คาทุ่ง

หรือทุ่งคาจะซ้ำรอย โพไซดอนของออสเตรเลีย ?

*** เขียนโดย คลายเครียด ***


1. วันจันทร์ที่ ๒๙ กันยายน 1969

ก่อนเวลาเปิดตลาดหลักทรัพย์ที่เมืองอเดเล็ด
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของออสเตรเลีย
ผู้จัดการฝ่ายควบคุมการซื้อขาย ได้อ่านข่าวตลาดฯมีใจความว่า
“คณะกรรมการบริษัทโพไซดอน จำกัดแจ้งว่า
ได้ค้นพบแร่นิเกิลและทองแดงในหลุมขุดที่สอง
ที่เมืองวินดาร์ร่าในรัฐออสเตรเลียตะวันตก
ผลการตรวจสอบปริมาณเนื้อแร่จะแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุด"
ข้อความสั้นๆที่รายงานผลการเจาะสำรวจแร่
ของบริษัทเหมืองแร่ที่แทบไม่มีใครรู้จักนี้
ทำให้ออสเตรเลียปั่นป่วนที่สุด
และจบลงอย่างเศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินของประเทศ

2. โรคตื่นหุ้นเริ่มก่อตัว

ก่อนประกาศที่จุดชนวนระเบิดโรคตื่นหุ้น
ของบริษัทโพไซดอนในครั้งนี้
พวกนักเล่นหุ้นต่างก็เคยทำกำไรจากการค้นพบแร่นิเกิล
ของบริษัทเวสเทิร์นไมน์นิ่ง คอร์เปอเรชั่น
โดยหุ้นของบริษัทขึ้นจาก 2.30 เหรียญไปถึง 30 เหรียญ
พวกนักเล่นหุ้นจึงรู้ค่าของหุ้นบริษัทเหมืองแร่นิเกิลเป็นอย่างดี
และตั้งตาคอยโอกาสทำเงินครั้งใหญ่ที่จะมีมาอีก
ในช่วงเวลานั้นแคนาดาผลิตนิเกิลได้น้อยลง
ทำให้ราคานิเกิลซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญ
ในการผลิตเหล็กปลอดสนิม เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด
นักเล่นหุ้นต่างพากันดีดลูกคิดรางแก้ว
ฝันสีทองถึงผลกำไรมหาศาลของของเหมืองแร่นิเกิล
และหาเรื่องเชื่อมโยงไปถึงราคาหุ้นเหมืองแร่
จนกลายเป็นโรคตื่นหุ้นแห่งปี 1969 – 1971 ในที่สุด

บ่ายวันคารที่ 30 กันยายน
วันรุ่งขึ้นหลังคำประกาศของบริษัทโพไซดอน
หุ้นของบริษัทซึ่งเคยซื้อขายกันที่ราคาพาร์ ๑ เหรียญ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เริ่มพุ่งขึ้นเป็นหุ้นละ๖.๓๐ เหรียญ
และได้พุ่งขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 280 เหรียญ
นักเล่นหุ้นที่จับหุ้นโพไซดอนไม่ทัน
พากันเฮโลแย่งซื้อหุ้นเหมืองแร่ตัวอื่นๆที่ราคายังถูก
โดยหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นตามโพไซดอน
ภายในวันเดียว ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นซิดนีย์
สูงเป็นสองเท่าของตลาดหุ้นนิวยอร์ค
นับจากนั้นมา ตลาดหุ้นได้กลายเป็นเรื่องพูดคุยประจำวัน
ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวออสเตรเลีย
และเมื่อถึงช่วงเวลาตลาดหุ้นบูมสุดขีด
ชาวออสเตรเลียกว่าสี่แสนคนได้โดดเข้าร่วมวงกันอย่างเมามัน
เป็นการเสี่ยงโชคอย่างหน้ามืดตามัว ไม่มีครั้งใดเทียบได้
นับตั้งแต่ยุคตื่นทองในศตวรรษที่ 19

