Group Blog
 
All Blogs
 
ทริปแก้คัน 3 วันไปญี่ปุ่น #2 Tokyo Disneyland

ถ้าจะบอกว่าเหตุผลจริงๆของการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ คือการไปเที่ยว Tokyo Disneyland กับ Tokyo DisneySea จะมีใครว่าผมบ้าไหมเนี่ย  คือมันเป็นปมเล็กๆในใจของเด็กที่เพิ่งได้ไปเที่ยวสวนสนุกตอนช่วงวัยรุ่น ประกอบกับความที่เป็นคนชอบดูหนัง (โดยเฉพาะการ์ตูนอนิเมชั่น) ของผม ทำให้เกิดอาการชื่นชอบสวนสนุกและ Theme Park ลักษณะนี้เป็นอย่างสูง ความฝันเล็กๆจึงหวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียน Disneyland ทั้ง 5 แห่งนั่นแหละครับ



แล้วตอนนี้ Disneyland ทั้งหมดในโลกนี้ อยู่ที่ไหนกันบ้างเอ่ย ก็จะมีที่ สหรัฐอเมริกาอยู่ 2 แห่งนั่นคือ Disneyland (Anaheim,California) กับ Disneyworld (Orlando, Florida) ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และฮ่องกง ครับ


Disneyland ที่เมือง Anaheim California เป็นดีสนีย์แลนด์แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นตามความคิดของ Walt Disney โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1955 (พ.ศ.2498 ก่อนอันธพาลครองเมืองซะอีก) ปัจจุบัน ดีสนีย์แลนด์แคลิฟอร์เนีย จะมีสวนสนุกอยู่ 2 สวนครับ นั่นคือ

- Disneyland Park

- Disney California Adventure Park


สิบปีถัดมาหลังจากเปิด Disneyland ได้มีโครงการพัฒนาที่จะสร้างสวนสนุกและ entertainment complex ขึ้นบริเวณทะเลสาบ Buena Vista (ปัจจุบันการจัดจำหน่ายหนังทั่วโลกของดีสนีย์ก็ใช้ชื่อทะเลสาบนี้เป็นชื่อบริษัทจัดจำหน่ายหนัง) ของเมือง Orlando ในรัฐ Florida จนสามารถเปิดบริการได้ในปี 1971 (แต่น่าเสียดายที่ Walt Disney ได้เสียชีวิตลงก่อนในปี 1966)

DisneyWorld (Orlando, Florida) ในปัจจุบันประกอบไปด้วยสวนสนุก 6 สวนได้แก่

- Magic Kingdom Park

- Epicot

- Disney's Hollywood Studios

- Disney's Animal Kingdom Park

- Disney's Blizzard Beach (สวนน้ำ)

- Disney's Typhoon Lagoon (สวนน้ำ)


Tokyo Disneyland เป็นสวนสนุกของดีสนีย์ที่อยู่นอกอเมริกาแห่งแรก โดยบริษัทของญี่ปุ่นได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์ของดีสนีย์มา และเปิดให้บริการในปี 1983 โดยตัว Disneyland จะเป็นการผสมระหว่าง Disneyland ใน California และ Magic Kingdom ของ DisneyWorld Florida ปัจจุบันที่โตเกียวมีสวนสนุกของดีสนีย์ 2 สวนคือ

- Tokyo Disneyland

- Tokyo DisneySea


Disneyland Paris หรือ Euro Disneyland เป็นสวนสนุกดีสนีย์แห่งที่สี่ของโลก และถือว่าเป็นสวนสนุกนอกอเมริกาแห่งแรกที่ทางดีสนีย์บริหารเอง เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1992 ในปัจจุบันมี 2 สวนสนุก คือ

- Disneyland Park

- Walt Disney Studios Park


Hongkong Disneyland ก็จะคล้ายๆกํบที่โตเกียวนั่นคือเป็นการซื้อสิขสิทธิ์ของดีสนีย์มาเปิดเช่นกันครับ โดยสวนสนุกเปิดให้บริการในปี 2005 และเป็นแห่งล่าสุดของโลก ถ้าเทียบขนาดพื้นที่ (ผมเพิ่งเคยไปเที่ยวมาก็ 3 สถาที่หลัง) ฮ่องกงดีสนีย์แลนด์จัดว่ามีขนาดเล็กกระทัดรัดที่สุดเลยล่ะครับ


