากรับรู้อะไรเรยนอกจากไปนอนใต้ผ้าห่มอุ่นๆ.........แต่ทำงัยได้เพราะพรุ่งนี้เค้าต้องไปทำงานแต่เช้าส่วนเราคงนอนอุตุอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่ตื่นมาก็ต้องทำอะไรซักอย่าง เอาวะตั้งใจฟังหน่อยละกัน จะได้รู้จักบ้านของเค้าดีขึ้น

เค้าต้อนรับเราด้วยน้องหมีโคล่า น่ารักๆ วางอยู่บนเตียง พร้อมกับสบู่กับผ้าเช็ดตัวสีชมพู ห้องดูน่าอยู่มาก เรียบๆแต่ดูดี เค้าก็บอกว่าไฟอยู่ตรงไหน เปิดไฟต่างๆจากที่ไหน โคมไฟใช้ยังงัย ผ้าห่มไฟฟ้าด้วย โอ้ววววว มันจะช๊อตตูมั๊ยวะเนี่ย พอจบจากห้องเรา ก็ไปห้องน้ำมีก๊อกอยู่ 2 อัน น้ำร้อนกะน้ำเย็น เค้ากำชับหลายครั้งมากๆว่าใช้น้ำอย่าเปลืองนะ เนี่ยต้องผสมน้ำก่อนใช้ก็จะดี แหมใช้น้ำในอ่างหน่ะใช้ทำอะไรบ้างอ่ะ ล้างหน้าก็ควรใช้จากก๊อกอยู่แล้วจะประหยัดแล้วสิวขึ้นก็ไม่ได้นี่นา ไหนจะแปรงฟันอีกหล่ะ จากนั้นก็มาที่ shower ชักโครก แล้วก็ heater กะ fan ในห้องน้ำ บอกเราว่า fan เนี่ยหลังอาบน้ำเสร็จให้เปิดไว้ประมาณ 10 นาทีนะ สอนการใช้ครัวอีก มีอุปกรณ์ Electronic มากมาย พวก Microwave เตาแกส เครื่องล้างจาน อุปกรณ์ครัวมีอะไรบ้างอยู่ไหนบ้าง เครื่องซักผ้าก็อยู่อีกห้องนึงสอนว่าใช้ยังงัย...Heater เค้าบอกว่าถ้าอยู่ในบ้านให้เปิดไว้ที่ 18-19 องศา ทำมัยเปิดเย็นจังวะ ตูก้อหนาวสิอย่างงี้อ่ะ แล้วพอออกจากบ้านให้ปรับไปที่ 4 องศา งงอ่ะ ทำมัยมันไม่มีปุ่มปิดอ่ะ จะได้ทำง่ายๆหน่อย อุปกรณ์เค้า Hi-So มากๆ เน้นว่าหรูมาบ้านเค้ามีประมาณ 1 ห้องนอนเค้า 3 ห้องนอนของเรานักเรียนทั้งหลาย 2 ห้องน้ำ มีโรงรถ มีห้องรับแขกที่มีเตาผิงไฟ แล้วก็โต๊ะใหญ่ๆตัวนึง ถัดมาจะเป็นห้องดูทีวี กะห้องครัว แล้วก็มีโต๊ะอาหาร 4 ที่นั่ง พร้อมกับบอกที่ประจำของทุกคน ส่วนโซฟาดูทีวีไม่เพียงเป็นโซฟาที่เห็น เค้าสอนวิธีการใช้ต่างๆ พวกยกขาออกมายังงัยจากที่ซ่อน แล้วถ้าดันตัวแรงๆไปข้างหน้ามันจะขยายทางแนวนอน พร้อมบอกที่นั่งประจำของเค้า เพราะตอนนั้นเราเลือกไปนั่นแหมะอยู่ที่ของเค้าพอดี (หวงของจัง) จากนั้นก็คุยเกี่ยวกับกฎต่างๆ แล้วก็บอกเรื่องที่โรงเรียนด้วย แล้วตบท้ายด้วยบอกค่าเช่าบ้านว่า 130$/wk นะ ต้องจ่ายล่วงหน้า 2 wk แล้วก็มี Bond (security deposit) หรือค่าประกันนั่นเอง คือถ้าเราไม่ทำอะไรเสียหายและบอกเค้าก่อนออกจากบ้าน 2wk เค้าจะคืนให้ นั่นแปลว่าเรานับ 1 ที่วันที่ 8/7/07 ถ้างั้นอีก 2 wk ถ้าเราจะอยู่ต่อเราต้องจ่ายเงินเค้าอีก 260$ เฮ่อ มีแต่รายจ่ายเรยอ่า แล้วก็ถามว่าเราต้องการอะไรอีกรึป่าว เราบอกไปว่าอยากได้ sim card แล้วก็บัตรโทรศัพท์จะได้โทรกลับบ้านได้ เค้าบอกว่าพรุ่งนี้เด๋วเพื่อนเค้าจะมาหา จะมาพาเราออกไปข้างนอก ไม่ต้องห่วงเด๋วเค้าจัดการให้ เพื่อนเค้าคนนี้กำลังจะไปอยู่ประเทศไทย.........คุยกันได้พักใหญ๋เ เด็กเกาหลีที่อยู่กับเค้าก็กลับมาถึงบ้านพอดี แนะนำให้เรารู้จักว่าชื่อ Sun กะ Bo สั้นๆแค่นั้นก็แยกย้าย แล้วเค้าถึงปล่อยให้เราเข้านอนได้