หลังประกาศของโพไซดอนไม่กี่วัน
บริษัทเหมืองแร่อีกสามบริษัทได้ผสมโรง
ประกาศพบแหล่งแร่บ้าง ในทุกตลาดหุ้นของออสเตรเลีย
หุ้นเหมืองแร่เกิดอาการที่พวกโบรคเกอร์เรียกว่า
“ขื้นทั้งกระดาน”
ชาวบ้านทั่วไปเริ่มสนใจอ่านข่าวเกี่ยวกับหุ้น
ศึกษาเรื่องเงินๆทองๆจากหน้าหนังสือพิมพ์
และเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
เมื่อถึงปลายสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม 1969
ตลาดหุ้นเริ่มดูดเอาเงินที่หลั่งไหลมาจากนักเล่นหุ้นที่อ่อนหัด
พวกโบรคเกอร์เริ่มได้รับโทรศัพท์จากนักเล่นหุ้นหน้าใหม่
มีอยู่รายซึ่งคงจะเพิ่งฟังราคาปิดของหุ้นจากวิทยุ
เป็นครั้งแรกในชีวิต ได้โทรสั่งเทรดเดอร์ว่า
"ซื้อไอ้ที่ชื่อคล้ายๆอย่างนั้นให้ผมด้วย”
มือใหม่ชาวเมลเบิร์นอีกคนแอบได้ยินมาว่า
“เอกซ์ฟอร์ดเมดเดิ้ลมีทีเด็ด”
ได้สั่งเทรดเดอร์ซื้อหุ้นเอกซ์ฟอร์ดเมดเดิ้ล
ให้โดยด่วนที่สุด 10000 หุ้น
มาร์เก็ตติ้งควานหาหุ้นตัวนี้จนตาลายก็หาไม่เจอ
ความจริงที่เปิดเผยในภายหลังคือ

“เอกซ์ฟอร์ดเมดเดิ้ลเป็นชื่อม้าแข่ง !!"

เมื่อข่าวจากซิดนีย์รายงานผลการแยกเนื้อแร่นิเกิล
ของโพไซดอนว่ามีถึง 9.38% จากที่คาดว่ามีเพียง 0.38 %
ตลาดหุ้นลอนดอนก็ได้เข้าผสมโรง ร่วมด้วยช่วยปั่น
ในซิดนีย์หุ้นโพไซดอนพุ่งขึ้น
เพียงแค่ข่าวลือในงานเลี้ยงน้ำชาว่า
“เมียกรรมการผู้จัดการกำลังใช้เงินส่วนตัวเก็บหุ้น”
นักปั่นหุ้นโดยอาศัยข่าวลือเกิดขึ้นอย่างมากมาย
บาร์ในโรงแรมพาเลซเมืองคาลกัวลี่
ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของออสเตรเลีย
ได้กลายเป็นศูนย์รวมข่าวที่ทำให้หุ้นพุ่ง
นักปั่นหุ้นที่ถือหุ้นเก็งกำไรไว้มาก จะแกล้งเมาแล้วพูดเพ้อเจ้อ
โดยเจตนาเพื่อให้ราคาหุ้นที่ถืออยู่พุ่งขึ้น
ก่อนช่วงตลาดหุ้นจะบูมสุดขีด
ตำนานเศรษฐีหุ้นชั่วข้ามคืนมีให้ฟังจนชินหู
เกือบทั้งหมดจะเป็นเศรษฐีใหม่จากหุ้นโพไซดอน
จอห์น ยัง หนุ่มวัย 29 ซึ่งนั่งกินเหล้าในโรงแรมพาเลซ
ขณะที่เจ้ากรมข่าวลือกำลังกระพือข่าว
ได้ซื้อใบหุ้นโพไซดอนปึกใหญ่จากคนแปลกหน้า
จำนวน 5000 หุ้นในราคาหุ้นละ 95 เซนต์
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
หุ้นที่เขาถืออยู่ขึ้นไปถึงหุ้นละ 80 กว่าเหรียญ
สำหรับตัวผู้อำนวยการบริษัทโพไซดอน
พวกโบรคเกอร์ตั้งฉายาให้ว่า”นาทีละล้าน”
หมายถึงมูลค่าหุ้น
ที่ครอบครัวผู้อำนวยการบริษัทถืออยู่เพิ่มขึ้นต่อนาที