ท้าวความอีกนิดครับ สำหรับคนที่ลงสนามบินนาริตะ และมีแผนจะไป Tokyo Disneyland สามารถใช้บริการรถบัสจากสนามบินได้เลยนะครับ ค่าบริการเที่ยวละ 2400 เยน แถทใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เอง


ตารางเวลาของเที่ยวรถก็มีหลากหลายให้เลือกครับ โดยตอนแรก ผมลงเครื่องประมาณ 15.00 กะว่าจะใช้บริการรถบัสในเที่ยว 17.05 อยู่เหมือนกันครับ แต่ไปๆมาๆ อยากลองของ นั่งรถไฟเข้าไปเอง (ค่ารถไฟไฟ 2 ต่อ ถูกกว่ากันนิดหน่อยด้วย) โดยหวังว่าจะทำเวลาได้ไวกว่ารถบัส ถึงแม้จะเพียงครึ่ง ชม.ก็ยอมเหนื่อย



ไม่อยากบอกว่าต่อรถไฟไปเอง ก็ถึงหน้า Disnleyland ตอนหกโมงเย็น พอๆกับนั่งรถบัสน่ะแหละครับ


จากสถานีรถไฟ โตเกียว เราต้องใช้สาย Keiyo Line (สีแดง) เพื่อที่จะไปสถานี Maihama (ก็เพียง 6 สถานี จากสถานีโตเกียวครับ)




เดินตามลูกศรไปเรื่อยๆ หารู้ไม่ว่า จาก Narita Express ที่ชานชาลาอยู่บนชั้นบนดินปกติของสถานี เราต้องเดิน เดินและเดิน ลงไปอีก 4 ชั้น (สถานีโตเกียวมีทั้งหมด 5 ชั้นบนดิน 1 ใต้ดินอีก 4) และไม่ต้องกลัวหลงเลยครับ เพราะขนาดเย็นๆอย่างนี้ ยังมีเด็กๆ หรือครอบครัวที่พาลูกๆไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์อยู่ ซึ่งเป็นจุดสังเกตุให้เราเดินตามขึ้นรถไฟไปได้อย่างไม่หลงครับ (หรือจะตามขึ้น-ลงลิฟท์ก็ร่นระยะทางเดินในสถานีรถไฟไปได้ครับ)


ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าโดยสาร 210 เยน (Narita Express ราคาพิเศษ 1750+210=1960 เยน) ผมว่านั่งรถบัสตรงมาจากสนามบินนาริตะ 2400 เยน แต่ไม่ต้องเดินเปลี่ยนสถานีรถไฟนี่ก็น่าคุ้มนะครับ เพราะยังไงก็ถึง Disneyland พอๆกันเลย



ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาไปเลยครับ เดินประมาณ 300 เมตรจากสถานี Maihama


และราคาค่าตั๋ว


ตอนแรกผมวางแผนว่าจะซื้อเป็น 2 days passport ที่ราคา 10700 เยนครับ แต่ว่า ลุงคนขายตั๋วไม่ยอมขายให้ แนะนำว่าให้ซื้อเป็น After 6 passport 3300 เยน + 1 day passport 6200 เยน แทน ซึ่งก็ประหยัดไปตั้งพันเยนแน่ะ (ดีจัง รักษาผลประโยชน์ของคนมาเที่ยวด้วย)


สรุปว่าผมได้ตั๋วเที่ยวสองวันที่ราคา 9500 เยน (ประมาณ 3,040 บาท)


Tokyo Disneyland จะประกอบไปด้วย 7 โซนครับ เริ่มตั้งแต่ World Bazaar, Adventureland, Westernland, Critter Country, Fantasyland, Toontown และ Tomorrowland



เนื่องจากการใช้เวลาเที่ยวแค่ 4 ชั่วโมงในวันแรกทำให้ผมไม่สามารถเก็บเครื่องเล่นและบรรยากาศตอนที่ยังมีแสง (ต้องยอมรับว่าผมยังใช้กล้องดิจิตอลคอมแพ็กที่ยังถ่ายรูปกลางคืน หรือสถานที่ที่มีแสงน้อยอย่างเครื่องเล่นต่างๆยังไม่ค่อยดี) ผมเลยซื้อตั๋ว Naruto 5 passport 3300 เยน ซึ่งเป็นตั๋วเข้า disneyland หลังห้าโมงเย็นวันธรรมดาเพิ่มด้วยครับ เลยอาจจะทำให้ภาพที่ใช้รีวิวมีทั้งภาพมืดและภาพสว่างปนๆกันนะครับ


