All Blog
จะให้ลูกกินอะไรเมื่อแม่ไปทำงาน


นี่ไม่ใช่แผ่นพับที่ให้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการทำงานนอกบ้านและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่เป็นแผ่นพับที่จะให้ข้อมูลว่าจะให้ลูกกินอะไรและอย่างไรเมื่อคุณแม่ไม่ได้อยู่กับเขา ซึ่งจะเน้นไปที่คุณแม่ที่จำเป็นต้องกลับไปทำงานเมื่อลูกอายุได้ประมาณ 6 เดือน สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร คุณควรจะอยู่บ้านกับลูกให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพยายามใช้ประโยชน์จากสิทธิ์การลาคลอดบุตรให้นานที่สุดเท่าที่กฎหมายจะอนุญาต ถ้าเป็นไปได้พยายามลาคลอดอย่างน้อย 6 เดือน และถ้าคุณแม่สามารถลางานได้ถึง 7 เดือนก็จะยิ่งช่วยให้การให้ลูกกินนมแม่อย่างต่อเนื่องหลังจากที่คุณแม่กลับไปทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่าลืมว่าลูกของคุณจะไม่ได้มีอายุเท่านี้อีกต่อไป

ต่อไปนี้เป็นความเชื่อผิดๆ

1. ลูกจะต้องหัดกินนมจากขวดให้ได้ เพื่อที่เราจะได้ป้อนนมให้เขาได้เวลาที่คุณแม่ไม่อยู่กับเขา

ไม่จริง ทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียวบางคนจะไม่ยอมกินจากขวดตอนอายุ 2-3 เดือน ทารกส่วนใหญ่ที่ไม่ได้กินนมจากขวดและแม้แต่ทารกที่เคยกินจากขวดในช่วงสัปดาห์แรกๆ จะไม่ยอมกินจากขวดเมื่อเขาอายุ 4-5 เดือน นี่ไม่ใช่เรื่องเศร้า และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้เขากินนมจากขวดตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงเพื่อให้เขารู้วิธี ถ้าลูกของคุณไม่ยอมกินจากขวด อย่าพยายามบังคับเขา ไม่เช่นนั้นทั้งคุณและเขาจะหงุดหงิดรำคาญใจมากๆ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเลย

ถ้าลูกของคุณอายุอย่างน้อย 6 เดือนตอนที่คุณต้องกลับไปทำงาน เขาก็ ไม่ จำเป็นต้องกินนมจากขวด หรือถ้าเขาอายุแค่ 4 เดือนก็ยังไม่จำเป็นต้องกินจากขวด เพราะคุณสามารถป้อนของเหลวหรืออาหารเสริมด้วยช้อนให้เขาได้เหมือนกับที่เราป้อนทารกอายุ 6 เดือน และพอเขาอายุถึง 6 เดือนเขาก็จะสามารถกินได้มากเพียงพอจนไม่รู้สึกหิวในระหว่างวัน ยิ่งไปกว่านั้นคุณแม่ยังเริ่มให้เขาหัดดื่มจากถ้วยได้ตั้งแต่ 5-6 เดือน โดยถ้วยอาจจะเป็นแบบเปิดและไม่จำเป็นต้องมีที่ดูดด้วยซ้ำ

เริ่มให้เขาหัดดื่มน้ำก่อนเพราะเขาจะทำหกเลอะเทอะค่อนข้างมากในตอนแรก แต่ถึงแม้ตอนที่คุณต้องกลับไปทำงานแล้ว เขาจะยังดื่มจากถ้วยไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เราก็ยังใช้ช้อนป้อนของเหลวให้เขาได้อยู่ดี หรือคุณอาจจะผสมของเหลว (นมที่ปั๊มออกมา หรือน้ำ หรือน้ำผลไม้) ในอาหารเสริมให้มากขึ้นก็ได้ แน่นอนว่าทารกควรจะได้รับอาหารที่หลากหลายขึ้นเมื่อเขาอายุได้ 6 เดือน เขาอาจจะต้องเริ่มกินอาหารเสริมตอนอายุ 5 เดือน อย่างไรก็ตามทารกบางคนอาจจะเลือกที่จะรอคุณแม่เพื่อดูดนมแม่ นี่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทารกหลายคนก็นอนหลับตอนกลางคืนรวดเดียว 12 ชั่วโมงโดยไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรเลยอยู่แล้ว