พวกนักปั่นหุ้นได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมจากความจริงที่ว่า
ตลาดหุ้นลอนดอนจะเปิดทำการ
เมื่อตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดแล้ว
ดังนั้นหลังจากนำหุ้นใหม่
เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นออสเตรเลีย
พวกมืออาชีพจะบินไปลอนดอนพร้อมใบหุ้นปึกใหญ่
แล้วเอาไปเร่ขายให้นักเล่นหุ้นชาวอังกฤษ
ทำให้เก็งกำไรกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เล่ห์เหลี่ยมในการปั่นหุ้นอันหนึ่งที่จับผิดได้ยากคือ
กลุ่มนักปั่นหุ้นในออสเตรเลียจะรวมหัวกันทุ่มซื้อ
หุ้นบริษัทเหมืองแร่ที่เน่าในช่วงบ่ายวันจันทร์
เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นจะเริ่มพุ่งขึ้น
พอตลาดหุ้นลอนดอนเปิดทำการให้เช้าวันจันทร์
ซึ่งตรงกับเย็นวันจันทร์ของออสเตรเลีย
นักปั่นหุ้นชาวอังกฤษซึ่งจับมือร่วมด้วยช่วยปั่น
จะทุ่มซื้อต่อจนราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไปอีก
เมื่อตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดทำการในเช้าวันอังคาร
นักเล่นหุ้นที่อ่อนหัดจะหลงไหลได้ปลื้ม
ที่ลอนดอนสนใจหุ้นบริษัทในออสเตรเลีย
และเฮโลกันเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้นบ้าง
เพราะนึกว่าเจอหุ้นทีเด็ด
แน่นอนว่าพวกนักปั่นหุ้นวงในจะเทขายฟาดกำไรก้อนโต
จากหุ้นที่ถือไว้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง

3. ความโลภไม่เคยปราณีใคร

ความจริงชาวออสเตรเลียผู้ไร้เดียงสา
ไม่ได้สนใจจะเล่นหุ้นเลย
แต่เมื่อสื่อพากันสัมภาษณ์บรรดา”เศรษฐีใหม่จากหุ้น” ทุกวันๆ
นักเล่นหุ้นหน้าใหม่ที่หวังรวยลัดจึงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนโบรคเกอร์หลายแห่งต้องหยุดรับลูกค้า
โดยไม่รับคำสั่งซื้อขายที่มีมูลต่ำกว่า 500 เหรียญทางโทรศัพท์
แต่คำสั่งซื้อขายก็ยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
พวกเทรดเดอร์จึงเลือกบริการเฉพาะลูกค้าเก่า
และเมื่อสายโทรศัพท์ถูกเรียกเข้าจนเต็ม
เทรดเดอร์ของโบรกเกอร์บางแห่งก็ไม่รับโทรศัพท์เอาดื้อๆ

เมื่อถึงต้นเดือนมกราคม 1970
พวกเจ้าของบริษัทเซียนปั่นหุ้นได้ออกหุ้นบริษัทใหม่
ซึ่งอาจจะมีค่าเพียงเศษกระดาษกันอย่างคึกคัก
เพื่อยั่วน้ำลายนักเล่นหุ้นที่มีฝันสีทองในหัวใจ
บริษัทเหมืองแร่รายใหม่ 23 ราย
ได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด
และอีกกว่าร้อยบริษัทก็เริ่มเดินเรื่องเข้าตลาด
ถึงตอนนี้ปริมาณและราคาของหุ้นเริ่มพองโตขึ้นจนน่าตกใจ
จากปี 1969 – 1971 กว่าร้อยบริษัทเหมืองแร่สารพัดชนิด
ที่ชาวออสเตรเลียจะเคยได้ยินชื่อแร่นั้น
พากันออกหุ้นใหม่ไม่น้อยกว่า 820 ล้านหุ้น
เท่ากับชาวออสเตรเลียทุกคนซื้อได้มากกว่าคนละหนึ่งร้อยหุ้น
แต่ถึงขนาดนั้น หุ้นบริษัทใหม่ก็ยังไม่ค่อยกับความต้องการอยู่ดี
นักปั่นหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งถึงกับบ่นอย่างเซ็งๆว่า