สำหรับ Fastpass แทบจะไม่มีประโยชน์สำหรับคนที่ซื้อตั๋วเข้ามาในรอบเย็นเลยครับ เพราะเครื่องเล่นแทบทุกชิ้นที่มี Fastpass ให้กด ถูกปิดหมดแล้วเนื่องจากมีคิวเต็มไปจนถึง 4 ทุ่มแล้ว ดังนั้นการเล่นเครื่องเล่นหลัง 6 โมงเย็นอย่างนี้ต้องอาศัยความพยายามในการรอคิวอย่างเดียวครับ


สำหรับคนที่มาคนเดียว ก็ยังมีระบบ Single Riders ที่ทำให้เราได้เล่นเครื่องเล่นได้เร็วมากๆ เร็วกว่า FastPass ซะอีกครับ เรียกว่า เดินตรงเข้าช่วงนี้ไปแทบจะถึงต้นคิวและได้เล่นเลยทันที เสียดายเพียงแต่ว่า ทางฝั่ง Disneyland จะมีเครื่องเล่นเดียวที่ยอมให้คนมาคนเดียวลัดคิวไปเลยได้ ก็คือ Splash Mountain ครับ (ทางฝั่ง DisneySea จะมี 2 เครื่องเล่น)


ช่วงนี้ ยังคงเป็นธีมเฉลิมฉลอง Tokyo Disneyland ครบรอบ 30 ปีกันอยู่นะครับ (ฉลองมาจะครบปีแล้วมั้งเนี่ย)



World Bazaar เปรียบได้กับตลาดด้านหน้าของสวนสนุกที่รวบรวมร้านค้าของที่ระลึกลิขสิทธิ์ของดีสนีย์เป็นหลักครับ และร้านอาหาร เครื่องเล่นในส่วนนี้ก็จะมีเพียง Omnibus ที่เป็นรถบัสขับวนรอบๆวงเวียนหน้าปราสาทซินเดอเรลล่า





เมื่อออกมาเราก็จะพบกับรูปปั้นของ Walt Disney และการ์ตูนที่ชื่อดังที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นมาอย่าง มิกกี้เมาส์ ครับ ที่มีฉากหลังเป็นปราสาทของซินเดอเรลล่า


เกร็ดเล็กน้อยสำหรับปราสาทครับ ที่ Tokyo Disneyland จะเป็นปราสาทของซินเดอเรลล่า ในขณะที่ Disneyland Paris และ Hongkong Disneyland จะเป้นปราสาทของเจ้าหญิงนินทรา (แต่สองปราสาทหลังก็รูปร่างปราสาทไม่เหมือนกันนะครับ)



Advantureland ดินแดนแก่งการผจญภัย ล่องเรือไปในแม่น้ำป่าลึกแถบแอฟริกา และผจญภัยไปกับโลกของโจรสลัด


Pirates of the Caribbean นั่งเรือออกไปผจญภัยในโลกของโจรสลัดกันครับ โดยมีกัปตันแจ็ค สแปโร่ เป็นกัปตันเรือของเรา ผ่านท่าเรือหลากหลาย และเจอการสู้รบ (ยิงปืนใหญ่) ระหว่างเรือกันด้วยให้ตื่นเต้นครับ เครื่องเล่นนี้อยู่ชิ้นแรกทางซ้ายมือของ World Bazaar เลย





Theatre Orleans จะเป็นโรงละครกลางแจ้ง ที่มีโชว์เป็นรอบๆไปครับ ช่วงที่ไปเป็นโชว์ของกูฟฟี่พอดีครับ


Jungle Cruise นั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำ เพื่อพบกับสัตว์ป่า คนป่า และเข้าไปยังอารายธรรมเก่าๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าด้วย เป็นการล่องเรือที่ยาวนานพอสมควรเลยล่ะครับ เสียดายที่ผุ้โดยสารส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น คนขับเรือก็จะเล่น และคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด





ทางด้านเหนือของ Jungle Cruise ก็จะเป็นสถานีรถไฟ Western River Railroad ที่จะพาเราไปชมทิวทัศน์รอบๆ Adventureland และ Westernland ครับ (แปลกดีที่ไม่มีสถานีที่ Westernland เหมือนอย่างดีสนีย์แลนด์ที่อื่น)


ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น Swiss Family Treehouse ที่จำลองบ้านต้นไม้ของครอบครัวโรบินสัน ที่เผอิญเรือแตกแล้วมาสร้างบ้านไว้ในป่า จะมีทั้งห้องนอน ห้องอาหาร ระบบประปา เครื่องเล่นนี้ให้เราเดินขึ้นมาสำรวจด้วยตัวเองครับ ก็จะเป้นการเดินขึ้นบ้านต้นไม้ที่มีความสูงนิดนึง




แต่ด้วยความสูงนี่เองครับ ที่ทำให้เราได้มีโอกาสเห็นปราสาทซินเดอเรลล่าในมุมสูงอย่างนี้



บรรยากาศโดยรอบของ Adventureland ครับ



ไอติมนี่ 300 เยนครับ อร่อยมาก


สุดท้ายจะเป็น The Enchanted Tiki Room: Stitch Presents "Aloha E Komo Mai!" เป็นโชว์ของเจ้าสตริชที่เล่นกับคนดู (เหมือนในฮ่องกงน่ะครับ) แต่ที่นี่จะมีรอบภาษาญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ ครับ



Westernland ดินแดนคาวบอยตะวันตก และชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกัน โซนนี้มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างนะครับ แต่เป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวจริงๆก็อย่างเดียงเอง


Westernland Shootin' Gallery เกมส์ยิงปืนนั่นเองครับ สำหรับส่วนนี้เราต้องเสียตังค์เพิ่มถ้าเข้ามายิงปืนนะครับ




Tom Sawyer Island Rafts ให้เราล่องแพไปยังเกาะของทอม ซอเยอร์ ตัวเองจากนวนิยายดังครับ เพื่อเดินเล่นและผจญภัยบนเกาะด้วยตัวเอง



เมื่อขึ้นมาถึงบนเกาะแล้ว ก็จะมีแผนที่ให้หยิบเพื่อเดินสำรวจบริเวณต่างๆครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านต้นไม้ของทอม ซอเยอร์



หรือจะข้ามไป Castle Rock Ridge ก็ได้ครับ



ในบริเวณเดียวกันก็ยังมี Mark Twain Riverboat เป็นเรือล่องลำน้ำของอเมริกาสมัยก่อนครับ ก็จะวนรอบเกาะของทอมซอเยอร์ และรอบๆบริเวณ Westernland



เครื่องเล่นสุดเสียวหนึ่งเดียวของโซนนี้ก็คือ Big Thunder Mountain ครับ จะเป็นรถไฟเหาะในรูปแบบผจญภัยไปในเหมืองแร่ในยุคคาวบอยครับ (คิวยาวมาก) ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมกด Fastpass กันก่อนก็แล้วกันครับ ผมมารอบค่ำนี่ ก็รอประมาณ 45 นาทีครับ




Critter Country ส่วนเล็กตรงมุมพอดีของ Tokyo Disneyland ที่จำลองบรรยากาศของริมฝั่งแม่น้ำอเมริกาเอาไว้ มีสิ่งน่าสนใจสองอย่างครับ แบบเสียเหงื่อกับแบบเปียกชุ่มฉ่ำ นั่นคือ




Splash Mountain ล่องแก่งแบบเพลินๆไปตามริมฝั่งแม่น้ำ ก่อนที่จะตกลงมาสู่ที่สูงกันครับ




จะบอกว่า ตอนที่ตกลงมานี่แทบจะไม่ได้เปียกจากน้ำที่กระแทกตัวแพนี่หรอกครับ แต่เปียกแบบนิดหน่อย เพราะมีตัวยิงน้ำใส่คนนั่งน่ะแหละครับ 55



อีกเครื่องเล่นหนึ่ง ก็คือ Beaver Brothers Explorer Canoes ก็จะเป็นเรือแคนู ที่ให้เราได้ลองพายและล่องไปในแม่น้ำ (แม่น้ำเดียวกับที่ Mark Twain Riverboat แล่นไปด้วยน่ะแหละครับ) จัดเป็นเครื่องเล่นที่ เหนื่อยและเสียเหงื่อมาก ใครกำลังแขนไม่ดีไม่แนะนำเลยครับ ผมล่ะสงสารพนักงานมาก เพราะต้องพายเรือตั้งกี่รอบแน่ะ แถมเหงื่อนี่เต็มหลังตลอดเลย




Fantasyland ดินแดนแห่งจินตนาการและเทพนิยาย ที่รวมตัวการ์ตูนคลาสสิคของดีสนีย์เอาไว้มากมายครับ ทั้งสโนไวท์ พีน็อคคีโอ ปีเตอร์แพน รวมไปถึงเจ้าหมีพูร์