อยากโทรหาที่บ้านว่าถึงแล้วจัง แต่ไม่รู้จะโทรยังงัยเพราะไม่อยากใช้โทรศัพท์ชาวบ้าน ใช้มือถือโทรออกมันก็โทรไม่ได้บอกว่าเลขหมายที่กดเนี่ยผิดทำงัยดี ส่ง sms ไป ป๋ากะแม่ต้องไม่ได้รับแน่ๆ เลยส่งไปหาต้าร์แทน ส่งไปแล้วนี่นาแต่ไม่รู้ว่าส่งผ่านรึป่าว ส่งไปบอกว่าให้โทรหาป๋ากะแม่ด้วยว่าถึงบ้านแล้ว แต่เงียบจังเหมือนไม่ได้รับ sms ส่งสัยจะส่งไม่ผ่าน

ซักพักโบก็มาเคาะห้องบอกว่าเค้ากำลังคุยกะเพื่อนคนไทยอยู่สนใจจะคุยด้วยรึป่าว เพราะว่าเพื่อนๆเค้าที่ Swinburne สนใจเรามากมาย พอเค้าบอกว่ามาจากประเทศไทย แต่ก็ไม่ยักกะจะชวนไปเล่นสกีด้วยกัน ไอ้เราก็อยากไปใจจะขาด แต่ว่าเพิ่งมาถึงเนี่ยสิยังปรับตัวกับอากาศไม่ได้เรย ถ้าไปเล่นสกีอีกเนี่ยคงหนาวตายอยู่บนภูเขาเป็นได้ ได้คุยกะคนไทยซะทีทั้งวันเนี่ยจะลืมภาษาไปแล้วนะเนี่ย ดีใจจังอย่างน้อยก็ยังมีคนพูดภาษาเดียวกะเรา เค้าก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเราด้วย ดีจัง

หนาวจัง คืนนี้ไม่อาบน้ำละกัน.......อาบเข้าไปได้งัยหล่ะ หนาวไปทั้งตัวและหัวใจอย่างงี้..........^^
Good night นะจ๊ะทุกคน นอนดีก่า.........ไอ้ผ้าห่มไฟฟ้าเนี่ยมันมี 3 ระดับ 0-1-2-3-0 เนี่ยเราก็กดซะเลข 3 เลย ทำมัยมันไม่อุ่นฟระ หนาวจัด หนาวหัวด้วย หนาวไปหมด เท้าเย็นจัดไม่รู้จะทำงัย มือก็เย็นจัด ถุงเท้า กะ ถุงมือที่เตรียมมาเนี่ยมันช่วยไม่ได้เลยนะเนี่ย ทำงัยดี ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ใส่ไอ้ลองจอนที่เค้ากำชับให้ซื้อมาให้ได้อะนะ แต่ใส่เสื้อกันหนาวไหมพรม 2 ตัวแหน่ะ มันยังช่วยไม่ได้อีก บ้านเค้าก็มี heater นี่นา แต่มีก็เหมือนไม่มีหนาวอยู่ดีแหละ
ตกดึกหนาวมากกกสั่นไปทั้งตัว นอนก็ไม่หลับต้องเอาผ้ามาพันหัวไว้พันทั้งคอทั้งหน้าเลย ซักพักใหญ่หลังจากที่หลับไปแล้วก็รู้สึกว่าร้อนมากกกกเหมือนอะไรมาจี้ที่เท้าซะงั้น น่าจะเป็นที่ผ้าห่มนะ ก็เลยลุกขึ้นมาปรับลดลงไปที่ level2 อืมดีขึ้นนะเนี่ย






 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 19 มกราคม 2552 22:02:28 น.
Counter : 1902 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่อง Agency ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย

อย่างที่รู้ๆกันว่า นักเรียนไทยเวลาจะขอวีซ่ามักจะนึกถึง Agency ก่อนเป็นอันดับแรก เราคนนึงที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก็มาก นี่ขนาดหาข้อมูลเองทุกอย่าง ไปพบ Agency มาก็ตั้งหลายที่

เราจะไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย เมลเบิร์น
รายชื่อ Agency ที่เราไปพบมามีทั้งหมด ที่
1. IDP
2. CP Education
3. Ednet
4. Advance Education
5. Au study
6. Study Overseas Centre (***ตูเลือกที่นี่แหล่ะ T_T)

และอื่นๆอีกเกือบทุกที่เราติดต่อมาแล้วไม่ว่าจะเป็น CETA, Anglophone, SK, TSL, Prointer,.... เยอะอ่ะ

ตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเรยว่าจะไปส่วนไหนของ Australia ดี
ตอนนั้นมีหลายกระแสมาก เพราะเค้าจะเชียร์ให้ไป Sydney, Perth และ Brisbane หลังๆพอเราหาข้อมูลแล้วรู้สึกชอบใจเมลเบิร์นมากว่า ก็เลยเลือกเอง

สาเหตุที่ตัด choice Agency มากมายทิ้งเนื่องจาก
1. เค้าเชียร์ไปในสถาบันที่คนไทยเยอะ ราคาถูกเกินไป ทั้งๆที่เราก็บอกจุดประสงค์เค้าไปแล้วว่าต้องการไป upgrade ภาษา ให้หาสถาบันกลางๆให้หน่อย แต่อาจด้วยงบที่มีอยู่น้อยนิดนั้นทำให้เค้าเบี่ยงเบนไปเชียร์สถาบันเหล่านั้นก็อาจจะเป็นได้ ทำให้เราปลง แล้วเปลี่ยนเจ้า
2. บางที่ก็พอเราบอกว่าเราไปสมัครในงานนิทรรศการกะ Agency เจ้าอื่นแล้ว เค้าก็เชียร์ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก ประมาณว่าตอนแรกเชียร์อันนี้ หลังจากเราบอกไปแล้วก็บอกให้ไปอีกที่
3. ไม่มีชื่อใน TIECA จิงๆก็ไม่ควรยึดติดแต่เอาชัวร์อ่ะนะ
4. Promotion ถ้ามีโปรดีๆมีหรือที่เราจะไม่ไป แต่.....
เพราะเราเห็นแก่โปรดีๆเนี่ยแหล่ะทำให้ต้องเป็นแบบนี้