“อีตอนนี้ปัญหาหนักอกของการขายหุ้นIPO ก็คือการตั้งชื่อบริษัท”

แต่สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ ภายในไม่กี่สัปดาห์
ตลาดหุ้นเริ่มคลายความคึกคักลง
หุ้นหลายตัวเริ่มยืนกับที่ หลายตัวเริ่มตก
ดังนั้นข่าวการค้นพบแหล่งแร่แบบบริษัทโพไซดอน
กลายเป็นยาโด๊ปที่จำเป็น
สำหรับอัดฉีดให้ตลาดหุ้นบูมสุดขีดอีกครั้ง

4. ยาโด๊ปมาแล้ว

เหมือนกับรู้ใจนักเล่นหุ้นรายย่อยที่กำลังขาดออกซิเจน
ประธานบริษัททัสมิเนกซ์ ซึ่งมีแหล่งสำรวจ
อยู่ห่างจากของโพไซดอน 130 กิโลเมตร ได้ประกาศก้องว่า
“แหล่งแร่ของเราอุดมสมบูรณ์และใหญ่กว่าของโพไซดอน”
คำพูดประโยคเดียวส่งผลสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ภายในวันเดียว หุ้นทัสมิเนกซ์
พุ่งพรวดจาก 18.50 เหรียญไปสูงสุดที่ 90 เหรียญ
และตกกลับลงมายืนที่ 58 เหรียญ
เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งเมลเบิร์น
ได้สั่งให้ชี้แจงสาเหตุที่หุ้นขึ้นผิดปกติ
คณะกรรมการบริษัทได้ออกแถลงการณ์ว่า
”ทางบริษัทที่ปรึกษาด้านวิเคราะห์ปริมาณเนื้อแร่
ได้รายงานว่าตัวอย่างก้อนแร่ มีนิเกิลผสมอยู่
แต่ยังไม่ทราบปริมาณที่แน่นอน"
ต่อมาบริษัทฮอลราฟส์ แอนด์ แอสโซซิเอท
ซึ่งถูกอ้างชื่อไปหากิน ได้ออกแถลงการณ์บอกปัดไม่รู้ไม่เห็น
กับคำประกาศของประธานบริษัททัสมิเนกซ์
โดยชี้แจงว่าการสำรวจที่ทำให้ทัสมิเนกซ์
เป็นการสำรวจตามปกติเท่านั้น
หลังจากแถลงการณ์ทั้งสองฉบับถูกประกาศออกมา
หุ้นทัสมิเนกซ์หล่นลงไปเหลือ 36 เหรียญตอนปิดตลาด
ภรรยาและบริษัทในเครือข่ายของประธานบริษัท
ได้เทขายหุ้นออกไปเป็นมูลค่าล้านกว่าเหรียญ
ในขณะที่มีกำไรมหาศาล
นักเล่นหุ้นที่หลงคารมประธานบริษัทพากันกระเป๋าฉีก
ตัวอย่างแร่ที่ได้จากแหล่งสำรวจแสดงผลว่า
มีนิเกิลอยู่เพียง 0.0007% เท่านั้น ซึ่งไม่มูลค่าในเชิงพาณิชย์เลย

