แฮปปี้คิดส์โรงเรียนแห่งสติปัญญา

บทความจากเนชั่นสุดสัปดาห์

บ่ายวันอาทิตย์ ที่อาคารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท เด็กชายนั่งขัดสมาธิ ส่วนเด็กหญิงนั่งพับเพียบกับพื้น โดยมีเบาะเล็กๆ ให้รองนั่งเรียงเป็นแถว ส่วนคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง การปฏิบัติธรรมวันนั้น เริ่มจากพระอาจารย์เล่านิทานอิงธรรมะให้เด็กๆ ฟัง

"ต่อมาจะเล่าเรื่องการปรับตัวเป็นคนดีของคนได้ธรรมะ ตอนแรกก็เป็นคนโหดร้ายมาก คนนี้มีนามว่าพระเจ้าอโศกมหาราช เดิมทีพระราชบิดาชื่อพระเจ้าพินทุสาร ซึ่งมีมเหสีและโอรสหลายองค์ รวมพระประยูรญาติที่สามารถขึ้นครองราชย์ได้ประมาณ 101 พระองค์ พระเจ้าพินทุสารส่งพระเจ้าอโศกไปครองเมืองที่แคว้นชายแดน อยู่ต่อมาพระเจ้าพินทุสารสวรรคตลง ยังไม่ได้รับสั่งให้ใครครองราชย์ พระเจ้าอโศกได้ยินข่าวก็ยกทัพกลับเมืองหลวง กรีธาทัพเข้าไปฆ่าคนเยอะแยะ และตัวเองขึ้นครองราชย์...
"มีอยู่ครั้งหนึ่งยกทัพไปรบแคว้นกลิงคะ การรบพุ่งถึงเลือดถึงเนื้อมาก คนตายมาก ทำให้พระเจ้าอโศกนึกสังเวชในใจว่าสงครามนี้ทำให้คนเสียชีวิตมากมายเหลือเกิน จากนั้นเป็นต้นมา พระองค์ได้กลับมาพระราชวัง และคิดว่าเราได้ฆ่าคนตายเยอะเหลือเกิน มีความสลดใจ ระหว่างเศร้าใจคิดมากอยู่นั้น ได้เห็นสามเณรบิณฑบาตผ่านพระราชวังด้วยอาการสำรวม พระเจ้าอโศกทอดพระเนตรเห็นก็ให้คนนิมนต์มา...พอสามเณรแสดงธรรมเสร็จ พระเจ้าอโศกก้มลงกราบเณรตัวเล็กๆ อายุ 7 ขวบ แล้วก็สมาทานรักษาศีล นับแต่นั้นเป็นต้นมา เปลี่ยนจากอโศกผู้โหดร้าย สู่การเป็นธรรมาโศการาช..."
แทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กๆ ต่างนั่งฟังกันนิ่ง ครั้นเมื่อพระอาจารย์เล่าเรื่องจบ ก็จะมีวิทยากรท่านอื่นมานำให้ภาวนาด้วยการกราบพร้อมกันอย่างช้าๆ
"ยกหนอ พนมหนอ ก้มหนอ..." เด็กทุกคนต่างก้มลงกราบอย่างเรียบร้อยและสวยงาม
สัปดาห์นี้กระวานจะชวนคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 'โรงเรียนแห่งสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์แฮปปี้คิดส์' ที่ฐิตินาถ ณ พัทลุง, ชยาทร เตชะไพบูลย์ และเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรม ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาได้เกือบปี
โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้สอนวิชาพื้นฐานทางการศึกษา หากแต่มุ่งเน้นการฝึกสติ สมาธิ ปัญญา และความสุขสำหรับเด็ก โดยผ่านการทำกิจกรรม หรือการเรียนในคอร์สต่างๆ เช่น ศิลปะสำหรับเด็ก เป็นการสอนพื้นฐานทางศิลปะ ความสามารถในการสื่อสาร และแสดงออกทางความคิดและอารมณ์
ศิลปะเพื่อการพัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ สำหรับเด็กเล็ก 2-4 ปี, งานปั้นเพื่อการฝึกสติสมาธิ และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์กับทักษะต่างๆ, แคมป์เต็มวันเพื่อการเสริมสร้างสติสมาธิ ผ่านกิจกรรมและการเล่น เช่น งานศิลปะ ฝึกสมาธิ ออกกำลังกายและเกม, เทควันโด, วาดรูปสีน้ำ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายต่อคอร์สประมาณ 1,200-3,200 บาท