2. แต่ให้ลูกหัดกินนมจากขวดก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

อาจไม่จริงเสมอไป ทารกบางคนสามารถดูดนมได้ดีทั้งจากขวดและจากเต้านมแม่ การให้กินจากขวดเป็นครั้งคราวควบคู่กันไปในขณะที่การกินนมจากอกแม่กำลังเป็นไปด้วยดีก็อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าทารกกินนมจากขวดหลายๆ ครั้งต่อวันเป็นประจำ และในขณะเดียวกันปริมาณน้ำนมของคุณแม่ก็เริ่มลดลงเนื่องจากให้ทารกดูดนมน้อยลงแล้ว มันก็จะมีความเป็นไปได้ที่ทารกจะเริ่มไม่ยอมดูดนมจากอกแม่ ถึงแม้เขาจะอายุมากกว่า 6 เดือนก็ตาม

3. ทารกจำเป็นต้องดื่มนม (ชนิดอื่นที่ไม่ใช่นมมแม่) ตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน

ไม่จริง การได้กินนมแม่อย่างเพียงพอจำนวน 3-4 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมง บวกกับอาหารเสริมชนิดต่างๆ จะทำให้ทารกได้รับสารอาหารเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการดื่มนมไม่ว่าชนิดใดก็ตามในระหว่างที่คุณแม่ไปทำงานนอกบ้าน แน่นอนว่าคุณอาจจะผสมนมแม่ที่ปั๊มออกมาหรือนมชนิดอื่นๆ ลงในอาหารเสริมก็ได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำเสมอไป

4. ถ้าทารกจะต้องกินนมชนิดอื่นที่ไม่ใช่นมแม่ เขาจะต้องกินนมสังเคราะห์สำหรับทารก (นมผสม) จนถึงอายุ 9 เดือนเป็นอย่างน้อย

ไม่จริง ถ้าทารกได้กินนมแม่อย่างน้อยสองสามครั้งต่อวัน และได้รับอาหารเสริมหลากหลายชนิดในปริมาณที่เหมาะสม นมผสมก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นและไม่ใช่สิ่งที่ทารกต้องการ ความจริงแล้วทารกที่ไม่เคยกินนมผสมก่อนอายุ 5-6 เดือน มักจะไม่ยอมกินนมผสมเพราะมันมีรสชาติค่อนข้างแย่ (ถ้าคุณต้องการคำยืนยันเพื่อให้ตัวเองเชื่อว่า เรารู้จักนมแม่น้อยเพียงใด ลองถามตัวเองดูว่า ทำไมทั้งที่นมแม่และนมผสมมีปริมาณน้ำตาลพอๆ กัน แต่นมแม่กลับมีรสหวานกว่ามาก) ถ้าคุณแม่ต้องการให้ลูกกินนมชนิดอื่น ก็สามารถให้นมโฮโมจีไนส์*กับทารกอายุ 6 เดือนได้ แต่จะต้องให้อาหารอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ความจริงถ้าทารกสามารถกินอาหารเสริมได้หลากหลายชนิดแล้ว และได้กินนมแม่ 3-4 ครั้งต่อวัน และมีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ปกติ ให้เขากินนมโฮโมจีไนส์หรือนมที่มีไขมัน 2% ก็พอแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอยู่ดี

*นมโฮโมจีไนส์ คือ นมที่ผ่านขบวนการทำให้เนื้อนมกับเนื้อครีมไม่แยกตัวออกจากกัน สำหรับนมโคที่มีขายในท้องตลาด ทั้งนมสดพาสเจอร์ไรส์และนมสดยูเอชทีจัดว่าเป็นนมโฮโมจีไนส์ทั้งคู่ แต่ผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อที่แตกต่างกัน

5. ทารกต้องดื่มนมเพื่อให้ได้แคลเซียม

ไม่จริง ถ้าคุณกังวลว่าทารกจะได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ คุณสามารถให้เขากินชีสหรือโยเกิตก็ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องดื่มเพื่อให้ได้แคลเซียม นอกจากนี้แล้วถ้าทารกได้กินนมแม่ นมแม่ก็มีแคลเซียมด้วยเหมือนกัน

6. นมผสมสำหรับทารก 6 เดือนขึ้นไป เป็นสูตรที่ดัดแปลงเป็นพิเศษสำหรับทารกอายุ 6-12 เดือน