5. งานเลี้ยงใกล้เลิกรา

แม้สัญญาณตลาดซบเซาเริ่มส่อเค้าให้เห็น
โดยนักเล่นหุ้นจำนวนมากเริ่มถอนตัวอกจากตลาด
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 1970
ราคาหุ้นเหมืองแร่ตกลงตลอดเวลา
แต่หุ้นโพไซดอนยังคงเล่นบทพระเอกเช่นเคย
หลังจากพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 280 เหรียญ
ราคาก็เริ่มตกมายืนที่ 175 เหรียญ
และแล้วรายงานฉบับต่อมาของบริษัท
ในวันที่ 1 เมษายน 1970 ทำให้นักเล่นหุ้นฝันค้างไปตามๆกัน
เพราะแหล่งแร่ของบริษัทแม้จะมีขนาดใหญ่ตามมาตรฐานโลก
ก็ยังเล็กกว่าที่นักเล่นหุ้นคาดหวังไว้และซื้อหุ้นขึ้นไปรอ
ในสัปดาห์เดียวหุ้นโพไซดอนดิ่งลงมาเหลือ 108 เหรียญ
และฉุดให้หุ้นเหมืองแร่เกือบทั้งหมดหล่นตาม
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทโพไซดอนประกาศพบแร่นิเกิล
ที่บริษัทที่ออกหุ้นใหม่ ต้องวิ่งพล่านหาคนจองซื้อ
ขบวนแถวของนักเล่นหุ้นรายย่อยที่หมดตัว
เริ่มเดินตบเท้าออกไปจากตลาด
5 – 27 พฤษภาคม 1970 หุ้นเหมืองแร่และหุ้นอุตสาหกรรมอื่นๆ
ต้องพบกับมรสุมร้ายแรงที่สุดในรอบสิบปี

6. ของแถมก่อนปิดฉาก

ก่อนม่านจะรูดปิดฉากโศกนาฏกรรมทางการเงิน
ครั้งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
ยังมีฉากเศร้าแถมท้าย
ในวันที่ 19 มีนาคม 1971 บริษัทลีโอปอลไมเนอรัล จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในช่วงหุ้นบูม
ได้ประกาศว่าบริษัทได้ค้นพบแหล่งแร่นิเกิล
ในปริมาณ 5.33% ที่ใกล้เมืองนูลลาจิน
กลิ่นไอความทรงจำ
ถึงวันเวลาอันยิ่งใหญ่ของหุ้นโพไซดอนยังมีอยู่
พวกมืออาชีพในตลาดจัดการลากหุ้นลีโอปอลฯ
พรวดเดียวจาก 1 เหรียญไปเป็น 8.80เหรียญ
แต่แล้วอีกห้าวันต่อมา
หุ้นลีโอปอลฯถูกห้ามซื้อขายในทุกตลาดหลักทรัพย์
และต่อมาไบรอัน คัทเลอร์
ผู้อำนวยการบริษัทถูกจำคุกสามปีครึ่ง
ด้วยโทษฐานปลอมแปลงผลการตรวจสอบเนื้อแร่
หลักฐานของอัยการแสดงให้เห็นว่า
ไบรอัน คัทเลอร์ได้หลอกผู้ตรวจสอบเนื้อแร่
โดยขโมยแร่ตัวอย่างที่ขุดเจาะได้จากแหล่งแร่เมืองคัมบัลรา
ซึ่งเป็นแหล่งแร่ที่จุดชนวน
ให้หุ้นเหมืองแร่บูมครั้งแรกสุด

ก่อนที่ราคาหุ้นเหมืองแร่จะพังถล่มลงมา
ชาวออสเตรเลียเริ่มรู้รสชาติ
การหมดเนื้อหมดตัวจากความโลภ
ประชาชนจำนวนมากสูญเงินออมไปจนหมด
มีจำนวนมากมีหนี้สิน
โบรกเกอร์สิบแห่งล้ม หนึ่งในบริษัทที่ล้ม
เป็นเจ้าหนี้พนักงานบริษัทถึง 375,000 เหรียญ
สองในสามของหนี้สินดังกล่าว
พนักงานกู้ยืมไปโดยพลการ
และถึงแม้ว่ากระทรวงการคลังของออสเตรเลีย
จะเข้าไปช่วยกู้สถานการณ์อย่างเต็มที่
บริษัทเหมืองแร่นิเกิลที่รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้
ก็จำใจขายใบสัมปทานทิ้งในราคาถูก
ภายในเวลาเพียง 3 ปี บริษัทต่างชาติได้เป็นเจ้าของ
สัมปทานแหล่งแร่นิเกิลถึง 2 ใน 3 ของประเทศ