Peter Pan's Flight นั่งไปในเรือโจรสลัดของกัปตันฮุคจากเรื่องปิเตอร์แพน เพื่อผจญภัยไปเนเวอร์แลนด์กัน



Snow White's Adventure นั่งรถเข้าไปผจญภัยในนิทานของสโนไวท์กันบ้างครับ ตั้งแต่เธอโดนแม่มดใจร้าย จนไปเจอกัยคนแคระทั้ง 7





Cinderella's Fairy Tale Hall บริเวณใต้ของปราสาทซินเดลเรลล่า ก็ยังมีส่วนห้องโถงที่เล่าเรื่องตำนานของเธออยู่ด้วยครับ (ที่ปารีสก็จะเป็น hall เล่าเรื่องของเจ้าหญิงนิทราเช่นกัน) แนะนำให้มาก่อนที่การแสดงด้านหน้าปราสาทจะแสดงครับ เพราะเขาจะปิดส่วนนี้เพื่อเตรียมการแสดงไปด้วย




Mickey's Phihar Magic เป็นโรงหนังสามมิติครับ โดยมิกกี้เมาส์ให้โดนัลดักส์เฝ้าเครื่องดนตรีและหมวกวิเศษ แต่โดนัลดั๊กกลับขัดคำสั่งลองสวมหมวกวิเศษ ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น หมวดเจ้ากรรมก็หนีไปตามการ์ตูนเรื่องต่างๆครับ อย่าง Little Mermaid, Beauty and the Beast, Aladin เป็นต้น ก่อนที่มิกกี้เม้าส์จะมาแก้ปัญหานี้ได้ครับ หนังก็เหมือนกันทั้งปารีส ฮ่องกงและโตเกียวครับ เพียงแต่ว่าที่นี่ เสียงพากษ์ญี่ปุ่นล้วนๆครับ ตอนจบก็ได้เห็นบั้นท้ายของโดนัลดั๊กเหมือนกันอีกด้วย






Pinocchio's Daring  Journey นี่ก็คล้ายสองเครื่องเล่นแรกครับ แต่เปลี่ยนเป็นการผจญภัยไปในเรื่องพีน็อคคีโอ้แทน


กับร้านขายขอที่ระลึก



Dumbo The Flying Elephant บินไปกับช้างน้อยดัมโบ้หูโตครับ



Castle Carrousel ม้าหมุนที่มีแต่ม้าสีขาว เหมือนม้าของอัศวินและเจ้าชายในเทพนิยายครับ




Haunted Mansion ปราสาทผีสิงในสไตล์โกธิค ที่ว่ากันว่ามีวิญญาณถึง 999 ตัวอยู่ภายในปราสาทครับ


build อารมณ์กันก่อนด้วยการฟังตำนานของปราสาท


ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องที่สอง อันเป้นลิฟท์พาเราลงไปยังชั้นใต้ดินครับ (เหมือนที่ปารีสทุกอย่าง ยกเว้นพวกรายละเอียดเล็กๆน้อย)


แล้วเราก็จะนั่งเหมือนกระเช้านี่ เพื่อสำรวจในส่วนต่างๆของปราสาทกันครับ (นั่งไปให้ผีหลอก) แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ เป็นการเล่นกับพวกภาพต่างๆ ที่สำคัญกระเช้านั่งนี่ จัดชิดกันมากกว่าปารีสมากๆครับ สงสัยเพื่อรองรับคนที่มาเที่ยว เพราะคิวที่นี่ก็เยอะมากเล่นกันครับ (ใช้ Fastpass ได้นะครับ)




It's A Small World ล่องเรือไปในโลกใบเล็กๆของเรากันครับ ด้วยการเล่าเรื่องของตัวการ์ตูนชนชาติต่างๆ






Alice's Tea Party ถ้วยน้ำชาหมุนของอลิซจาเรื่อง อลิซในแดนมหัศจรรย์ครับ




Pooh's Hunny Hunt เข้าไปช่วยหมีพูร์หาน้ำผึ้งกันครับ เครื่องเล่นนี้คิวยาวที่สุดใน Fantasyland เลยล่ะครับ (ใช้ Fastpass ได้ด้วยนะครับ) ใครที่เคยเล่นที่ฮ่องกงมาแล้ว ขอบอกว่าที่นี่ยิ่งใหญ่ๆและสนุกกว่ามากๆครับ ขนาดรถที่นั่ง ก็ใหญ่มากกว่าอยู่แล้ว แถมฉากข้างในก็อลังการกว่ามากๆครับ






