การเดินทางสู่ดวงดาว

ผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง เดินนำเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กอีกคนหนึ่ง

จากผืนถิ่นดินแดง มองรุ่งแสงแห่งดวงดาว ที่สกาวอยู่เบื้องฟ้า เดือนระยับจับตา ดาวระย้าจับใจ

เด็กกับผู้ใหญ่มองดาว พร่างพราวจนตาลาย มองทางไหนทางใด ก็พบดาวหลากหลาย ส่องฉายแสงสกาว

สีนวลขาวอุ่นอ่อน จรจากไปทุกเช้า ก่อนจะเร้าแรงแสง ประชันรัศมีแข่ง ไม่เปลี่ยนแปลงทุกคืนค่ำ

เช้ามาเดือนดาวหาย กลายเป็นตะวันเด่นล้ำ สูงง้ำค้ำภูผา แสงแรงแยงสองตา บดบังฟ้าบดบังดาว

“ค่ำค่ำเดือนดาวเด่น แล้วหลีกเร้นในยามเช้า ค่ำค่ำดาวเดือนเด่น พอยามเช้าก็หลีกเร้น ใยไม่เห็นทั้งวันคืน?”

เด็กน้อยตั้งคำถาม ผู้ใหญ่ตามตอบไม่ได้ ใยจึงเป็นเช่นนั้น รู้แต่ดวงตะวัน หลบเลี่ยงกันกับเดือนดาว

ผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง จึงเดินนำเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กอีกคนหนึ่ง

จากผืนดินถิ่นไร่ สู่จุดหมายปลายโค้งฟ้า

ด้วยว่าดินดอนที่จรจากมา อาจมีธาราเย็นใส อาบอิ่มเอมเปรมใจ อยู่เบื้องใต้สายตา

ดินดอนที่จรจากมา อาจมีไม้ป่าอุดม ห่มดินเขียวชอุ่ม ชุ่มชื่นอยู่เบื้องหน้า

ดินดอนที่จรจากมา อาจมีลมไล้แดดร้อน ทอนแรงแสงตะวัน พัดโชยผ่านเบื้องบน

แต่ดินดอนที่จรจากมา ไม่มีดารากระจ่าง ส่องแสงสุกสว่าง อย่างที่บนเบื้องฟ้า

ถึงสันเขาสูงล้ำ ดาวง้ำค้ำโตรกผา ดวงดาวที่อยู่ใกล้ตา กลับหนีหน้าห่างไกล

สูงเสียดฟ้ายอดเขา อากาศหนาวเจียนตาย เด็กเด็กกระชับเสื้อใส่ ให้อุ่นไอคลายหนาว

“เราจะถึงเมื่อไหร่ ยิ่งเข้าใกล้ดาวยิ่งหาย” เด็กเด็กถามผู้ใหญ่ “หรือดาวไกลเกินไขว่คว้า”

“ดวงดาวแม้ไม่ใกล้ แต่ไม่ไกลเกินไขว่คว้า เมื่อใดถึงดารา เราทั่วหน้าจะสุขใจ”

หลายโมงยามผ่านไป ไร้ทางข้ามสู่ดวงดาว ถัดจากยอดทิวเขา ก็ไร้เงาทางข้างหน้า

เคยเห็นรุ้งทอดสาย ผ่านไศลสู่ปลายฟ้า สะพานสู่นภา มิรู้ว่าหายไปไหน?

จวบจนใกล้ยามเช้า ดาวเริ่มเลื่อนเดือนลับหาย จนเริ่มอ่อนอกอ่อนใจ กายเริ่มล้าข้าเหนื่อยแล้ว

ทันใดดาวเล็กดวงหนึ่ง ซึ่งไม่สว่างเพริศแพร้ว กระซิบเสียงเบาแผ่ว ให้ทุกผู้ได้รู้ฟัง

“ผืนฟ้ามีหมู่เมฆ มืดมัว

หมองหม่นปนแสงสลัว โศกสร้อย

สอดสลับทาบถิ่นทั่ว ทุกถิ่น

โถมถั่งทั้งรัดร้อย รุมเร้า เริงแรง


ผืนฟ้าและดวงดาวไม่งามพราวอย่างคิดฝัน

และไม่สำคัญควรแก่การเดินทางมาสู่

สิ่งที่อยู่ใกล้กลับสำคัญยิ่งกว่า

ดวงดาวระยับตาน่าสัมผัส

แท้จริงอาจไม่งามตามที่เห็น

แต่ผืนฟ้าก็สะท้อนความงามของผืนดิน

อันดวงดาวไม่ว่าดวงใด

ควรรักและเหลียวมอง

แต่ไม่ควรเดินทางมาสู่

ดิน ป่า น้ำและขุนเขา

คือสิ่งควรเฝ้าถนอมรักษา

อีกทั้งเด็กเล็กทั้งหลาย

ซึ่งจะเติบใหญ่ในวันหน้า

จงบอกพวกเขาให้เข้าใจ

ให้รักการมองดวงดารา

เพราะว่าดาวสะท้อนความงามของผืนดิน

จงเฝ้าหวงแหนรักษาสิ่งใกล้ตัว !

แต่อย่าเดินทางมาสู่ดวงดาว !”

“คลี่รักออกห่มห้วง หนหาว

ให้หาดฟ้าดาดาว เด่นได้

แดนดินจึ่งพริบพราว พรึงเพริศ

ผจงแผ่แพรกลีบใกล้ กิ่งแก้ว เกสร”


ผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่คนหนึ่งกับผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง ก้มลงกระชับเสื้อเด็กให้คลายหนาว แล้วจึงเดินจูงมือเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กคนหนึ่งกับเด็กอีกคนหนึ่งลงจากเขาไป


Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2549 0:10:12 น. 6 comments
Counter : 457 Pageviews.

 
มาฟังนิทานก่อนนอน
อ่านไปอ่านมา
เนื้อหาแบบนี้ อาจทำให้ "นอนไม่หลับ"
ได้นะนี่

ได้รับอีเมล์ คำตอบแล้วนะค้า
ขอบคุณค่ะ


โดย: grappa วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:54:42 น.  

 
จงถนอมสิ่งมีค่าที่อยู่ใกล้ตัวนั่นเอง


โดย: noom_no1 (ป่ารักน้ำ ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:58:07 น.  

 


ดาวดวงหนึ่งอยู่ใกล้ดาวอีกดวงหนึ่งอยู่ใกล้ดาวอีกดวงหนึ่ง.....

อยู่ไกลจาก...ดิน ป่า น้ำ และขุนเขา...มาก



ชอบงานชิ้นนี้ของคุณปรีดามากค่ะ


โดย: มัชฌิมา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:52:59 น.  

 
อืมมม ชอบ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:48:18 น.  

 
ชอบแฮะ



เขียนดีอ้ะปรีดา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:38:04 น.  

 
ชอบอ่าน ขอ add ไว้เลยล่ะกัน นะคะ


โดย: Liege วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:22:55:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aka Prita
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Aka Prita's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.