7. สรุปบทเรียนราคาแพง

ออสเตรเลียได้สรุปบทเรียนราคาแพงในครั้งนี้
และทำการวัวหายแล้วล้อมคอก
ในทุกรัฐ กฏหมายใหม่ได้ตราบทลงโทษการปั่นหุ้น
ให้เป็นโทษจำคุก
รัฐบาลได้ออกกฏหมายเพิ่มอำนาจควบคุมการซื้อขายหุ้น
ราคาหุ้นเหมืองแร่เริ่มลอยตัวอยู่ในระดับสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม
บทเรียนเจ็บปวดที่สุดสำหรับนักเล่นหุ้นมือสมัครเล่น
ก็คือบทเรียนจากหุ้นโพไซดอน
การคาดหมายถึงราคาแร่นิเกิลว่าจะสูงลิ่วกลายเป็นฝันสลาย
ความพยายามของฝ่ายบริหารบริษัทที่หันไปลงทุนในแร่ชนิดอื่น
ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
วันที่ 19 ตุลาคม 1975
ตลาดหลักทรัพย์ทุกแห่งในออสเตรเลีย
ได้สั่งพักการซื้อขายหุ้นโพไซดอน
เพราะคณะกรรมการบริษัทได้ออกแถลงการณ์
อ้างสาเหตุเรื่องราคาดีบุกและนิเกิลตกต่ำในตลาดโลก
และเรียกหาผู้รับช่วงกิจการไปทำต่อ
ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา
บริษัทซึ่งเคยเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ของตลาดหุ้นออสเตรเลีย
ก็เริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน
ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เตือนสติ
ให้นึกถึงจุดจบของการลงทุนโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลที่ดีพอ

29 กันยายน 1976
วันครบรอบปีที่ 7 ของประกาศอันสะเทือนเลื่อนลั่นตลาดหุ้น
หุ้นของบริษัทโพไซดอน
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขายได้หุ้นละ 280 เหรียญ
หาซื้อได้อย่างง่ายดายเพียงหุ้นละ 77 เซนต์

ตอนจบของทุ่งคาจะลงเอยแบบไหนไม่มีใครรู้ได้
บทความนี้เพียงแต่เอามาให้อ่านเพื่อเตือนให้รู้ว่า
ที่ใดมีความโลภแบบขาดสติ
ที่นั้นอะไรก็จะทำได้ง่ายดายไปหมด
ความโลภของเซียนหุ้น กับความโลภของแมลงเม่าหุ้น
มีจุดจบแตกต่างกัน
ความโลภของเซียนหุ้น มากับยอดเคล็ดวิชาลับประจำตัว
จึงเดินจากไปพร้อมกับเงินทองที่เพิ่มพูนขึ้น
ส่วนความโลภของแมลงเม่าหุ้น มากับข่าวลือข่าวเด็ดของรายใหญ่
บางคนโชคดีจะได้กำไร
แต่จำนวนมากจะโชคร้ายขาดทุนหนัก

จุดจบของทุ่งคาจะมีได้สองแบบ
แบบที่หนึ่ง
คนเล่นหุ้นตัวนี้ทุกคนได้ทองไปจากบริษัท
เพราะมีทองจริงๆ
แบบที่สอง
มีเพียงคนบางคนซึ่งเป็นเซียนหุ้นตัวจริง
จะได้ทองจากกระเป๋าของคนอื่นๆจำนวนมากรวมกัน
เพราะบริษัทไม่มีทองอยู่จริง

ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็ร่วมแทงไฮโลว่ามีทอง
ก็ขอให้จบแบบที่หนึ่งด้วยเถอะ
แต่ถึงจะจบแบบที่สอง
ข้าพเจ้าก็อาจจะได้ทองจากกระเป๋าคนอื่นบ้างเล็กน้อย
ถ้าข้าพเจ้าได้มีโอกาสทำคลายเครียดเรโช ฮาๆๆๆ



จากคุณ : คลาย เครียด




โพไซดอน เมืองไทย

//www.midnightthailand.com/

//www.ilikemassage.com/




______________________________________________________




Create Date : 28 สิงหาคม 2549
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 9:27:04 น. 0 comments
Counter : 638 Pageviews.  
 

P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com