นอกจากจะมีเครื่องเล่นมากที่สุดแล้ว (เพื่อเอาใจคุณหนูๆ) ยังมีมุมให้ถ่ายรูปมากมายเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็น Queen Heart ของเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ที่เป็นร้านค้า ตัวมุมปราสาทในยามค่ำคืนก็ยังมีเสน่ห์มากๆเลยล่ะครับ






Toontown เมืองหรรษาของบรรดาตัวการ์ตูนดีสนีย์ครับ เรียกว่าเป็นแหล่งรวมบ้านของบรรดาเซเลบตัวการ์ตูนดัง ที่จะแวะเวียนมาโชว์ตัวในบ้านของตัวเองให้เราถ่ายรูปด้วยได้ครับ



ไม่ว่าจะเป็นบ้านของมิกกี้เมาส์




Minnie's House มินนี่แฟนสาวของมิกกี้เมาส์



Chip'n Dale's TreeHouse บ้านต้นไม้ของชิบกะเดล ที่เหมือนสนามเด็กเล่นเล้กๆให้เด็กๆปีนขึ้นไปเล่นได้



Gadget's Go Coaster รถไฟเหาะในขนาด Toon-size ครับ เห็นเล็กๆอย่างนี้ ก็สนุกดีนะครับ




Donald's Boat บ้านของโดนัลดั๊กที่เป็นเรือสนามเด็กเล่นของเด็กๆ



มีทั้งมิกกี้ มินนี่ โดนัลดั๊กก็แล้ว จะขาดกู๊ฟฟี่ไปได้อย่างไรครับ


Goofy's Paint 'n' Play House บ้านเด็กเล่นจำลองมาจากบ้านของกู๊ฟฟี่นั่นเองครับ



Roger Rabbit's Car Spin นั่งรถแท็กซี่การ์ตูนเข้าไปผจญภัยในเมืองการ์ตูนของโรเจอร์แรบบิทกันครับ





Toon Park จำลองเมืองการ์ตูนเอาไว้ในโซนนี้ครับ








Tomorrowland บินสู้โลกจินตนาการแห่งอนาคตด้วยการเดินทางในอวกาศกันครับ โซนนี้ถือว่าเป็นโซนที่คนคับคั่งที่สุดเลยล่ะครับ เพราะมีทั้งเครื่องเล่นหวาดเสียว และเครื่องเล่นจากคาแรคเตอร์ที่เด็กๆชื่นชอบ การรอคิวในโซนนี้จึงนานเป็นพิเศษเลยล่ะครับ เรียกว่าอะไรที่รอน้อยกว่า 1 ชม.นึ่งถือว่าน้อยแล้วนะครับ


Monster, Inc. Ride & Go Seek เข้าไปคนหาเหล่าสัตว์ประหลาดที่หลบซ่อนอยู่ ด้วยการใช้ไฟฉายส่อง เมื่อเราส่องโดนสัญลักษณ์ของบริษัท สัตว์ประหลาดก็จะปรากฏตัวออกมาครับ (คิวยาวพอๆกับ Space mountain เลยล่ะครับที่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ)






Star Tours: The Adventures Continue สำหรับแฟนๆของ Star wars ครับ โดยจะเป็นการจำลองการโดยสารยานอวกาศ โดยในยานจะมีนักโทษหลบหนีการจับกุมขึ้นมากับเราด้วย ดังนั้นยานของเราต้องขับเพื่อหนีการจับกุมไปด้วยครับ สนุกเร้าใจ และไม่ควรพลาดครับ



เจ้าหุ่น R2 และ D2 เข้ามาคอยต้อนรับเราครับ


ข้อสังเกตุของยาน (ห้องที่เราเข้าชม) ของ Star Tours ก็คือ ที่ญี่ปุ่นมียานถึง 6 ลำในขณะที่ปารีสมีแค่ 4 ลำเองนะครับ แสดงว่า รองรับคนเยอะกว่ามากๆ




Space Mountain ผจญภัยไปในอวกาศกับรถไฟเหาะความเร็วสูงกันครับ





Buzz Lightyear's Astro Blasters มาช่วยกัปตันบัซไลเยียร์ ต่อสู้กับหุ่นยนต์ของนายพลเชิร์ก



