Group Blog
All Blog
|
โรคหู คอ จมูก ข้อมูลจาก ศาสตราจารย์คลินิกแพทย์หญิงสุนันทา พลปัถพี แพทย์ประจำศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เนื่องจาก หู คอ จมูก เป็นช่องทางที่ผู้มาเยือน เช่น เชื้อโรค ไวรัส สิ่งแปลกปลอม ฯลฯ จะเข้ามาสัมผัสได้โดยตรง ดังนั้นโรคของหู คอ จมูก จึงเป็นโรคที่อาจเป็นเฉพาะที่ หรือเป็นอาการแสดงของโรคอื่นๆที่อยู่ห่างไกลจากหู คอ จมูก โดยเฉพาะในเด็กซึ่งไม่สามารถบอกอาการต่างๆได้ พ่อ แม่ หรือคนเลี้ยงต้องช่างสังเกตเพื่อบอกเล่าให้แพทย์ฟัง ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและทันการ โรคของหู คอ จมูก ที่พบบ่อยมีดังนี้คือ 1. โรคของคอ ได้แก่ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ 2. โรคจมูก ได้แก่ จมูกอักเสบจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย, จากสารก่อภูมิแพ้, ไซนัสอักเสบ, เลือดกำเดา, นอนกรน, ต่อมอะดินอยด์โต, สิ่งแปลกปลอมในจมูก 3. โรคของหู ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ, ขี้หูอุด, สิ่งแปลกปลอมในหู 1. โรคของคอ : คออักเสบ, ต่อมทอนซิลอักเสบ อาการที่ตรวจพบ ถ้าเด็กโตก็จะสามารถบอกได้ว่า เจ็บคอ แต่เด็กเล็กมักจะรับประทานนมน้อยลง น้ำลายไหล เพราะกลืนเจ็บ ถ้าเป็นมากจะมีไข้ อาจมีแผลในปาก มีกลิ่นปาก อาจคลำได้ก้อนเล็กๆที่บริเวณด้านข้างของลำคอเนื่องจากมีแต่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตและอักเสบ ดังได้กล่าวแล้วว่า คอและทอนซิลอักเสบ อาจเป็นโรคของคอหรือต่อมทอนซิลเอง หรือเป็นอาการแสดงของโรคในระบบอื่นที่อยู่ไกลออกไปแต่มีการอักเสบของคอร่วมด้วย เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ปอดบวม ฯลฯ ดังนั้นพ่อ แม่ หรือคนเลี้ยงต้องช่างสังเกต ถ้าเด็กได้รับการรักษาในระยะ 1-2 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องพาไปพบแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและทันการ 2. โรคของจมูก : จมูกอักเสบ อาจเกิดจากไวรัส แบคทีเรีย, สารก่อภูมิแพ้, ไซนัสอักเสบ หรือมีสิ่งแปลกปลอมในจมูก อาการที่นำมาพบแพทย์ ( หรืออาการที่ตรวจพบ ) คือน้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวกเพราะแน่นจมูก เลือดกำเดาไหล จมูกมีกลิ่นเหม็น นอนกรน น้ำมูกไหล อาการร่วมด้วยคือ หายใจไม่สะดวกเพราะแน่นจมูก กวนโยเย จาม ขยี้จมูก ลักษณะของน้ำมูกอาจใสหรือข้นเหลือง หรือเขียว เยื่อบุจมูกบวมแดงหรือบวมซีด เนื่องจาก น้ำมูกไหลจึงต้องเช็ดจมูกบ่อยๆจนรอบจมูกเป็นแผล หายใจทางปากเพราะหายใจทางจมูกไม่ได้ อาการเหล่านี้ถ้าพบในช่วงดึกที่ยังไม่สามารถพบแพทย์ได้ ให้ช่วยเด็กไปก่อนโดยให้นอนหัวสูงหรืออุ้มเด็กซบกับไหล่ อย่าให้พัดลมหรือลมจากเครื่องปรับอากาศเป่าตรงมาที่ตัวเด็กเพราะจะยิ่งทำให้แน่นจมูกมากขึ้น ใส่เสื้อให้อุ่น อย่าให้อุณหภูมิในห้องเย็นเกินไป เลือดกำเดาไหล ถ้าเลือดกำลังออกทางจมูก ให้บีบจมูกด้านนอกส่วนปลายจมูก ( ซึ่งจะตรงกับตำแหน่งที่เลือดออกจากด้านในจมูก คือ Little's area ) นั่งโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ถ้ามีเลือดไหลลงคอด้วยให้บ้วนใส่ภาชนะไว้ เพื่อจะได้ทราบปริมาณเลือดคร่าวๆว่ามากน้อยเพียงใด อย่ากลืนลงคอเพราะจะทำให้ไม่ทราบว่าเลือดออกมากแค่ไหนเพราะมองไม่เห็น ซึ่งอาจมีเลือดออกมากจนเป็นอันตราย เอาผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งวางบริเวณหน้าผากเพื่อให้เส้นเลือดหดตัว เลือดจะหยุด โดยทั่วไปถ้าสาเหตุที่ทำให้เลือดออกอยู่ในจมูกเลือดมักออกไม่มากก็จะหยุดได้เอง