กุญแจสู่การให้อย่างมีประสิทธิภาพคือการเปิดใจกว้างที่จะรับ
Group Blog
 
All Blogs
 

ล้างพิษใน 1 วันที่คุณทำเองได้

"รศ.ดร.วิภาภรณ์ ภู่วัฒนกุล"

คงจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าการล้างสารพิษที่หมักหมมในตัวออกไป
จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เลือดลมเดินสะดวก
ถ้าทำเป็นประจำก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมทั้งลดความอ้วนได้ด้วย

หัวใจสำคัญในการล้างพิษใน 1 วัน คือ จะต้องกินให้ได้
แคลอรี่น้อยกว่า 800 กิโลแคลอรี่ เพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พัก
ต่อจากนั้นตับจะขับสารพิษออกมาได้
และอาหารที่คุณจะทานในวันนั้น
จะต้องไม่มีเนื้อสัตว์เข้ามาปะปนเด็ดขาด

ต่อไปเรามาเข้าสู่กระบวนการล้างสารพิษกันเลยดีกว่า
1. เลือกผลไม้ที่คุณชอบมา 1 อย่าง
เช่น มะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ
ยกเว้นอยู่ 2 อย่าง คือ ทุเรียนและสับปะรด
เพราะทุเรียนมีแคลอรีสูงเกินไปและย่อยยาก
ทานแล้วจะเป็นภาระกับระบบย่อย
ส่วนสับปะรดนั้นมีกรดสูงมาก ถ้ากินทั้งวันท้องก็จะอืดได้



2. ทาน แต่ผลไม้ชนิดเดียวตลอดทั้งวัน
โดยอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เช่น
ถ้าเลือกมะละกอก็อาจจะทานเป็นเนื้อมะละกอสุก
หรือส้มตำ (มะละกอดิบ) ที่ใส่แต่มะละกอกับน้ำปลามะนาวเท่านั้น
ไม่ใส่เครื่องประกอบอย่างอื่นเด็ดขาด

3. พอมาถึงมื้อกลางวันก็ทานมะละกออีก
แต่อาจจะเป็นน้ำมะละกอปั่นใส่น้ำตาลน้อยที่สุด
หรือน้ำมะละกอคั้นสดก็ได้

4. มื้อเย็นก็ยังต้องทานมะละกออีกครั้งเป็นมื้อสุดท้ายของวัน
โดยอาจจะบีบมะนาวลงไปด้วยนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ไม่เลี่ยนเกินไป

5. วันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า คุณจะต้องดื่มน้ำมะนาว
ผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวดก่อน เพราะเมื่อเราล้างสารพิษ
ตับจะขับสารพิษให้มารวมกันอยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น
จึงต้องดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาวเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว
เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ
หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที
แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำกระตุ้นและไปทานอาหารเช้า
สารพิษก็จะถูกดูดกลับเข้าไปในกระแสเลือดเหมือนเดิม
ทำให้การอดอาหารล้างพิษของเราต้องเสียเปล่าไป

วิธีเตรียมน้ำอุ่นผสมมะนาว
อุปกรณ์
1. ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร 2 ขวด
2. มะนาว 4 ลูก
3. เกลือป่น 2 ช้อนชา แต่ห้ามใช้เกลือไอโอดีน


วิธีทำ
1. ใส่น้ำดื่มให้เต็มขวดจากนั้นบีบมะนาวใส่ลงไปขวดละ 2 ลูก
และเกลือ 1 ช้อนชา เขย่าให้เข้ากัน

2. มะนาว จะไปกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน
ส่วนเกลือก็จะช่วยอุ้มน้ำไว้ ไม่ให้ถูกร่างกายดูดซึมไปหมด
น้ำจะได้เหลือไปจนถึงทวารหนักเพื่อขับอุจจาระ

3. หลังจากดื่มน้ำมะนาวประมาณ 10-20 นาที คุณจะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ นั่นคือ อาการปกติ หลังจากถ่ายท้องเรียบร้อยแล้วก็เริ่มทานอาหารได้

กระบวนการล้างพิษจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าหากทำเป็นประจำสัก 2 อาทิตย์ ต่อหนึ่งครั้ง
ทำวันเสาร์ และ ล้างพิษตอนเช้าวันอาทิตย์น่าจะเหมาะ




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2553 0:16:32 น.
Counter : 569 Pageviews.  