ไม่จริง นมผสมชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลยแม้แต่น้อย และมันถูกดัดแปลงเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการในการหากำไรของบริษัทผลิตนมผสมต่างหาก มันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการตลาดที่พยายามหลีกเลี่ยงข้อกำหนดในการเผยแพร่โฆษณานมผสมสำหรับทารกออกสู่สาธารณชน (ซึ่งบริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจกับข้อกำหนดเหล่านี้) ตอนนี้มีนมผสมสูตรพิเศษสำหรับเด็กวัย 1-3 ปีออกวางขายแล้ว ดูเหมือนว่าคนบางคนก็พร้อมที่จะซื้อสินค้าทุกอย่าง และเนื่องจากผู้ผลิตคิดถึงแต่เรื่องผลกำไรเพียงอย่างเดียว ในไม่ช้าเราก็คงจะมีนมผสมตั้งแต่แรกเกิดไปจนตาย

7. ทารกที่กินนมแม่ เมื่ออายุ 4 เดือน ควรจะต้องได้รับธาตุเหล็กมากกว่าปริมาณที่เขาจะได้รับจากนมแม่เพียงอย่างเดียว

ไม่จริง ทารกที่คลอดตามกำหนดและกินนมแม่เพียงอย่างเดียว จะได้รับธาตุเหล็กจากนมแม่ในปริมาณที่เพียงพอกับที่เขาต้องการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อทารกอายุประมาณ 6 เดือน ก็เป็นเรื่องดีที่จะให้เขาได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเติมจากปริมาณที่เขาได้รับจากนมแม่ วิธีที่ดีที่สุดที่ทารกจะได้รับธาตุเหล็ก คือ จากอาหาร และอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงก็ คือ เนื้อสัตว์ ไม่ใช่นมผสมหรือซีเรียลสำหรับทารก

8. วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ทารกได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ คือให้เขากินซีเรียลสำหรับทารก

ไม่จริง แน่นอนว่าซีเรียลสำหรับทารกมีธาตุเหล็กอยู่มาก แต่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่ไม่สามารถดูดซึมได้ และธาตุเหล็กที่ดูดซึมไม่ได้เหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกในทารกบางคนอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึง 5-6 เดือนบางคนจะไม่ชอบกินซีเรียล การให้กินซีเรียลไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่การบังคับให้ทารกกินสิ่งที่เขาไม่อยากกินอาจจะทำให้เกิดปัญหาในการป้อนอาหารอื่นๆ ให้เขาในภายหลัง

วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทารกได้รับธาตุเหล็กอย่างแน่นอนและเพียงพอ คือ การให้กินนมแม่ต่อไปและเริ่มให้ทารกกินอาหารเสริมด้วยวิธีการที่ผ่อนคลายและสนุกสนานในจังหวะเวลาที่เหมาะสม (ดูแผ่นพับที่ 16 เรื่องการเริ่มให้อาหารเสริม) จังหวะเวลาที่เหมาะสมก็คือเมื่อทารกเริ่มแสดงความสนใจกับการกิน โดยเขาจะเริ่มยื่นมือมาคว้าและพยายามจะกินอาหารที่พ่อแม่หรือสมาชิกอื่นๆ ในครอบครัวกำลังกินอยู่

โดยทั่วไปเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นตอนทารกอายุประมาณสี่เดือนครึ่งถึงห้าเดือนครึ่ง ทารกวัยนี้สามารถกินอาหารที่พ่อแม่กินได้แล้ว (โดยมีข้อยกเว้นบางประการ) คุณแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลมากเกินไปว่าจะต้องหัดให้เขาเริ่มกินอาหารชนิดใดก่อนตามลำดับก่อนหลัง หรือพยายามให้ทารกกินอาหารเพียงชนิดเดียวต่อสัปดาห์ วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะให้ทารกวัย 6-12 เดือนได้รับธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น คือ ให้กินเนื้อสัตว์ ซึ่งมีธาตุเหล็กที่ทารกสามารถดูดซึมได้ดี ควรเริ่มป้อนอาหารเสริมให้ทารกด้วยวิธีการที่ทำให้เขารู้สึกสนุกกับการกิน และทารกก็จะสามารถกินอาหารที่มีธาตุเหล็กได้ดี

แผ่นพับที่ 17 - จะให้ลูกกินอะไรเมื่อคุณแม่ไปทำงานนอกบ้าน (สิงหาคม 2549)
แปลและเรียบเรียงโดย นิจวรรณ ตั้งวิรุฬ์ห์
จาก Handout #17 What to Feed... Revised January 2005 Written by Jack Newman, MD, FRCPC. © 2005






Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 13:40:06 น.
Counter : 490 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]