วันนี้เสียความรู้สึกกะ Agency ที่เราเลือกมาก นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้กะที่นี่ อยากรู้เรื่องก่อนหน้า เข้าไปอ่านขั้นตอนที่เราทำในการไปเรียนสิ จะได้รู้ละเอียดๆ วันนี้จะเล่าแค่ที่ไปเจอมา
เรื่องของเรื่องมาจากความที่เราจองตั๋วเครื่องบิน กันเหนียวเพราะว่า Agency เราไม่ส่งเรื่องให้ซะทีว่าเราจะได้บินวันไหน เค้าบอกว่าตั๋วเต็ม อันนี้เราก็ไม่เถียง มันเต็มจริงๆ แต่เราติดต่อกับ ticket2home แล้วเค้าหาตั๋วให้เราได้ และราคาถูกกว่าอ่ะ จะให้ทำงัย ให้รอแบบไร้จุดหมายเหรอ เค้าบอกให้เรา confirm ตั๋วภายในวันนี้ก่อนเที่ยง ทำให้เราต้องโทรไปคุยกะ Agency เราว่าเอางัยอ่ะ ถ้าพี่หาไม่ได้ นู๋ก็จะไม่รอนะ หรือว่ายังงัยดีช่วยบอกนู๋ที เค้าก็บอกว่าเอางี้ไปกะทางนั้นก็ได้ไม่เป็นรัย เราเรยถามพี่เค้าว่าแล้วเรื่องส่วนลดหล่ะ ที่ตกลงกันไว้ว่า 2000 บาทก่อนหน้าจะยังงัยดี

.......น้องคุยกะพี่หัวหน้าเค้าดีกว่าค่ะ เพราะเค้าจะตอบน้องได้.........พี่เป็นแค่ลูกน้องให้น้องคุยเองดีกว่านะ เพราะเหมือนเค้าคุยกะลูกค้า

สรุป ตูก้อเรยโทรไป เกริ่นเล็กน้อยพอเป็นพิธี เสร็จปุ๊บยัยหัวหน้าเนี่ยก็ทำอารมณ์เสียหาว่าชั้นต้องการจะเอาส่วนลดทุกอย่างที่มันโฆษณาไว้เมื่อครั้งที่จัดงานนิทรรศการ พี่เสียความรู้สึกกับ u จิงๆ
แล้วก็ด่าๆต่อว่าเราใหญ่เรยว่า เนี่ย u รู้รึป่าวว่าจิงๆแค่เรียนภาษา 6 เดือนเนี่ยไม่ได้ talking dic นะ จะได้แค่ เรียนภาษาฟรี อ่าว แล้วตอนนั้นตรูถามอ่ะ ว่าได้รึป่าวบอกว่าได้

คืองี้ Promotion ที่เราได้เรียนภาษาคือ เรียน 20wk จ่ายแค่ 18 wk เพราะฉะนั้นเราก็เลยลงเรียนแค่ 5 เดือน แต่พี่ที่อยู่ในงานคนที่เราติดต่อทุกวันนี้อ่ะ เค้าบอกว่า ถ้าลงเรียนเพิ่มอีก 4 wk จะได้เรียนภาษาอังกฤษฟรีด้วยนะ 20 ชั่วโมง เป็นการเตรียมความพร้อม
แล้วก็ได้ dic ด้วย ตูเลยต้องยอมตัดใจเสียอีก 4wk x 270$ x 29 THB = 31320 บาท นี่ช้านเพิ่มเงินให้อีกตั้งเยอะนะ มาด่าว่าเสียความรู้สึก กูเสียความรู้สึกกว่าโว้ย
ไม่ฟังคำอธิบาย แถมยังหันไปด่าลูกน้องให้ตูฟังอีกว่า เนี่ยทำมัยบอกน้องเค้าอย่างงั้น นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน ไม่มีใครให้คุณเยอะขนาดนี้นะ ..zzzzzz อีกมากมาย ที่มันด่า แล้วก้อทิ้งท้ายด้วยว่า งั้นเอางี้เรายอมจ่ายให้ u 1000 บาท พอใจมั๊ย
โอ๊ยยยย.......พอใจม๊ากมาก...จองตั๋วให้ก้อไม่ได้ ตูทำเองทุกอย่าง มาบอกว่า เนี่ยทำให้ตั้งเยอะนี่ก็ฟรีทุกอย่าง ยังจะเอาอะไรอีก...ขอบอกไว้เลยนะว่า Agency อื่นๆอ่ะไม่มีใครทำอย่างงี้แน่นอน

ดูซิ ว่ามีอะไรบ้าง

1. กระเป๋าเดินทาง
เนี่ยกระเป๋าเดินทางที่ได้เหรอคะ....เป้ (ขี้เหร่ๆใบนึง ให้เพื่อนฟรีมันยังไม่เอาเรย)...เอาคืนก้อได้ค่ะ

2. talking dic
เนี่ยไม่ได้มีอะไรพิเศษเรย charge battery ก็ไม่ได้ ถ่านก็เป็นแบบ นาฬิกาข้อมือแต่ใหญ่กว่า สรุปว่า ต้องหาซื้อถ่านไปด้วย จิงๆที่บ้านก็มีเครื่องนึง ไม่เอาก้อได้