อุจจาระ เรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย

บทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ
เรื่องที่ 829...ระวังอันตรายจากการอุจจาระของท่าน

ปัญหาเรื่องการอุจจาระ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ที่ทุกท่านไม่ควรละเลย
ปกติหากคนเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
กินอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิ หรือ เชื้อรา
ระบบการดูดซึมเสีย ไม่ถ่ายอุจจาระ ในเวลา 05.00-07.00 น. เช้า
หรือ หากถ่ายอุจจาระหลังเวลา 7 โมงเช้า
ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน
เวลาถ่ายจะถ่ายไม่หมด อุจจาระที่ค้าง ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้
พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน
แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้
พวกที่ ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่นไปเรื่อย ๆ
อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆ ในกระเพาะ
และ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมาย
เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา
ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่ และ สะบัก
เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า
ไมเกรน และ อื่น ๆ อีกหลายเรื่อง

เพื่อให้ผู้อ่านหายข้องใจ นพ. กฤษดา ศิรามพุช
ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกท่านได้รับทราบ
นพ. กฤษดา อธิบายว่า เรื่องอุจจาระตกค้าง หรือ อึค้างเป็นเรื่องจริง
แต่ไม่ทุกคน เราอาจตรวจสัญญาณ อึค้างในลำไส้ใหญ่ได้เองง่าย ๆ
โดยการนอนหงาย แล้วเอามือคลำท้องด้านซ้ายล่าง
เลยสะดือไปทางซ้ายหน่อย แล้วเอานิ้วทั้ง 5 ลองกดดูจนลึก
เต็มที่ เลื่อนไปมา ถ้ามีอึค้างอยู่ จะคลำได้เป็นลำ คล้ายแท่งยาว ๆ อยู่
ตามรูปลักษณ์ของลำไส้ โดยลำไส้ใหญ่นี้จะยิ่งคลำได้ชัด ในคนที่ผอม
สำหรับคนเจ้าเนื้อ อาจต้องใช้เทคนิคนอนแล้วแขม่วพุงช่วย แล้วค่อยคลำ
จะชัดขึ้น ที่จริงเรื่องการอึ ที่ดูเหมือนเป็นกิจวัตรธรรมดา
ไม่มีอะไรนั้น มันต้องมีการฝึกเข้าส้วมกันให้ติดเป็นนิสัย

กลุ่มคนที่มักมีปัญหาเรื่องอึค้าง ได้แก่

1.เด็กเล็กที่ให้กินนมแล้วนอนเลย ไม่พาอุ้มพาดบ่าลูบหลัง
หรือไม่พาขยับตัวกลิ้งไปมาสักนิดหน่อย ให้ไส้ได้บีบตัวบ้าง
และในเด็กที่อึแข็งมาก อึนี่อาจแข็งถึงกับบาดรูก้นได้ เป็นแผล
แล้วครั้งต่อไป เด็กจะไม่อยากอึออกมา เพราะกลัวเจ็บ
แผลแยก เลยยิ่งกลั้น พอยิ่งกลั้น อึก็ยิ่งแข็งค้างไปเรื่อย
ระวังอันตรายจากการอุจจาระของท่าน

2.คนที่ผ่าตัดบ่อย จะมีพังผืด ไปรัดลำไส้ข้างในนุงนัง
ทำให้บีบตัวไม่ดี อาจมีอึค้างอยู่ ตามซอกโน้นซอกนี้ในลำไส้
จนบางท่าน กลายเป็นลำไส้อุดตันไปได้ก็มี

3.ผู้สูงอายุ และ คนไข้นอนโรงพยาบาล ที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวลุกเดิน

4.คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แถมกลั้นอึบ่อย
โดยเฉพาะท่านที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งแปะอยู่กับที่นานๆ
หรือ งานเข้าบ่อย ต้องขอผลัดเข้าห้องน้ำ ไปเรื่อย ๆ
ก็ไม่ดีครับ

5.ท่านที่มีลำไส้ยาว คือยิ่งยาว ก็ยิ่งเป็นไซโล เก็บอึไว้ได้นานขึ้น
บางท่านจะสังเกตว่า ผักก็กินเยอะ แต่อึแค่สัปดาห์ละหนเท่านั้น

เทคนิค “อึให้ดี ไม่มีตกค้าง” มีดังนี้

1.อย่าอั้นอึตอนเช้า เพราะถ้าเลยเช้าไปแล้ว กว่าร่างกายจะส่ง
สัญญาณให้ปวดอีก อาจจะนานจนผิดเวลา

2.อึให้ตรงกับเวลาเดิม เหมือนเป็นการช่วย “โปรแกรม
ลำไส้” ให้คอยบีบไล่อึ ออกมาสม่ำเสมอ ก็จะไม่มีอึตกค้าง

3.รอจังหวะขณะอึ ถ้าขณะนั่งห้องน้ำ ถ่ายหนักอยู่ ถ้าไม่ปวดอย่าเบ่ง
ครับ ให้ลองสังเกตว่ามันจะ “ปวดเป็นช่วง ๆ” แล้วก็คลายไป
แล้วประเดี๋ยวก็ปวดบีบขึ้นมาอีก นั่นเป็นเพราะ ลำไส้ท่านบีบตัว
เป็นลูกคลื่นเหมือนงูเลื้อย ถ้ามันเลื้อยมาถึงตรงอึพอดี
มันจึงปวดขึ้นมา ถ้าเบ่งตอนไม่ปวด จะเหมือนเป็นการ “แกล้งลำไส้”
ให้เกิดแรงดันขึ้นมา โดยใช่เหตุ เกิดลำไส้ตอนปลายโป่งพองขึ้นมา
กลายเป็น “ริดสีดวงทวาร” ไป