Captain EO ภาพยนตร์เพลงสามมิติที่นำแสดงโดย ไมเคิล แจ็คสัน เล่าเรื่องการผจญภัยในอวกาศครับ นอกจากนี้ยังได้ จอร์จ ลูคัส มาเป็น Producer และกำกับโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า สำหรับคราวนี้ไม่ได้ชมครับ เพราะว่าปิดปรับปรุงอยุ่ (แต่ผมเคยชมที่ปารีสมาแล้ว)



StarJets ขับยานบินด้วยตัวเอง กับยานหมุน ที่เพิ่มลูกเล่นด้วยการ่อคิวก่อนจะขึ้นลิฟท์ไปเล่นด้านบนอีกที



เครื่องเล่นสุดท้ายจะเอาใจเด้กๆหน่อยครับ กับ Grand Circuit Raceway เป็นสนามแข่งรถในอนาคตที่จำลองขึ้นมา




ในโซนนี้ยังมีการแสดงอีกหนึ่งชุดคือ One Man Dream II (เล่าถึงความฝันของวอล์ท ดีสนีย์ ในการสรรสร้างตัวการ์ตูนต่างๆ) ที่โรงละคร Showbase ด้วยนะครับ แต่ผู้ที่จะเข้าชมจะต้องไปกดล็อตเตอรรี่เสี่ยงดวงที่จะเข้าดูก่อนด้วยครับ



สำหรับโซนนี้สามารถกด Fastpass ได้หลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น Monster, Inc. , Star Tours, Space Moutain, Buzz Lightyear และ Captain EO สำหรับคนที่มาเที่ยวแต่เช้า พยายามมากด FastPass ฝั่งนี้ก่อนก็แล้วกันครับ เพราะมาเย็นๆอย่างผม จะเจอยังงี้ครับ นั่นคือเครื่องงดให้กดไปซะแล้ว



สิ่งที่น่าตื่นตาต่อไปก็คือ Tokyo Disneyland Electric Parade Dreamlights ในช่วงสองทุ่มครับ




ส่งท้ายในช่วงสามทุ่ม ก็จะเป็นการแสดง Soryo Kobu บริเวณด้านหน้าของปราสาทครับ พร้อมกับการแสดงแสงสี แและมีพ่นน้ำด้วย ใครที่นั่งด้านหน้านี่มีเปียกด้วยนะครับ



หลังการแสดงนี่ น้ำแฉะด้านหน้ากันไปเลย




พอใกล้สี่ทุ่มคนก็เริ่มกลับกันแล้วล่ะครับ




ผมก็เที่ยวเล่นแบบจัดหนักเรียกว่า ไม่มีเวลาหาอะไรทานเลยล่ะครับ (มื้อสุดท้ายก็บนรถไฟไง) สี่ทุ่มแล้วยังพอมีร้านอาหารที่ยังขายของอยู่นะครับ สุดท้ายก็ได้เป็น Hotdog พร้อมสลัดมารองท้อง สำหรับมื้อเย็นวันนี้



บ๊าย..บาย Disneyland เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่นะครับ




ขอแถมรีวิว Khaosan Tokyo Original เล็กน้อยก็แล้วกันครับ เนื่องจากผมนอนเพียงแค่ 2 คืน แถมกว่าจะกลับไปนอนก็เกือบเที่ยงคืน พอหกโมงเช้า ผมก็ออกมาข้างนอกแล้ว


สำหรับขากลับ จากสถานี Maihama ผมไปลงที่สถานีโตเกียวครับ (210 เยน)

แล้วมองหารถไฟสาย JR Yamanote Line เพื่อที่จะไปยัง Ueno (160 เยน) โดยใช้ชานชาลาที่ 4 ครับ


พอถึงสถานี Ueno ก็ลงไปที่รถไฟสาย Ginza Line ครับ เพื่อที่จะไปลงสถานี Asakusa (160 เยน)




เลือกทางออกที่ประตูที่ 4 แล้วเลี้ยวขวาก็จะเจอถนน ให้เราเดินเข้าไปได้เลยครับ



เดินเข้าไปประมาณ 200-300 เมตรได้ครับ ก็จะเจอกับ Khaosan Tokyo Original


อันนี้รูปตอนเช้าครับ






เปิดเข้ามาก็จะเจอห้องรับรอง พร้อมกับเช็คอินที่ตรงนี้เลย ปกติจะมีพนักงานอยู่ถึงแค่สามทุ่มนะครับ ถ้าใครจะเช็คอินหลังสามทุ่มอย่างผม ให้อีเมล์ไปบอกเขาก่อนได้ครับ พนักงานกะดึกจะรับเรื่องและเตรียมกุญแจเอาไว้ให้เรา สำหรับค่าห้องผมถือเงินสดมาจ่ายด้วยที่นี่เองอีก 3960 เยนครับ


