All Blog
ปกป้องลูกรักจากโรคร้าย

บทความจาก ชมรมไวรัสตับอักเสบ
สมาคมไวรัสวิทยา (ประเทศไทย) ตึกจุลชีววิทยา ชั้น 6 โรงพยาบาลศิริราช ถ.พรานนก กรุงเทพฯ 10700


โรคตับอักเสบ คือ โรคที่เซลล์ตับถูกทำลายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง เช่น เชื้อแบคทีเรีย สารพิษ ยาบางชนิด และสุรา แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคตับอักเสบที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบมีหลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ ชนิดเอ ชนิดบี ชนิดซี ชนิดดี ชนิดอี เป็นต้น และชนิดที่อาจมีผลรุนแรงในระยะยาว คือ ไวรัสตับอักเสบ บี
อาการของโรค และการรักษา

ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีไข้ต่ำๆ มีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง หรือที่เรียกว่า " ดีซ่าน" ปัสสาวะมีสีเข้ม อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ราว 2-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยต้องพักผ่อนต่อไปอีกประมาณ 4-6 สัปดาห์ จึงสามารถทำกิจกรรมตามปกติได้

ความร้ายแรงของโรคไวรัสตับอักเสบ บี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคและมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น แต่ 10-20 % ของผู้ป่วยจะมีเชื้อไวรัสในเลือดและตับ โดยจะมีอาการของตับอักเสบเรื้อรัง หรืออาจไม่มีอาการ บุคคลทั้ง 2 กลุ่มนี้สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อไปได้ เราเรียกบุคคลทั้ง 2 กลุ่มนี้ว่า เป็น " พาหะ" หรือตับอักเสบเรื้อรัง ในประเทศไทยมีผู้เป็นพาหะเฉลี่ยสูงถึง 6 % ของประชากรหรือประมาณ 3 ล้าน 6 แสนคน

ประมาณ 10 % ของผู้เป็นพาหะ จะกลับเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังได้อีก และบางรายอาจตายด้วยโรคตับแข็ง ตับวาย ท้องมาน อาจเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ ผู้เป็นพาหะมีโอกาสเกิดเป็นโรคมะเร็งตับสูงกว่าคนปกติถึง 100 เท่า เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับถึง 80 % ของผู้ป่วยทั้งหมด โอกาสการเกิดมะเร็งจะมีมากหากผู้ป่วยติดเชื้อนี้ตั้งแต่วัยเด็ก เช่น ติดจากมารดาตอนแรกเกิด

โรคไวรัสตับอักเสบ บี ติดต่อได้อย่างไร

โรคนี้สามารถติดต่อกันได้โดยการสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่งของผู้ป่วยตับอักเสบระยะปัจจุบันหรือระยะเรื้อรังหรือผู้เป็นพาหะ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในลักษณะต่างๆ กัน เช่น

" การรับถ่ายเลือด หรือผลิตภัณฑ์จากเลือดที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่

" การใช้เข็มฉีดยาที่มีเชื้อปนเปื้อน การเจาะหู การสัก การทำฟัน ที่ใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ โดยไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง

" การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บ เพราะอาจปนเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้ออยู่

" การร่วมเพศกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่

" การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง ของผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ โดยผ่านเข้าทางบาดแผลโดยไม่รู้ตัว เช่น การกอดรัดฟัดเหวี่ยง หรือกัดกันเล่นๆ ของเด็ก

" การถ่ายทอดเชื้อจากมารดาที่เป็นพาหะ หรือเป็นโรคอยู่ไปยังลูก ระหว่างอยู่ในครรภ์ หรือระหว่างคลอด

การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี

วิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ คือการฉีดวัคซีนป้องกัน แพทย์อาจแนะนำว่าให้ตรวจเลือดก่อน เมื่อตรวจพบว่ายังไม่เคยได้รับเชื้อและไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรรับการฉีดวัคซีน

วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี

วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี ที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นวัคซีนที่มีการใช้มานาน มีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดี ควรฉีดให้ครบ 3 เข็ม ในช่วงเวลา 6 เดือน เพื่อให้ได้ผลคุ้มกันอย่างแน่นอน




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 14:03:57 น.
Counter : 589 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]