3. เรียน intensive speaking 20 hrs. ฟรี
อันนี้เป็นประเด็นหลักที่ต้องการ แต่..คิดได้ยังงัยก็ไม่รู้เอาใครมาสอนก็ไม่รู้
จิงอยู่ที่เค้าพูดภาษาเก่ง แต่...เค้าไม่ใช่อาจารย์อ่ะ เป็นเด็กที่ไปเรียนที่นั่น 7 ปี จบมาก็อยากมาเก็บเกี่ยวประสบกรณ์การสอน นั่นเป็นเรื่องที่ดี
แต่...เค้าสอนม่ายเป็นอ่า นั่งมองหน้า ถอนหายใจกันจนหมดชั่วโมง

นี่เหรอคือสิ่งที่ช้านต้องการ เฮ่อ เซ็งจิต

4. ส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบิน 2000 บาท
อันนี้เนี่ยต้องการเหมือนกัน แต่เค้าก็จองตั๋วให้เราวันที่เราต้องการไปไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นคนบอกเราเองว่าถ้าเราจะเรียนวันที่ 12 ต้องไปประมาณวันที่ 9 แล้วทำมัยไม่รีบจองตั๋วอ่ะ ตั๋วเต็มมากช่วงนั้น สรุปว่าจองชั้นประหยัดไม่ได้
ปล.การจองไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย ไม่เสียเงินด้วย เลื่อนก็ได้ ถ้าเป็น professional ที่ดี ก้อต้องรู้จักวางแผนแล้ว
ในวันงานนิทรรศการ เราก็ถามเค้าไปว่าส่วนลดเนี่ยสามารถจองเองได้หรือไม่ ตอนนั้นบอกได้ ตอนนี้บอกไม่ได้ จองตั๋วให้ก็ไม่ได้ จองได้แต่ชั้นราคาแพง แล้วจะมีส่วนลดทำมัยฟระ
ดีนะที่กันเหนียวจองเองด้วย ไม่งั้นคงไม่ได้เรียนแล้วหล่ะงานนี้

ที่นี่ดูเหมือนให้อะไรจริง แต่...จริงๆแล้วไม่เลย ที่อื่นที่เค้าเสนอให้พริ้มก็มี ฟรีตั๋วเครื่องบิน บางที่ฟรีค่าทำวีซ๋า บางที่ก็ให้เรียนภาษากับอาจารย์ไมค์ แต่เราไม่ได้ไปกับเค้าเพราะเค้าไม่มีชื่ออยู่ใน list TIECA
ก็เลยตัดใจเลือกที่นี่ เพราะเค้าเปิดมา 10 กว่าปี แต่คิดผิดจิงๆ


ข้อคิดที่อยากบอกคนที่กำลังตัดสินใจ
1. ไม่ต้องสนใจส่วนลดมากมาย ให้ดู Agency ที่คิดว่าคุยกะเราได้ทุกเรื่อง ติดต่อได้ตลอดไม่ใช่ปิดมือถือหลังเลิกงาน
2. พยายามหาช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งๆ แค่นี้ก้อแทนส่วนลดได้เป็นหมื่น
3. เรื่องตั๋วเครื่องบินเนี่ย ถ้าเป็นการบินไทย ราคาที่ติดต่อเองจะแพงกว่า Agent ประมาณ 500 บาท แต่ติดต่อผ่าน Agent จะดีกว่า เร็วด้วยไม่ต้องตามเอง
ราคานักเรียนมักจะอยู่ประมาณ 18900 (oneway), 32000(round trip) จุดต่างคือ ถ้ามีบัตรสะสมไมล์ หรือ บัตรเงิน หรือ บัตรทองจะได้เพิ่มน้ำหนัก 10, 20 กิโล ตามลำดับ
ถ้าให้ Agency จัดการให้ ให้เค้ารีบจองตั๋วไว้เรยตั้งแต่วันที่เราสมัครเรียนเรย จะได้จองวันได้ดีที่สุด มีรอบเช้า และ ดึก นะ ตั๋วไป Melbourne อ่ะ และตั๋วกลางคืนเต็มเร็วมาก ใครที่ไม่รู้ตรงจุดนี้รีบๆเรย

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนได้ Agency ที่ดีๆด้วยเถิ้ด อย่าได้เซ็งเหมือนเราเรย

Update !!!
ต่อเนื่องจากวันนั้น เราก็ยังไม่ได้ Homestay เลย เส้ามากเพราะไม่รู้จะตอบพ่อกะแม่ว่ายังงัย วันที่ 2/7/07 ยังไม่มีที่อยู่ จะเดินทางอยู่แล้วอีกแค่ 6 วันเอง

ปรึกษาชาวบ้านไปทั่ว โทรไปออส หาคนที่โพสไว้ว่าต้องการ mate แต่ไม่ว่างเลย ว่างเดือนหน้าแหน่ะ

พอโทรไปหาเอเจ่น ดันได้รับคำตอบว่า ตามให้อยู่ค่ะ แต่เค้ายังไม่จัดให้เรย เค้าเพิ่งเคลียร์ที่อยู่ให้คนที่เรียนวันที่ 1 ก่อน ของชั้นจะเป็นล็อตต่อไปที่จะได้

อ่าว!!! หมายความว่างัยฟระเนี่ย ก็บอกตูว่าให้รีบจ่ายเงินจะได้จัดหาที่อยู่ที่ดีๆให้ได้ทันไงฟระ แล้วนี่อะไร

ปรี๊ดๆๆๆๆๆ กลั้นใจไว้ๆๆๆ อยากฆ่าคน

ถ้าไม่บอกไปว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีคำตอบให้เด๋วจะหาทางใหม่เองแล้วนะ ...... ยังจะกล้าบอกอีกนะว่า แล้วน้องจะหายังงัย

นี่!! ขอถามหน่อย เนี่ยมันหน้าที่ใคร ฮ้า !! ใครต้องหาเนี่ยที่อยู่เนี่ย กูเหรอ ถ้างั้นมาเป็นเอเจ่นทำมัยวะ กูเป็นเองก็ได้ จำไว้เลย