ผมขอผ้าเช็ดตัวด้วย ก็เสียตังค์เพิ่มแค่ 50 เยนครับ


เสียดายที่ผมไม่สามารถถ่ายรูปห้องพักมาด้วยได้นะครับ เพราะผมเข้าห้องมาเป็นคนสุดท้ายแล้ว (จองเป็นห้อง 4 คนไว้) คนอื่นๆก็หลับกันไปหมดแล้ว ข้อเสียที่ผมเจอก็คือ แต่ละเตียงจะไม่มีปลั๊กไฟส่วนตัวครับ ปลั๊กไฟจะอยู่ในห้องนั่นเองซึ่ง ผมว่าไม่พอเสียบนะ เพราะผมเข้ามาทีหลังด้วยละมั้ง ทำให้คนอื่นๆเสียบชาร์จ (ทั้งโทรศัพท์ แบตสำรอง และกล้องถ่ายรูป) ไปกันหมดแล้ว


สำหรับห้องน้ำ มีแชมพู และสบู่เหลวให้บริการอยู่นะครับ พร้อมน้ำอุ่น แต่มีห้องน้ำห้องนึงที่ชั้นสอง ออกจะมีกลิ่นเหมือนชักโครก (คาดว่าน่าจะเป็นการเอาปูนโบกทับชักโครกไปเลยเพื่อต่อเติมห้องอาบน้ำ อย่างห้องที่เห็น) แต่ก็สามารถหลบเลี่ยงไปใช้ห้องื่นได้ครับ



เหตุผลเดียวที่ผมเลือก Khaosan Tokyo Original นี่ก็เพราะว่าเขามีวิวแบบนี้ล่ะครับ เมื่อมองออกไปด้านนอกจะเห็น Tokyo Skytree และตึกเบียร์อาซาฮี เลย และชั้นบนสุดของตึก ตั้งแต่ 8.30 ยังสามารถขึ้นไปชมวิวได้ด้วยล่ะครับ (แต่พอดผมออกตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวันเลยไม่ได้ขึ้นไปดูเลย)





Create Date : 13 สิงหาคม 2556
Last Update : 13 สิงหาคม 2556 6:45:50 น. 4 comments
Counter : 9638 Pageviews.

 
ข้อมูลละเอียดมากเลยค่ะ มีโอกาสก็อยากไปบ้าง :)


โดย: HYPHEN-RICH วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:9:28:30 น.  

 
เคยไปเที่ยวที่มาสองครั้ง... อยากจะกลับไปอีกครั้งขอรับ ... ชอบทุกทีทุกอย่างโดยเฉพาะล่องแก่ง... ชอบเสียงเพลงการ์ตูน ตัวผึ้ง... และก็ชอบล่องเรือ...ตอนที่ผ่านหมู่บ้านชาวอินเดียน มีควันไฟกำลังปรุงอาหาร เสียงมีดกำลังสับอะไรบางอย่างบนเขียงดังลอดออกมาได้บรรยายกาศมากๆ และก็ท่องชมอาวกาศ...อืมม์สรุปว่าชอบทุกอย่าง... เข้ามาชมบล็อกคุณวันนี้เหมือนได้ระลึกชาติครั้งได้ไปเที่ยวที่นี่เลยขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:9:46:29 น.  

 
ถามนิดครับว่า จากสนามบินไปดิสนีย์เอากระเป๋าใหญ่ไปไว้ไหน


โดย: bomberman IP: 101.108.11.89 วันที่: 11 มกราคม 2557 เวลา:14:07:49 น.  

 
อยากทราบว่าซื้อตั๋วรถบัสไปดีสนีย์ได้ที่ไหนคะ ถ้าอยู่ที่สนามบินนาริตะ เพราะจะพาครอบครัวไปเที่ยวมีทั้งเด็กและคนแก่อ่ะคะ เลือกไปรถบัสจะดีกว่าแต่ไม่รู้ไปซื้อตั๋วที่ไหน?? ขอบคุณมากคะ


โดย: ก๊ง IP: 171.5.178.57 วันที่: 5 สิงหาคม 2557 เวลา:14:04:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prapasawat
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




Friends' blogs
[Add prapasawat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.