โดยคอร์สต่างๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกการสร้างสมาธิ ให้เด็กได้มีการแสดงออกทางความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ ให้เด็กค้นพบและสร้างศักยภาพของตัวเอง กิจกรรมและเทคนิคเหล่านี้จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะ การปลูกฝังคุณธรรมและลักษณะนิสัยจากภายในด้วยตนเอง
"เราทำให้เหมือนโรงเรียน ส่วนหนึ่งสอนวิชาสร้างเสริมสติให้เด็ก โดยไม่ต้องเดินจงกรม นั่งสมาธิ อย่างงานปั้น ให้เด็กปั้นโดยใช้กล้ามเนื้อเล็ก ใช้จินตนาการ ระบายความเครียดออกมากับดิน และฝึกสติไปในนั้น เราพบว่าไม่ใช่เด็กทั้งร้อยคนที่จะพร้อมมานั่งสมาธิ-เดินจงกรม เราต้องให้เขาค่อยๆ เข้ามา"
"คุณแม่ไปนวดหน้าครั้งละพันบาท แต่หนึ่งพันบาทซื้อวิชาความรู้ให้ลูกได้ทั้งเดือน อย่างอ้อยเป็นเด็กเรียนเก่งมาแต่เด็ก จะรู้เลยว่าความรู้ที่แย่งกันไปเรียน แข่งกันตั้งแต่เล็กจนโต มันช่วยให้เราทำมาหากินได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยเราได้จริงๆ คือความรู้เท่าทันตัวเอง สมัยนี้นักการศึกษามาเน้นว่าคนเราต้องมีความฉลาดในอารมณ์ มีคุณธรรม.. แล้วจะพูดเฉยๆ ไม่ได้หรอก มันต้องฝึก...
"ลองคิดดูว่าเรารักอะไรมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงาน พ่อแม่ คนรัก เงินทอง ชื่อเสียงตำแหน่ง ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางจะอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตื่นนอนขึ้นมาตอนไหนแล้วจะเปลี่ยนไปหมด สิ่งเดียวที่ให้ได้คือฝึกตัวเองให้มีความมั่นคง รับแรงกระทบกระทั่ง รับความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะชีวิตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา" ฐิตินาถ ณ พัทลุง กล่าว
นอกจากนี้โรงเรียนยังสนับสนุนการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน โดยบุคคลทั่วไปสามารถพาครอบครัวมาร่วมกิจกรรมได้ ในส่วนที่เรียกว่า 'ธรรมะวันอาทิตย์' ซึ่งจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) มีการฟังเทศน์จากพระ สวดมนต์ ฝึกสติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ฟังบรรยาย
ก่อนจากกันคุณอ้อยพูดทิ้งท้ายไว้ชวนคิดว่า ถ้าเรารู้ว่าเป้าหมายของชีวิตคืออะไร ก็สามารถกำหนดรายละเอียดได้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร เช่น คิดว่าเป้าหมายของชีวิตคือมีโอกาสพัฒนาใจตัวเราเอง ให้คนอื่นมีโอกาสได้สิ่งดีๆ แบบเรา ชีวิตมันก็มีคุณค่า ศรัทธา มั่นคง เวลาเกิดปัญหาอะไรมากระทบ เราก็คอยตามดูว่ามันเป็นเครื่องทดสอบชีวิต ซึ่งทุกคนต้องเจอ ทำอย่างไรเมื่อเจอแล้วผ่านไปได้อย่างดี หรือผ่านไปได้แบบล้มลุกคลุกคลาน ทั้งหมดอยู่ที่เรา
แล้วคุณล่ะ ผ่านเครื่องทดสอบชีวิตแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?




Create Date : 27 มิถุนายน 2554
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 13:18:07 น.
Counter : 830 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มนแพรวา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]