........
........
......
และแล้วเราก็ไปหาซื้อ pin phone ไล่โทรหาบ้านเช่าที่ Melbourne คุยภาษาปะกิตอีกตะหาก แต่ก็ต้องทำ ... ผลตอบรับชักดีแฮะ มีคนส่งมาให้เพียบเลย ราคาก็ตั้งแต่ 95$-115$/wk อยู่แถว North Box hill บ้าง Deakins เนี่ยมีเยอะ

เชๆๆ ได้ข้อมูลเท่านี้ก็โล่งใจแระ ยังงัยก็อาจหาที่อยู่ได้ไม่ยากนัก

................................................................
วันต่อมา Agency โทรมาหา..........อยากจะกรี๊ดนัก ร้อยวันพันปีมีแต่ตูโทรไปตามๆๆ แต่เนี่ยโทรมาบอกว่า ทางโรงเรียนหาบ้านพักให้ได้แล้วแต่ราคา 215$/wk นะ เป็นแบบ Full board
(ต้องการแบบ halfboard คือไม่รวมค่าอาหาร) เค้าบอกว่าเต็มแล้ว อ่าว ก็เล่นจัดให้คนที่มาเรียนก่อนตูได้ไปหนิ ตูทำอะไรได้วะ แม่ง...


get แระ พออ่านเมลทางนั้นเค้าบอกว่าให้เจ๊แก confirm ภายในวันนี้ มิน่าถึงได้โทรมา

ข้อสังเกตุ :
ราคาทำมัยตอนที่คุยกับทางโรงเรียนเค้าคิด 190$/wk ราคาเดียวนะ ถ้าเป็นแบบ Full board
แล้วถ้า halfboard ราคาอยู่ที่ 120$/wk

เจ๊แกก็เรยบอกว่าเด๋วพี่ถามเค้าให้ค่ะ.........โถ่...ทำมัยเรื่องอย่างงี้เจ๊ไม่ดูแลหรือสังเกตแทนหนูคะ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าจะถามอย่างหนูมั๊ยเนี่ย หรือคิดว่าใครๆก็หลับหูหลับตาจ่ายให้เจ๊คะ

................................................................
วันต่อมา โทรมาบอกว่า เค้าตอบมาแล้วว่าวันนี้มีคนมาสมัครเป็น homestay พอดี คุยๆแล้วได้ที่นึงราคา 130$/wk เป็นแบบ halfboard เอามั๊ย เราก็ต้องถามๆๆเรื่อง condition ของบ้านต่อ ....

สรุปว่าเจ๊แกต้องเมลไปถามให้อีก รอไป.............
เฮ่อ ทำมัยไม่เบ็ดเสร็จให้เรยหล่ะ ไม่รู้เหรอว่าเด็กที่จะไปเค้าต้องการรู้อะไรบ้าง

อะ ถ้าไม่รู้จะบอกให้
1. ที่อยู่เป็นยังงัย ตั้งอยู่ที่ไหน
2. อยู่กะใคร กี่คน เป็นผู้ ญ หรือ ชาย มีเด็กมั๊ย
3. เดินทางไปโรงเรียนอย่างไรได้บ้าง สะดวกมั๊ย อยู่ห่างจาก Train station กี่นาที ห่างจาก Bus stop ไกลมั๊ย อะไรอย่างงี้
4. มีสัตว์เลี้ยงรึป่าว
5. อันนี้สำคัญมาก เค้ามีกฎของบ้านยังงัยบ้าง ทำมัยไม่ส่งมาให้ดู

เฮ่อ ตูหล่ะเหนื่อยใจ

สรุปได้คำตอบทุกอย่างแระ ก็ยังดีกว่าไม่มีที่พักวะ ราคาก็แพง

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่พยายามอ่านจนจบ ในความโชคร้ายของเรา ขอบคุณ agency ที่อุตส่าห์ หาที่พักให้จนได้ จิงๆก็ทางโรงเรียนหาอะนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2550    
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 12:04:28 น.
Counter : 26112 Pageviews.  

บทสรุป ของการไป Australia

บทสรุป ของการไป Australia

มีแต่คนถาม ประมาณว่าอ่านกันไม่จบ เพราะเราเมาท์นอกเรื่องไปซะเยอะ เอางี้ จะเล่าให้ฟังสรุปๆนะว่า ไป Australia ทำมัย เมื่อไหร่ ยังงัย

ทำไม อะเหรอ??

1. อยากได้ภาษา อยากใช้ภาษาคล่องๆ แค่นั้น นี่ประเด็นหลัก เบื่อตัวเองที่พูดไม่ได้ซะที อยากได้แบบเริ้ดๆด่าฝรั่งแล้วเจ็บ คิคิ

2. อยากไปเปิดหูเปิดตา พูดง่ายๆ ก็เที่ยวนั่นเอง อยากเล่นสกี อยากไปเมืองสวยๆ อยากมีเพื่อนใหม่ๆ โลกใหม่ๆ

3. อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อยากไปมานานแล้นเมืองนอกเนี่ยตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่...อดไป เพราะยังเด็กเกินไป ป๋ากะแม่ เป็นห่วง

เรียนที่ไหน??
ชื่อสถาบันว่า "Box Hill Institute of Tafe"
Melbourne, Australia.