4.นวดลำไส้ ถ้าในเด็ก ให้นวดรอบสะดือ ในผู้ใหญ่ให้นวดตรงท้อง
ด้านล่างซ้าย เลยสะดือไป นวดเบา ๆ นวดไปมา แล้วทิ้งไว้สักพัก
จะรู้สึกปวดถ่ายขึ้นมาได้

5.เอามือกดท้องด้านซ้ายล่างขณะถ่าย หรือ จะลุกขึ้นนั่งยอง
เอาหน้าขา เป็นตัวกดไล่อึออกมา เพราะที่จริงแล้วการอึที่ดี
ตามธรรมชาติของคนคือ “นั่งยอง” เพราะจะได้ มีแรงกดจากหน้าขาด้วย
การที่ฝรั่งเอาส้วมแบบนั่งโถ มาให้เราใช้ เป็นการผิดธรรมชาติมนุษย์
ที่จะไม่มีแรงเบ่งอึมากในท่านั่งห้อยขา
ทำให้คนเอเชีย กลายเป็นทั้งริดสีดวง และ ท้องผูกมากเหมือนฝรั่งด้วย

6.ลุกขึ้นเดินไปมา จะทำให้ไส้บีบตัวดี สักพักไส้จะบีบรีดเอา “อึท้าย
ขบวน” ที่เหลือออกมา แล้วเราจะรู้สึกปวดเบ่งอีกที

7.หมุนเอวเป็นเลขแปดนอน หรือ รูปอินฟินิตี้ ในส่วนนี้ ดร.

วัลลภ ปิยะมโนธรรม ท่านเล่าว่าพี่น้องท่าน 11 คน เป็นมะเร็งลำไส้หมด
โดยทุกท่านนั้นปรากฏว่ามีปัญหาในการขับถ่ายทุกคน
มีท่านคนเดียว ที่ไม่เป็นมะเร็งลำไส้ เพราะท่านไม่
เคยมีปัญหาในการขับถ่าย ท่านขับถ่ายได้เป็นปกติทุกวัน
โดยท่านให้คำแนะนำว่า เราต้องกระตุ้นให้ลำไส้ของเราเคลื่อนไหว
ทำงานในการขับเคลื่อนของเสียออกทางทวารหนักของเรา
ท่านใช้วิธีการ ดังนี้
เมื่อตื่นนอนแล้ว หากต้องยืนทำอะไรก็ตาม เช่น การยืนล้างหน้า หรือ ยืน
แปรงฟัน หรือ ยืนดูทีวี ท่านจะไม่ยืนนิ่งๆ แต่ท่านจะยืนบริหารลำไส้
ด้วยการหมุนเอวของท่านในรูปอินฟินิตี้ หรือ รูปเลขแปดฝรั่งในแนวนอน
การยืนบริหารลำไส้เช่นว่าท่านทำมาในสมัยเป็นหนุ่ม
จนปัจจุบันอายุ 66 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาในการขับถ่าย
และไปตรวจหามะเร็งลำไส้ ก็ไม่ปรากฏ
ทั้งๆ พี่น้อง 11 คน เป็นมะเร็งลำไส้หมดทุกคน
ก็ขอนำมาเล่าเสริมในส่วนนี้ด้วยครับ
ทดลองทำดูแล้ว ก็ได้ผล ทำให้ขับถ่ายได้วันละ 2 เวลา
ปกติ ไม่ว่าใครก็ตามถ้าความถี่ในการอึน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่า “ท้องผูก” แล้ว


นอกจากการออกกำลังกายแล้ว อาจใช้อาหารล้างลำไส้ช่วยได้ เช่น

1. น้ำมะขามเปียก

2. ลูกพรุนแห้ง รับประทานทั้งผล เพราะจะได้กากด้วย ไม่ต้องแยกกินแต่น้ำ ยกเว้น ถ้าเป็นเด็ก

3. แอปเปิ้ลเขียว กินทั้งผล หรือ ปั่นทั้งกากก็ได้

4.ถั่วดำ จัดเป็นอาหารล้างพิษได้ด้วย

5.สับปะรด และ มะละกอ ซึ่งมีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ถูกย่อยไม่หมด
และจะมีสภาพติดเป็นอุจจาระยางเหนียวสีดำคล้ายกับ “จาระบี” ออก

6.ให้เลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ในตอนเช้า โดยให้ดื่มน้ำสะอาด
หรือ น้ำอุ่นตอนเช้าสัก 4 แก้ว
หลังตื่นมาท้องว่าง จะช่วยให้ลำไส้บีบรัดตัวได้ดี
ชวนให้ปวดอึขึ้นมามากขึ้นครับ

เพื่อสุขภาพที่ดี ทราบแล้วต้องปฏิบัติ อย่าได้ละเลย
และชวนบุคคลที่ท่านรักและปรารถนาดีให้ร่วมกันปฏิบัติตามด้วยครับ


ด้วยความปรารถนาดี จาก อ.มงคล กริชติทายาวุธ





 

Create Date : 21 ตุลาคม 2553    
Last Update : 21 ตุลาคม 2553 12:15:35 น.
Counter : 332 Pageviews.  


pp-pooh
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pp-pooh's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.