All Blog
ลูกฉลาดได้ด้วยการกิน

บทความ จาก นิตยสารบันทึกคุณแม่
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยวัยขวบปีให้มีศักยภาพได้ เพราะเด็กจะ มีสติปัญญา เฉลียวฉลาด และมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้นั้น ต้องได้รับประทาน อาหารหลักครบ 5 หมู่ทุกวัน และควร ได้รับประทาน สารอาหารในกลุ่มอาหาร สมองเป็นประจำ ซึ่งสารอาหาร สมองเหล่านี้จะได้แก่
กลุ่มอาหารสมอง
DHA ดีเอชเอ
แหล่งสารอาหาร มีมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลม่อน ปลาซาร์ดีน
ประโยชน์ ช่วยในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะ ด้านการเรียนรู้ และความจำ
วิตามินบี 1
แหล่งสารอาหาร มีมากในเนื้อหมู ข้าวซ้อมมือ ถั่ว งา ข้าวโพด กะหล่ำปลี คะน้า ผักกาดหอม และถั่วงอก
ประโยชน์ ช่วยบำรุงระบบประสาท โดยเฉพาะ อย่าง ยิ่ง ปลายประสาท และยังช่วยใน การ หมุนเวียนโลหิต รวมทั้งสร้างเม็ด เลือดแดง ในร่างกายด้วย
วิตามินบี 2
แหล่งสารอาหาร มีมากในถั่วลิสง ถั่วเหลือง รำ แอปเปิ้ล คะน้า ผักกาด ผักใบเขียว และตับ
ประโยชน์ ช่วยในกระบวนการเมทาโบลิซึม ของ สารอาหารให้ได้ เป็นพลังงานและบำรุงประสาท
วิตามินบี 6
แหล่งสารอาหาร มีมากในเนื้อสัตว์ ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ข้าวโพด และถั่วต่าง ๆ
ประโยชน์ ช่วยบำรุงประสาทเกี่ยวข้องกับความจำ บำรุง กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และช่วยสร้างเม็ดเลือด
วิตามินบี 12
แหล่งสารอาหาร มีมากในเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์ จากสัตว์ ไข่ นม และปลา
ประโยชน์ ช่วยสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาท และสมองเกี่ยวข้องในการสร้างฉนวนหุ้มใย ประสาท อันจะทำให้เซลล์ประสาท ทำงานได้อย่าง เป็นระบบ
วิตามินซี
แหล่งสารอาหาร มีมากในผลไม้ทีมีรสเปรี้ยว เช่น มะเขือเทศ กล้วย ส้ม ฝรั่ง กะหล่ำปลี และผักต่าง ๆ
ประโยชน์ ช่วยให้วิตามินอีทำงานได้อย่างเต็มที่ใน การรักษา โครงสร้างเซลล์ประสาทและ สมองไม่ให้ถูกทำลาย จากสารอนุมูลอิสระ อันเนื่องมาจากมลพิษต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ไม่ให้ติด เชื้อโรคง่าย ๆ
เหล็ก
แหล่งสารอาหาร มีมากในเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เช่น เนื้อหมู รำข้าว ฟองเต้าหู้ ใบตำลึง ถั่ว และมะเขือพวง
ประโยชน์ ช่วยสร้างเม็ดเลือด และสร้างฉนวนหุ้มใย ประสาท ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำงานของสมองและ สติปัญญา ของเด็ก
สำหรับหนูน้อยในช่วยวัยสามปีแรกของชีวิตนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะประสบปัญหาเกี่ยวกับ ทัศนคติในการ รับประทานอาหารที่ไม่ค่อยเอื้อต่อสุขภาพมากนัก เช่น พฤติกรรมเลือก รับประทานอาหารแต่ที่ตัวเองชอบ ถ้าไม่ชอบอย่างผักก็จะไม่รับประทานเลย หรือรับ ประทานข้าวคำหนึ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังต้องให้มี พี่เลี้ยงเล่นอยู่ด้วย ส่วนคุณแม่ ก็ต้องวิ่งไล่ป้อนข้าวกันเสียจนหมดแรง สำหรับเคล็ดลับในการปลูกฝังให้ลูกมีนิสัย รับประทาน อาหารที่มีประโยขน์ต่อร่างกาย ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทดลองนำไปใช้ได้ง่าย ๆ ก็คือ
1. วางแผนเมนูร่วมกัน ให้ลูกช่วยคิดกับคุณแม่ด้วยว่า แต่ละมื้อควรจะรับประทานอะไรกันดี และให้ลูกมีส่วนช่วยเตรียม อาหารด้วย วิธีนี้ลูกจะรู้สึกสนุกกับการรับ ประทานในมื้อนั้น ๆ มากขึ้น
2. มื้ออาหาร อย่านานเกินไป คุณแม่ควรนำอาหารมาให้ลูกรับประทานตรงเวลาในแต่ละมื้อ เพราะถ้าลูกหิว และต้องรออาหาร นานเกินไป ก็จะเป็นโอกาสให้เขาหันไปรับประทานอาหาร ว่างที่ไม่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพรองท้องก่อน
3. อาหารว่าง" ที่ต่างออกไป คุณพ่อคุณแม่ควรจะมีอาหารว่างชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการติดบ้านเอาไว้ให้ลูก รับประทานอยู่เสมอ เช่น ผักหรือผลไม้ ขนมปัง ทั้งนี้ไม่ควรมีแต่ลูกอมหรือขนม ขบเคี้ยวให้ลูกเพียงอย่างเดียว
4. สอนลูกตั่งแต่วันนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายของเขา ตั้งแต่วันนี้ โดยอาจจะ ต้องใช้ความอดทนในการอธิบายเหตุผล ให้กับลูกได้ รับทราบว่า อาหารแต่ละ ประเภทที่เขา รับประทานเข้าไป นั้น จะนำไปใช้ประโยชน์ ต่อร่างกายบ้าง เช่น ถ้าลูกรับ ประทาน อาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ทุกวัน และยัง รับประทาน ผัก-ผลไม้ด้วยแล้ว จะทำให้ลุกมี สติปัญญาเฉลียว ฉลาดสมวัย และมีร่างกายสดใสแข็งแรง เป็นที่รักของทุกคนที่พบเห็น เพราะฉะนั้น ลูกจึงไม่ ควรเลือกที่จะ รับประทานแต่อาหาร ที่ถูกปากแต่เพียง อย่างเดียวเท่านั้น
ด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จะได้พบว่า ลูกน้อยของเรามีความพร้อมทั้ง ทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ก่อนที่จะเข้าสู่สังคมในโรงเรียน ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เพราะ ลูกน้อย ของเรายังเล็กนัก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็น จะต้องเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีให้กับลูก เพื่อให้ลูกได้เรียน รู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่าง ชาญฉลาดต่อไป



Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 12:14:03 น.
Counter : 469 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]