แล้วทำมัยถึงเลือก Australia>>>
ก็ค่าเงินถูกว่าที่อื่น อากาศไม่หนาวตลอดเหมือนที่อื่น และที่สำคัญ Statement เค้าเอาแค่ 500,000 บาท แต่ถ้า อังกฤษหรืออเมริกา นั้น ล้านนึงเป็นอย่างต่ำสำหรับเรียน 6 เดือน

เรียนอะไร??
ก็บอกแล้วว่าอยากได้ภาษา ไม่เรียนภาษาก่อนจะได้เหรอ ขั้นแรกไปต้องใช้เวลาปรับตัว เพราะฉะนั้น เราเรยลงเรียนภาษาอังกฤษ 6 เดือนก่อน

แล้วจะเรียนอะไรต่อ??
จะหา Course สั้นๆซัก 6 เดือนเรียนต่อ เพื่อ....จะได้เรียนรวมกลุ่มกะ Aussy หรือชาติอื่น เพื่อที่จะได้ใช้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น เค้าว่ากันว่าการเรียนอย่างงี้ จะได้ความรู้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะเป็นระดับต่ำกว่าปริญญาตรี แต่...อะไรที่มากกว่านั้นมันก็มี เช่น ได้ present งานหน้าห้อง ได้ทำรายงาน ดังนั้น ภาษาอังกฤษก็ต้องอยู่ในขั้นที่ดี ไม่งั้นจะฟัง lecture ไม่รู้เรื่อง ปกติแล้วเค้ารับ IETLS= 5.5-6.0
ตอนนี้เล็งๆ Business Management หรือ Marketing Management หรือ Graphic Design ไม่แน่ตอนไปนั่นแล้วอาจจะมีเปลี่ยนใจ คริคริ
ซึ่งจะว่าไปแล้วตอนนี้เราน่าจะอยู่ประมาณ 4.5-5.0 เท่านั้น

ทำมัยไม่เรียน IETLS ที่เมืองไทยก่อนไป??
เคยคิดเหมือนกัน ไปสอบมาแล้วด้วยที่ IDP ฝรั่งคนนึงสัมภาษณ์เรา เค้าว่า
ทักษะการพูดเราใช้ได้ ทั้งๆที่ตูเนี่ยไม่ได้เรื่องเรย
แต่การเขียนเนี่ย ไม่ได้เรื่อง ทั้งๆที่ช้านว่าการเขียนชั้นเข้าขั้นดีนะ
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า....การสอบ IELTS มันเป็นอะไรที่เป็น pattern มาก คือ ต้องเขียน Essay งัย การเขียนให้ได้คะแนนดีๆ มันต้องมี Trick ซึ่งต้องไปเรียนเอา
และประเด็นที่เราตั้งใจตั้งแต่แรกคือ อยากพูดคล่อง ไม่ใช่เหรอ ถ้าไปมัวแต่นั่งเรียน IELTS มันก็ได้แต่เขียนกะฟัง พูดต้องไปฝึกเองอยู่ดี แล้วตูจะเรียนทำมัยฟระเนี่ย สรุปคือ เค้าแนะว่าไปเรียนที่นั่นเรยก็ได้ แต่...ทำ placement test คือวัดระดับวันแรก ควรทำให้ได้เยอะๆ จะได้ไม่ต้องเรียนนาน

คำถามยอดฮิตติดอันดับต่อมาคือ ทำมัยไม่เรียนป.โท ไปซะเรยหล่ะ???
เค้าบอกว่าเพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ได้เรียนโทแระ (แป่ว พูดง่ายนะคะคุณ นิดเดียวเนี่ย อีกสองเท่าตัวเรยนะ ยังไม่รวมค่าเรียนภาษาเพื่อปรับระดับด้วยนะเนี่ย)
1. ตั้งใจจะไปหาประสบการณ์ ท่องเที่ยว และภาษา ถ้ามัวแต่ไปเรียนกะตำราจะได้มะ (ได้อะมันได้ แต่ถ้าต้องทำงานด้วย เรียนด้วย เอาเกรดดีด้วย เอาความรู้ด้วย เนี่ยมันต้องใช้มากกว่าความเก่งนะเฟ้ย ต้องพยายาม ขยันเข้าห้องสมุด ทำรายงาน ค้นคว้า ตั้งใจ.........แล้วจะได้เที่ยว เหมือนที่ตั้งใจไว้รึป่าว.....จะมีตังค์กินข้าวรึป่าว...แล้วตอนนี้ตังค์มีแล้วเหรอจะเรียนโทอะ อย่างต่ำ 600,000 บาท ต้องเก็บตังค์อีกกี่ปีวะเนี่ย

2. เรียนโทในไทยก็ได้มั๊ง ยังงัยก็จะเรียน MBA อยู่แล้ว เรียนในไทยได้เปรียบตรงที่ จะได้ connection นะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้บริหารส่วนมากก็นิยมเรียน ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปหลังจากกลับจากไปเที่ยวนอกเนี่ย ต้องสอบเข้าเรียนที่ๆคนเค้านิยมไปเรียนกัน อยากใช้ภาษาก็เรียนภาค inter ก็ บ่ ยั่น แล้น ถ้าตูเก่งภาษานะ ........ขอให้นู๋เก่งภาษาอังกฤษทีเถิ้ดดดดด

3. ประเด็นหลัก....ไม่มีตังค์งัย คิคิ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ (รายละเอียด อ่านที่เคยเขียนไปครั้งก่อนนะ) ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้นะ เพราะยังไม่ได้จ่ายค่าตั๋ว ไว้กลับมาจะมาเขียนบอกนะ คร่าวๆจ่ายไป 178,000 บาท ค่าเรียนภาษา 6 เดือน รวมประกันสุขภาพ

ลาออกแล้วเหรอ???
ตอบ ลาเรียนต่อ 14 เดือน (ถ้าเกินนั้นถือว่าลาออก)

แล้วตอนนี้ลาเรียนแล้วเหรอ???
ตอบ ใช่ค่ะ ตั้งแต่วันที่ 18/6/07 แล้น ตอนนี้ย้ายบ้านเก็บของเหนื่อยจัดๆ