เมื่อปฏิบัติวิธีห้ามเลือดขั้นต้นดังได้กล่าวแล้ว เลือดจะหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม ให้พามาพบแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้ตรวจหาสาเหตุและรักษาต่อไป จมูกมีกลิ่นเหม็น อาจมีสาเหตุจากไซนัสอักเสบ ( โพรงอากาศรอบจมูกอักเสบ ) ถ้าจมูกมีน้ำมูกข้นและเหม็นข้างเดียวมักมีสาเหตุจากสิ่งแปลกปลอมในจมูก ซึ่งเด็กอาจตั้งใจใส่เข้าไปหรือเพียงแค่อยากสูดดมแต่เผอิญสิ่งนั้นหลุดเข้าไปในจมูก เด็กจะไม่บอกเพราะเกรงโดนดุ คนเลี้ยงต้องสังเกต และพาไปพบแพทย์ นอนกรน มักมีสาเหตุจากต่อมอะดินอยด์ซึ่งอยู่ด้านหลังจมูกโต ทำให้ทางผ่านของลมหายใจแคบ ทำให้เกิดเสียงกรน ต่อมอะดินอยด์โตนำไปสู่การมีจมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ฯลฯ อาจมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ภูมิแพ้ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ตัดต่อมอะดินอยด์หรือต่อมทอนซิลร่วมด้วยตามความเหมาะสม จมูกอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้ เด็กจะมีอาการจาม น้ำมูกใส แน่นจมูก อาจคันจมูก คันตา คันคอ คันหู ร่วมด้วย เหล่านี้เกิดจากเด็กได้รับสารก่อภูมิแพ้ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่แวดล้อมตัวเด็ก เช่น ตุ๊กตาขนปุย นุ่น ผ้าห่ม พรม ไรฝุ่น เศษชิ้นส่วนของแมลงสาบ ขนและไคลของสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถ้าพ่อ แม่ สังเกตพบ และกำจัดออกไปอาการเหล่านี้จะลดลงหรือหายไปได้ 3. โรคของหู : หูชั้นกลางอักเสบ, หูชั้นนอกอักเสบ, ขี้หูอุด, สิ่งแปลกปลอมในหูชั้นนอก ฯลฯ อาการและอาการที่ตรวจพบ คือ ปวดหู หูอื้อ เด็กบางคนจะบอกว่า มีเสียงใหญ่ๆในหู เวลากลืนมีเสียงกึกกักในหู อาจกดเจ็บบริเวณหน้าหู จับที่ใบหูแล้วเจ็บ มีน้ำสีขุ่นๆหรือหนองไหลจากหู หรือมีแก้วหูทะลุ หูชั้นกลางอักเสบ เด็กมักมีประวัติว่า มีน้ำมูก หรือเจ็บคอ หรือมีอาการของหวัด มา 2-3 วันแล้วจึงมีอาการปวดหู นั่นคืออาการของหูชั้นกลางอักเสบ เนื่องจากหูชั้นกลางมีท่อต่อกับด้านหลังจมูกเรียกว่า ท่อยูสเตเชี่ยน ทำหน้าที่ปรับความดันของอากาศภายในหูชั้นกลางให้เท่ากับความดันอากาศภายนอก โดยอาศัยการเปิดปิดของท่อยูสเตเชี่ยน เมื่อเด็กมีด้านหลังจมูกอักเสบทำให้ท่อยูสเตเชี่ยนไม่สามารถเปิดปิดได้ตามปกติ เป็นผลให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบ ทำให้ปวดหู หูอื้อ ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ มิฉะนั้นจะเกิดเป็นหนองในหูชั้นกลางซึ่งจะดันให้แก้วหูแตกทะลุออกมา ขี้หูอุด การมีขี้หูอุดตันช่องหู จะทำให้เด็กปวดหูได้โดยเฉพาะหลังการไปว่ายน้ำ หรืออาบน้ำแล้วน้ำเข้าหู เพราะน้ำจะทำให้ขี้หูพองตัวขึ้นไปดันช่องหู ทำให้มีอาการปวดหู ในกรณีนี้อย่าพยายามแคะหูให้เด็กเอง เพราะอาจทำอันตรายต่อช่องหู ให้แพทย์ทำให้ดีกว่าค่ะ สิ่งแปลกปลอมภายในหู เด็กมักไม่บอกว่าเอาอะไรใส่ในหูเพราะเกรงโดนดุ ( เช่นเดียวกับกรณีของจมูก ) บางครั้งเพื่อนเอื้อเฟื้อใส่ให้ ในกรณีเช่นนี้ท่านก็เอาออกเองไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเด็กจะร้อง ก็ต้องพาไปพบแพทย์ ในเด็กเล็ก การดมหูของลูกบ่อยๆจะช่วยให้ทราบว่า หูของลูกอักเสบหรือไม่ เพราะกลิ่นของหูปกติจะต่างจากกลิ่นของหูอักเสบ มีหนอง เหล่านี้เป็นโรคที่พบบ่อยทาง หู คอ จมูก ของเด็ก ซึ่งรักษาให้หายได้ไม่ยาก ถ้าผู้ปกครองช่างสังเกต และพาลูกมาพบแพทย์ในเวลาอันสมควร " ขอให้ลูกของท่านน่ารัก และมีสุขภาพดีตลอดไปค่ะ " |
มนแพรวา
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] Link |