แล้วจะเดินทางเมื่อไหร่??
คือเราเริ่มเรียนวันที่ 12/7/07 เพราะฉะนั้นควรไปก่อนซัก 2-3 วันจะได้ไม่เหงามาก เด๋วไปก่อนนานตังค์ที่เก็บสะสมมาจะหมดซะก่อน ยังไม่ได้ work permit ทำงานนี่นา ตั้งใจว่าจะไปวันที่ 9/7/07 แต่ว่า ตั๋วเต็ม...ทำงัยหล่ะทีนี้ ก็รอ waiting list ของการบินไทยอ่ะ ตอนนี้ได้วันที่ 8/7/07

แล้วไปนั่นจะไปทำงานอะไร???
ตูไม่รู้หว่ะ แต่มีคนแนะนำไว้แล้ว คงต้องลองดู ถ้าไม่อยากเป็นเด็กเสิร์ฟเนี่ย ต้องอดทนหางาน ไว้จะเล่าให้ฟังนะ

ไปแล้วไปอยู่กะใคร???
Homestay 1 เดือน ทางโรงเรียนจะจัดหาให้ แต่ตอนนี้มันยังไม่แจ้งตูเรยอ่า เซ็ง

Update update ได้แล้นค๊า....ที่อยู่ Kingston Rd., Surrey ใกล้ๆกับ Box Hill แต่ต้องเดินทาง ก้อถ้าเป็นรถไฟก้อ 7 นาทีมั๊ง ส่วนสถานีรถไฟก็ห่างจากบ้านประมาณ 3 นาที ดูเหมือนไม่ไกล ไว้ไปถึงเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟังใหม่นะ

แล้วหลังจากนั้นหล่ะ
ก็ต้องไปเดินหาที่พักอ่ะนะว่ามีที่ไหนว่างบ้าง จะเลือกอยู่เป็นแบบ Apartment, share house หรือว่า Homestay ก็แล้วแต่

ดูเหมือนไม่รู้อะไรเรย ไปตายเอาดาบหน้า.........เอาหน่า ครั้งนึงในชีวิต เด๋วก้อต้องต่อวีซ่าเองอีก เพราะไม่อยากจ่ายเงินครั้งเดียวหมด กัวโดนหลอกด้วย กัวที่เรียนจะไม่ได้ดั่งใจด้วย

สำหรับคนที่กำลังคิดหาข้อมูล ว่าจะไปกะ Agency ไหนดี หรืออยากได้ส่วนลดอะไรก็ตาม ดูให้ดี ถามเค้าก่อนเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้ามันพูดไม่ดีกะเราหรือไม่สนใจเราตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องไปทนนะ หาเจ้าอื่นเรย เด๋วเซ็งแบบเรา เน้น เลือกคนที่คุยกะเราแล้วถูกใจที่สุด จิงๆ บริษัทไม่เกี่ยวนะ อยู่ที่คนที่เราติดต่อมากกว่าว่าเค้าใส่ใจเราแค่ไหน

แค่นี้แหล่ะ


ข้อคิดข้อต่อไป.....หลังจากมาอยู่นี่ได้ 6 เดือน

ถ้าเรียนภาษาอย่างเดียวจะได้เพื่อนเอเชีย ที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นเพื่อนที่ดี

แต่...ถ้าต้องการเพื่อน Aussies แล้วภาษาจะกระดึ๊บๆอย่างเร็วให้ มาเรียน Course หลักๆ เช่น Tafe เป็นต้น เลือก couse ที่ indea ไม่เรียนนะ พวก IT เนี่ย ตรึม

หรือ..หางานที่ได้ทำกะ Aussies ซึ่งยากส์ๆๆ ถ้าภาษาไม่ดีพอ และ เวลาเรียนมั่วๆแบบพวกเรียนภาษาเต็มเวลาอ่ะ ยาก....

หรือ...พักกะ Homestay ที่มีลูกเรียน High School อันนี้ช่วยได้เยอะ หรือ พักกะคนแก่ที่มีเวลาให้เรา 555 host mom ดิช้าน ออกนอกบ้านทุกวันไป Dance ส่วนดิช้านทำงานทุกคืน...ไม่ได้เจอกันเท่าไหร่

แค่นี้แหละที่อยากบอก
ถ้าเราเลือกใหม่อีกครั้งจะเรียน TAFE 6 เดือน หรือ ปีนึง ไม่ยอมเสียตังค์ให้สถาบันภาษาหรอก แพงปล่าว แต่...จะต้องสอบ IETLS ให้ได้ 6.0 ก่อนมานะ

เลือกเอาละกัน

ส่วนค่าใช้จ่าย หลักๆก็
1. ค่าที่พัก มีสองแบบ - อยู่กะ Homestay (220$/wk) บางครั้งขอเค้าแบบทำอาหารกินเอง จ่ายแค่ค่าที่อยู่แบบเราก็ 130$/wk
- Share house หาเอาตามเนตพวก realestate.com สนนราคาอยู่ที่ 85-150$/wk บางที่มี internet บางที่ก็ไม่มี เอา Notebook ที่มี wireless ไปด้วยละกัน

2. ค่ากิน - ทำเอง ก็แล้วแต่ราคาของ
หมู กก.ละ 5$ ไก่ 12$ ปลา 18-30$ เนื้อ 6$
ผักบุ้ง กำละ 2$ คะน้า 2.5$ กะหล่ำดอก หัวใหญ่ๆ 5-6$ ผักชีกำละ 1$ แพงโคดๆ กระเพรา จำราคาไม่ได้แต่แพงมาก รู้สึกว่าจะ 2$ ได้ไม่กี่ใบ
ส่วนผลไม้ ส้มจะถูกจัดๆ โลละ 1.99$ กีวี ลูกละ 2$ apple โลละ 1.99-4.8$ น้ำดืม 2.50$ น้ำส้มขวดเล็กๆ 4$ **Wine & alcohol ให้ไปซื้อที่ Dunmurphy ถูกโคตรๆ มีให้เลือกเยอะมากๆ ราคาถูกสุด 3.6$ เป็น Sweet White Wine ใครชอบแบบ Red Wine ก็มีเหมือนกัน

แนะนำ Brown Bother แบบ Riesling อร่อยดี ไม่หวานมาก นุ่มๆ ราคา 12$ แหล่มเรย หุหุ

- ตามร้าน ราคา Entree พวก ปอเปี๊ยะทอด กุ้งห่มผ้า ทอดมันปลา ราคา 6.9-9.9$ ส่วนจานหลัก ผัดกระเพราหมูไก่ 15$ อาหารประเภทปลาหรือ seafood 17-20$ อันนี้คืออาหารไทย ส่วนอาหาร American, Italian ราคาก้อไม่ต่างกันมาก 17-20$ ยกเว้น Pizza ที่อร่อยและถูกมากๆๆ ถาดเบ้อเริ่ม 7$ อร่อยกว่าเมืองไทยสิบเท่า ดิช้านถึงได้อ้วนอืดงัย คิคิ

3. ค่ารถ (Melbourne)
Train + Bus + Tram มีราคาเดียวเหมาจ่าย เป็นหลายแบบ ดูใน link นี้ละกันนะ
//www.metlinkmelbourne.com.au/fares_tickets/metropolitan_fares_and_tickets/metcard_fares

ของเราตอนนั้น Zone 2 monthly ticket = 68.50$ นี่คือค่าใช้จ่ายหลักๆ

4. ค่าเที่ยว แล้วแต่สะดวก
ค่าเข้า night club Thai= 9$ ผับฝรั่ง 15$ แบบถูกๆก็มี ที่ Swanton St. 5-8$ ชื่อว่า Lounge เปิดถึง 6 โมงเช้า
ค่าเข้า Museum 10-20$ แล้วแต่ที่
Taxi แพงโคตรๆๆ ไม่เคยขึ้นแหะ (มีคนมารับ )

ส่วนหลังจากที่กลับจากออสแร้วชีวิตเป็นงัย

ภาษา
หลังจากกลับมารู้สึกเลยว่าพัฒนาขึ้นจิงๆ กล้าที่จะพูด พูดแบบไม่ต้องคิดภาษาไทยก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้กว่าจะออกมาเป็นคำได้เนี่ย ... คิด 3 ตลบก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

มั่นใจมากตอนสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ รู้สึกเลยว่า ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนนะบอกแค่ชื่อแร้วก้อจบข่าว 555 ตอนนี้ชวนเค้าคุยได้

ได้ภาษาเกาหลีกะภาษาญี่ปุ่นแถมมาด้วย ^_____^

นิสัย

- ไม่กล้าเปิดน้ำทิ้งไว้ 555 เหมือนมีเฮเลนอยู่ด้วยตรอดเวลา

- ตรงเวลาสุดๆ ก่อนหน้านี้ late ซักชะโมงสองชะโมง ถือว่าปกติ หุหุ

- ติดคำว่า Thank you and sorry พูดมันได้ตลอดเวลา ช่วงกลับมาใหม่ๆ งงตัวเองเหมือนกัน คือแบบว่าอยู่ที่นู่น พอจะลงจาก Bus ต้องหันไปบอกคนขับก่อนจะก้าวลงจากรถว่า Thank you วันแรกพอมาถึงนี่ขึ้นรถเมล์ พอเค้าเปิดประตูรถให้เท่านั้นแหล่ะ ขอบคุณค่ะ เอ๊ะ !! ทำมัยคนมองตรึมฟระ เฮ้ยตูจะพูดทามมัยเนี่ย ?_?

แต่จิงๆมันก้อเป็นนิสัยที่ดีนะ จนกระทั่งทุกวันนี้ ยังติดคำว่าขอบคุณเลย

- อดทนมากขึ้น (เรียกง่ายๆก้อคือ ถึก !!~ นะเอง)

- มีมนุษยสัมพันธ์ดีจนเกิดเหตุ แบบว่าตรูมองใครก้อยิ้มให้เค้าหมด (จิงๆเราก้อเป็นคนอย่างนี้อยู่แร้ว หุหุ) แต่มันมากขึ้น เพราะคนไทยปกติ การยิ้มให้คนไม่รู้จัก หรือ Say hi มันเป็นเรื่องแปลกๆ แต่ที่นู่น ขนาดจ่ายตังค์ supermarket พนักงานเค้าจะทักทาย Hello, how're you going? ต้องตอบนะคะ ตอบ...I'm good thanks. Yourself? แหน่ะ ถามต่ออีก




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 มกราคม 2552 19:08:46 น.
Counter : 4121 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

prim_pm
Location :
Seoul Korea

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




Welcome to -->
โลกแห่งการกิน 555 ไม่ใช่ๆ มันคือ Diary ตะหาก
&gblog

ไปเที่ยวกับเรามั๊ย?
:: New Updated ::
+Korea-Taipei Trip

+Beijing China trip

+Melboune&Sydney

+สนามไดร์ฟกอล์ฟ
สีชมพูของเรา


+สรุป Diary Australia
:: ใครชอบชุดลูกไม้ระบายโบว์เหมือนเราบ้าง? ::

:: มองหาชุดเก๋ๆอยู่รึป่าว ::

:: ชุดคู่รัก Pre-wedding เก๋ๆ ::

:: เสื้อกันหนาว/Jacket มั๊ย ::

:: Family Set Korean Style ::

:: ชุดเด็กสไตล์เกาหลี ::

:: เสื้อผ้าผู้ชายสไตล์เกาหลี :: กระเป๋าแนวเกาหลี

Google

MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com
New Comments
Friends' blogs
[Add prim_pm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.